bloggang.com mainmenu search


เชียงรายรำลึก 2
(ตอน สามเหลี่ยมทองคำ แม่สาย พะเยา)


สามเหลี่ยมทองคำ
10 มกราคม 2007


หลังจากที่เที่ยวชมพระตำหนักดอยตุงจากตอนที่แล้ว เราก็เดินทางมาพักริมน้ำโขงที่สามเหลี่ยมทองคำ หรือสบรวก ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอแม่สาย ๒๘ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๑๒๙๐ เป็นบริเวณที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกมาบรรจบกัน..... เพื่อว่าจะได้ทานปลาน้ำโขงกันที่นี่ และอีกอย่าง ตื่นเช้าเราจะเริ่มโปรแกรมการเที่ยวเชียงรายวันที่สองกันที่นี่ โดยวางแผนเอาไว้ว่า ตอนเช้าเราจะเที่ยวชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขง ต่อด้วยพิพิธภัณฑ์ฝิ่น แล้วเดินทางต่อไปแม่สาย ข้ามแดนไปพม่า และเดินทางกลับ โดยจะแวะวัดอนาลโยที่ดอยบุษราคำที่พะเยาด้วย...


พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ริมแม่น้ำโขง



สามเหลี่ยมทองคำ หมายถึงพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย, แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว และจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมบรรจบกัน โดยมีแม่น้ำโขงตัดผ่านชายแดนไทยและลาว นับเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคนี้



สามเหลี่ยมทองคำในส่วนของประเทศไทย อยู่ในเขต บ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีท่าเรือขนาดเล็กขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีน และลาว เมื่อมองจากฝั่งไทยไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นหมู่บ้านในฝั่งลาวอย่างชัดเจน ส่วนทางพม่าซึ่งอยู่ด้านตะวันตกนั้น ไม่มีหมู่บ้านหรือสิ่งก่อสร้างให้เห็นในระยะใกล้ๆ





บริเวณดังกล่าวยังเป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวก เรียกว่า สบรวก บริเวณนี้เคยมีการค้าฝิ่น โดยแลกเปลี่ยนกับทองคำ มีทิวทัศน์ที่งดงามโดยเฉพาะยามเช้า ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก เดิมสามเหลี่ยมทองคำเป็นที่รู้จัก ในฐานะเป็นแหล่งท่องเที่ยวรอยต่อระหว่างประเทศ แต่ในปัจจุบันมีความสำคัญในทางเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย



นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปยังสามเหลี่ยมทองคำในช่วงฤดูหนาว และไปถ่ายรูปกับป้าย "สามเหลี่ยมทองคำ" ที่ติดตั้งไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขงด้วย นอกจากนี้ยังนิยมนั่งเรือเที่ยวชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า ค่าเช่าเรือประมาณ 300 - 400 บาท (นั่งได้ 6 คน)นอกจากนี้ยังสามารถล่องแม่น้ำโขงไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น สิบสองปันนา คุนหมิง ได้ด้วย แต่หากต้องการจะชมทิวทัศน์มุมกว้าง ของสามเหลี่ยมทองคำบริเวณสบรวกและเพื่อนบ้าน ต้องขึ้นไปบนดอยเชียงเมี่ยง ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง
(ขอบคุณข้อมูล จากวิกิพีเดีย)


หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ
หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวอาคารล้อมรอบด้วยสวนอันสวยงาม เป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของฝิ่นเมื่อสมัยที่มีการใช้กันอย่างถูกกฏหมายและผลกระทบของการเสพติดฝิ่น อีกทั้งยังทำหน้าที่ศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องในหัวข้อฝิ่น สารสกัดจากฝิ่นในรูปแบบต่างๆและยาเสพติดอื่นๆ เสียดายที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เราถ่ายภาพภายในได้



อาคารแสดงนิทรรศการ เป็นอาคารอยู่คนละฟากเขา โดยเจาะอุโมงค์ผ่าน เพื่อทำเป็นพื้นที่แสดง หลังจากซื้อบัตรเข้าชมแล้วเจ้าหน้าที่จะพาเข้าไปในอาคาร เดินชมไปเรื่อย จนทะลุอีกด้านของภูเขา โดยรถจะไปรอรับเราอยู่ด้านทางออกนั้น

บริเวณที่จัดแสดงภายในจะเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับฝิ่น การเสพ อุปกรณ์ต่างๆ ความสำคัญและตำนานต่างๆที่เกี่ยวเนื่อง ได้จัดแสดงไว้เป็นหมวดหมู่ อย่างดีมาก พร้อมกับเทปเสียงอธิบายเรื่องราวต่างๆ ไว้อย่างดี ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็คุ้มค่าที่เราจ่ายคนละ 200 บาทเพื่อเข้าชมครับ




หอฝิ่นจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ระหว่างเวลา 08.30-16.00 น. ค่าเข้าชมบุคคลทั่วไป ต่างชาติ 300 บาท คนไทย 200 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท เด็กอายุ12-18 ปี 50 บาท (เฉพาะคนไทย)เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ฟรี รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ โทร. 0 5378 4444-6 เว็บไซต์ https://www.goldentrianglepark.com


เราออกจากสบรวกและขับเลาะไปตามแนวตะเข็บชายแดน ไทย-พม่า ตามทาง สายสามเหลี่ยมทองคำ - แม่สาย .... รถวิ่งได้สะดวกดี เป็นเส้นทางลัด โดยไม่ต้องย้อนกลับไปทาง อำเภอเชียงแสนอีก สองข้างทางส่วนมากจะเป็นที่ราบสำหรับเป็นพื้นที่ปลูกข้าวที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์


อำเภอแม่สาย
อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 62 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 110 เป็นอำเภอเหนือสุดของประเทศไทย ติดต่อกับประเทศพม่าที่ท่าขี้เหล็ก โดยมีแม่น้ำแม่สายเป็นพรมแดน มีสะพานเชื่อมเมืองทั้งสองเข้าด้วยกัน ทั้งชาวเขาและชาวพม่าเดินทางไปมาหาสู่ค้าขายกันโดยเสรี นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปยังท่าขี้เหล็กของพม่าเพื่อซื้อสินค้าพื้นเมืองและสินค้าราคาถูกอื่นๆ เช่น ตะกร้า เครื่องทองเหลือง สบู่พม่า สมุนไพร บุหรี่ ฯลฯ นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าเขตพม่า ได้ตั้งแต่เวลา 6.00-18.00 น. โดยนำบัตรประชาชนและเสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ที่จุดผ่านแดน (สำหรับชาวต่างประเทศ 5 เหรียญสหรัฐ และใช้พาสปอร์ต ติดต่อที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย )



ที่ตลาดแม่สายเราแวะชมร้านขาย และโรงงานเจียระนัยหยก ซึ่งทางร้านเขาจะมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายเรื่องราว และกรรมวิธีการนำหยกซึ่งอยู่ในหิน มาแยกและเจียระนัย ตลอดจนการทำเครื่องประดับเกี่ยวกับหยก หลังจากนั้นก็จะพาเราเข้าไปหน้าร้าน เพื่อเสนอขายหยกให้เรากันล่ะ ราคามีตั้งแต่ เป็นพัน ถึงหลายแสนบาทเลยทีเดียว..







หลังจากตัวเบาจากการเลือกซื้อหยกแล้ว เราก็เดินทางข้ามแดนไปทางฝั่งท่าขี้เหล็กต่อ.... สินค้าส่วนมาก ก็จะนำเข้ามาจากประเทศจีน การเลือกซื้อหาควรจะใช้ความระมัดระวังด้วย ถ้าอะไรไม่แน่ใจก็มาซื้อฝั่งไทยได้ ซึ่งราคาก็ไม่ต่างกันมากนัก บางอย่างถูกกว่าด้วยซ้ำ สินค้าหัตกรรมพวกที่ทำจากไม้ ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะวันนั้นเกือบไม่ผ่านด่าน โดนเรียกเข้าสอบตั้งนานแน่ะ..



ตลาดท่าขี้เหล็ก พม่า




หัตถกรรมไม้ กับสินค้าอื่นๆ



ผลไม้ แต่จำชื่อไม่ได้



สายน้ำที่กั้นเขตแดน ตอนนี้มีสะพานข้ามสองแห่งแล้ว



ประมาณบ่ายโมง เราก็ออกจาก อำเภอแม่สายเพื่อเดินทางกลับ ตามเส้นทางที่ผ่านจะมีพวก ส้ม แอบเปิ้ล และสตอร์เบอรี่วางขายเต็มไปหมด รวมทั้งสินค้า OTOP ที่เป็นไวน์สตอเบอรี่ด้วย....


วัดอนาลโยทิพยาราม(ดอยบุษราคัม)
ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัม บ้านสันป่าม่วง หมู่ที่ 6 ต.สันป่าม่วง จากตัวเมืองไปตามเส้นทางพะเยา-เชียงราย ประมาณ 7 กม.แยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1127 ประมาณ 9 กิโลเมตร สร้างโดยพระปัญญาพิศาลเถร (พระอาจารย์ไพบูลย์ ฯ)เป็นอุทยานพระพุทธศาสนา มีศาสนาที่สวยงามเช่น พระพุทธรูปศิลปสุโขทัยองค์ใหญ่ พระพุทธรูปปางต่าง ๆ พระพุทธลีลา พระพุทธคยา พุทธคยา เก๋ง จีน ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม หอพระแก้วมรกตจำลองทำด้วยทองคำ ฯลฯ บรรยากาศร่มรื่น พื้นที่กว้างขวาง แวดล้อมไปด้วยทรัพยากรป่าไม้
















อ่าน ตอนที่ 1




_____จบทริป ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน____









Create Date :04 กรกฎาคม 2551 Last Update :6 พฤษภาคม 2561 12:22:02 น. Counter : Pageviews. Comments :15