bloggang.com mainmenu search








สวัสดีปีกระต่าย 2554 ครับ.... หลังจากที่หลายๆท่านสุขสันต์วันหยุดยาว เพื่อเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่กันมาอย่างเต็มที่แล้ว วันนี้ก็กลับมาเตรียมตัว เตรียมพลัง เพื่อลุยงานต่อไป... ผมถือโอกาสเอาบล๊อกนี้ต้อนรับปีใหม่เลยละกันครับ..




วันที่ 5 ธันวาคม 2553 เราเดินทางจากศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน ม.แม่ฟ้าหลวงไปที่อำเภอแม่จัน ก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปทางตอน หรือ อ.แม่อายตามเส้นทางหมายเลข 1089 ตรงเลยทางแยกไป 2-3 กม. จะมีปั๊มน้ำมัน ปตท.อยู่ เราเติมเต็มถังที่นั่น เตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นเขา

ขับไปผ่านน้ำพุร้อน เรายังไม่แวะเอาไว้ขากลับลงมาค่อยว่ากัน ประมาณ 30 กม.จากแยกที่แม่จัน จะมีทางแยกขึ้นดอยแม่สลอง บอกระยะทางว่า 15 กม. ช่วงแรกๆก่อนถึงหมู่บ้านชาวเขาขับง่าย ทางกว้างดี พอเลยหมู่บ้านชาวเขาไป จะเป็นทางแคบ ไม่มีไหล่ทางแต่ก็เรียบดีถึงจะขึ้นเขาหน่อย แต่ก็ไม่ชันนัก ซักพักก็เข้าย่านการค้า (เพราะขายทุกอย่าง) ดอยแม่สลอง ตรงคุ้มนายพล เราเอารถเข้าไปจอดไว้ในบริเวณโรงเรียน ก่อนออกมาชมตลาดบริเวณนั้น...








ดอยแม่สลองวันนี้






ตรงจุดจอดรถนักท่องเที่ยวจอแจด้วยชาวเขาที่มาขายผลิตภัณฑ์และนักท่องเที่ยว วันที่เราไปถึงคนเยอะมาก... เราเคยมาที่นี่เมื่อนานมากแล้ว (สิบกว่าปีได้) เดี๋ยวนี้ที่นี่พัฒนาไปมาก ถ้าไม่มีป้ายต่างๆบอกว่านี่คือดอยแม่สลอง เราอาจหลงตัวเองว่าเดินอยู่ที่ไหนซักแห่งในจีนแน่นอน

ตรงที่จอดรถมีจุดบริการนักท่องเที่ยวเราถามข้อมูลเพิ่มเติมที่นั่นพร้อมกรอกรายชื่อการรับบริการจากเธอ... ณ ที่ตรงนั้น ยังมี ATM ของกรุงไทย และธนาคารอีกแห่งด้วย ฉะนั้นเงินหมดไม่ต้องกลัว กดได้ เพิ่มได้...








คนขายโคมไฟ











ร้านชานายพลต้วน






ประวัติความเป็นมา

ดอยแม่สลอง เป็นชุมชนของอดีตทหารจีนกองพล 93 สังกัดพรรคก๊กมินตั๋ง ของนายพลเจียงไคเช็ค ทำการรบอยู่ทางตอนใต้ของจีน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจีน เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดยเหมาเจ๋อตุง ยึดอำนาจสำเร็จ พรรคก๊กมินตั๋ง จึงถอยร่นไปปักหลักที่เกาะไต้หวัน กองพล 93 กลายเป็นกองกำลังพลัดถิ่น ถูกกดดันอย่างหนัก จนถอยร่นเข้ามาในเขตพม่า แต่ถูกฝ่ายพม่าผลักดัน เกิดการปะทะกันหลายครั้ง จนต้องถอยร่นมาจนถึงเทือกดอยตุงชายแดนไทย...









หมูฟ้า...






ฝ่ายพม่าได้ร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ เมื่อปี พ.ศ.2496 และมีมติให้อพยพกองกำลังพลัดถิ่นไปยังประเทศไต้หวัน แต่ทหารสังกัดนายพลหลี่เหวินฝาน และนายพลต้วนซีเหวิน ราว 3 หมื่นคน ทำเรื่องขอลี้ภัยในประเทศไทย เนื่องจากไม่แน่ใจในอนาคต เพราะไต้หวันเป็นเพียงเกาะเล็กๆ รัฐบาลไทยอนุญาตโดยจัดสรรให้ทหารของนายพลหลี่เหวินฝาน ไปอยู่ที่ถ้ำง้อบ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ส่วนทหารสังกัดนายพลต้วนซีเหวิน 15,000 คน อยู่บนดอยแม่สลอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 เพื่อใช้เป็นกันชนกับชนกลุ่มน้อย ทำให้ดอยแม่สลองในยุคแรก เป็นดินแดนลี้ลับต้องห้าม มีปัญหายาเสพติด และกองกำลังติดอาวุธมาตลอด ทางการไทยได้พยายามแก้ปัญหา โอนกองกำลังเหล่านี้มาอยู่ในความดูแลของกองบัญชาการทหารสูงสุด...









ขายผลไม้ : 1. มะเขือเทศ 2. หัวสาคู 3. ลูกเชอรี่ 4. อะโวคาโด้ 5. ถั่วแดง







กระทั่งปี พ.ศ.2515 ครม.มีมติรับทหารจีนคณะชาติให้อาศัยในแผ่นดินไทยอย่างเป็นทางการ ยุติการค้าฝิ่น ปลดอาวุธ และหันมาทำอาชีพเกษตรกรรม โดย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มโครงการปลูกชา และปลูกสนสามใบ เพื่อทดแทนป่า ชุมชนบนดอยแม่สลองได้ชื่อใหม่ เป็นบ้านสันติคีรี มีการออกบัตรประชาชน ให้เมื่อปี พ.ศ.2521 ดอยแม่สลองคืนสู่ความสงบ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญนับแต่นั้นมา









คุ้มนายพลรีสอร์ท






เราเดินชมตลาดอยู่พักหนึ่ง ประมาณว่าหมดเงินไปหลายบาท จากการซื้อของประดับบ้าน และพวกของขบเคี้ยว (ที่มาจากจีน) และซื้อพวกของฝากไปฝากเพื่อนๆ.... มาที่นี่ทั้งทีก็ช่วยกระจายรายได้สู่ดอยหน่อยปะไร

เราถามทางขึ้นชมพระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ก็ได้คำตอบว่าระยะทางประมาณ 4 กม. ทางคดเคี้ยว สูงชัน แต่รถขึ้นได้ หรือถ้าไม่อยากขึ้นก็มีรถมอเตอร์ไซด์ให้เช่าท่านละ 100 ไป-กลับ... เราเลือกเช่ามอเตอร์ไซด์เพราะอยากให้จอดตามทาง (ถ้ารถใหญ่ จอดลำบากมาก) เพื่อถ่ายภาพวิว หรือจอดชมวิวสวยๆไปด้วย แถมอากาศหน้าหนาวแบบนี้ยิ่งน่านั่ง..









พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี






พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี

ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดที่ระดับความสูง 1,500 ม. เหนือหมู่บ้านสันติคีรี ห่างจากหมู่บ้าน 4 กม. มีถนนลาดยางตัดขึ้นไปยังพระบรมธาตุฯ แต่ถนนสูงชัน คดเคี้ยวมาก

พระบรมธาตุฯ สร้างแล้วเสร็จเมื่อราวปี พ.ศ.2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า เป็นเจดีย์แบบล้านนาประยุกต์ บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 ม. ฐานกว้าง ด้านละประมาณ 15 ม. ประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำด้านละสามซุ้ม เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ องค์ระฆังประดับแผ่นทอง แกะสลักลวดลาย ใกล้กับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์

ที่ตั้งของพระบรมธาตุฯ เป็นจุดสูงสุดของเทือกดอยแม่สลองจึงชมทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะในยามเย็น ขณะเดียวกัน องค์พระธาตุยังเด่นเป็นสง่า มองเห็นแต่ไกล เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของดอยแม่สลอง








ด้านหน้า ซุ้มประตู











ขึ้นสู่ยอดเจดีย์ ด้านใน











โบถส์ที่อยู่ถัดเข้าไป











พญานาคที่เฝ้าทางขึ้น











วิวดอยแม่สลอง จากบริเวณพระเจดียฯ










บน : ไร่ชาที่ตรงกลางที่มีต้นไม้เป็นทิวนั่นคือ ไร่ชาวังพุตตาล ที่เราจะลงไปชม










ภาพจากโบถส์ย้อนแสงเข้ามาหาเจดีย์ฯ










ตามทางลงจากวัด เราจอดถ่ายภาพข้างทาง (เห็นต้นเมเปิ้ลใบกำลังเหลืองสองข้างทาง)






เรากลับออกจากเจดีย์ฯ เพื่อเข้าไปในหมู่บ้าน พอผ่านข้างทางที่เจอวิวสวยๆ โดยเฉพาะหมู่บ้านด้านล่างอีกฝั่งหนึ่งในหุบเขา.... คนขับรถบอกเราว่าถัดจากนี้ไปประมาณ 10 กม. ก็จะถึงประเทศพม่า วันไหนอากาศดีๆ จะมองเห็นเมืองยอน ส่วนอีกด้านคือตะวันออกก็เช่นกัน ถ้าฟ้าแจ่มก็จะมองเห็นสามเหลี่ยมทองคำ หรืออำเภอเชียงแสนเลย

ข้างทางมีต้นเมเปิ้ล (เข้าใจว่าเพิ่งนำมาปลูกใหม่) และต้นนางพญาเสือโคร่งมากมาย นางพญาเสือโคร่งกำลังสลัดใบเตรียมออกดอกให้นักท่องเที่ยวชมในไม่ช้านี้.... พอเราถึงหมู่บ้านก็เอารถออกต่อ เพื่อไปชมไร่ชาที่ "ไร่ชาวังพุตตาล" กัน








ร้านชาวังพุตตาล










จุดถ่ายภาพอีกจุด










ตรงทางเข้าไร่ชาวังพุตตาลกำลังปั้นรูปปั้นต่างๆหลายรูป





ตรงทางเข้าไร่ชาวังพุตตตาล เจ้าของไร่กำลังก่อสร้างรูปปั้นและอาคารแบบจีนอยู่ แต่ยังไม่เสร็จ คาดว่าถ้าเสร็จนี่คือจุดนัดพบนักท่องเที่ยวที่ไปดอยแม่สลองอีกที่หนึ่ง

เราขับเลยเข้าไปในไร่ (ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชม) ไปที่ลานจอดรถ ซึ่งกำลังเตรียมชิงช้าไว้สำหรับงานปีใหม่.... ถัดลงไปในไร่ชา เราเห็นนักท่องเที่ยวมากางเต้นท์นอนกันกลุ่มใหญ่ (ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องจ่ายค่าเช่าเท่าไหร่)

เลยเข้าไปอีกเป็นถนน ที่ปลูกต้นเมเปิ้ลไว้สองข้างทาง ยาวลงไปถึงด้านล่างตามไหล่เขา นี่ถ้าเป็นหน้าเจ้าเมเปิ้ลใบเปลี่ยนสี คงเป็นสวยไม่น้อย (จากภาพที่เรามองลงมาจากเจดีย์ จะเห็นทิวไม้เป็นแถวนั้นแหละ) หลังจากนั้นเราก็เก็บบรรยากาศบริเวณนั้นไว้เป็นที่ระลึก ก่อนกลับ.








สัมผัสไร่ชา











ต้นไม้ที่เห็นจากวิวด้านบน คือต้นเมเปิ้ลที่ปลูกไว้ 2 ข้างทางยาวเหยียด










ไร่ชาวังพุตตาลอีกมุม










ตามถนนในหมู่บ้านร้านชาเต็มไปหมด






ชาเป็นพืชเศรษฐกิจของบ้านสันติคีรี ในพื้นที่ปลูกหลายพันไร่ มีต้นชามากกว่า 2 ล้านต้น ที่นี่จึงมีไร่ชา โรงอบชา และร้านจำหน่ายชาหลายสิบร้านเรียงรายบนถนนสายหลัก ที่ผ่านกลางหมู่บ้าน ชาที่มีชื่อเสียงคือ ชาอู่หลง ซึ่งมีกลิ่นหอมพิเศษ ต้องมีวิธีการดื่มเฉพาะแบบชาวไต้หวัน ร้านจำหน่ายชาทุกร้าน เช่นวังพุดตาล ร้านชานายพลต้วน จะเชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้ทดลองชิมชา พูดคุยสอบถามถึงวิธีการชงชา เลือกซื้อหาชา อุปกรณ์ชงชาแบบต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถไปชมไร่ชา การเก็บชา โดยไม่เสียค่าบริการได้อีกด้วย









ถ่ายจากหมู่บ้านขึ้นไปที่รีสอร์ท










สุสานนายพลต้วน : 1. ทางขึ้น 2. หน้าสุสานพร้อมตัวอักษร ต้วน 3. หลุมฝังศพ





สุสานนายพลต้วน

อยู่บนเนินเหนือหมู่บ้าน แยกขึ้นไปทางด้านข้างคุ้มนายพลรีสอร์ต ประมาณ 1 กม. สร้างเมื่อปี พ.ศ.2523 แท่นหินอ่อนบรรจุร่างนายพลต้วน ซี เหวิน อยู่ภายในศาลาเก๋งจีนขนาดใหญ่ สีขาว พื้นปูหินอ่อน ด้านหลังแท่นบรรจุศพ มีภาพถ่ายเก่าแก่เกี่ยวกับประวัติและผลงาน ด้านหน้าเป็นลาดเนิน มีตัวอักษร "ต้วน" ภาษาจีน สีทองบนพื้นสีฟ้า

สุสานนายพลต้วนอยู่บนเนินที่ระดับความสูงประมาณ 1,300 ม. สามารถมองเห็นบ้านสันติคีรีในหุบต่ำลงไปเบื้องล่าง เป็นจุดชมทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่ดีจุดหนึ่ง ด้านหน้ามีร้านชาสองร้าน ซึ่งจะเชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้ทดลองชิมชา









พิพิธภันฑ์ทหารจีนคณะชาติ





ขาออกมาจากหมู่บ้านสันติคีรี ดอยแม่สลองเราแวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ทหาร ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือขาออกมาจากหมู่บ้าน (ที่จะกลับไปถนนสาย 1089) มีป้ายบอกชัดเจนครับ เข้าไปไม่ไกลก็จะเจอที่จอดรถและร้านขายของต่างๆ เราสามารถชิมชาได้ (คือเข้าไปชิมได้ทุกที่ ที่ดอยแม่สลอง)

ถ้าเราต้องการเข้าไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์ ก็ต้องจ่ายค่าบำรุงคนละ 20 บาท แต่ถ้าเราจะถ่ายภาพอยู่รอบๆ ก็ฟรีครับ เราเลือกเอาแบบหลัง...... บนดอยใกล้ๆกันจะเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ยืนสง่าอยู่....

หลังจากนั้นเราก็ขับออกไปทางเดิม คือลงไปไปทางถนนสาย แม่จัน-ตอน หรือ 1089 เพื่อจะไปแวะชมน้ำพุร้อนป่าตึง ในระหว่างทางที่จะเข้าแม่จัน.















หน้าพิพิธภันฑ์ทหารฯ....เขียนว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์










ทางเข้าชมน้ำพุร้อน






น้ำพุร้อนป่าตึงหรือโป่งน้ำร้อนห้วยหินฝน

โป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 11 บ้านโป่งน้ำร้อน อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอแม่จัน ถนนแม่จัน - ฝาง ประมาณ 8 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลป่าตึง ประมาณ 700 เมตร ติดกับถนนเส้นทางแม่จัน – ฝาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของตำบล และอำเภอแม่จัน โดยสร้างเป็นสวนหย่อมใจริมทาง สำหรับเป็นจุดแวะพักรถระหว่างทางไป-กลับดอยแม่สลอง

เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่สวยงาม ภายในบริเวณโป่งน้ำร้อนมีลานน้ำพุร้อน ซึ่งมีความสูงถึง 10 เมตร อุณหภูมิของน้ำอยู่ระหว่ง 70-109 องศาเซลเซียส โดยสร้างฐานคอนกรีตล้อมบริเวณน้ำพุร้อน มีอาคารอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพทั้งห้องธรรมดา และห้องวีไอพี มีห้องแช่ 8 ห้อง ห้องตักอาบ 6 ห้อง (อาคารอาบน้ำแร่กำลังดำเนินการปรับปรุง ยังใช้การไม่ได้) บริเวณรอบๆ บ่อน้ำร้อน มีสระน้ำและสวนสุขภาพเพื่อให้ผู้ที่มาพักผ่อน ได้อาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพที่สามารถรักษาโรคผิวหนังและโรคปวดต่างๆ

สอบถาม โทร. 053-772-577 , 081-9982-593









บริเวณน้ำพุร้อน






จากน้ำพุร้อนป่าตึง เราขับกลับแม่จันและเชียงราย โดยที่หมายต่อไปของวันนี้คือ วัดร่องขุ่น เพราะคนข้างกายเธอบอกว่าอยากไปดูความก้าวหน้าของที่นี่อีก เนื่องจากเราไม่ได้เชียงรายหลายปีแล้ว...บล๊อกต่อไปเราจะพาท่านไปดูโบถส์สีเงิน "วัดร่องขุน" สถาปัตยกรรมอันสวยงามที่สุดของไทยและของโลกครับ.







ลากันด้วยภาพน้ำพุร้อน





ขอบคุณที่ตามอ่านครับ





____________ END ___________

Create Date :03 มกราคม 2554 Last Update :28 กรกฎาคม 2556 21:21:54 น. Counter : Pageviews. Comments :44