someday we write , someday we wrong









คำนำ หนังสือชุดอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย : ถ้าคุณอยากอ่านเรื่องที่มีความสุขไปอ่านเล่มอื่นดีกว่า



หลังจากได้สัมผัสเรื่องราวของสามพี่น้องตระกูลโบดแลร์ ผมเห็นด้วยกับคำนำของสำนักพิมพ์ที่ว่า
“เลโมนี สนิกเก็ต เจ้าของหนังสือชุดนี้เป็นคนลึกลับเหมือนกับเรื่องที่เขาเขียนนั่นละ
เรารู้แค่เพียงว่าชีวิตในวัยเด็กของเขาถูกสอนให้รู้จักพลังแห่งการเขียน
และการเปิดเผยสิ่งชั่วร้ายที่ได้พบเห็น...ซึ่งมันก็คือหนังสือชุดนี้นั่นเอง”

หากคุณยังไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องราวในหนังสือชุดอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย...
คุณอาจจะยังไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคุณนึกอยากลองเสาะหา...คุณจะต้องเห็นด้วยกับผมว่า...
ผู้เขียนเรื่องนี้มีความสุขในทุกครั้งที่เห็นตัวละครเอกน้อยๆ ทั้งสามในเรื่องยังคงทุกข์ทรมาน(!?)

นอกจากความที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนชั้นดีแล้ว
“อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย” ยังถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีสีสัน มีเสน่ห์เฉพาะตัว
และถูกบอกเล่าให้ง่ายแก่การล่อลวงผู้อ่านให้ตกหลุมรัก ปักใจอ่าน และสะสมจนครบชุด 13 เล่ม



สีสันของหนังสือชุดนี้ปรากฏตัวพร้อมๆกับตัวละครและเนื้อหาที่เปี่ยมไปด้วยมิติ สมจริง และน่าติดตาม
ถึงแม้เรื่องราวในช่วงแรกๆจะมีประเด็นอยู่แค่ที่
เด็กกำพร้าสามพี่น้องต้องร่วมมือกันไม่ให้เหล่าผู้ใหญ่ใจร้ายที่หวังจะมาแย่งชิงมรดกของตระกูล
แต่ด้วยเฉดสีของเหล่าตัวละครที่แข่งกันส่องออกมาอย่างสนุกสนาน
เนื้อหาที่ถูกเล่าด้วยวิธีการที่ผมต้องขอเรียกว่า “วิธีแบบสนิกเก็ต สนิกเก็ต”
และปริศนาที่ค่อยๆ ถูกเพิ่มเติมลงไปในระหว่างบรรทัด
ทั้งหมดช่วยกันเคี่ยวหนังสือชุดนี้ให้มีรสชาติกลมกล่อม หอมหวาน และอิ่มอุ่นไม่แพ้สีสันของเหล่าตัวละคร



“วิธีการเล่าเรื่องแบบสนิกเก็ต สนิกเก็ต” ที่คุณจะได้พบให้หนังสือนั้น
มีเป้าหมายในการป่วนจิตใจคนอ่าน ทรมานคนอยากติดตาม และสร้างความสนุกให้กับคนเขียน (!)
เสน่ห์ของสนิกเก็ตที่คุณจะได้พบบ่อยๆ ก็มี ในหนังสือทุกเล่มของเขาจะอุทิศให้กับเบียทริซผู้ล่วงลับ
ซึ่งคำอุทิศจะถูกเขียนได้น่าทอดอาลัย โศกสลด และชวนให้ยิ้มมุมปากไปซะทุกเล่ม

(อย่างในเล่มที่ 4 สนิกเก็ตเขียนว่า “แด่เบียทริซ เวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั้น ผมแทบลืมหายใจ แต่ตอนนี้กลับเป็นคุณที่ไม่หายใจ”
หรือในเล่มที่ 5 ที่เขียนว่า “แด่บรีซทริซ คุณจะอยู่ในใจของผม ความคิดของผม และในหลุมฝังศพของคุณเสมอ”)

หนึ่งในเสน่ห์อันโดดเด่นอีกอย่างของหนังสือชุดนี้คือ ผู้เขียนมักสวมบทเป็นพจนานุกรมอยู่บ่อยๆ
โดยเขาจะพูดคำขึ้นมาคำนึง แล้วพอเราอ่านผ่านคำนั้นไปก็จะพบเจอกับประโยคที่ว่า “ซึ่งในที่นี้หมายถึง…”
แล้วเขาก็จะแปลความหมายของคำ – คำนั้นออกมาตามหลักพจนานุกรมอย่างเป็นกลางแบบตามอารมณ์ของเขาเอง
เช่น ในตอนที่เขาเขียนถึงเพื่อนๆของเด็กกำพร้าโบดแลร์ เขาเขียนว่า
“ตั้งแต่พ่อแม่ของเด็กๆ โบดแลร์ตาย เพื่อนของพวกเขาก็ตีจาก
ซึ่งในที่นี้หมายถึง พวกเพื่อนๆ เลิกโทรศัพท์มาหา เลิกเขียจดหมายมาหา
และเลิกแวะมาหาพวกเขา ...ทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวมาก”

จนบ่อยครั้งเราจะได้ยินตัวละครพึมพำว่า “ฉันรู้ว่าคำนี้แปลว่าอะไร!!”
แต่ที่ช่างคิดก็คือ คำที่สนิกเก็ตหยิบมาแปลแบบขำๆ นี้ มีส่วนร่วมทั้งกับเนื้อหาในขณะนั้น
และยังผูกเป็นปมกับเนื้อหาในอีก 3 - 4 หน้าถัดไปได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นธรรมชาติ



ส่วนเสน่ห์ในแผนการท้ายๆ ของสนิกเก็ตนั้นคงหนีไม่พ้น
การบอกใบ้ถึงเนื้อหาในเล่มต่อไปในแบบที่ชวนให้สมองของคนอ่านน้ำลายสอ แต่ไม่สปอยล์จนเสียของ

ทั้งหมดคือเสน่ห์ที่คุณจะพบในเนื้อหาและในช่วงท้ายของหนังสือแต่ละเล่ม
แต่เสน่ห์กวนๆ ที่คุณจะพบทันทีตั้งแต่ในหน้าแรกก็คือ “การไล่ให้คุณไปอ่านหนังสือเล่มอื่น”
พร้อมทั้งให้เหตุผลประมาณว่า หนังสือเล่มนี้มันมีแต่เรื่องร้ายๆ ทุกข์ระทม และโศกเศร้านะ อย่าอ่านมันเลยดีกว่า
คุณอาจจะเชื่อ ปฏิบัติตามคำแนะนำ และวางหนังสือเล่มนี้ลงก็ได้ ถ้าคุณอยาก...
แต่ถ้าไม่...คุณอาจจะเป็นหนึ่งในคนแบบที่สำนักพิมพ์เขียนถึงในคำนำว่า
“แต่ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่คิดว่าโชคร้ายเป็นเรื่องธรรมดา
และเห็นว่าจะผ่านความโชคร้ายไปได้อย่างไรสำคัญกว่า ก็ขอให้คุณเปิดอ่านบทที่ 1 ได้เลยครับ”


“ซึ่งในที่นี้หมายถึง” หากคุณอยากรู้ว่าหนังสือชุดนี้ล่อลวงผู้อ่านให้ตกหลุมรัก ปักใจอ่าน
และสะสมจนครบชุด 13 เล่ม
ได้อย่างไร
ลองกดคลิกขวาแล้วอ่านรีวิวเล่มที่ 1 ได้เลยครับ



Create Date : 12 มิถุนายน 2551
Last Update : 6 ธันวาคม 2552 15:25:44 น. 20 comments
Counter : 1930 Pageviews.

 
เราก็ชอบคำอุทิศของหนังสือชุดนี้ ฮ่ะๆๆๆ

ไม่ได้ซื้อหนังสือชุดนี้ค่ะ
แอบติดใจหนังสือฉบับอังกฤษน่ะ
เขาเข้าเล่มแบบกระดาษเยินๆ หน่อย บอกไม่ถูก เหมือนหนังสือเก่าๆ ดี ชอบค่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:20:33:21 น.  

 
รู้จักคนแปลหนังสือชุดนี้ ตั้งแต่สมัยเล่นที่ "หนอนหนังสือ" ใน sanook.com เมื่อนานมาแล้ว เจ้าตัวมาชักชวนให้อ่าน
เราก็ค่อยๆ ตามซื้อจนเกือบครบ (คือ รอซื้อ 50% ตลอดมา) ตอนนี้ขาดแค่ 2 เล่มสุดท้าย
ครบเมื่อไหร่ ก็ลุยอ่านได้ ...

ซึ่งในที่นี้ หมายความว่า ยังไม่ได้อ่านซักเล่ม นั่นแหละ ....


โดย: นัทธ์ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:21:11:58 น.  

 
มีครบ 13 เล่มเลยค่ะ
แล้วก็มีประวัติผู้แต่งอีกเล่มนึงด้วย - เล่มนี้ออกแบบเจ๋งมาก ปกเปลี่ยนได้ 2 แบบนะเออ

เมื่อ 2 วันก่อนเพิ่งนินทาหนังสือชุดนี้กับคุณแจงทางหลังไมค์
วันนี้คุณชุดนอนหยิบมารีวิวซะแล้ว



โดย: Jevanni วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:23:08:51 น.  

 
อ่านแล้วชอบค่ะ

อ่านแล้วในที่นี้คือ อ่านจบไปหนึ่งเล่มหน่ะค่ะ


โดย: BeCoffee วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:0:12:45 น.  

 
เพิ่งคุยเรื่องนี้กับคุณวิไม่นานนี่เอง
อย่างนี้ก็คงต้องบอกคุณชุดนอนฯ เหมือนที่บอกคุณวิไปเหมือนเดิม
ไม่ชอบหนังสือแนวแฟนตาซีเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว..ยิ่งหลายเล่มแบบนี้ยิ่งคิดหนัก
ความจริงก็อยากลองอ่านแนวที่ไม่เคยอ่านบ้างเหมือนกัน
แต่คงต้องเริ่มจากอะไร..ที่มันบางๆเล็กๆก่อน เพราะเดี๋ยวเกิดติดใจขึ้นมาแล้วจะแย่ กระเป๋าสตังค์คงแฟบน่าดู



โดย: nikanda วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:4:48:14 น.  

 
อยากจะก๊อปความเห็นคุณนัทธ์ประโยคแรกอ่ะค่ะ...

รู้จักคนแปลหนังสือชุดนี้ ตั้งแต่สมัยเล่นที่ "หนอนหนังสือ" ใน sanook.com เมื่อนานมาแล้ว
แต่ของแม่ไก่รู้จักเขาที่พันทิปนี้แหละค่ะ เชื่อว่าคุณนัทธน่าจะเป็นเมล์ลิสต์ของคุณarita เช่นกัน...? (โลกไซเบอร์ก็แคบแค่นี้ ๆ )

เราแลกหนังสือกันอ่านอยู่สองสามเล่มค่ะ
หนังสือชุดนี้ก็ตามอ่านเพราะคนแปลนั่นแล...

แต่เจ้าตัวเขาแอบกระซิบว่า...ความสนุกมีอยู่ถึงประมาณเล่มเจ็ดเอง แม่ไก่ก็เลยตามอ่านถึงแค่นั้นอ่ะค่ะ เหอ เหอ...แต่หนังสือมีครบค่ะ เพราะอยากจะอุดหนุนเพื่อน


แอบโหลดอีบุ้กไว้ด้วยแต่ยังไม่ได้อ่านเลย เดี๋ยวนี้ชักจะมีปัญหาทางสายตา คงอ่านไม่ได้เสียแล้ว


โดย: แม่ไก่ วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:14:13:15 น.  

 
ไม่ได้อ่านสักเล่มเลยครับ

หนังสือประเภทนวนิยายแฟนตาซีนี้ ผมจะไม่ค่อยได้อ่านเลยครับ คือว่าถ้าให้คิดถึงแนวที่ชอบแล้ว ผมคงจะตอบว่า น่าจะเป็นจำพวก sci-fi หรือ comedy มากกว่าครับ


โดย: BloodyMonday วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:18:14:48 น.  

 
นิยายแฟนตาซี นี่แทบไม่ได้อ่านเลย วรรณกรรมเยาวชนก็อ่านน้อยมากค่ะ

ไตรภูมิพระร่วงนี่พระยาลิไทยแต่งตั้งแต่สมัยสุโขทัย น่าจะเกินห้าร้อยปีมาแล้ว
พิมพ์ไปแปดครั้ง ถือว่าเยอะ แต่ห้าร้อยปีนี่ก็นานโขอยู่ ถือว่าน้อยกับคนอ่านเท่านี้
เนื้อหามหัศจรรย์พันลึกดีแท้ แต่เข้าใจค่ะ ว่าอ่านค่อนข้างยากจริงๆ

เมื่อก่อนเราเหมือนกันค่ะ ไม่ค่อยกล้าอ่านวรรณคดีกลัวอ่านยาก
เราเริ่มต้นด้วย กลอนเสภาขุนช้างขุนแผน ตอนเรียนมหาลัยปี 4 อ่านแล้วทึ่งกับภูมิปัญญาคนไทย หลายๆอย่างที่อยู่ในเล่ม
ยกให้เป็นหนังสือเล่มที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งในชีวิตที่เคยอ่านทีเดียว
ถ้าจัดสิบอันดับ มีเล่มนี้ด้วยแน่นอน
เป็นจุดเริ่มต้นให้ตามวรรณคดีเล่มอื่นๆมาอ่านต่อ

มัวแต่ตามล่าหนังสือต่างประเทศเบสเซลเลอร์ทั้งหลาย ของไทยเรานี้ดีหนักหนาเลย

เล่าสูกันฟังค่ะ (เผื่อเปลี่ยนใจ)

เจอเรื่องหนังสือเรื่องพระจันทร์เสี้ยวค่ะ สนใจหลังไมล์มาได้ค่ะ














โดย: January Friend วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:19:58:05 น.  

 
คุณแพนด้ามหาภัย
(ขอสารภาพว่า ผมแอบอมยิ้มทุกครั้งที่พิมพ์ชื่อของคุณตอนที่ตอบคอมเม้นต์
ชื่อไม่ได้ตลกหรอกครับ แต่พอกดคำว่า “มหาภัย” ลงไป มันรู้สึกขัดแย้งชนิดจั๊กกะจี้ๆ
เพราะภาพจินตนาการของคุณในหัวสมองของผมนั้น ดูจะเป็นคนร่าเริง
มีความรู้สูง รักการอ่าน เพื่อนฝูงเยอะ และห่างไกลกับคำว่า “มหาภัย” อยู่ไกลโข
อันนี้ไม่ได้จะวิพากษ์วิจารณ์ชื่อนะครับ
แค่รู้สึกว่าคุณเอาใจใส่ในการอ่านบล็อกของผู้คน และอบอุ่นเกินกว่าจะมีพิษมีภัยเท่านั้นเอง)

มาเข้าเรื่องหนังสือ...ผมยังไม่มีโอกาสได้เห็นรูปเล่มของต่างประเทศ
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมค่อนข้างชอบรูปเล่มแบบที่ตีพิมพ์ในไทยพอสมควรครับ
ชอบโทนสีตรงสันเล่ม ที่ในเล่มแรกๆ โทนสีมืดๆ แต่คราสสิก
โดยจะมีแดงแสดแทรกเป็นระยะๆ ให้ชั้นหนังสือโชว์สันแลดูสว่างตา

และที่ชอบกว่าคือหน้าปกครับ ทุกเล่มใช้พื้นเหลืองละม้ายคล้ายสีไม้อัด
มีเส้นตารางถี่ยิบส่งผลให้แลดูหรูหราขึ้นอีก 5 เท่ากว่าแค่เหลืองเฉยๆ
เหนือสิ่งอื่นใด ผมชอบรูปประกอบของเบร็ตต์ เฮลควิสต์ที่วาดได้ดูเหนือกาลเวลาดี
โดยภาพปกจะมีสีทำให้มันดูสด + กับลายเส้นที่ให้ความรู้สึกว่าเนื้อหาภายในย้อนยุคแต่ไม่ตกฟาก...
ส่วนภาพประกอบด้านใน (เริ่มออกนอกเรื่องแล้วไง เค้าพูดถึงแค่ตัวเล่ม 555+)
ผมชอบที่มันทะมึนๆ หม่นหมอง และหดหู่เข้ากับเนื้อหาได้เป็นอย่างดี

และเหนือของเหนือ ...และเหนือสิ่งอื่นใด ผมไม่ชอบหนังสือยับๆ ครับ ^^
(นอนอยู่ในตู้หนังสือผมไปนานๆ เด๋วก็เก่าไปเองโดยไม่ต้องออกแบบมาให้เก่าแต่แรกเกิด 555+)


คุณนัทธ์
อ่านแล้วอิจฉานิดๆ
...ไม่สนล่ะ ยังไงคุณนัทธ์ก็ไม่อยู่ใกล้ในระยะพอที่จะหยิกผม ขอสารภาพเลยว่า อิจฉามากๆ!!! 555+
เพราะความปรารถนานึงตั้งแต่แรกเริ่มเขียนบล็อกหนังสือ คืออยากแอบเขียนรีวิว (ย้ำรีวิวไม่เคยเขียนวิจารณ์)
...เขียนรีวิวหนังสือของคนรู้จักสักคน แล้วพอเสร็จก็จะโทรไปโวยวายเจ้าของหนังสือประมาณว่า
“เฮ้ยๆ ทำไมไม่มาอ่านบล้อกเราบ้าง ห๊า เด๋วนี้ดังแล้วไม่สนใจมือสมัครเล่นหรอไง”
พอมันยอมความ(ด้วยความรำคาญ)ฝืนใจตัวเองคลิกมาที่บ้านผมแล้ว
ก็จะพบเจอกับรีวิวชนิดที่เป็นกลาง รักเป็นชม เกลียดเป็นด่า และประทับใจเป็นเขียนเชียร์...

แต่ด้วยความที่คนรอบตัวผมไม่มีใครเป็นนักเขียนมืออาชีพเลย -*- (นักเขียนนี่หาไม่ได้ง่ายๆ ใกล้บ้านเราจริงๆ)
ความปรารถนานี้จึงต้องถูกพับเก็บไป แล้วก้มหน้าก้มตารีวิวหนังสือของคนแปลกหน้าต่อไป 555+

ถ้าคุณนัทธ์ยังไม่เคยอ่านหนังสือในชุดนี้เลย ผมก็จะไม่ขอแนะนำให้อ่านนะครับ
เพราะตอนนี้ความปรารถนาสูงสุดของการเขียนรีวิวหนังสือของผม
ไม่ใช่ต้องการจะเขียนถึงหนังสือของเพื่อนสนิท หรือรีวิวให้คนไปหามาอ่านตามที่เราบอกเล่า

แต่ผมต้องการแค่ให้ใครสักคนแวะมาอ่านตัวหนังสือที่บล็อกนี้
แล้วเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวในรีวิว โดยไม่ต้องขยายผลไปหามาอ่านต่อ
แค่อ่านแล้วเพลินๆไป อ่านจบก็กดออก ให้แม้แต่คนที่ไม่ได้คิดจะหาซื้อหนังสือใหม่ก็เข้ามาอ่านได้สบายๆ

ฝันกลางวันของผู้ชายที่สวมชุดนอนทั้งวันทั้งคืนก็มีเพียงเท่านี้เอง

คุณ Jevanni
ในจังหวะแรกที่คุณหายตัวไป (ซึ่งเราจะวกกลับมาโวยถึงเรื่องนี้อีกครั้งก่อนจบตอบคอมเม้นต์นี้ 555+)
ผมเศร้าจนแทบลบบล็อก หลังจากสามารถสลัดหลุดงานที่เข้ามารุมล้อมได้
ผมกดเข้าไปแวะที่บ้านของคุณแล้วพบว่า มีรหัสลับตั้งตัวเป็นกุญแจล็อกตายอยู่
...ในจังหวะแรกคิดจะลองมั่วรหัสผ่านเป็นเลขที่บ้านคุณ...
ก่อนจะคิดถึคงได้ว่า คำว่า “บ้าน” ของคุณที่ผมแวะไปบ่อยๆเป็นแค่บล็อก ไม่ใช่บ้านจริงๆที่มีเลขที่ -*-
เกิดร้อนใจนึกว่าคุณไม่รับธุระเบื่อเสวนากับผมแล้ว เลยรีบขี่ม้าสามศอกวิ่งไปฟ้องคุณแจง
จนคุณแจงตอบกลับมาว่า คุณติดธุระปิดบ้านชั่วคราว
ทุกคนเข้าไม่ได้เหมือนกันหมด (ด้วยเพราะไม่มีใครรู้เลขที่บ้านจริงๆของคุณ 555+)
รู้แบบนี้แล้วผมจึงโล่งใจไป ^^

แต่เก่าก่อนแล้วที่ผมเคยบอกกับคุณว่า บ้านทั้งหลังของผมนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณ
(ถึงตอนนี้จะมีต่อเติมห้องนั่งเล่นไว้ดูหนังเพื่อต้อนรับพี่ beerled พี่ชายร่วมสาบานไว้ 1 ห้องก็ตาม)
มาถึงตอนนี้ จากรีวิวรวด 7 เล่มรวม 8 ตอนที่คุณเขียนถึงหนังสือชุดธิโมส์
ผมจึงไปขุดหนังสือชุดที่ผมหลงรักขึ้นมาปัดฝุ่น ไล่อ่านใหม่ทีละเล่มๆ แล้วจัดออกมาบ้าง
(แต่คงไม่สดขนาดรวดเดียวหมด 555+ เดือนละ 1 -2 เล่มก็หรูแล้วผม)

ที่หยิบยกมาบอกไม่ได้จะบอกว่ากำลังเลียนแบบ (ซึ่งที่จริงก็กำลังทำอยู่ 555+)
เพียงแต่ต้องการจะขอบคุณ และบอกกับคุณว่า ผมก็เป็นคนแบบนี้เอง
เป็นคนที่เมื่อพบเจอแรงบันดาลใจใดแล้ว...จะโอบกอดมันไว้แน่น
และสานสิ่ง(แรงบันดาลใจ)ที่ได้รับให้ออกมาเป็นรูปธรรม

วกกลับมาที่เรื่องคุณหายไป...ผมติดใจนิดๆว่าหากติดธุระทำไมถึงต้องปิดประตูบ้านด้วยล่ะครับ?
ไม่มาอัพเพิ่มก็เรื่องธรรมดา(สำหรับผม 555+) แต่ทำไมต้องปิดให้ผู้คนได้อ่านของเก่าๆด้วย?
(ไม่สะดวกตอบก็ไม่ต้องฝืนนะครับ ผมแค่จะบอกว่า ด้วยงานที่รัดตัวบวกกับการที่คุณปิดบ้าน
ส่งผลให้ผมอ่านรีวิวหนังสือรวดทั้งชุดของคุณค้างอยู่แค่เล่ม 4 จนถึงวันนี้ -*-)

กลับมาที่หนังสือ...ทั้งดีใจและใจชื้นขึ้นมาเลย ที่คุณรู้จักหนังสือชุดนี้
(ไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้ ไม่ทราบเลยว่าหนังสือชุดนี้กระแสแรงหรือดับเพียงใด)
จะพยายามรีวิวไปเรื่อยๆ นะครับ เหนื่อยก็จะพัก เบื่อก็จะหลบไปเขียนเรื่องอื่นเปลี่ยนบรรยากาศ
แต่คงต้องนานนิด เพราะผมอ่านทวนใหม่หมด
(อ่านรอบแรกเมื่อหลายปีก่อน ตอนมีหนังจากนิยายเรื่องนี้เข้าฉาย)
แถมที่ผ่านมาผมมีไว้ในครอบครองแค่ 8 จากทั้งหมด 13 เล่ม
แต่วันนี้ไปลักพาตัวเล่ม 9 กับ 10 ติดมือกลับมาบ้านแล้ว
(เล่ม 12 กับ 13 ยังฝากร้านเขาไว้ก่อน เพราะถ้าไปลักพาตัวมาคงจะถูจับข้อหาลักขโมย ด้วยไม่มีเงินจ่าย -*-)

ตอบไร้สาระไปนิดโปรดอย่าตำหนิ ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ^^


คุณ BeCoffee
อ่านเล่ม 1 แล้วหยุดหรอครับ แปลว่าหนังสือชุดนี้ไม่เข้าตาคุณซะแล้ว
เล่ม 1 ที่คุณอ่านไป เนื้อหาค่อนข้างจะเรียบๆ เพราะเป็นการวางพื้นฐาน
และให้เราทำความรู้จักตัวละคร เป็นไปได้ที่อ่านแล้วจะจอดแค่เล่มเดียว

ไม่คิดติดตามหนังสือถือเป็นหนึ่งในทางเลือกครับ
ภาวนาแค่ให้รีวิวของผมสร้างความเพลิดเพลินให้คุณได้บ้างเป็นพอ ^^

คุณ nikanda
ตอนที่คุณแจงกับคุณวิแอบนินทามัน หนังสือที่บ้านผมมันพลัดกันจามกันเป็นการใหญ่
ตอนแรกผมคิดว่ามันจามด้วยถูกปล่อยให้จมฝุ่นอยู่นับปี ที่ไหนได้จับได้แล้วว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง 555+

ล้อเล่นน่ะครับ ที่ผมหยิบหนังสือชุดนนี้มาสะสมต่อ(จาก 8 ไปให้ครบ 13) และเขียนรีวิว
ส่วนหนึ่งมาจากแรงบันดาลใจที่ได้รับจากบ้านคุณวิ แต่เหตุที่เลือกหนังสือชุดนี้
ก็เพราะมันเป็นหนังสือเรื่องเดียวที่มีเป็นชุดในบ้านผม 555+
ไม่นับการ์ตูนหรือนิยตสาร หนังสือที่มีเล่ม 2 เล่ม 3 ต่อกันนี่ ทั้งบ้านผมมีเรื่องนี้เรื่องเดียว

นั่นเป็นเหตุให้ผมปัดฝุ่น ง้อมันให้หายงอนที่ถูกดอง และป้อนยาแก้ไข้หวัดให้มันในบล็อกคราวนี้

ปล
เล่ม 1 กับ 2 ของหนังสือชุดนี้ราคาแค่ 85 บาทครับ ความหนาก็ราวๆ 109 หน้าเท่านั้น
ส่วนเล่ม 3 – 5 ราคาขยับเป็น 95 บาท หนาขึ้นนิดที่ราวๆ 127 หน้า
ส่วนเล่มอื่นๆ ตีพิมพ์ช่วงเศริษฐกิจตกต่ำน้ำมันแพง ตกอยู่ที่ 115 – 135 ครับ ส่วนความหนาก็ประมาณเดียวกัน
และนี่ไม่ใช่นิยายแฟนตาซีครับ ดำเนินเรื่องตามหลักเหตุผลที่มืดมนไปตามปกติ

ปล 2
ไม่ซื้อไม่หาไม่ว่ากัน แวะมาอ่านรีวิวฆ่าเวลาก็พอ ^^


คุณแม่ไก่
โลกไซเบอร์สำหรับผมนั่นถือว่า “แคบ” มานานแล้วครับ
เพราะผมเข้าแต่เว็บเดิมๆ ติดตามแต่เรื่องเดิมๆ แม้แต่บล็อกก็อ่านแต่คนเดิมๆ
โชคยังดีที่ความแคบไม่เป็นอุปสรรคต่อการพบเจอกับคนดีๆ
ผมเลยโชคดีได้รู้จักกับคนดีๆ ที่มีรายชื่ออยู่ทางซ้ายมือนี้

โดยไม่ต้องสังเกต คุณแม่ไก่ติดอยู่ในรายชื่อนั้นมานานแล้วครับ ^^

เรื่องหนังสือ ความสนุกจะหยุดอยู่ที่เล่ม 7 ไหมนี่ผมอ่านถึงแค่เล่ม 8
แต่กลับรู้สึกว่าเล่ม 7 - 8 ไปนี่สิ ท่าจะสนุกกว่าเดิม
เพราะดูเหมือนพวกเด็กๆ เริ่มจะเปลี่ยนจากแค่การเอาตัวรอดเป็นเล่มๆ ไป
มาเป็นพยายามเสาะหาคำตอบของเจ้าปริศนาที่ดูเหมือนจะกุมหัวใจของทั้ง 13 เล่มไว้ในกำมือ

ปล
มีครบเลยหรอครับ ผมหยุดซื้อแค่ 8 เพราะตอนนั้นหยุดอ่านหนังสือไปติดนิตยสาร
ตอนนี้กว่าจะหาเจอแต่ละเล่มเดินรอบห้างเลย
(วันนี้เดินเข้าร้านหนังสือ 6 ร้าน กว่าจะเจอเล่ม 9 – 10
แถมร้านที่เจอเป็นร้านที่เล็กที่สุดด้วย 555+ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ ร้านนี้)

คุณ BloodyMonday
เมื่อตอนที่ผมสะสมหนังสือชุดนี้ได้ถึงเล่มที่ 8
ผมก็หยุดอ่านหนังสือไปพักใหญ่เหมือนกันครับ (หนีไปดูหนัง 555+)
คงเพราะหนังมันเสพง่ายกว่า ประมาณว่าหนังเป็นกัญชายัดไส้ม้วนง่าย สูบสบาย เมาเร็ว
แต่หนังสือมาแนวเฮโรอีน จะเสพทีต้องหาซื้อเข็ม เอาเข็มขัดรัด และกลั้นใจฉีดกว่าจะเห็นผล

ตอนนี้กิจกรรมก่อนนอนของผมหันมาสลับดูหนังบ้าง
(โดยส่วนตัวผมจะออกจากบ้านไปเช่านังคราวละ 5 เรื่อง (เป็นโปรโมชั่นของร้านล่ะครับ)
5 เรื่องนี่ก็อยู่ได้ 7 วัน วันนึงผมดูนังได้คืนละ 1 เรื่อง เพราะเลิกงานดึก
ตอนนี้ก็ดูบ้าง อ่านหนังสือบ้างสลับกันไป)

แก้ไขนิดนึงครับ “อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย” นี่เป็นนิยายธรรมด๊าธรรมดาครับ
ไม่ได้แฟนตาซีแม้แต่น้อย พวกแฟนตาซีนี่ผมก็ไม่อ่านครับ (แต่เล็งๆ ไว้บ้างเหมือนกันสำหรับลองอ่านดู)
แนวไซไฟนี่ อยากลองอ่าน I am Legend ที่คุณเคยเล่ามาจัง วันนี้ไปเดินดูแล้ว ไม่เห็นเจอ -*-
รบกวนขอข้อมูลเพิ่มได้ไหมครับ หนังสือมันชื่อนี้หรือเปล่าครับ (กลัวหนังเปลี่ยนชื่อ) เป็นไปได้ขอชื่อสำนักพิมพ์นิดนึง

วันนี้รีวิวหนังสือคงไม่ถูกคอคุณ BloodyMonday นัก
เด๋ววันหลังจะรีบดูหนังมาพูดคุยกันนะครับ


คุณ January Friend
พวกฉันท์กลอนนี่ สร้างความท้อแท้ได้เก่งกาจนักครับ
เรื่องนี้ต้องย้ายไปสมัยที่นายชุดนอนยังเป็นเด็กชายชุดนอน
เด็กชายชุดนอนนั้นเข้าใจผิดมาตั้งแต่อนุบาลว่าโรงเรียนคือสถานที่รวมเพื่อน 555+
คือไม่ได้เข้าใจเลยว่าไปเพื่อเรียนรู้อะไรบางอย่าง ก็เลยเล่นไปเรื่อยเปื่อย
จนจบอนุบาลเข้าป. 1 จึงได้บรรลุว่า “เขาส่งมาเรียน”

ตอนนั้นก็แย่เลย ก ข ค ใครมาก่อนมาหลังชักงงๆ
สระอะไรควบกล้ำอะไร เราจับปล้ำรวมกันหมด
ส่งผลให้งุนงงอ่านภาษาบ้านตัวเองไม่ออกจวบจนป. 4 – 5
(ทำให้ทุกวันนี้ทางบ้านงุนงงมากที่โตมันมาเขียนหนังสือได้ยังไง 555+)

ดังนั้นในช่วงม.ต้นระหว่างที่เพื่อนๆ กำลังขะมักเขม้นกันเล่นคำ พ้องรูปพ้องเสียง แต่งกลอนสี่สุภาพ
เด็กชายชุดนอนเลยแค่กำลังเห่อการอ่านออกเขียนได้ 555+
ไม่ได้ไปร่วมวงไพบูรณ์แต่งกลอนไว้ส่งแพ็กลิ่งค์จีบสาวกับใคร
ส่งผลกระทบให้จนป่านนี้ โคลงใดสัมผัสกันอย่างไร ชุดนอนในวัย 26 ก็ยังไม่ทราบดี

แต่ไม่ถึงกับหวาดกลัวนะครับ ผมยังชื่นชอบในการอ่านโคลงกลอน(ง่ายๆ)อยู่
แต่ให้แต่งเองคงไม่ไหว แต่ที่หลบหลีกไม่ค่อยอ่านพวกนี้
เพราะมันไม่ยอมง่ายไปจนจบเล่ม บางช่วงก็ยากเอาการอ่านแล้วจินตนาการวิ่งตามไม่ทัน
พาลให้อ่านขาดตอน เหมือนอ่านข้ามบทเป็นระยะๆ

ตอนนี้ยังสู้ไม่ไหว แต่จะพยายามอ่านต่อไปเรื่อยๆ ครับ
ที่บ้านมีหนังสือกลอนเยอะ (ของพี่สาวนะ) ไว้ฝึกวิชาแก่กล้าแล้ว
ชุดนอนจะมาท่องโคลงกลอนให้ฟังครับ ^^


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:14:50:20 น.  

 
ดูน่าสนใจมากๆเลยค่ะ มาเป็นชุดเลยคราวนี้
ว่าแต่ว่าอารมณ์ดีขึ้นหรือยังคะ


โดย: TaMaChaN (narumol_tama ) วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:18:42:36 น.  

 
I Am Legend คือชื่อหนังสือจริงๆของ Richard Matheson เลยครับ ซึ่งถูกเขียนไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 ที่ผมไปซื้อมานี้คือจะอยู่ในเซคชั่น Movie tie-in จากร้านคิโนคุนิย่า ส่วนเวอร์ชั่นภาษาไทยนั้นผมไม่มีข้อมูลเลยครับ ต้องขอโทษด้วย



ส่วนคำเปรียบเปรยระหว่างการดูหนังกับการอ่านหนังสือ...555+ เข้าใจคิดน่ะครับ ถ้าเป็นของผมคงประมาณว่า การอ่านหนังสือเสมือนการจีบผู้หญิง คือมันต้องใช้เวลา แต่ถ้าเป็นหนัง...ก็คือแบบนั้นแหละครับ


โดย: BloodyMonday วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:18:56:20 น.  

 
ไม่ต้องอิจฉากันค่ะ
...เราเพียงแต่รู้จักกันผ่านตัวหนังสือ และผ่านเรื่องราวทีเกี่ยวกับหนังสือ เช่นเดียวกับที่รู้จักกับคุณและหลายๆ คนที่นี่
และเราไม่ได้ซื้อหนังสือชุดนี้ เพราะ "เพื่อนฉันแปล" รึว่า "ฉันรู้จักคนแปล" แค่นั้นหรอกนะ
ต้องบอกว่า หนังสือชุดนี้ มีแนวการเขียนเรื่องที่น่าสนใจ
ก็ใครกันจะเขียนหนังสือให้ "หดหู่" ทั้งๆ ที่สามารถแต่เรื่องจรรโลงได้อีกมากมาย
แต่คนเขียนก็ยังอุตส่าห์เขียนออกมา ให้เป็น "วรรณกรรมเยาวชน" ซะอีก
นั่นคงเป็นเพราะ เค้าไม่ได้ต้องการให้เด็กรู้จักแต่ความรื่นเริง หรือสนุกสนานไปวัน ...>> เดาเอาจากคำนำอ่ะนะ ยังไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องโดยตลอด

ที่เรายังไม่หยิบมาอ่านให้เป็นเรื่องเป็นราวซะที ก็เพราะช่วงที่หนังสือออกมา เรื่อยๆ นั้น เป็นช่วงอารมณ์ทีเราไม่อยากอ่านวรรณกรรมเยาวชนอ่ะนะ ....อ่านแต่นิยาย และเรื่องสืบสวน

ความตั้งใจเดิมที่จะซื้อให้ครบ และอ่านให้จบ ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยมค่ะ
รู้แล้วว่า จะเสวนาเรื่องหนังสือได้ตรงไหน กับใคร แล้วทำไมจะไม่อ่านซะละ ...จริงมั๊ยค่ะ
อย่ามาห้ามเราซะให้ยาก ช้า เร็ว เราก็ต้องอ่านอยู่ดีนั่นแหละ
ไม่ซื้อมาให้เสียของหรอกน่า .....

และแม้ว่าจะอ่านแล้ว ก็ยังมาอ่านรีวิวใน blog เช่นเดิมนั่นแหละ
เว้นแต่คุณจะปิดบ้านแบบคุณวิอ่ะนะ ....
ตอนนี้คุณวิก็กลับมา ...เราก็มีที่ให้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอีก 1 แห่ง

ตอบคุณแม่ไก่ ...ถูกต้องค่ะ ใน mail list ของคุณอาริตา และของเราเอง มี address ของกันและกันอยู่
งั้นก็แปลว่า ในนั่นต้องมีคุณแม่ไก่ด้วยละซิ


โลกไซเบอร์ แคบ และกลม พอๆ กับดาวโลกของเราเลยเนอะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:20:09:25 น.  

 
อ้อ....มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ราคาหนังสือที่เรากลัวจะแพงหูฉี่
เพราะชื่อเสียงของมัน.ทำเราหลอนเลย
ที่ไหนได้..นิดเดียวเอง

ราคาหนังสือนิยายไทย..ที่เราอ่านอยู่
เล่มนี้..ตกราวๆสามร้อยกว่าบาท..มันซื้อเรื่องนี้ได้หลายเล่มเชียว
ไม่ใช่แนวแฟนตาซีด้วยหรือ..เราเคยเห็นมันเป็นหนัง
ที่จิม แคร์รี่เล่น(ใช่เรื่องเดียวกันรึเปล่าหว่า..เดี๋ยวหน้าแตก)
เราก็ปักใจเชื่อ..ว่าเป็นแนวนี้แน่นอน
แต่ถึงอย่างไร..ก็ต้องคิดหน่อยค่ะ
เพราะมันไม่ใช่แนวที่ชอบจริงๆ
แต่ก็ไม่เป็นไร..เนาะ...แวะมาอ่านรีวิวเอาความรู้รอบตัวแล้วกัน

เอ่อ..ว่าแต่ว่า ดินแดนแห่งความรัก..ที่สูญเสียไป
หวังว่า..คงไม่ทำให้เข็ด..จนไม่อยากค้นหาดินแดนแห่งนี้ต่อไปนะคะ..เอาใจช่วยค่ะ


โดย: nikanda วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:21:27:59 น.  

 
อ้อ ที่หยุดอ่านไปไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกนะคะ
จริงๆ แล้วอ้อนมีนิสัยการอ่านอยู่อย่างนึง
ว่าจะอ่านหนังสือตามคิวที่วางไว้หน่ะค่ะ

แหะๆ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นการกระทำที่อยากให้เลียนแบบ
แต่ว่าทำแบบนี้แล้วหนังสือเล่มไหนที่อ่านเสียแล้ว
ก็จะอ่านจนจบจนได้ ไม่ค่อยพลาดค่ะ

แต่เรื่องของเรื่องคือ เล่มหนึ่งอ้อนบังเอิญได้อ่าน
จากห้องสมุด ซึ่งที่นี่ หาเล่มสองไม่เจอ
เลยไม่ได้อ่านต่อค่ะ...

อืม...ใช่แล้วล่ะ อ่านบล็อกของคุณชุดนอนแล้ว
ทำให้อยากอ่านต่อล่ะนะ

++++++++++++++++
เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล
ตามความเห็นของอ้อนแล้วคิดว่า คำว่า น้อยนิด
น่าจะเป็นทั้งสองอย่างคือทั้งชื่อตัวเอง สองคน
และเป็นปริมาณความรัก "น้อยนิด มหาศาล"
เหมือนกับว่า เป็นสิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อย(เช่นเดียวกับความประทับใจ)
แต่ว่ายิ่งใหญ่ในความรู้สึก...
ทั้งหมดนี้ อ้อนตีความเอาเองไม่เกี่ยวกับคุณปราบดาค่ะ :)

เอ่อ อายจังที่จะบอกว่าอ้อนเองได้อ่านเล่มนี้เพราะว่า
เห็นในห้องสมุดนั่นเองก็เลยยืมมา
แต่ว่าชอบในหนังสือ มากกว่าหนังนะคะ
พอทำให้สองอย่างคือทั้งอ่านทั้งดูจะชัดมาก
เพราะเรื่องนี้ตั้งใจให้เป็นหนังหนิคะ

ปล. ดีจังที่เจอแฟน Great expectation อีกคนนึงแล้ว
ดูเรื่องนี้แล้วชอบบรรยากาศของหนัง เพลง
และสีค่ะ


โดย: BeCoffee วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:21:53:20 น.  

 
แต่เดิมที เราตั้งใจว่ายกเลิกสมาชิกพันทิปค่ะ
ด้วยเหตุผลส่วนตัว (สงสัย เชิญหลังไมค์ค่ะ)
ตั้งใจว่าจะไม่เล่นเน็ตแล้ว ...เหนื่อยใจ นอนดีกว่า

แต่คิดๆดู เสียดายเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน มาเม้นท์
เสียดายเวลาที่เคยใช้อัพบล็อก
เสียดายความรู้สึกที่เคยถ่ายทอดลงไป

สุดท้ายจึงไม่ได้ยกเลิกการเป็นสมาชิก แต่แค่ล็อคกุญแจไว้ (เป็นการอำลาแค่ครึ่งเดียว)

ตอนนี้กลับมาเปิดบ้านแล้วค่ะ
เพราะรู้สึก "ดีขึ้น"

ประกอบกับ "บอลยูโร" ที่ต้องรอดู ...ระหว่างรอไม่มีอะไร ก็เลยเล่นเน็ต

แต่ยังไม่ได้อัพบล็อกตอนนี้นะคะ
มีงานต้องแก้หนึ่งชิ้นค่ะ
เสร็จธุระเรียบร้อยแล้ว ก็จะว่างกลับมาอัพบล็อคตามเดิม...


โดย: Jevanni วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:22:00:36 น.  

 
งืมมมม เป็นรีวิวที่ดีอีกแล้วค่ะ ชอบจัง

คำอุทิศน่ารักจริง ๆ อย่างที่ว่าด้วยนะคะ
แต่ก็หดหู่จับใจจัง เหมือนกับเนื้อหาในหนังสือ
ซึ่งก็คงทรมานใจผู้อ่านไม่น้อยเลยทีเดียว
และคงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนสะใจเช่นกัน

ซึ่งในที่นี้หมายถึง ในวันนึงอาจจะหามาอ่านค่ะ


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:4:36:41 น.  

 
คุณ TaMaChaN
ที่ต้องเป็นชุด เพราะมันไม่สามารถรีวิวทีรวบ 13 เล่มได้น่ะครับ 555+
ตอนนี้สบายดีแล้วครับ ฟิตเกินร้อย ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ

ปล เด็กเก็บว่าวเลยยังต้องถูกดองต่อไปอีกยาวเลยครับ
หลังรีวิวชุดนนี้จะไปอ่านต่ออีกครึ่งเล่มให้จบ
แล้วจะไปอ่านที่บล้อกนะครับ


คุณ BloodyMonday
แบบนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่มีแปลไทย -*-
การอ่านหนังสือเปรียบได้กับการจีบผู้หญิง เพราะต้องใช้เวลา
แต่การดูหนังก็เหมือนกันรอครับ 555+ หรือว่าบางครั้งการจีบผู้หญิงก็รวดเร็วทันใจใน 90 นาที ^^

คุณนัทธ์
โลกไซเบอร์กลมพอๆ กับโลกของเรา?
แล้วทำไมผมไม่เคยเดินไปชนน้องสายป่านบ้างเลย !!!


คุณ nikanda
นิยายไทยนี่หนาและแพงมากจริงๆ ครับ
ผมเลยมักจะไม่อ่านนัก (ไม่มีเงิน แถมสมาธิสั้นอ่านๆ ไปแล้วชอบเลิกอ่านกะทันหัน)

คุณ BeCoffee
Great expectation นี่ผมชอบไอเดียที่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถตกหลุมรักผู้หญิงที่เขาไม่สามารถอ่านใจเธอได้เลย
เธอดูลึกลับ ทำอะไรเดาทางไม่ออกสำหรับเขามาตลอด
หรือบางทีเขาอาจจะหลงรัก “ความแปลกใจ” ในตัวของเธอก็ได้


คุณ Jevanni
เออ...ผมไม่ขอยิงหลังไมค์ไปถามดีกว่าครับ
มันดูจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไปหน่อย
เอาเป็นว่าผมเคารพทุกการตัดสินใจของคุณครับ (แม้ว่าการตัดสินใจปิดเป็นอะไรที่ไม่ตรงกับใจของผม)
แต่ตอนนี้ผมดีใจที่คุณตัดสินใจแบบนี้ครับ ^^

คุณนางสาวดุ่บดั่บ
หนังสือชุดนี้อ่าแล้วต้องร้อง “งืมมม” จริงๆ ครับ
เพราะคนเขียนดูจะสะใจกับโชคร้ายของเด็กๆ เอามากๆ 555+
ทุกถ้อยคำของคนเขียนเลยเสียดสีๆ ติดตลกตลอด ไม่ว่าเด็กๆ กำลังตกที่นั่งลำบากขนาดไหน


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:16:37:18 น.  

 
ติดตามตั้งแต่พ.ศ.2546แล้วค่ะก้อ่านมาตลอดตั้งแต่ตอนที่น่าตื่นเต้นจนถึงตอนที่น่าเบื่อๆๆๆๆๆแต่ว่าก็ต้องทนอ่านทนติดตามจนถึงจุดจบ(ของความโชคร้าย)เลยค่ะดีค่ะก็ถือว่าน่าจะคุ้มนะสำหรับเวลาที่รอคอยสี่ปีเนี่ยคุ้มนะแต่ว่าตอนนี้หนังสือหาย12เล่มเหลือเล่มสุดท้ายเล่มเดียวเองเสียดายแบบสุดๆๆๆๆๆๆ


โดย: สาวกคนชอบอ่านค่ะ IP: 117.47.138.82 วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:15:14:32 น.  

 
เล่ม6เนี่ยน่าเบื่อสุดๆๆๆๆๆแต่ถ้าอยากรู้ก็ต้องทนอ่านนะ


โดย: สาวกคนชอบอ่านค่ะ IP: 117.47.138.82 วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:15:17:33 น.  

 
"แด่เบียทริซ เวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั้น ผมแทบลืมหายใจ แต่ตอนนี้กลับเป็นคุณที่ไม่หายใจ"

นั้นมันเล่ม7 นี่ ไม่ใช่เล่ม4


โดย: ไม่เอ่ยนาม IP: 125.26.103.245 วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:0:52:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอรบกวนทั้งชุดนอน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ขอรบกวนทั้งชุดนอน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.