(รีวิวการ์ตูนไทย) Summer เธอกับฉันในฤดูร้อน (รวมนักเขียน) รวมเรื่องสั้นการ์ตูนรักเล่มแรกสุด ในธีม "ฤดูกาลของไทย" จากค่าย CTS ที่ไม่ได้ไปต่อ (เพราะขาดเล่ม Winter เพียงแค่เล่มเดียว) และก็ไม่น่าจะมีอีกต่อไป เพราะสำนักพิมพ์ปิดตัวไปแล้ว -- จับมือถือแขน พาเราไปทำความรู้จักกับ Summer หรือ ฤดูร้อน ผ่านเรื่องสั้นฟีลกู้ด อบอุ่นหัวใจถึง 5 เรื่องด้วยกัน -- แม้ประเทศไทยในช่วงฤดูร้อน จะคุกรุ่นไปด้วยบรรยากาศอันแสนอบอ้าวตลอดทั้งกลางเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงกลางเดือนพฤษภาคม แต่ภายใต้ 3 เดือนนี้ ก็กลับเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่น่าจดจำให้กับใครหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นช่วงปิดเทอมของเหล่าเด็กๆ วันสงกรานต์ กิจกรรมพักร้อนในชายหาด และอื่นๆอีกมากมายในการหาเรื่องคลายร้อนของเหล่ามวลมนุษยชาติ -- แต่เหนือสิ่งอื่นใด อะไรมันจะดีไปกว่าการที่เราได้อยู่เคียงข้างใครซักคน โดยเฉพาะคนที่เรารัก ใช้เวลาสนุกสนานในช่วงหน้าร้อน สร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน ก่อนที่จะหวนเข้าสู่ช่วงฤดูฝนอีกครั้ง (ซึ่งจะเชื่อมไปยังรวมเล่ม Rainy ที่เป็น "ธีมฤดูฝน" อีกทีนึง ไม่มีเวอร์ชั่นหนังสือ แต่จะมีขายเฉพาะเวอร์ชั่น E-Book เท่านั้น โดยในเล่มจะเกี่ยวกับธีม "รักที่ไม่สมหวัง" ซึ่งเป็นคนละขั้วกับเล่ม Summer และสามารถหาซื้อได้ใน Meb อีกเช่นเคย) เรื่องสั้นส่วนมากในรอบนี้ จะตีวงกว้างไปถึงความสัมพันธ์ในหลายๆระดับ นอกเหนือจากความรักหนุ่มสาวแล้ว ก็จะมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนและคนรู้จักเพิ่มเข้ามา ช่วยดับกลิ่นความรักให้หอมมากยิ่งขึ้น -- เริ่มกันตั้งแต่ เธอกับฉันในหน้าร้อน (กิตติณัฐ ชัยยะ/วาวี พรสิริภักดี) ว่าด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัยที่สูบบุหรี่จัด ได้มาเจอกับเด็กอนุบาลสาวที่มักจะซื้อลูกอมแท่งให้ยามกินอยู่เสมอ (แบบงงๆ) และด้วยนิสัยที่ร่าเริงของสาวน้อยที่มักจะเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่เสมอ ก็เลยทำให้การเฝ้ายามที่แสนน่าเบื่อในช่วงหน้าร้อน กลับเต็มไปด้วยเรื่องที่สนุกสนานมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึง การ์ตูนเปิดเรื่องด้วยความน่ารักสดใสของสาวน้อย เดินพล็อตสไตล์เด็กๆ โดดเด่นด้วยความเคมีเข้ากันของนักเขียนทั้งสองฝ่าย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสตอรี่บอร์ดอันแสนอ่อนหวานของวาวี ได้ผลักดันทำให้คุณกิตติณัฐ ได้ปลดล็อกความสามารถที่แท้จริงที่ซุกซ่อนเอาไว้ นอกเหนือจากสไตล์งานห่ามๆแบบผู้ใหญ่เหมือนกับเรื่องสั้นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งการวาดตัวละครและสถานการณ์แบบเด็กๆที่ดูน่ารักน่าชัง ซึ่งเข้ากับบอร์ดของวาวีได้แบบเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่ว่าจะด้วยสีหน้าท่าทางของตัวละครที่ดูลื่นไหล การดำเนินเรื่องที่สนุกสนาน บทพูดกระชับ อ่านลื่นไปจนสุดซอย มากพอที่จะทำให้รู้สึกได้ว่า เราสามารถหาเรื่องทำสนุกๆอย่างอื่นคลายร้อนได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำเรื่องเสียสุขภาพอย่างการสูบบุหรี่คลายเครียด -- แม้บทพูดเปิดใจ "สุดแสนซีเรียส" ในช่วงโค้งสุดท้าย ("พอไม่ได้ดั่งใจก็ลงเอยกับมันทุกที ทั้งๆที่เห็นพี่เป็นแบบนี้ แต่ก็ยังเอาลูกอมมาให้อีก ขอบใจนะ") จะขัดกับบรรยากาศเดินพล็อตแบบสนุกสนาน จนทำให้การดำเนินเรื่องชะงักไปบ้าง แต่อย่างน้อยนี่ก็ถือเป็นตัวเปิดเล่มที่อ่านแล้ว รู้สึกใจเต้นกับความน่ารักจนแทบไม่หวาดไม่ไหว ก่อนที่คุณภาพเรื่องสั้นหลังจากนั้นจะค่อยๆดรอปลงมาให้คนอ่านได้เตรียมอกเตรียมใจกันตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น อย่างน้อยในเล่มก็ยังพอมีเรื่องสั้นดีๆให้ได้อ่านกันอยู่บ้าง -- Love & Test บททดสอบแห่งรัก สู้ตายเพื่อเธอ (พลอยไพลิน ศิริมุจลินทร์/ Lin Sirin) ผลงานจากปลายปากกาโดยเจ้าของรางวัลชนะเลิศการประกวดการ์ตูนเรื่องสั้น Debut Special หัวข้อ "ห้องปิดตาย" ของค่าย CTS ในเรื่อง Visible Voice ซึ่งกลับมาในรอบนี้ โหมดเนื้อเรื่องซึ่งเป็นจุดแข็งของคุณลิน ก็ยังคงเข้มข้นหนักแน่นอยู่อีกเช่นเคย -- เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวที่พยายามตั้งใจเรียนอย่างหนัก เพื่อที่จะทำให้แม่ที่แสนเข้มงวด อนุญาตให้ตัวเองออกไปดูคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลีที่ตัวเองชื่นชอบ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ซึ่งจะไม่มีคอนเสิร์ตแบบนี้จัดไปอีกนาน เช่นเดียวกับรวมเล่ม Crazy Idol ของคุณอัจจิมา -- Love & Test จะเน้นเจาะลึกชีวิตแฟนคลับศิลปินในเชิงบวก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ศิลปินที่มีชื่อเสียงบนโลกใบนี้ ได้สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับแฟนคลับมากแค่ไหน มากจนขนาดที่ว่าคนๆหนึ่งสามารถข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ในการทำสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้อย่างเรื่องการเรียน โดยเฉพาะนางเอกคนสุดท้อง ที่จะต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำคะแนนสูงๆ เพราะพวกพี่ๆต่างเรียนเก่งกันหมด มันกดดัน เพราะฝ่ายแม่เองก็เอาแต่เข้มงวดอย่างเดียว และแทบจะไม่ได้ให้กำลังใจอะไรกันเลย แต่พอนางเอกได้พบกับสิ่งที่ตัวเองชอบ มันก็เลยทำให้เจ้าตัวเริ่มที่จะมีกำลังใจ และตั้งใจเรียนมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่นึกถึงภาพของคนๆนั้น -- ดังนั้น การที่มีโอกาสได้ไปดูศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองถึงงานคอนเสิร์ต จึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากๆสำหรับนางเอก และจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อออกไปดูให้ได้ ไม่ว่าบัตรเข้าชมจะแพงแค่ไหนก็ตาม ต่อกันด้วยพล็อตฮาแตกในการตามหา "ไอศกรีมกูลิโกะ" ที่หาซื้อโคตรยากในขณะนั้น (ซึ่งยากจริงๆ) ในเรื่อง Summer Survivor (ฉัตรสุดา เจนกิจรุ่งเรือง/ T-Han) การ์ตูนกึ่งชายรักชายที่ไม่ได้แสดงออกมากเท่างานโด แต่วาดลายเส้นออกมาได้เนี้ยบมากๆ (ก็งานสำนักพิมพ์นี่นะ) -- กับพล็อตสั้นๆ ว่าด้วยชายหนุ่มที่ต้องการจะเอาชีวิตรอดจากช่วงหน้าร้อนด้วยไอศกรีมกูลิโกะ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะตั้งเป้าหมายเอาไว้ใหญ่เกินไป (ก็แหงล่ะ ซื้ออะไรไม่ซื้อ) -- ซึ่งไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เพื่อนตัวดีที่แอบตามพระเอกมาตั้งแต่แรก ก็เดินเข้าไปซื้อไอศกรีมอย่างอื่นให้กินแทน (เลือกยักษ์คู่ด้วยไอ้ชิบหาย) และเข้ามาปลอบใจพระเอกประมาณว่า ถึงวันนี้จะไม่ได้กินไอศกรีมกูลิโกะอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่ซักวันหนึ่งก็ต้องได้กินอยู่ดี เพราะไอศกรีมที่อยากกิน มันไม่ได้หนีไปไหนอยู่แล้ว (ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริง เพราะไอศกรีมกูลิโกะในตอนนี้ สามารถหาซื้อได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่อะไร เพราะมันหมดกระแสไปแล้ว) เหมือนกับเพื่อนพระเอกที่พยายามจะคว้าพระเอกมาเป็นแฟนให้ได้ แบบเดียวกับวิ่งไล่ตามรถไอศกรีม โดยเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยแบบเพื่อนไปก่อน แม้ทั้งเรื่องจะจบแบบปลายเปิดในรูปแบบ "การ์ตูนกึ่งชายรักชาย" แต่ประเด็นหลักๆใน Summer Survivor ส่วนมากจะเน้นไปที่เรื่องของ "มิตรภาพเพื่อน" ซะมากกว่า โดยเฉพาะไอ้หนุ่มหัวทองเพื่อนยาก ที่เข้ามาให้กำลังใจพระเอกในยามเข้าตาจน พร้อมกับย้อนความทรงจำสุดรวดร้าวกึ่งจิกกัดเล็กๆว่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย การออกตามหาไอติมกูลิโกะในยุคปัจจุบัน ก็ยังคงยากพอๆกับการวิ่งไล่ตามรถไอศกรีมในตอนเด็ก ที่ขับผ่านไปเหมือนไม่อยากขายอยู่ดี -- T-Han จับเอาประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน มาทำให้กลายเป็นเรื่องที่สนุกได้ ด้วยความที่มันเป็นเรื่องใกล้ตัว จับเอาของกินในช่วงหน้าร้อนอย่างไอศกรีม มาถักทอเรียงร้อยให้เข้ากับเรื่องราวความรักได้อย่างลงตัว เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ได้ฟีลงานหนังสือทำมือ ที่เดินเรื่องสบายๆและไม่ค่อยเน้นงานภาพซักเท่าไหร่ (โดยเฉพาะงานฉาก ที่วาดได้โคตรยับชิบหาย) เข้าสู่เรื่องสุดท้ายของเล่ม อย่าง เวร (ภาณุพันธ์ จึงตระการ) การ์ตูนรักในธีมที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก อย่าง การทำเวรในโรงเรียน โดยในเรื่องจะโฟกัสไปที่ พระเอกนางเอกพ่อแง่แม่งอนที่จิกกัดใส่กัน จนเพื่อนๆที่ทำเวรด้วยพอจะเดาทางออก มีแต่พระเอกคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง มองนางเอกเป็นแค่เพื่อน และก็เป็นอย่างที่ทุกคนคิด นางเอกแอบชอบพระเอกมาโดยตลอด -- ดังนั้น "เวร" ในเรื่องนี้จึงมี 2 ความหมาย นั่นคือ "เวร" ที่หมายถึง หน้าที่ผลัดกันทำความสะอาด และ "เวร" ที่หมายถึง คำสบถเวลาทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย โดยรวมทั้งเรื่องก็จะเด่นไปที่บทพูดปะทะคารมระหว่างพระเอกกับนางเอก ซึ่งจะมีให้เห็นกระจัดกระจายอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่โดยรวมกลับทำออกมาได้เบามากๆสำหรับบทพูดเด็ก ม.ปลาย เหมือนไม่เคยเขียนแนวนี้มาก่อนเลยในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น "ลูกผู้ดีแตะถังขยะไม่ได้" นี่คือคำด่าหรือคำชม? หรือ "เมื่อวานครูชมว่าเราเป็นคนดีด้วยแหละ" ก็เป็นคำด่าที่ฟังดูแล้ว น่าจะชวนให้เจ็บใจได้แค่เด็กประถมซะมากกว่า -- มีตัวละครน้องผมบ๊อบที่ชอบพูดจาน่ารักๆใส่คนอื่นอยู่เสมอ ซึ่งดูๆแล้วน่าจะเป็นตัวละครสมทบที่โดดเด่นได้ แต่พอจะมีบทจริงๆจังๆกับเค้า ก็ดันพูดแต่อะไรที่โคตรจะน่าอายออกไปซะหยั่งงั้น (อยากแปะตัวอย่างให้ดูใจจะขาด แต่เนื้อที่ไม่พอ) ทำให้การปรากฎตัวของน้องผมบ๊อบที่ดูเหมือนจะฟูใจคนอ่าน กลับกลายเป็นตัวละครที่น่ารำคาญไปในทันที -- และที่แย่ยิ่งกว่านั้น งานฉากวาดมืออันสวยสดงดงามในบางช่องของคุณภาณุพันธ์ กลับถูกลดคุณค่าลงด้วยการแปะสกรีนโทนที่ดูไม่เป็นมืออาชีพ ทำให้งานฉากในหลายๆหน้าดูแข็ง และไม่มีน้ำหนัก โดยเฉพาะฉากห้องเรียนในหน้าสุดท้าย ที่พอไม่มีเด็กอยู่ในฉาก ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าดูแข็งแค่ไหน -- แล้วก็งงใจจริงๆว่าทำไมตัวละคร "ครูเด็กมัธยม" ในการ์ตูนไทยหลายๆเรื่อง ถึงได้พูดจาสุภาพผิดกับที่เคยไปเจอมาขนาดนี้ พูดซะนึกว่ากำลังคุยกับเด็กอนุบาล ("อย่าลืมส่งหัวข้อก่อนเลิกคาบนะลูก") ไม่รู้ว่าโรงเรียนอื่นเป็นแบบนี้รึเปล่า แต่โรงเรียนตู มันไม่มีอะไรแบบนี้โว้ย!!! แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่จะฝากไปถึงคุณภาณุพันธ์ ในฐานะที่ติดตามผลงานมากว่า 5-6 ปี อยากจะบอกว่า เริ่มทำการ์ตูนจริงๆจังๆได้แล้วโว้ย!!! ยึกยักลงแต่รูปวาดอยู่นั่นแหละ จะไม่มั่นใจตัวเองไปถึงไหน เห็นในเพจวาดแต่เด็กผู้หญิงดีดกีต้าร์มาเกือบ 2-3 ปี วนซ้ำไปมาอยู่อย่างงั้น อยากจะบอกว่าไอ้การ์ตูนดนตรีเรื่องนั้นน่ะ ตูอยากอ่านจะแย่อยู่แล้ว รีบๆทำออกมาให้มันเป็นเรื่องเป็นราวซักทีสิเฟ้ย!!! (สรุป 8/10)
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 17 สิงหาคม 2565 เวลา:16:21:14 น.
|
บทความทั้งหมด
|