All Blog
ห้องตำนานบุคคล เสนอความสุขที่ซ่อนอยู่ในความสำเร็จ


ปรีดา เตียสุวรรณ์



ต้องยอมรับว่าภาพของ "ปรีดา เตียสุวรรณ์" ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) ไม่เพียงเป็นผู้นำธุรกิจในระดับแถวหน้าของประเทศไทย

หากในส่วนของผู้บริหารหัวก้าวหน้า ที่สนใจเรื่องของสังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่ติดตัวเขาตลอดมา

ทั้งนั้น เพราะ "ปรีดา" เคยเป็นประธานกลุ่มเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Social Venture Network - SVN)
เคยช่วยกลุ่มเอ็นจีโอรณรงค์ในโครงการต่างๆ ที่เห็นว่าไม่น่าจะเกิดประโยชน์สำหรับประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นวิทยากรรับเชิญไปพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เห็นว่าภาครัฐกำลังเดินไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง

ซึ่งดูเหมือนภาพอย่างหลัง จะทำให้ "ปรีดา" เสมือนเป็นศัตรูสำหรับใครบางคน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาแทบไม่แยแสนักการเมืองเลย

ยกเว้นการเมืองภาคประชาชนที่เขาเชื่อว่าดี!

"ปรีดา" บอกว่า แรกเมื่อสร้างบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ฯ เขาพยายามที่จะสร้างโปรดัคต์ให้เกิดขึ้นก่อน เพราะการสร้างโปรดัคต์ให้เป็นที่ยอมรับของตลาดไม่ใช่ง่ายๆ

แต่เมื่อสร้างได้แล้ว เขาถึงมองย่อยลงไปในส่วนของกระบวนการ ยิ่งเฉพาะกระบวนการในการสร้างองค์ความรู้ให้แก่พนักงาน เห็นจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่เขาเลือกทำ

"ผมรู้ว่าธุรกิจของผมเกี่ยวข้องกับอัญมณี และธุรกิจนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยคนเป็นหลัก ดังนั้น ผมก็ควรที่จะทำให้คนของผมมีองค์ความรู้หลายอย่าง ที่สำคัญ เขาจะต้องมีความสุขด้วย

"เพราะผมเชื่อว่า เมื่อเขามาอยู่กับเรา ก็เหมือนเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน แต่ในอีกฐานะหนึ่งเราเองก็คือผู้ถือหุ้น ส่วนเขาคือพนักงาน ดังนั้น การที่จะทำให้เขา หรือพนักงานมีความสุขอย่างยั่งยืน เราจึงจำเป็นต้องปรับองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนด้วย"

ทั้งนั้น เพราะโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทประกอบด้วยเหตุผลหลักๆ ในการดำเนินธุรกิจ 4 ข้อ คือ

หนึ่ง ด้านออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยใช้ศูนย์ออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับสากล เพื่อการพัฒนารูปแบบสินค้าให้กับตราสินค้าชั้นนำ ทั้งของตนเอง และลูกค้า

สอง ด้านการผลิต โดยใช้แรงงานจำนวน 5 แห่ง ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย เวียดนาม จีน และอินโดนีเซีย เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา

สาม ด้านฐานการจัดจำหน่าย โดยใช้บริษัทจัดจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อใช้ในการขยายตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคที่สำคัญของโลก ทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย ที่มุ่งเน้นตราสินค้าชั้นนำของลูกค้าเป็นหลัก

และสี่ ด้านการพัฒนาตราสินค้าของตนเอง โดยใช้บริษัทจัดจำหน่ายในประเทศ และระบบสิทธิในการจัดจำหน่ายตราสินค้า เพื่อใช้ในการขยายตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ที่มุ่งเน้นตราสินค้าชั้นนำของตนเอง อาทิ พรีมา โกลด์,พรีมา ไดมอนด์, พรีมา อาร์ท, เซ็นจูรี่ โกลด์ และเอสเซ่

เหตุนี้เอง จึงทำให้รูปธุรกิจของบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) จึงดำเนินไปอย่างสอดคล้อง และสอดรับกับวิสัยทัศน์ของ "ปรีดา" อย่างลงตัว

จนทำให้ผลประกอบการในปี 2548 มีรายได้รวมถึง 3,491 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรสุทธิประมาณ 1,224 ล้านบาท

"ปรีดา" บอกว่า เหตุที่ผลประกอบการดีดตัวสูงขึ้นทุกปี หาได้เกี่ยวกับการพัฒนาโปรดัคต์อย่างเดียวไม่ หากเกิดขึ้นจากการสร้างให้พนักงานทุกคนเกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

"คือเราต้องยอมรับก่อนว่า การพัฒนาบุคลากร หรือการสร้างคน ต้องเริ่มจากตัวพนักงานเสียก่อน ไม่ใช่เราไปยัดเยียดให้เขา เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย แต่ถ้าเริ่มจากตัวเขาที่อยากจะเรียนรู้ เราก็จะส่งเสริมเขาเต็มที่

"ผมถึงเชื่อว่า การทำให้พนักงานทุกคนเกิดกระบวนการเรียนรู้ มันต้องมีความอยากเสียก่อน ขณะที่ตัวผมเองผมก็ให้ความสำคัญต่อคำว่าองค์กรแห่งการเรียนรู้ และคำว่าองค์กรแห่งการเรียนรู้ เราต้องเริ่มจากตัวผู้บริหารเสียก่อน ต้องมีความคิดว่าจะทำอย่างไร ถึงจะให้คนในองค์กรเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วย

"เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่า ปัจจุบันการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่ในประเทศ ทุกอย่างมันเรียลไทม์หมดแล้ว ดังนั้น คนที่เป็นระดับแมเนเจอร์จึงต้องตัดสินใจเร็ว ไม่ใช่มานั่งประชุมกันหน้าดำ หน้าแดง

"ผมถึงมองว่า ถ้าองค์กรไหนมัวแต่นั่งประชุม ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ต้องรอผู้บริหารสูงสุด ผมว่าองค์กรนั้นๆ คงอยู่ไม่ได้ คุณจะแพ้ในเกมนี้ เพราะฉะนั้นทางออกของเรื่องนี้คือคุณต้องสร้างให้องค์กรของคุณเป็นองค์กรแห่งการตัดสินใจ

"ทว่า ก่อนที่คุณจะตัดสินใจอะไรได้ คุณต้องสร้างระบบฐานข้อมูล และทำให้คนในองค์กรเข้าไปสู่ภาวะของการเป็นผู้นำ ที่จะต้องมีความต้องการ หรือกระหายที่จะค้นหาข้อมูล เพราะถ้าทำอย่างนี้ได้ คนที่เป็นผู้บริหารก็จะมีความเชื่อมั่นว่า การตัดสินใจนั้นถูกต้อง"

แต่กระนั้น "ปรีดา" ก็ยอมรับว่ากว่าองค์กรจะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะในระยะเบื้องต้น เขาค่อนข้างให้ความสำคัญต่อเรื่องโปรดัคต์

"ผมยอมรับว่า เมื่อแรกยุคก่อตั้งบริษัทในปี 2516 เรามองถึงการสร้างโปรดัคต์เป็นเรื่องหลัก เพราะอย่างที่ทราบเราเป็นผู้ผลิตอัญมณี เราต้องทำให้ตลาดยอมรับ ดังนั้น เมื่อเราเป็นผู้ผลิต เราจึงต้องทำอย่างไรก็ได้ เพื่อที่จะให้โปรดัคต์ของเราติดตลาด

"ซึ่งผ่านมา ถือว่าเรามาถูกทาง แต่ในทางกลับกัน คนของเราก็ต้องมีการพัฒนาตามไปด้วย และคนของเราส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอัญมณีอยู่แล้ว คือทุกอย่างมันเป็นระบบอยู่แล้ว

"แต่เมื่อธุรกิจขยายขึ้น มีการขยายบริษัท เพื่อไปหากลุ่มลูกค้าต่างๆ บวกกับค่าแรงที่มีการปรับตัว เราจึงต้องสยายปีกไปตั้งโรงงานในประเทศต่างๆ ก็อย่างที่ทราบคือเวียดนาม จีน และอินโดนีเซีย หรือต่อไปอาจจะไปตั้งที่ประเทศอินเดีย

"เพราะเราคิดว่าการผลิตเครื่องประดับอัญมณีที่ดีที่สุด ราคาน่าจะอยู่ประมาณ 7-200 เหรียญ ดังนั้น ประเทศที่เราไปตั้งโรงงาน จึงมีแรงงานอยู่เหลือเฟือ อย่างเวียดนาม ก็มีประชากรตั้ง 85 ล้านคน อินโดนีเซีย ก็ 200 กว่าล้านคน หรือจีนก็มีตั้ง 1,000 กว่าล้านคน ยิ่งอินเดียไม่ต้องพูดถึง มหาศาลมาก"

ผลเช่นนี้เอง จึงทำให้ "ปรีดา" จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างคน และพัฒนาคนเพื่อรองรับต่อการสยายปีกธุรกิจต่อไปในอนาคต

เพราะการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการแข่งขันเพื่อตัวเอง หากการแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันเพื่อธุรกิจระหว่างประเทศ

ที่ไม่เพียงต้องทำให้คู่แข่งในตลาดโลกประจักษ์ หากยังต้องทำให้คู่แข่งในตลาดโลกรู้ซึ้งถึงคำว่าองค์กรแห่งประเทศไทยด้วย

"ผมมองว่า ในกระบวนการเรียนรู้ สามารถสร้างพนักงานให้เติบโตต่อไปได้ เพราะยังไงๆ เขาก็ต้องไต่เต้าขึ้นไปตามตำแหน่งงาน นั่นหมายความว่าถ้าคนคนนั้นมีความสามารถ แต่ในทางกลับกัน เขาก็ต้องพร้อมที่จะไต่ลงมาด้วย ถ้าหากมีคนที่มีความสามารถมากกว่า

"ตรงนี้เป็นเหมือนกลไกอัตโนมัติที่พนักงานทุกคนทราบดี แต่ท้ายที่สุด เขาทั้งคู่จะต้องได้รับฉันทานุมัติจากคณะผู้บริหารสูงสุดด้วย ไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะเราต้องการความโปร่งใส ต้องการความยุติธรรม ที่สำคัญ คนที่จะเติบโตขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องอยู่สายงานเดิม สามารถข้ามสายงานได้

"ขอแค่คนคนนั้นมีศักยภาพพอ มีความสามารถ และเรามองดูว่าธุรกิจตัวนี้เขาน่าจะไปทำ หรือไปบุกเบิก ดังนั้น ผมจึงค่อนข้างเชื่อว่าการประชุม หรือการวางกลยุทธ์ จะต้องใช้สำหรับการประชุมที่ต้องเกี่ยวข้องในระดับนโยบาย หรือเรื่องของกลยุทธ์

"และจะต้องเกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร ที่จะชี้ไปข้างหน้าได้ว่าองค์กรจะเดินแบบไหน เดินไปอย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าการประชุมสามารถชี้ชัดได้อย่างนี้ สามารถตกผลึกทางความคิดได้ และสามารถทำให้ทุกคนในองค์กรเกิดความเชื่อมั่น การประชุมก็ไม่จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญมาก"

เพราะทุกอย่างถูกเซ็ตเป็นระบบหมดแล้ว!

ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่องค์กรของแพรนด้า จิวเวลรี่ฯ จึงเสมือนเป็นองค์กรหนึ่งที่บริหารงานแบบแบนราบ โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นในการติดต่อสื่อสาร

ทั้งในเรื่องของ "คน" กับ "คน"

"งาน" กับ "งาน"

รวมทั้งผู้บริหารระดับสูง ที่ไม่เพียงพร้อมจะฟังลูกน้อง หากยังคอยเปิดโอกาสให้ลูกน้องแต่ละคนได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ด้วย

เพราะ "ปรีดา" เชื่อว่าความสำเร็จของ "คน" ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง หน้าที่การงานเพียงอย่างเดียว หากความสำเร็จของคนจะต้องมีความสุขซ่อนอยู่ด้วย

เพราะความสุขเป็นแรงขับอย่างหนึ่ง ที่ทำให้งานประสบความสำเร็จ
ซึ่งเหมือนกับ "ปรีดา" ในทุกวันนี้?


ข้อเขียนโดย สาโรจน์ มณีรัตน์
คอลัมน์ ถนนสายนี้ไม่มีทางลัด
นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 14 มค.2550



Create Date : 14 มกราคม 2550
Last Update : 14 มกราคม 2550 10:51:07 น.
Counter : 1044 Pageviews.

2 comments
  




เข้ามากทายค่ะ มีความสุขมาก ๆ น่ะค่ะ


โดย: icebridy วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:13:12:18 น.
  
ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมนามเลย บล็อกเต็มหมดแล้วนะคะเนี่ย

คุณหนุ่มร้อยปี สบายดีนะคะ
โดย: easyfreedom1978 วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:20:18:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนุ่มร้อยปี
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



บล็อกนี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ชายไทยวัยสูงอายุ มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกและนำเสนอเรื่องราวต่างๆแบบครอบจักรวาล อาทิ ภาพยนตร์ ดนตรี รายการทีวี หนังสือน่าอ่าน อาหารน่ากิน ท่องเที่ยว สะสมสิ่งของ ตำนานชีวิตบุคคลน่าสนใจ รู้ไว้ใช่ว่า จิปาถะ
ฯลฯ เป็นต้น คำขวัญประจำบล็อก ประสบการณ์ชีวิตที่ดีในอดีต คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน คำขวัญประจำตัวเจ้าของบล็อก "อายุเป็นเพียงตัวเลข" บรรณาธิการบริหารบล็อกคือ หนุ่มร้อยปี บล็อกนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย ท่านใดเห็นว่าข้อเขียนหรือภาพประกอบในบล็อกนี้มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ แต่โปรดอ้างอิงชื่อบล็อกนี้ด้วย จักขอบคุณยิ่ง