สืบเนื่องจากได้สับแหลกตำนานสมเด็จพระนเรศวร 3 ไปอย่างไม่มีชิ้นดีแล้ว
กลับมาชวนไปดูภาคต่อ ท่าทางจะงงๆ แต่ก็นะ เท่าที่ดูตัวอย่างหนังภาคนี้แล้ว
ผมเชื่อว่าท่านมุ้ยคงทำการบ้านมาดี ไม่มีน้ำท่วมทุ่งดราม่าสำเภายักษ์อีกแล้ว

ภาคนี้เป็นตอนต่อจากตอนจบภาคที่แล้ว เมื่อพระเจ้าเชียงใหม่จำต้องถอยทัพ
ซึ่งในหนังภาคที่แล้วก็พลาดอีก เมื่อในความเป็นจริงศึกนั้นแยกเป็นสองครั้ง
ครั้งแรกคือพระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพแยกกันมากับพระยาพะสิม ในปี 2117
แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าพระยาพะสิมแตกทัพไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้ว

แถมไพร่พลยังถูกกองโจรของพระราชมนู ลอบตัดเสบียงทำสงครามกองโจรอีก
พระเจ้าเชียงใหม่จึงเห็นว่า เพียงทัพเดียวคงมิอาจเอาชัย จึงล่าทัพกลับไปล้านนา

ส่วนศึกพระเจ้าเชียงใหม่ครั้งที่ 2 นั้นเกิดขึ้นในปีต่อมาเป็นการแก้ตัว
ครั้งนี้พระเจ้าเชียงใหม่ยกมาตั้งที่บ้านสระเกศ เมืองวิเศษไชยชาญ
สมเด็จพระนเรศวรได้ส่งพระราชมนูขึ้นไปเป็นทัพล่อแล้วทำท่าเป็นเสียที
เพื่อลวงให้ทัพพระเจ้าเชียงใหม่เข้าสู่กับดักในวงล้อม แบบที่เราเห็นในหนัง

จากที่เห็นภาพยนต์ตัวอย่างของตำนานสมเด็จพระนเรศวร 4 แล้ว
เชื่อว่าคราวนี้เป็นเนื้อๆ อาจจะมีดราม่าแต่คงเป็นแค่เพียงสีสัน
หลังจากปูเรื่องชิงรักหักสวาทของแม่นางเลอขิ่นกับพระราชมนูมาแล้ว

เนื้อหาภาคนี้นั้นมันมากพอสมควร เนื่องจากสงครามครั้งนี้นั้นเป็นศึกใหญ่
ที่พระเจ้านันทบุเรงยกทัพมาเอง เพียงไพร่ราบก็มากกว่า 200,000
ผมคิดว่าจริงๆ แล้วถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดในรัชกาลของพระองค์ทีเดียว
สำคัญกว่าศึกมหาอุปราชมากมายหลายเท่านัก เฉกเช่นคำโปรยในหนังที่ว่า

หากเราพ่ายในศึกนี้ ก็จะตกเป็นข้าหงสาทั้งนายและบ่าว

ฉนั้นหากพวกเจ้าคิดจะยอมแพ้ในสงครามแล้วละก็

จงทอดร่างยอมรับความตายในสนามรบ

แต่อย่าได้คิดหวนกลับคืนมาอโยธยาอีกเลย

ตำนานสมเด็จพระนเรศวร 4 มีกำหนดการเข้าฉายในวันที่ 11 สิงหาคม 2554

แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือภาคจบสงครามยุทหัตถี ที่จริงแล้วไม่มีเนื้อหาอะไรมาก
ในพงศาวดารกล่าวไว้ว่า เนื่องจากเขมรได้ยกทัพมากวาดต้อนคน
ในแถบตะวันออกไปหลายครั้ง จำต้องยกทัพไปปราบปรามเสีย
ในขณะที่พระองค์กำลังจัดทัพเพื่อยกไปตีกรุงละแวกนั้น ก็ได้ข่าวศึก
พระมหาอุปราชเสียก่อน ดังนั้นต้องมาเดาใจท่านมุ้ยกันแล้วว่า

จะเอาศึกพระยาละแวกมาใส่ในหนัง ก่อนจบด้วยสงครามยุทธหัตถีหรือเปล่า