วิศวกรผู้สานฝันให้เป็นจริง

เชื่อว่าคงมีหลายคนที่มีความฝันอยู่ในใจ แล้วพยายามที่จะสานฝันให้เป็นความจริง บางคนพยายามอย่างไรก็ไม่ถึงฝั่งฝันเสียที ต้องละทิ้งความฝันนั้นไปอย่างน่าเสียดาย
ในขณะที่บางคนก็สานฝันให้เป็นจริงได้ แม้ความฝันนั้นจะมีที่มาจากความสูญเสีย เจ็บปวดเพียงใดก็ตาม ขอเพียงมีความมุ่งมั่นอย่างแข็งขัน ฝันนั้นก็เป็นจริงขึ้นมาได้ ไม่ว่าคุณจะมีอาชีพสาขาใดก็ตาม


ผมใคร่ขอแนะนำบุคคลท่านหนึ่งที่สานฝันมาจากความสูญเสียในชีวิตจริง และสามารถสานฝันนั้นให้เป็นจริงได้ เขาคือ

ชัยกร หาญไฟฟ้า (จอห์น)

ด้านหนึ่ง เขาคือวิศวกรผู้มีดีกรีการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปริญญาโท สาขา Construction Management จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย และยังผ่านงานสำคัญๆ มาแล้ว ทั้งทางด่วนขั้นที่สอง โครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน และโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ

แต่อีกด้านหนึ่ง เขาเป็นนักล่าฝันวรรณกรรม ผู้ค่อยๆ เก็บเกี่ยวความสำเร็จจากการส่งงานประกวดมาแล้วแทบทุกเวที โดยคว้ารางวัลสาขาชมเชย รางวัลบุญธรรม-บุญพริ้ง ต.สุวรรณ ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชจากวรรณกรรมเยาวชน "วิ่งสู่ฝัน", เรื่องสั้น “บุตรฆาต” “ครอบครัวติดมัน ภาค 2” ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือรวมเรื่องสั้นรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดปี 2549 “ลาม” ตีพิมพ์ในหนังสือรวมเรื่องสั้นนายอินทร์อะวอร์ด ปี 2550 และล่าสุด กับรางวัลแว่นแก้วปี 2550 ที่เป็นเจ้าของรางวัลถึง 2 สาขา คือ "ไต้ฝุ่น" รางวัลชมเชย ประเภทสารคดี และ ทศกัณฐ์ออนไลน์ รางวัลชนะเลิศ ประเภทนวนิยายสำหรับเยาวชน

ที่มาที่ไปที่ทำให้ค้นพบว่างานเขียนคือความถนัดอีกด้านหนึ่งนั้น คือเมื่อครั้งที่ชัยกรสูญเสียลูกคนแรกไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากเพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่นาที
"น้องปอห์นคลอดออกมาได้ไม่นาน เขาก็จากไป มันเป็นความเสียใจครั้งยิ่งใหญ่มาก ผมอยากพูด อยากคุยกับลูก จึงระบายออกมาเป็นบันทึกจากพ่อถึงลูก เขียนออกมาเยอะมาก จนตอนหลังมีคนเอาไปเสนอที่นิตยสารแม่และเด็ก ซึ่งก็ได้รับการตีพิมพ์ โดยผมได้เพิ่มเติมข้อมูลสิ่งผิดปกติที่ทำให้ลูกเสียชีวิตลงไปด้วย เพื่อเป็นความรู้ให้พ่อแม่คนอื่นๆ จากนั้นผมก็ไม่ได้เขียนอะไรออกมาอีก จนกระทั่งมีน้องปู๊นปู๊น ลูกคนที่ 2 เป็นความสว่างสดใสในชีวิต เยียวยาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ผมจึงถ่ายทอดความรู้สึกนี้ในงานเขียนแล้วเอาไปโพสต์ตามเวบต่างๆ"

เจ้าของนามปากกา "คนรักลูก" บนโลกไซเบอร์ เริ่มท่องโลกน้ำหมึกไปกับงานเขียนหลากหลายแนว ทั้งงานบทความวิจารณ์คอนเสิร์ตที่ได้ตีพิมพ์ในจุดประกาย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ งานเรื่องสั้นผ่านเวบไซต์ ตลอดจนงานแนวสารคดี เหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่เขาเขียนผลงานเรื่องแรกอย่าง "วิ่งสู่ฝัน" เรื่องราวของเด็กนักวิ่งผู้มีฐานะยากจน แต่ไม่ละทิ้งการเรียนหนังสือ...เห็นเป็นแนวดราม่าฟันฝ่าอุปสรรคอย่างนี้ก็ตาม แต่จอห์นได้สอดแทรกเรื่องบริหารการจัดการที่เคยเรียนมาลงไปด้วย ผลงานรวมเล่มเรื่องแรกนี้จึงมีความโดดเด่นพ่วงท้ายด้วยรางวัลการันตี หลังจากนั้น เขาก็เฝ้าเพียรส่งผลงานไปประกวดตามเวทีต่างๆ รวมทั้งพานแว่นฟ้า เซเว่นบุ๊คอวอร์ด กระทั่งเวทีซีไรต์ และใช้วิธีพิมพ์หนังสือส่งเข้าประกวดเอง โดยไม่พึ่งสำนักพิมพ์ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ความพยายามก็ไม่ได้สูญเปล่า ผลงานหลายเรื่องของเขาค่อยๆ ขยับขยายตีพิมพ์ตามสำนักพิมพ์ต่างๆ อาทิ "คนเล่นไฟ” "อนธการ”

นอกจากรูปแบบการเขียนที่เขาพยายามสร้างแนวทางการเล่าเรื่องเป็นของตัวเองแล้ว แก่นความคิดคือสิ่งที่จอห์นให้ความสำคัญพอๆ กัน จากความที่สนใจเรื่องราวสังคม ชอบงานเขียนแนวเสกสรรค์ ประเสริฐกุล "กระดูกสันหลัง" ของงานเขียนคือสิ่งที่เขาเน้นย้ำ เรียกว่าอ่านผลงานของเขาแล้วต้องได้อะไรกลับไป อย่างวรรณกรรมเยาวชน "ทศกัณฐ์ออนไลน์" จอห์นบอกว่า อยากให้เด็กในยุคอินเทอร์เน็ตไม่ลืมวรรณคดีแบบไทยๆ จึงได้หยิบยกโลกของเกมออนไลน์และตำนานทศกัณฐ์มาผสานไว้ในเรื่องราวเดียวกัน

"ความสำเร็จของงานเขียนไม่ได้อยู่ที่รางวัล แต่ผมอยากให้ผู้อ่านได้สิ่งดีๆ กลับไป อยากให้งานเขียนของผมสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่หยิบมาอ่านได้ การประกวดสำหรับผมคือการฝึกฝนตัวเอง ใช้โอกาสในการลับฝีมือ บางครั้งแม้เราไม่ได้รับรางวัล แต่งานก็ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ ซึ่งสิ่งที่เราพยายามสะท้อน หลายคนก็สามารถหยิบมันมาอ่าน รับรู้ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเงิน" นักล่าฝันบอกความตั้งใจ
วิศวกรนักเขียนบอกถึงการแบ่งเวลามาเขียนงานด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเขามีทั้งครอบครัวและงานประจำที่ต้องดูแล ซึ่งเขาตั้งหลักชัยไว้ว่า ต้องให้งานเขียนเป็นงานรอง จนกว่าสถานะทางครอบครัวจะมั่นคง จะตามใจตัวเองไปเขียนหนังสืออย่างเดียวคงไม่ได้ และที่สำคัญคือการก่อร่างสร้างฐานเพื่ออนาคตลูกทั้งสอง น้อง "ปู๊น ปู๊น" และ "น้องปิ๊น ปิ๊น"

กระนั้น จอห์นบอกไว้ว่า เขาอยากให้ลูกๆ ภูมิใจและรู้ถึงคุณค่าของงานเขียน จึงพาลูกไปทุกแห่งในโลกหนังสือเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย เช่น ไปติดต่อกับสำนักพิมพ์ ไปงานมหกรรมหนังสือ หรือเข้าร้านไปเลือกหาหนังสืออ่าน

นี่คือการพบกันครึ่งทางระหว่างความฝันและความจริง เช่นเดียวกับทัศนะที่เขาบอกถึงวงการวรรณกรรมไว้ว่า จะเป็นปรากฏการณ์เชื่อมประสานที่น่าสนใจสักเพียงไหน ถ้าคนรุ่นใหม่หันมาสนใจงานเขียนอมตะ เช่น ศรีบูรพา ขณะที่คนอ่านหนังสืออีกกลุ่มหนึ่งก็ได้เรียนรู้ว่า นิยายเรื่องรักเกลื่อนตลาดก็มีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่เช่นกัน


ภาพและข้อมูลจากคอลัมน์ ไลฟ์สไตล์
นสพ.คม ชัด ลึก
ฉบับประจำวันที่ 17 กรกฏาคม 2550

Create Date : 17 กรกฎาคม 2550 Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 10:01:31 น. Counter : 1346 Pageviews.		4 comments
Share Tweet