Group Blog
All Blog
|
ทนายอ้วนชวนเที่ยว ... เวลาเดินช้าที่ .. น่าน - วัดพระธาตุเบ็งสกัด อ.ปัว จ.น่าน สถานที่ท่องเที่ยว : วัดพระธาตุเบ็งสกัด อ.ปัว จ.น่าน, น่าน Thailand พิกัด GPS : 19° 10' 42.15" N 100° 55' 2.79" E สถานที่ท่องเที่ยวแห่งถัดไปที่จะพาไปเที่ยวใน อ.ปัว จ.น่าน เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองปัวมานานกว่า 700 ปีแล้วครับ จะเป็นที่ไหน สำคัญอย่างไร โปรดติดตามได้ครับ วัดพระธาตุเบ็งสกัด อ.ปัว จ.น่าน วัดพระธาตุเบ็งสกัด ตั้งอยู่บ้านแก้ม หมู่ที่ 5 ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน การเดินทางมาที่วัดพระธาตุเบ็งสกัด เมื่อเดินทางมาถึง อ.ปัว ผ่านธนาคารกสิกรไทย กลับรถตรงเกาะกลางเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง 1256 ทางเข้าตรงข้าม โรงเรียนวรนครเข้าไป ประมาณ 200 เมตร และแยกซ้ายอีก 200 เมตร อำเภอปัว จังหวัดน่าน เป็นอำเภอเล็ก ๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา เป็นดินแดนที่ประวัติศาสตร์ของเมืองน่านได้ถือกำเนิดขึ้น เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1825 (ปลายพุทธศตวรรษที่ 18 - พ.ศ. 1192 ) มีคนไตกลุ่มหนึ่ง (ในวิกิพีเดียใช้คำว่า “ไทย” แต่เจ้าของบล็อกคิดว่าไม่น่าใช้คำว่า “ไทย” เพราะจะสื่อความหมายผิดให้เข้าใจว่าเป็นคนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แต่คำว่า “ไต” ที่เจ้าของบล็อกใช้หมายถึงกลุ่มคนที่ใช้ภาษาในตระกูล “ไต” แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มไหน) ภายใต้การนำของพระยาภูคา ได้ครอบครองพื้นที่ราบตอนบนของจังหวัดน่าน ตั้งศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองย่าง (เชื่อกันว่าอยู่บริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่างใกล้เทือกเขาดอยภูคา ในเขตบ้านเสี้ยว ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เนื่องจากพบร่องรอยชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำคันดิน กำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ ต่อมาพระยาภูคาได้ขยายอาณาเขตของตนออกไป โดยส่งบุตรบุญธรรมสองคนไปสร้างเมืองใหม่ ทางตะวันออกบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ให้ขุนนุ่นผู้พี่ไปสร้างเมืองจันทบุรี (หลวงพระบาง) ให้ขุนฟองผู้น้องไปสร้างเมืองวรนคร หรือเมืองปัว หรือ “วรนคร” แล้วตั้งขุนฟองให้เป็นเจ้าเมืองปัว ก่อนที่พญาภูคาจะย้ายเมืองลงมาสร้างเมืองบริเวณที่ตั้งของพระธาตุแช่แห้ง ใช้ชื่อว่า “เวียงภูเพียงแช่แห้ง” จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นเมือง “นันทบุรีศรีน่าน” ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระธาตุบ็งสกัดซึ่งปรากฏในสมุดข่อย กล่าวว่า … “เมื่อครั้งที่พญาภูคาต้องการจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ให้แก่บุตรบุญธรรม จึงได้ให้ผู้คนไปหาชัยภูมิสร้างเมืองใหม่ จนกระทั่งได้ที่บริเวณแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พอพระทัย แล้วสร้างเมืองขึ้นใหม่ ตั้งให้ขุนฟองเป็นผู้ครองเมือง ขนานนามว่า “เมืองวรนคร” พญาภูคาทรงมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ประสงค์จะสร้างเจดีย์ไว้ใกล้กับเมืองใหม่ จึงได้ให้ผู้คนไปหาบริเวณที่เหมาะสมเพื่อสร้างเจดีย์ จึงพบบริเวณที่ดินเป็นลานกว้างมีบ่อน้ำอยู่ตรงกลางพญาภูคาได้เสด็จไปดูและนำไม้รวกแหย่ลงไปในบ่อนั้น ปรากฏว่าไม้ที่แหย่ลงไปขาดเป็นท่อน ๆ เมื่อเห็นอัศจรรย์จึงรับสั่งให้สร้างพระเจดีย์ครอบบ่อน้ำ พร้อมกับสร้างวิหารหลังหนึ่งอยู่ในแนวเดียวกับองค์เจดีย์ เมื่อสร้างเจดีย์แล้วเสร็จในปี พ.ศ.1826 จึงได้เชิญนายญาณะ อุปสมบทเป็นเจ้าอาวาส ทำพิธีฉลองพร้อมเมืองใหม่ ในตอนกลางคืนของงานฉลองนั้นได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น ปรากฏแสงไฟเรืองรองพุ่งออกมาจากยอดพระธาตุ เมื่อเห็นดังนั้น พญาภูคาจึงได้ตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วัดพระธาตุเบ็งสกัด” หลังจากนั้นมาสมัยขุนฟองครองเมืองวรนคร ท่านก็ได้บำนุบำรุงวัดพระธาตุเบ็งสกัดจนสิ้นรัชสมัย” เราเดินไปชมพระวิหารกันก่อนนะครับ จากการหาข้อมูลหลายที่กล่าวว่าพระวิหารเดิมเป็นสถาปัตยกรรมไทยลื้อ พระวิหารหลังแรกสร้างเสร็จพร้อมองค์พระธาตุ ในพ.ศ. 1826 หรือเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบหลายครั้งจนเป็นรูปแบบที่เห็นในปัจจุบัน พระวิหารซึ่งสร้างอยู่ต่อกับองค์พระธาต สร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีขนาดความยาว 5 ห้อง มีลักษณะเป็นทรงสูงแต่หลังคาจะกดต่ำแบบช่างล้านนาเดิม เป็นอาคารปิดทึบทรงโรง มีหลังคาทรงจั่ว โครงหลังคาสร้างลดชั้น ด้านหน้าลดหนึ่งชั้น ด้านหลังลดหนึ่งชั้น แต่ละชั้นมีผืนหลังคาสองตับ มุงด้วยแป้นเกล็ด (กระเบื้องไม้) ฐานอาคารตกแต่งด้วยลวดบัวแบบบัวคว่ำบัวหงาย ฐานและผนังก่ออิฐฉาบปูน ผนังเจาะช่องหน้าต่างเล็กแคบ หน้าวิหารมีลักษณะเป็น มุขโถงโล่ง ๆ ขนาด 1 ห้อง ลายทองประดับเสาพระวิหารและเพดาน ได้รับการบูรณะในสมัยของพญาอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 62 (พ.ศ. 2395 – 2435) ประตูด้านหน้าวิหาร เป็นประตูใหญ่กว้างและสูงประกอบด้วยลวดลายปูนปั้นผสมผสานระหว่าง ศิลปะเก่ากับใหม่ โดดเด่นด้วยโทนสีน้ำเงิน สีสันยอดนิยมในศาสนสถานของชาติพันธุ์ลื้อ หน้าบันของซุ้มประตูประดับปูนปั้นทาสีสดใสเป็นรูป “ราหู” บานประตูสลักภาพเทวดากับยักษ์ล้อมด้วยลายพรรณพฤกษา ... สังเกตนะครับว่ามีดอกไม้บานเป็นระยะๆ ... น่าจะเป็นลายดอก “โบตั๋น” ซี่งได้รับอิทธิพลมาจากจีน และเถาของต้นไม้เป็นลายวงๆเป็นช่วงๆ น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากลายเถาองุ่นจากเปอร์เซียครับ ภายในวิหาร ซึ่งภายในประกอบด้วยเสา เรียงสองแถว ตรงสู่แท่นฐานชุกชี เสาแต่ละคู่ประดับลายคำ ลวดลายเหมือนกันเป็นคู่ๆ โดยเสาคู่กลางมีลายที่ต่างออกไป หลังคาเป็นเครื่องไม้ ปิดฝ้าเพดาน พระประธานสร้างด้วยปูนปั้น เหนือองค์พระประดับฉัตร บนผนังด้านหลังประดับกระจกบานใหญ่สามบาน ..... การนำกระจกมาประดับตกแต่งอาหารก็น่าจะเป็รวัฒนธรรมตะวันตกนะครับ น่าจะมีการประดับกระจกในช่วงสมัยหลังๆ น่าจะตรงกับรัชกาลที่ 4 หรือ รัชกาลที่ 5 แล้ว ด้านข้างวางเครื่องสูง สื่อแสดงถึงพุทธานุภาพ รูปลักษณ์ของพระประธานเป็นศิลปกรรมแบบพื้นบ้าน แท่นพระเจ้า หรือ แท่นที่ประดิษฐานพระประธาน ได้รับการบูรณะในสมัยของพญาอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 62 (พ.ศ. 2395 – 2435) เป็นแท่นก่ออิฐฉาบปูน ประดับลายกระหนก หน้าแท่นพระประธานมีเชิงเทียน หรือ สัตตภัณฑ์ ส่วนองค์เจดีย์เป็นงานสถาปัตยกรรมของช่างชาวน่าน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยของพญาภูคา ประมาณปี พ.ศ.1826 องค์พระธาตุได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยของได้รับการบูรณะในสมัยของพญาอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 62 (พ.ศ. 2395 – 2435) รวมถึงการสร้างกำแพงแก้วรอบองค์พระธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2400 เจดีย์พระธาตุเป็งสะกัด หรือ เบ็งสกัด ความหมายของพระธาตุตามตำนาน หมายถึง สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากบ่อดินที่ใช้ไม้แหย่ ลงไป แล้วไม้ขาดเป็นท่อน ๆ เหมือนมีอะไรมากัดให้ขาด และมีลำแสงเกิดขึ้น เจดีย์เป็นรูปทรงฐานระฆังคว่ำ เป็นมุมแปดเหลี่ยมลดหลั่น กัน เป็นชั้น ๆ ไม่มีลวดลายเป็นศิลปะแบบพะเยา หรือที่เรียกว่าเจดีย์ ทรงพะเยา ซึ่งมีมากที่พะเยา เชียงราย และบริเวณแถบภาคเหนือ ตอนบน ภายในองค์พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งถือเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชุมชน ด้านหลังพระวิหารมีหอเสื้อวัด เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2487 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดพระธาตุเบ็งสกัดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 61 ตอนที่ 65 ต่อมาในปี พ.ศ.2533 คณะกรรมการหมู่บ้านโดยนายสุชาติ พลจร ผู้ใหญ่บ้านแก้ม ได้ทูลเกล้าถวายฏีกาแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อขอพระราชทานจัดหาทุนทรัพย์ซ่อมแซมพระวิหารซึ่งชำรุดทรุดโทรมมาก จนกระทั่งปี พ.ศ.2536 กรมศิลปากร ได้ทำการตรวจสอบและทำโครงการบูรณะวิหารวัดพระธาตุเบ็งสกัด จนได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2538 ปัจจุบันมีการจัดงานนมัสการสรงน้ำพระธาตุเบ็งสกัดทุกปีในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 เหนือ (ขึ้น 15 ค่ำเดือน 3) โดยมีการสร้าง “ฮางฮดน้ำ” หรือ รางรดน้ำพระธาตุเป็นรูปพญานาคขึ้น อยู่ด้านหลังพระธาตุ อีกช่องทางหนึ่งในการติดตาม “ทนายอ้วนพาเที่ยว” Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนพาเที่ยว https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/ Chubby Lawyer Tour …….. เที่ยวไป ............. ตามใจฉัน wunderful temple ka.
โดย: Sai Eeuu วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:14:41:26 น.
ขอขอบคุณท่านผู้มีอุปการะคุณข้อมูลด้วยนะคราบบบ
https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1112593 https://www.emagtravel.com/archive/wat-pratat-bengsakad.html https://tourwatthai.com/region/north/nan/watphrathatbengsakat / https://www.voicetv.co.th/read/B12qlXT1G โดย: ทนายอ้วน วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:15:25:56 น.
ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆ และกำลังใจที่บล็อกด้วยค่ะ
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:15:34:48 น.
ขอบคุณที่ไปชมอาหารที่บ้านนะคะ ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:16:02:47 น.
สวัสดีครับ ขอบคุณที่แวะไปครับ
ภาพสวยครับ วัดดูสงบ และสถาปัตยกรรมดูมีเอกลักษณ์ครับ โดย: Sleepless Sea วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:16:38:35 น.
น่านแหละนะ ตั้งใจจะไปปลายปีนี้ ไม่รู้ความฝันฉานนจะดับไหม .. โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:17:29:29 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ขอบคุณกำลังใจที่ให้ ตำนาน โกโก้ ด้วยนะคะ ตามมาเที่ยวชมวัด และพระประธานที่พระพักตร์ดูมีความสุขมากๆค่ะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:18:04:22 น.
มาเที่ยวน่านต่อครับ
มาไหว้พระ พระธาตุวัดพระธาตุเบ็งสกัดด้วยครับ พระธาตุ วิหารงามมากครับ วัดพระธาตุเบ็งสกัดอยู่ในลิสเที่ยวน่าน แต่พอไปถึงก็ขับรถผ่านไปมาครับ มาเที่ยวผ่านบล็อกคุณบอลก็เหมือนได้ไปเองครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:22:32:27 น.
กราบพระธาตุตรงนี้ด้วยค่ะ
โควิด19 หายไป..จะไปเยืยนค่ะ โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:6:08:32 น.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจน๊าาา สู้ๆ เหมือนกันเน่อออ
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:16:01:47 น.
นุ้งเป็นสาวโสภา
จะให้หนุ่มหล่อๆฟัดง่ายๆได้งั้ย เอิ่ม เรื่องเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ คนข้างบนจะให้คุณบอลสู้กับอะไรคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:16:47:01 น.
กลับมาอ่านค่ะ
อย่างยาวเลยนะคะเอนทรี่นี้ ภาพเยอะดี พี่ก็ต้องอ่านข้ามๆบ้าง ไปน่านมาสองครั้งแล้ว พักอยู่ที่ปัวทั้งสองครั้ง ชมวัดไหว้พระหลายแห่งอยู่ แต่ก็จพไม่ได้แล้วว่าที่ไหนบ้าง ขอบคุณที่พากลับไปอีกนะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:19:42:19 น.
ภาพสวยมากค่ะคุณบอล
รายละเอียดต่างๆรวมถึงหลังคาพระวิหารที่มุงด้วยแป้นเกล็ดงามมาก อำเภอปัวมีโอกาสอยากไปจังค่ะ ขอบคุณคุณบอลที่พาชมและขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ โดย: Sweet_pills วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:23:15:55 น.
โก่งคิ้ววัดต้นปินต้นปินสวยมากจริง ๆ ค่ะ
นั่งมองอยู่ตั้งนาน โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:11:07:09 น.
|
ทนายอ้วน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?] Friends Blog
|