Udon : หนึ่งความหวังกับพลังปาฏิหาริย์ คิซึเนะอุด้ง @ Wakayama Marina city อุด้งเป็นหนึ่งในสามราชาแห่งอาหารเส้นของประเทศญี่ปุ่นวิธีทำนั้นแสนง่าย เพียงนำแป้งสาลีผสมกับน้ำเปล่าแล้วนวดให้เป็นเนื้อเดียวกันจากนั้นก็รีดให้เป็นแผ่นแล้วตัดให้เป็นเส้นขนาดใหญ่ชื่อนั้นแปรไปตามเครื่องปรุง เช่น เมื่อวางเต้าหู้ลงไปก็เรียกว่า คิสึเนะอุด้งแต่มีอุด้งเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้ชื่อมาจากเมืองอันเป็นต้นกำเนิดเมืองเล็กๆ ชื่อซานุกิบนเกาะชิโกกุนั้นเต็มไปด้วยท้องทุ่งสาลีจึงได้กลายเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการนำมาทำเป็นเส้นอุด้งซานุกิอุด้งโดดเด่นด้วยวิธีการนวดที่นำก้อนแป้งใส่ถุงแล้วย่ำลงไปด้วยเท้าเปล่าก่อให้เกิดความเหนียวหนึบและความอร่อย ที่กินได้ทันทีแม้จะแค่เติมโชยุลงไปทั้งเมืองมีประชากรราว 1 ล้านคน แต่มีร้านอุด้งอยู่มากกว่า 900 ร้านทำให้เมืองนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากอุด้ง อุด้ง และก็อุด้ง โคสุเกะลูกชายเจ้าของร้านอุด้งไม่อยากที่จะใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ในเมืองนี้เค้ามีความฝันที่อยากเป็นนักแสดงตลกที่มีความสามารถในระดับโลกโคสุเกะจึงบินไปนิวยอร์กเพื่อตามหาฝัน แต่เพียงไม่นานเค้าก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ดังนั้นจึงต้องซมซานกลับมายังบ้านเกิด และสมัครป็นเซลล์ขายนิตยสารท้องถิ่นโดยไม่รู้ว่าค่าคอมมิสชั่นที่จะได้รับนั้นน้อยนิดมาก เพราะมันแทบจะไม่มีคนอ่านโคสุเกะจึงมีความคิดว่า อยากจะทำคอลัมน์แนะนำร้านอุด้งแบบที่ไม่เหมือนใครคาเกะอุด้ง @ มารุกาเมะเซเมงโดยแทนที่จะเขียนบรรยายแบบตรงไปตรงมา เค้าจะถ่ายแค่รูปชามอุด้งและบรรยายถึงรสชาติของมันแทน ส่วนที่ตั้งของร้านนั้นจะไม่มีรายละเอียดใดๆคนอ่านจะต้องใช้จินตนาการและออกตามหาร้านอุด้งที่เขียนนั้นด้วยตัวเองมันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และแพร่สะพัดไปทั่วประเทศคนญี่ปุ่นจำนวนมากเดินทางมาที่เมืองซานุกิเพื่อตามหาร้านอุด้งในหนังสือเมืองที่ร้านอุด้งอยู่ทุกหนแห่งได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงชั่วพริบตามันก็ทำให้หลายๆ อย่างในเมืองนี้ได้เปลี่ยนไป และเปลี่ยนความคิดของโคสุเกะไปด้วยเช่นกันหนังญี่ปุ่นนั้นไม่สนุกหรอก ถ้าจะดูแบบหาสาระคงมิได้แต่สำหรับคนที่รักในประเทศญี่ปุ่นแล้ว การได้เห็นภูมิประเทศและบรรยากาศในภาพยนตร์ก็เปรียบเหมือนการท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่งและนั่นก็ทำให้เรามีความสุขมากพอที่จะดูจนจบเรื่องได้เส้นอุดงมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นโดยพระสงฆ์ชาวญี่ปุ่น 2 ท่านโดยพระ Kukai เดินทางไปศึกษาพุทธศาสนา ยังประเทศจีนในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 9กล่าวกันว่าเมืองซานุกิแห่งเกาะชิโกกุได้สืบทอดวิธีการทำมาจากท่านคุไคส่วนพระ Enni พระนิกายเซน สำนักรินไซได้เดินทางไปประเทศจีนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยมีเมืองฮากาตะแห่งเกาะคิวชูประกาศว่าเป็นผู้สืบทอดสูตรการทำของพระเอ็นนิโชคดีที่ตอนนี้เราไม่ต้องเดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่นก็สามารถหาซานุกิอุด้งทานได้แล้วโดยร้านมารุกาเมะเซเมงได้มาเปิดให้บริการตามห้างสรรพสินค้าหลายแห่งอร่อยไม่อร่อยนั้นพูดยาก เพราะเส้นอุด้งนั้นมีรสชาติจืดธรรมดา คนไทยที่กินรสจัดคงยากที่จะแยกความแตกต่างได้ Create Date :07 มีนาคม 2556 Last Update :7 มีนาคม 2556 20:34:29 น. Counter : 1505 Pageviews. Comments :1 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก เราแยกได้ ... ชอบด้วยแต่คนข้าง ๆ ไม่ชอบ เลยไม่ค่อยได้ไปทาน ผัดเผ็ดอยากได้น้ำมาก ๆ ต้องใส่น้ำมันเยอะค่ะ เพราะพริกแกงจะกินน้ำมัน ใส่น้ำมันน้อยก็เลยแห้ง แต่ไม่โดนค่อนขอดนะคะเอง จิบอกให่ผัดพริกขิงที่ดูมันเยิ้มน่ากิน หรือ ใส่สามชั้นก็เพราะเหตุนี้แหละ ... มันเยอะ ที่จริงเราชอบ โดย: tuk-tuk@korat 7 มีนาคม 2556 21:40:59 น.
แต่คนข้าง ๆ ไม่ชอบ เลยไม่ค่อยได้ไปทาน
ผัดเผ็ดอยากได้น้ำมาก ๆ ต้องใส่น้ำมันเยอะค่ะ เพราะพริกแกงจะกินน้ำมัน ใส่น้ำมันน้อยก็เลยแห้ง แต่ไม่โดนค่อนขอดนะคะเอง จิบอกให่
ผัดพริกขิงที่ดูมันเยิ้มน่ากิน หรือ ใส่สามชั้นก็เพราะเหตุนี้แหละ ... มันเยอะ ที่จริงเราชอบ
โดย: tuk-tuk@korat 7 มีนาคม 2556 21:40:59 น.