bloggang.com mainmenu search


สถานที่ดำเนินเรื่องหลักคือวังบูรพาภิรมย์ เป็นวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2418 พระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระเจ้าน้องยาเธอ
พระองค์สุดท้องในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี

พื้นที่บริเวณนี้เป็นวังเก่ามาแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้านายที่เคยประทับที่นี่ล้วน
เป็นพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับมอบหมายให้มารักษาพระนครด้านทิศตะวันออก
เมื่อมีการสร้างวังใหม่ในรัชกาลที่ 5 จึงได้รับพระราชทานนามซึ่งหมายถึง
วังที่อยู่ทางทิศตะวันออกคือ วังบูรพาภิรมย์ หรือ วังบูรพา

วังบูรพาภิรมย์ ออกแบบโดย นายโจอาคิโน กราสซี่ (Gioachino Grassi)
สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน-ออสเตรียน เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานแนวโคโลเนียล
สร้างเป็นพระตำหนักใหญ่สูง 2 ชั้น ประกอบด้วยอาคาร 3 หลัง
มีเนื้อที่ตั้งแต่ริมถนนตรงป้อมมหาชัยจนถึงสะพานเหล็ก ใช้เวลาสร้าง 6 ปี

พ.ศ. 2471 หลังจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
เสด็จทิวงคต วังนี้ก็ซบเซาลง ทายาทของท่านให้เช่าเป็นที่ตั้งโรงเรียนสตรีภานุทัต
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงใช้เป็นอาคารเรียนของโรงเรียนพณิชยการพระนคร

พ.ศ. 2495 ทายาทราชสกุลภาณุพันธุ์ได้ขายวังบูรพาให้เอกชน คือนายโอสถ โกศิน
ในราคา 12 ล้าน 2 หมื่นบาท มีการรื้อวังออก เพื่อสร้างเป็นศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์สามแห่ง
คือโรงภาพยนตร์คิงส์ โรงภาพยนตร์ควีนส์ และโรงภาพยนตร์แกรนด์ ในช่วง พ.ศ. 2499 - 2500
ย่านนี้ได้กลายเป็นแหล่งชุมนุมของวัยรุ่นหนุ่มสาวทันสมัย เรียกว่า โก๋หลังวัง

ดังนั้นเมื่อมีการถ่ายทำหนังและละครเรื่องนี้ จึงต้องใช้สถานที่อื่นจำลองขึ้นมา
นั่นก็วังลดาวัลย์ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2449 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร
กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ เมื่อคราวใกล้จะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

โดยพระราชทานนาม “วังลดาวัลย์” ตามพระนามเดิมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลดาวัลย์
กรมหมื่นภูมินทรภักดี ผู้เป็นเสด็จตาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร
โดยมีพระสถิตย์นิมานการ เจ้ากรมโยธาธิการ ได้จ้างช่างชาวต่างประเทศออกแบบพระที่นั่ง
พระตำหนัก ตำแหน่งและอาคารต่าง มีนายจี บรูโน เป็นผู้รับเหมาการก่อสร้าง

2 เมษายน พ.ศ. 2475 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์
สิ้นพระชนม์ วังนี้ตกอยู่ในการดูแลของพระชายา คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล

ใน พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา เป็นระบอบประชาธิปไตย
ทำให้วังลดาวัลย์ถูกทอดทิ้ง ต่อมาในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา
รัฐบาลญี่ปุ่นในขณะนั้นเคยเช่าใช้เป็นหอวัฒนธรรมญี่ปุ่น
และเคยใช้เป็นที่พำนักของกองกำลังทหารจากสหประชาชาติ

พ.ศ. 2488 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ติดต่อขอซื้อ
วังลดาวัลย์จากพระทายาทเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นของต่างชาติ
วังลดาวัลย์จึงอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตั้งแต่นั้นมา



ภาพยนตร์เรื่องโหมโรงได้สร้างกระแสความงดงามแห่งศิลปะดนตรีไทย
มีเด็กมากมายที่ไปเรียน กระแสโหมโรงส่งผลให้ระนาดเอกถึงกลับขาดตลาด
ผมว่าดีนะ หากจะคิดเรียนระนาดเอกโดยไม่เคยเรียนดนตรีอะไรมาก่อน
เพราะมันแตกต่างกับเครื่องดนตรีอื่นตรงที่อาศัยความสมดุลระหว่างมือทั้งสองข้าง

เริ่มแรกครูจะหัดโดยผูกไม้ระนาดเข้าด้วยกัน ให้ระยะห่างเท่ากับเสียงคู่แปด
หมายถึงโดต่ำ กับโดสูงจะถูกตีพร้อมกัน ซึ่งความยากในจุดเริ่มต้นนี้ก็คือ
มนุษย์นั้นมีมือที่ถนัดเพียงข้างเดียว ไม่ซ้ายก็ขวา แต่เมื่อฝึกระนาด
เราต้องตีให้จังหวะและน้ำหนักของมือทั้งสองข้างนั้นเท่าๆ กัน

หากผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว เพียงตีให้ตรงตัวโน๊ต
ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนล้วนๆ ให้มีความแม่นในตัวโน๊ตและจังหวะ
ฝีมือถึงขั้นนี้ เรียกว่าไปสอบวิชาดนตรีไทยย่อมได้คะแนนเต็มแน่นอน
หากฟังดนตรีไทยแทนที่จะได้ยินเสียงดนตรีมันจะกลายเป็นเสียงตัวโน๊ตแทน

แต่ถ้าจะขึ้นไปอีกระดับ ชนิดที่ร่วมแสดงกับวงแบบออกงานได้
ก็คงต้องใช้ความสามารถที่มากขึ้น เพราะความไพเราะของบทเพลงนั้น
นักดนตรีต้องสามารถดึงเสน่ห์ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นออกมาแข่งขันกันได้

เริ่มจากการใช้ลูกเล่นเช่นแทนที่จะกดนิ้วลงไปให้เกิดเสียงด้านๆ
เครื่องดนตรีหลายชิ้นเช่น จะเข้ ขลุ่ยหรือซอ จะอาศัยการพรมนิ้วให้เสียงโน้ต
ที่ออกมานั้นพลิ้วไหว ถ้าเป็นเครื่องตีเช่นขิม ระนาดก็จะเป็นการตีซ้ำๆ เบาๆ

และหากเราฟังเพลงไทยอย่างตั้งใจฟัง โดยที่เรารู้จักโน้ตในเพลงนั้นทุกตัว
จะพบว่าในบางห้องของแพลง นักดนตรีบางคนจะเพิ่มหรือรวบตัวโน๊ตให้มากขึ้น
ซึ่งอันเกิดจากการเล่นเพลงนั้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนรู้ว่าจะเล่นเพลงนี้อย่างไรให้ไพเราะ
นอกจากนี้การเสริมโน้ตที่กล่าวมา ลูกเล่นอีกอย่างที่นิยมใช้ โดยเฉพาะขลุ่ยก็คือ
การเล่นโน้ตที่ไม่ตรงกับเพลงไปเลย แบบว่าสร้างทางใหม่ก่อนที่จะวนกลับเข้าเพลง

ซึ่งคนที่มาถึงระดับนี้ได้เรียกได้ว่าเป็นนักเล่นที่มีความเชี่ยวชาญในระดับสูง
แต่นั่นยังคงไม่ใช่ที่สุดของนักดนตรี ซึ่งในความคิดผม คนที่เป็นสุดยอดนั้น
ทุกคนอาจจะนึกไม่ถึงก็เป็นไปได้ เคยเห็นตลกที่เล่นระนาดตามคำพูดไหม

คำพูดนั้นไม่มีโน้ตบอก ต้องอาศัยประสาทหูในการฟัง
แล้วใช้สมองในการรู้สึกว่ามันจะตรงกับไม้ท่อนไหน ก่อนที่ตีลงไป
แสดงถึงการไร้ซึ่งตัวโน๊ต ร่างกายและเครื่องดนตรีรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

ผมว่านั่นคือยอดฝีมือแล้วล่ะ
Create Date :15 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update :15 กุมภาพันธ์ 2555 9:42:41 น. Counter : Pageviews. Comments :5