bloggang.com mainmenu search







1095 ถนนลอยฟ้า
จากแม่ฮ่องสอนถึงปาย
(เที่ยววงกลม เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ปาย ตอนที่ 5)





อ่านตอนที่ 1 ออบหลวง ถ้ำแก้วโมล (ที่นี่)
อ่านตอนที่ 2 ปางอุ๋ง (ที่นี่)
อ่านตอนที่ 3 ปาย (ที่นี่)
อ่านตอนที่ 4 ภูโคลน กะเหรี่ยงคอยาว วัดพระธาตุดอยกองมู (ที่นี่)




ประมณ 0530 น. ของวันที่ 12 ธันวาคม 2552 เราถือโอกาสบอกลาริมน้ำกลางดอยรีสอร์ท โดยบอกคุณพี่รัชนีไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ว่าเราจะออกแต่เช้าและแวะเที่ยวตามทางผ่านไปเรื่อย ซึ่งทุอย่างก็เป็นไปด้วยดี

ตื่นเช้าๆแบบนี้ เจออากาศดีเยี่ยม ไอหมอกกำลังคลุมภูเขา และแม่น้ำปาย จึงเป็นเหตุให้ต้องหยิบกล้องออกไปเดินถ่ายภาพหน้ารีสอร์ทมาฝาก ดังที่เห็นในภาพ








แม่น้ำปายหน้าที่พักยามเช้า






เรามาแม่ฮ่องสอน 3 ครั้งส่วนมากจะพักกันที่นี่ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งรีสอร์ทเต็ม เราต้องระหกระเหินไปนอนในเมือง ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่ค่อยชอบ เวลามาเที่ยวดอยแบบนี้..... แต่วันต่อมาเราก็ได้พักที่นี่ อาจเป็นเพราะห่างเมืองหลาย กม. ออกไปทางบ้านห้วยเดื่อ ทำให้สถานที่เงียบและน่าพักผ่อน รีสอร์ทเขาตั้งอยู่ติดแม่น้ำปาย ซึ่งเราสามารถเรียกเรือมารับเราไปเที่ยวบ้านกะเหรี่ยงคอยาว ที่บ้านห้วยปูแกง หรือบ้านน้ำเพียงดินได้ด้วย...









แม่น้ำปายหน้าที่พักอีกภาพ







ออกจากรีสอร์เราก็เดินทางเข้าตัวเมือง เพื่อไปทานโจ๊กฮ่องกง ซึ่งมาตั้งขายที่ปั๊มน้ำมันเก่า ติดกับร้านอาหารบ้านเพลงหน้าโรงแรม เม๊าท์เท่น อินน์ ที่เรามาแวะทานมื้อเที่ยงวานนี้...

พอไปถึงก็ต้องรอคิวอีกแล้วครับท่าน ปรากฏว่าคนมาเพียบ คงคิดเหมือนเรานั่นแหละน๊า..... สุดท้ายก็ได้ทาน โจ๊กอร่อยมาก นี่จากการออกเสียงของทีม แต่เราต้องรีบทาน เพราะเห็นใจเพื่อนๆนักท่องเที่ยวที่ยืนรออยู่ เพราะอยากมาลองบ้าง









บนถนน 1095 ที่ไปถ้ำปลา







เราออกเดินทางผ่านเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อตัดเข้าทางหลวงสาย 1095 เพื่อไปชมถ้ำปลาซึ่งอยู่ข้างทางด้านซ้ายมือ ถ้าเรามาจากแม่ฮ่องสอน ซึ่งไม่ไกลนัก แต่เช้านี้หมอกยังหนาตลอดทาง..









ส่งโปสการ์ดไหม?






ถ้ำปลา

อยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ เป็นถ้ำใต้เชิงเขา มีธารน้ำไหลออกมาจากถ้ำตลอดทั้งปี บริเวณปากถ้ำเป็นวังน้ำกว้างประมาณ 2 เมตร และลึก 1.5 เมตร สามารถมองเห็นฝูงปลาขนาดใหญ่ มีสีดำเทาอมฟ้า เรียกว่า ปลามุงหรือพลวง ภายในถ้ำจะมีปลาดังกล่าวอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะชาวบ้านเชื่อว่าปลานี้เป็นปลาศักดิ์สิทธิ์ หากใครนำมารับประทานจะพบภัยพิบัติ บริเวณหน้าถ้ำมีอาหารปลาจำหน่ายซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมซื้อและให้อาหารปลาอยู่เสมอ








ธารน้ำใสที่ออกจากถ้ำปลา






นอกจากนี้ถ้ำปลายังมีทิวทัศน์ของสภาพป่า หน้าผาเขาหินปูนอันเป็นธรรมชาติที่สวยงามมากถ้ำปลาอยู่ริมทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1095 สายแม่ฮ่องสอน-แม่มาลัย ระหว่าง กม. 191-192 ห่างจากเมืองแม่ฮ่องสอนเพียง 17 กิโลเมตร สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติ ยังไม่ที่พัก-บริการไว้บริการนักท่องเที่ยว มีแต่สถานที่กางเต็นท์ให้บริการนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นอุทยานแห่งชาติจัดตั้งใหม่ หากสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวต้องจัดเตรียมเต็นท์และอาหารไปเอง ที่ถ้ำปลามีร้านจำหน่ายอาหารเปิดบริการกิจกรรม - ชมทิวทัศน์ - เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา









ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีที่เขาด้านหลัง










ถ้ำปลาอยู่ตรงนี้










ปลาที่อยู่นอกถ้ำ











ออกจากถ้ำปลาก็เจอหมอกอีก







พอออกจากถ้ำปลาเราก็ขึ้นเขาสูง แต่ทางได้ปรัปรุงใหม่ทำให้ขับง่ายขึ้น เรายังจำได้ว่ามาแม่ฮ่องสอนครั้งสุดท้าย ทางสายนี้ แคบ และหักข้อศอกขึ้นเขาอย่างน่าหวาดเสียว แต่ ณ วันนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ขับง่ายขึ้นเยอะ.... ซักพักหนึ่งเราก้ไต่อยู่บนสันเขา มองเห็นยอดไม้ลิปอยู่ข้างทาง








ทะเลหมอกระหว่างทาง





ก่อนถึงจุดชมวิวแห่งแรก (เมื่ออกมาจากแม่ฮ่องสอน) เราก็ได้เห็นทะเลหมอกที่จับตัวกันหนาแน่นยังกะก้อนเมฆ..... พอเห็นไหล่ทางพอจอดได้ ก็จอดถ่ายเสียเลย ไม่หวังน้ำบ่อหน้า เพราะตอนนี้เกือบ 1000 นาฬิกาแล้ว

ตามประสาคนชอบธรรมชาติ เห็นแบบนี้ก็กดเสียหลายสิบภาพ เสียดายที่กล้องแรงไม่พอ เลนส์ 18 -135 มม. ก็ดึงเอามาได้แค่นี้เอง.... ครั้งสุดท้ายที่เรามา เราเห็นหมอกแบบนี้คลุมเกือบทั้งหุบเขา เวลาเราถ่ายภาพออกมา เหมือนยืนบนก้อนเมฆเลยหล่ะ..
























เจอตรงไหน ถ่ายตรงนั้น







เรามาถึงจุดชมวิวแรกที่อยู่บนยอดเขา มีชาวเขามาขายสินค้าพวกเสื้อผ้าชาวเขามากมาย ทางด้านซ้ายมือ (มาจากแม่ฮ่องสอน) จะมีจุดให้ชมวิวถ่ายภาพ และมีห้องน้ำให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย

ว่าถึงห้องน้ำนี่ ทางเหนือเขาทำดีมากคือที่ไหนมีหน่วยบำรุงรักษาทาง หรือหมวดการทาง เขาก็จะทำห้องน้ำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้กัน...เห็นแบบนี้ตลอดทาง เราว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าจะมีทั่วประเทศ











เพื่อชีวิต... เจอลุงชาวเขาที่จุดชมวิวปางมะผ้า(ด้านบน) แกมีปัญหาเรื่องสายตา ที่รู้เพราะตอนที่เราไปขอถ่ายภาพ แกทำท่าจะไม่ให้ถ่าย โดยชี้ไปที่ตาและพูดภาษาชาวเขา 2-3 คำ... แต่เราดื้อโดยทำไม้ทำมือบอกแกว่า เราไม่ใช้แฟลชหรอก แกเลยยอม ก่อนที่เราจะหย่อนแบ๊งค์เล็กๆให้แกใบหนึ่ง...








มีสินค้าจากชาวเขามาขายด้วย












หนูน้อยชาวเขา..... 3 คนนี้สงสัยจะมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากินบนจุดชมวิวนี้ หนูน้อยเป่าอะไรคล้ายๆขลุ่ย แต่เราไม่รู้หรอกว่าเพลงอะไร ได้แต่สงสารและเอ็นดูเขา ก็เลยต้องแจกอีกรอบ..








ชมวิวตรงนี้....ที่จุดชมวิวปางมะผ้า










ดอกไม้สวยๆ








แม่ค้าที่นั่นพูดเก่งมาก พอนักท่องเที่ยวเดินไปชมสินค้า พวกเธอจะบอกว่า "ช่วยกระจายรายได้ร้านนี้หน่อยค๊า..." ซึ่งบางคนสำเนียงไทยชัดแจ๋ว แต่ส่วนมากยังพูดไม่ค่อยชัด เจอลูกมาร์เก็ตติ้งที่ทั้งหยอดความน่าสงสารระดับนั้น มีเหรอที่พวกเราจะไม่เสียเงิน....









แม่ค้าชาวเขา









ถ้ำผีแมน







ก่อนจะเข้าปางมะผ้า มีถ้ำผีแมนเพิ่งเปิดตัวใหม่ เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่า เพิ่งจะเปิดเมื่อ 2-3 เดือนนี่เอง ก็น่าจะใช่อยู่หรอก Office ก็ยังไม่มี ใช้เรือนชั่วคราวเพื่อขายบัตร โดยคิดค่าขึ้นไปชมคนละ 30 บาท และต้องเดินขึ้นเขาไปอีก 300 เมตร (แต่เหนื่อยมากๆ)

ที่เรายอมปีนขึ้นไปดูเพราะเจ้าหน้าที่บอกเราว่า ที่นี่มีโลงไม้ผีแมนสมบูรณ์มากๆ และในบริเวณเขานี้ ยังมีอีกหลายที่.... เราเลยอยากขึ้นไปดู เพราะไม่ไกลมากนี่นา แค่ 300 เมตรเอง









ปีนมาตามทางแบบนี้







“วัฒนธรรมโลงไม้” คือ ลักษณะเฉพาะของการปลงศพที่พบในพื้นที่สูงอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน การปลงศพมีความโดดเด่นอยู่ตรงที่ประกอบด้วยโลงไม้ซึ่งมักจะทำจากไม้สักผ่า ครึ่งและขุดส่วนกลางออก ส่วนปลายทั้งสองด้านมีการแกะสลักเป็นรูปต่างๆ ไม้ที่ผ่าครึ่งจะประกบกันเป็นคู่ และวางบนเสาไม้จำนวน 4-6 เสา หรือวางไว้บนคานภายในถ้ำ ซึ่งมักจะตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เกือบจะยอดของเทือกเขาหินปูนในภูมิประเทศแบบ คาสต์

โบราณวัตถุที่พบร่วมกับโลงไม้ ได้แก่ชิ้นส่วนกระดูกคน หม้อและเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินรมควันลายเชือกทาบ ลูกปัดแก้ว เครื่องมือสำริด และเครื่องมือเหล็ก









หลังจากปีเขามา 300 เมตร







“โลงผีแมน” เป็นคำพื้นเมืองที่ชาวบ้านท้องถิ่นเรียกโลงไม้ที่พบตามถ้ำต่างๆ ในอำเภอปางมะผ้า “ผีแมน” เป็นภาษาไทยใหญ่หมายถึง “ผีที่โผล่ขึ้นมา”

หลังจากลงมาถึงพื้นราบเราให้ค่าทิบน้องผู้หญิง ซึ่งเจ้าหน้าที่นำทาง หรือมัคคุเทศก์ เธอบอกว่านักท่องเที่ยว เริ่มมาที่นี่เยอะขึ้น วานนี้แทบไม่มีเวลาทานกลางวันเลย..


อ่านเพิ่มเติม : //www.rasmishoocongdej.com









อยู่ริมหน้าผาก็มี (ถ้ำ 2 กับ ถ้ำ 3)







จากถ้ำผีแมน เราเดินทางตามมางหลวง 1095 ต่อเพื่อไปชมถ้ำน้ำลอด ซึ่งอยู่ อ. ปางมะผ้า โดยอยู่ห่างจากถนนใหญ่ออกไปประมาณ 9 กม.

ปางมะผ้า เป็นคำภาษาไทยใหญ่ ปาง หมายถึงที่พักชั่วคราว มะผ้า เพี้ยนมาจากคำว่า หมากผ้า แปลว่ามะนาว ปางมะผ้า หมายถึงที่พักชั่วคราวที่มีมะนาว









ทางเดินไปถ้ำน้ำลอด






ถ้ำลอดปางมะผ้า

ถ้ำน้ำลอด เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียง สวยงาม และเข้าชมได้ง่ายสะดวกสบายที่สุดแล้วในบรรดาถ้ำทั้งหมด ตั้งอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 141 จากเส้นทางหลวง 1095 (ปาย-ปางมะผ้า) เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 9 กิโลเมตร ตรงเข้าไปจนสุดทางจะพบถ้ำน้ำลอด









เจ้าหน้าที่ถือตะเกียง







ถ้ำน้ำลอด อยู่ในความดูแลของศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด จากด่านด้านหน้าต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 350 เมตร พร้อมคนนำทางและตะเกียงส่องทาง สาเหตุที่ไม่มีการติดตั้งไฟในถ้ำต่างๆก็เพื่อเป้นการรักษาถ้ำเหล่านี้ให้สวยงามและคงเดิมอยุ่ตลอดเวลา อีกทั้งยังสร้างรายได้เสริมให้กับชาวบ้านใกล้เคียงที่สมัครมาเป็นคนนำทางให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย








มาขึ้นเรือแพกันที่นี่






เมื่อถึงบริเวณปากทางเข้าถ้ำนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มาถึงบางอ้อว่าทำไมถ้ำแห่งนี้ชื่อว่า “ถ้ำน้ำลอด” นั่นเป็นเพราะถ้ำแห่งนี้มีสายน้ำไหลผ่านตั้งแต่ปางทางเข้าถ้ำไปจนถึงถ้ำสุดท้ายที่อยู่ภายในโพรงแห่งนี้มีความยาวกว่า 500 เมตร กว้าง 20 เมตร สูง 50 เมตร สายน้ำกัดเซาะโพรงถ้ำแห่งนี้มากกว่าล้านปี ก่อเกิดเป็นถ้ำใหญ่ๆถึง 3 แห่ง ได้แก่ ถ้ำเสาหิน ถ้ำตุ๊กตา และถ้ำผีแมน เส้นทางท่องเที่ยวทั้ง 3 ถ้ำ ต้องอาศัยการนั่งแพเข้าไป








รอรับนักท่องเที่ยว









จุดชมวิว กิ่วลม





ออกจากถ้ำน้ำลอด โดยไม่มีใครเข้าไปด้านใน เพราะเราเคยมาที่นี่แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนเราเดินเข้าไปเพื่อไปชม 3 ถ้ำนั่นก่อน แล้วค่อยล่องแพไม้ไผ่ออกมา แต่ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต้องนั่งเรือ หรือ แพ ไม้ไผ่เข้าไปเท่านั้น..โดยเขาคิดค่าแพ 400 บาท นั่งได้ 4 คน และคนถือตะเกียงเจ้าพายุ อีก 150 บาท รวมแล้ว 550 บาทต่อเที่ยว โดยติดต่อที่ศูนย์บริการ

พอออกจากปางมะผ้าได้เราก็ไต่ขึ้นเขาอีกครั้ง จุดพักต่อไปก่อนถึงปาย คือ จุดชมวิว "กิ่วลม" ซึ่งว่ากันว่าตรงนี้เป็นที่ดูทะเลหมอกที่สวยมากๆด้วย...








เรามาตามทางแบบนั้น










ทะเลภูเขา







และแล้วเราก็มาถึงกิ่วลม ซึ่งเป็นจุดชมวิวและทะเลหมอกอีกแห่งหนึ่งตามเส้นทางายนี้ คำว่า กิ่ว น่าจะเท่ากับครอด ช่องที่ให้ผ่าน กิ่วลม = ช่องลมที่ผ่าน ก็คือผ่านยอดเขา หรือเทือกเขานั้นๆ..... เราเคยผ่านเส้นทาง เวียงจันทร์ - หลวงพระบางในประประเทศลาว ก็ใช้คำนี้เช่นกัน เช่น กิ่วกระจำ กิ่วลม ความหมายก็เหมือนกันนี้









มีการแสดงของนักเรียน







ปกติหน้าหนาว กิ่วลมจะหนาวมากกว่าที่อื่น เขาจึงจัดที่ตรงนี้ให้นักท่องเที่ยวและผู้เดินทางผ่านไปมา ได้พักรถและชมบรรยากาศของทะเลภูเขา.... วันที่เราไปถึง ที่นั่นคึกคักมาก มีการแสดงดนตรี และการร่ายรำของนักเรียน ของโรงเรียนในแถบนั้น เพื่อรับบริจาคจากนักท่องเที่ยว หรือผู้คนที่ผ่านไปมา ตลอดถึงเด็กๆชาวเขาที่แต่งตัวด้วยสีฉูดฉาด มาถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยว โดยขอค่าขนมนิดหน่อย.... วันนั้นเรากับกลุ่มหนึ่งที่มาจาก กทม. เหมาเด็กน้อยเหล่านั้นมารวมกันถ่ายกัน..









รำนกยูง










ถ่ายภาพกะเด็กๆ











รอรับค่าทิป










บริเวณจุดชมวิว






นอกจากการแสดงต่างๆของเด็กนักเรียนแล้ว ก็ยังมีร้านขายสินค้าของชาวเขาอีกมากมาย ทางซ้าย (ถ้ามาจากปาย) จะมีป้ายเขียนว่า "กิ่วลม" มองไปด้านหน้า จะเจอเส้นทางที่คดเคี้ยว ไต่ขึ้นเขามาที่จุดนี้ ซึ่งในระหว่างการเดินทาง ถ้าท่านไม่หลับ หรือเมารถเสียก่อน จะเห็นภาพภูเขาและเส้นทาง ที่สวยงามมากๆ..








วิถีชีวิต











ขายสินค้า







เราพักถ่ายภาพ และชมวิวทิวทัศน์ ตลอดจนช้อปปิ้งบนตลาดลอยฟ้า ประมาณเกือบชั่วโมง ก่อนที่จะเดินทางต่อไป โดยมีเป้าหมายที่เมืองในหุบเขา เล็กๆที่เป็นยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย และต่างประเทศ นั่นคือ ปาย......









เดินทางต่อไป



ขอบคุณที่ตามอ่านครับ



__________ END _________



Create Date :22 มกราคม 2553 Last Update :28 กรกฎาคม 2556 21:28:26 น. Counter : Pageviews. Comments :21