พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 
12 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
"อลงกรณ์"สวมบทยาขม ดันปฏิรูป"ปชป."ยกสอง (คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ)

"อลงกรณ์"สวมบทยาขม ดันปฏิรูป"ปชป."ยกสอง

คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ



การออกมาเคลื่อนไหวปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ยกสองของ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคกลาง ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง

เนื่องจากเป็นการสะกิดและทวงถามความคืบหน้าประเด็น "ปฏิรูป" ต่อผู้บริหารพรรค ที่ดูเหมือนเรื่องจะหายเข้ากลีบเมฆ

แม้วิธีการอาจดูรุนแรงและเกิดภาพลบต่อพรรค แต่เขาผู้นี้เปรียบตัวเองเป็น "ยาขม" ระบุว่าสถานการณ์ของพรรคที่ตกต่ำเวลานี้ จำเป็นต้องให้ยาแรงเพื่อรักษาโรคร้าย รวมถึงโรคดีแต่พูด

มิเช่นนั้นจะถูกปรามาสว่าเป็นผู้แพ้ตลอดไป



มติกรรมการบริหารล่าสุด (7 ต.ค.) เห็นชอบปฏิรูปโครงสร้างพรรค ตรงความต้องการหรือไม่

ส่วนใหญ่สอดคล้องกับพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคที่ผมเสนอไป ซึ่งตอบโจทย์ 3 เรื่องคือ 1.การเลือกตั้งจะมีประสิทธิภาพขึ้น เปิดกว้างให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพมีส่วนร่วมกับพรรคโดยตรง

2.มีคณะกรรมการปฏิบัติการพื้นที่ (กรรมการโซน) และ 3.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสภาที่ปรึกษาพรรค และปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานใหญ่ของพรรค

การปฏิรูปพรรคครั้งนี้จะทำให้เรามีโอกาสชนะ โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งหน้า



โครงสร้างพรรคใหม่จะเข้าถึงรากหญ้าได้หรือ

เป็นครั้งแรกของพรรคที่จะเข้าถึงรากหญ้าทั้งในเชิงนโยบายและการมีส่วนร่วม เช่น การเปิดพื้นที่สาขาพรรคครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด และการเปิดเวทีนำเสนอและสร้างนโยบายแบบมีส่วนร่วม

เพราะจุดอ่อนที่เราแพ้คือ การแข่งขันเชิงนโยบาย รวมไปถึงการมีกลไกครอบคลุมทุกเขตเลือกตั้ง

หัวหน้าพรรคก็ยืนยันว่าจะปฏิรูปครั้งนี้อย่างรวดเร็ว สัปดาห์หน้าร่างข้อบังคับพรรคจะยกร่างเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นนำเข้าสู่การประชุมร่วมส.ส.-กก.บห.ภายในสิ้นเดือนนี้

หากที่ประชุมเห็นชอบจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีเพื่อรับรองข้อบังคับใหม่ พร้อมเลือกตั้งกรรมการบริหารและกรรมการทุกชุดที่ปรากฏในโครง สร้างใหม่ ซึ่งน่าจะประชุมได้ภายในเดือนพ.ย. หรือต้นเดือน ธ.ค.



จุดแข็งของโครงสร้างพรรคใหม่

1.ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ 2.มีกลไกที่ทำงานเป็นพลวัตแบบมีส่วนร่วม 3.ออกแบบให้หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารมีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนพรรคได้อย่างรวดเร็วฉับไว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

จึงปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารจาก 19 คน เป็น 25 คน เพิ่มรองหัวหน้า ภารกิจ และกรรมการกลาง พร้อมให้อำนาจหัวหน้าพรรคเสนอบุคคลเป็นกรรมการบริหารเกินกว่ากึ่งหนึ่ง

หมายความว่าหัวหน้าพรรคสามารถกุมเสียงข้างมากในกรรมการบริหาร ทำให้เกิดภาวะผู้นำ การตัดสินใจลงมติขับเคลื่อนพรรคเด็ดขาดมากขึ้น



รูปแบบคณะกรรมการโซนอาจเปิดช่องให้สร้าง กลุ่มก๊วน

อาจเป็นมุมมองในอดีต แต่รูปแบบนี้เป็นการออก แบบในเชิงบริหารเพื่อปิดจุดบอดเสริมจุดแข็ง ให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ส.ส.ทั่วทุกภาคเพิ่มขึ้น

เช่น ภาคอีสานมี 20 จังหวัด 126 เขตเลือกตั้ง แต่เรามีส.ส.เพียง 4 คน มีสาขาพรรคเพียง 30 กว่าสาขา เท่ากับอีกร่วม 90 เขต ไม่มีกลไกการทำงานสร้างฐานพรรค ทั้งที่เรามีศักยภาพที่จะชนะได้ถึง 30 เขต

ภาคเหนือ 16 จังหวัด 86 เขตเลือกตั้ง เรามีส.ส. 13 เขต มีสาขาอยู่ 20 กว่าสาขา หมายความว่าอีก 60 เขตเราไม่มีกลไกถาวรขับเคลื่อนการต่อสู้ของพรรค ทั้งที่เรามีศักยภาพชนะ 25 เขต

ภาคกลาง 96 เขตเลือกตั้งใน 26 จังหวัด เรามีส.ส. 26 คน ยังขาดอีก 70 เขต แต่เรามีเพียง 40 สาขา เชื่อว่าน่าจะชนะไม่น้อยกว่า 40 เขตเลือกตั้ง

นั่นคือเป้าหมายส.ส.ครั้งหน้า ซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสชนะเลือกตั้ง ได้ส.ส.มากกว่าทุกพรรค อาจไม่เกินกึ่งหนึ่ง แต่ชนะพรรคเพื่อไทย



ฝันไปหรือเปล่า

ไม่ใช่แค่ฝัน เพราะอยู่บนฐานการบริหารจัดการที่เหนือกว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีจุดอ่อนมากเพราะบริหารด้วยรูปแบบครอบครัว ขาดการมีส่วนร่วม แทบไม่มีสาขาพรรค และมีลักษณะกลุ่มก้อนการเมืองสูง

หลายคนมองว่ารัฐบาลแข็งแกร่งซึ่งเป็นการมองภาพหยาบ จริงๆ แล้วมีจุดอ่อน แม้แต่การบริหารก็บริหารแบบกินตัวเอง และกินคะแนนเสียงของตัวเอง

วันนี้ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสพัฒนาศักยภาพจะเป็นการเสียโอกาส ไม่มีโอกาสที่ดีกว่านี้แน่นอน



พรรคไฟเขียวปฏิรูปแสดงว่าไม่ย้ายพรรคแล้ว

ทั้งผม เลขาธิการ และกรรมการบริหารทุกคนเห็นสอดคล้องกันเรื่องปฏิรูป จึงไม่มีเหตุผลที่จะลาออก หรือแม้แต่ตั้งพรรคทางเลือกที่ 3

ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝง มีปัญหาก็พูด ถ้าวันนั้นกรรมการบริหารไม่เห็นด้วย ผมก็จะไม่ต่อสู้ในกรรมการบริหารเพราะเสียเวลา แต่ผ่านมา 6 เดือนแล้ว ทั้งที่เคยตกลงกันว่าจะสรุปภายใน 30 วัน

วันนี้หากถามคนภายนอกหรือในพรรคว่าถ้ามีการเลือกตั้ง พรรคจะกลับมาชนะหรือไม่ แทบทุกคนบอกว่าไม่มี แต่ผมไม่ใช่คนงอมืองอเท้า ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้หรือคนที่อยู่แบบขอนลอยน้ำ

จึงต้องเร่งตัดสินใจและต่อสู้เพื่อให้แนวทางการปฏิรูปเกิดขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรค สร้างระบบที่เข้มแข็งขึ้นมา นั่นคือเป้าหมายของผม ซึ่งถือว่าผ่านด่าน 1 เท่านั้น

ขั้นตอนสำคัญคือคน วิธีคิด แนวทางการทำงานแบบใหม่ ตรงนี้ยากกว่า



ปฏิกิริยาที่ผมทวีตครั้งแรกเมื่อ 13 เม.ย. คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูป และเห็นว่าประชาธิปัตย์ยังเป็นความหวัง นี่คือสิ่งที่บางคนในพรรคยังมองไม่เห็น เพราะเรามัวแต่คิดกันเอง มองเห็นภายในกันเอง แต่มองไม่เห็นภายนอก

ผมคิดว่าการสื่อสารสู่ภายนอกสำคัญ แต่ขอให้เป็นเรื่องเนื้อหาสาระ ไม่ใช่การจัดสรรผลประโยชน์ช่วงชิงอำนาจ ดังนั้นอย่ากลัวความจริง อย่าปิดบังความจริงไว้ใต้พรม



กก.บห.ชุดใหม่เป็นบุคคลเดิมๆ จะชนะเลือกตั้งหรือ

การเมืองยุคใหม่ต้องแข่งกันบริหารว่าใครเก่งกว่า วิสัยทัศน์ดีกว่า นโยบายดีกว่า ไม่ใช่ให้คนคนเดียวผลิตขึ้น หรือสร้างหนังที่มีพระเอก 1 คน นางเอก 1 คนแล้วขายได้ ปัจจุบันคนไม่ได้ดูแค่พระเอกนางเอก แต่ดูเนื้อหาและคุณภาพของหนัง

ผมอยู่พรรคมา 22 ปี ไม่เคยเป็นคนของใคร แต่เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่อยากให้มีกลุ่มก้อนซึ่งทุกวันนี้ยังมีอยู่ ดังนั้นต้องปลดปล่อย ไม่ยึดตัวบุคคลแล้วมายึดติดพรรคแทน

เชื่อว่าพรรคจะเลือกผู้นำที่ดี มีคุณธรรม วิสัยทัศน์ และความสามารถ



กระแสข่าวเลขาธิการพรรคถอดใจจะลาออก

ให้ท่านพูดเอง เพียงแต่การประชุมกรรมการบริหารเมื่อ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่ราบรื่นในเรื่องความคิดเห็นว่าจะปฏิรูปพรรคหรือไม่ เพราะการเห็นด้วยในหลักการครั้งนั้น มีแต่ คำว่า "แต่"

นั่นคือเหตุผลที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รู้สึกท้อ แต่ผมขอร้องให้ท่านอยู่ต่อ ช่วยกันปฏิรูปพรรค เราไม่ได้เดินกันแค่สองคน แต่มีทุกภาคหลายคนที่ร่วมเดินด้วย

ผมไม่พยายามแสดงความเป็นกลุ่มก้อนเพราะไม่ต้องการต่อรองด้วยกลุ่มพลัง แต่ต้องการต่อสู้ด้วยความคิด ในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่า ทุกอย่างที่ทำ จะเดินไปสู่คำว่าทุกคนเป็นเจ้าของพรรคประชาธิปัตย์



ท้อหรือไม่ที่ถูกโจมตี

ผมเปรียบตัวเองเป็นยาขมซึ่งมีสรรพคุณรักษาโรค ยอมรับหรือไม่ว่าพรรคถูกมองในภาพดีแต่พูด ตกต่ำเรื่อยๆ อิงแอบเผด็จการ ตอนเราเป็นรัฐบาลก็มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น อืดอาดล่าช้าในการบริหาร หรือว่าดีแต่พูด ไม่มีผลงาน

การถูกฉกฉวยโอกาสนำไปเป็นประเด็นวิจารณ์ก็จะแค่ช่วงเวลาหนึ่ง หากยาขมนี้รักษาโรคได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกินยาขมอีกต่อไป

แต่หากเราไม่กินยาขมและไม่แก้ไข ที่หนักกว่า ยาขม คือการถูกปรามาสตลอดเวลาว่า ไม่มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง ตรงนี้ร้ายแรงกว่า

ผมรักพรรคไม่น้อยกว่าใคร ต่อสู้กับพรรคมาไม่ได้น้อยกว่าคนอื่น ดังนั้นอย่ามาตั้งคำถามกับผมในความรักที่มีต่อพรรค และผมไม่เคยสักครั้งเดียวจะแสดงท่าทีจะออกจากพรรคในยามที่พรรคตกต่ำ

ดังนั้นไม่ว่าจะเจอขวากหนามอย่างไร ผมจะสู้กับทุกคนที่ขัดขวางในการที่จะทำให้พรรคเป็นทางเลือกที่ดี 



Create Date : 12 ตุลาคม 2556
Last Update : 12 ตุลาคม 2556 10:20:36 น. 0 comments
Counter : 834 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.