(รีวิวการ์ตูนไทยเฉพาะกิจ) 0+1 zero plus one (Al ChiaKi)
 

(คำเตือน รีวิวมีความยาวมากๆ ระวังปวดตา แต่!!! ทุกคนสามารถอ่านข้ามไปที่สามย่อหน้าสุดท้ายได้ เพราะผมสรุปไว้แล้ว)

โอเค!!! ผมอ่าน "เด็กสาวนั้น ไม่รู้จักผู้ชาย" จบแล้ว แต่!!! รู้สึกมันเร็วเกินไปที่จะปล่อยไปหน่อย ก็เลยดองเอาไว้ก่อน (อ้าว!!?!) -- ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากจะแนะนำผลงานแรกๆของคนเขียนคนนี้(สมัยยังทำโดจิน) ด้วยนั่นแหละ 5555+ และนี่ก็คือผลงานเริ่มแรกของ Al ChiaKi ที่เป็นรากฐานสำคัญ ทั้งลายเส้น ทั้งแรงบันดาลใจ ทั้งกรอบความคิด ความทะเยอทะยาน อะไรหลายๆอย่างมันมารวมอยู่ในเล่มนี้เรียบร้อยแล้ว

0+1 zero plus one ทำให้นึกถึงสมัยเรียนตอนนั้นขึ้นมาเลย (อา--) คือตอนนั้น เคยมีรุ่นน้องคนหนึ่งที่ชอบวาดการ์ตูนมาก แล้วน้องคนนี้ ชอบเอาการ์ตูนทำมือมาให้อ่านบ่อยๆ -- แล้วมันก็ออกมาประมาณนี้แหละ เน้นแฟนตาซี เน้นจินตนาการเยอะๆ เน้นสาวน้อย ลายเส้นก็คล้ายๆกัน แต่สวย ชนิดที่เห็นแวบเดียวก็รู้เลยว่า สามารถเอาดีด้านนี้ได้เลย -- แต่ด้วยความที่ว่า"มันเป็นผลงานของเด็กมัธยม" มันก็ต้องมีช่องโหว่เป็นธรรมดา แน่นอน ผมไม่กล้าบอกน้องเค้า (ซึ่งก็คล้ายๆกับเรื่องนี้พอดี 555+ ข้อเสียที่ว่ามีให้อ่านในนี้แหละ) เพราะเข้าใจว่าน้องเค้าท่าจะทุ่มเทกับการ์ตูนมาก (การที่กล้าเอาการ์ตูนที่ตัวเองเขียนไปให้คนอื่นอ่านได้ แสดงว่าต้องมั่นใจจริงๆ) เห็นว่าอนาคตไกล ประกอบว่า "เป็นคนรู้จัก" ตอนนั้นก็เลยพูดถึงข้อดีไปอย่างเดียว เพราะตอนนั้น ผมเชื่อว่าน้องเค้าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน ไม่ต้องไปแนะนำอะไรให้เสียเวลา -- คนที่อยากมาสายนี้จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องฝึกฝนบ่อยๆเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็พรสวรรค์น่ะ ยังไงก็ต้องไปพร้อมกับพรแสวงอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ?

...เพราะท้ายที่สุดแล้ว เราจะไม่โยนมันทิ้งลงพื้น ถ้าผลงานเก่าที่เคยทำไว้มันออกมา"อ่านได้"จริงๆ อย่าพยายามทำให้ผลงานพวกนี้ เป็นบทเรียนล้ำค่าเลย

 

อ้า!! ที่เกริ่นเอาไว้ มันก็มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นแหละ แต่มาพูดถึงเล่มนี้กันดีกว่า -- 0+1 zero plus one ประกอบไปด้วยเรื่องสั้น 4 เรื่อง ซึ่งรวบรวมจากปี 2015-2016 และรวมเล่มออกมาเป็นจำนวนหน้ามาตรฐาน 150-200 หน้าซะด้วย!!! (ได้อารมณ์การ์ตูนสำนักพิมพ์ดีนะ) มีทั้งแนวแอคชั่นกับแฟนตาซีรวมกัน หลายเรื่องมีไอเดียน่าสนใจพอสมควร ทักษะการผูกเรื่องถือว่าโหดใช่เล่นเลย ก็จะไล่เป็นไลน์อัพให้อ่านกันตามฟอร์มแล้วกันนะ แบร่!!!

-----------------------------------------
- นางเงือกกับมนุษย์
เป็นเรื่องของนางเงือกตนหนึ่งที่โดนจับมาอยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไร้ซึ่งอิสรภาพ และอยากจะเห็นท้องฟ้าอีกซักครั้ง ได้มาเจอกับมนุษย์คนหนึ่งที่เข้ามาคุยกับนางเงือกทุกวัน ผ่านทางการเขียนข้อความลงไวท์บอร์ด ข้อความของเธอจะสือไปถึงเขาได้หรือไม่?

- Hero
เป็นเรื่องของนางเอกที่ไม่เชื่อใจในฮีโร่ เพราะมีอดีตที่เลวร้ายบางอย่าง (แต่เก่งเรื่องชกต่อย) กับพระเอกที่หลงไหลในการเป็นฮีโร่อย่างสุดใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น (แต่เก่งเรื่องโดนคนอื่นชกต่อย (...)) มีนางเอกเป็นไอดอล วันหนึ่ง นางเอกถูกกลุ่มนักเลงจับตัวไป พระเอกและผองเพื่อนจึงออกตามหาและช่วยนางเอกออกมาให้ได้

- Flower
ทุกๆปี เด็กหนุ่มจะออกมาหาเด็กสาวลึกลับคนหนึ่งที่ทุ่งทานตะวัน และเล่นสนุกกันตลอดทั้งวัน โดยทั้งคู่จะเจอกันได้ ก็เฉพาะวันเกิดของเด็กหนุ่มเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เด็กหนุ่มซึ่งโตขึ้นก็ได้สงสัยอะไรบางอย่างในตัวเด็กสาว เด็กสาวคนนั้นมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนไว้กันนะ?

- จอมมารกับเจ้าหญิง
จอมมารตนหนึ่ง เกิดเบื่อที่จะต้องนั่งบัลลังก์ เพื่อรอจัดการกับผู้กล้า ก็เลยปลอมตัวเป็นผู้กล้าที่ปราบจอมมารแก้เบื่อซะเลย แต่ดันได้แต่งงานกับเจ้าหญิงจริงๆซะนี่ (ตูนึกว่าอ่านการ์ตูนโลลิค่อน เด็กมาเชียว!!!)
-----------------------------------------

 

0+1 zero plus one ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการ์ตูนทดลอง (ซึ่งโดยรวมแล้ว เล่มนี้ยังหาสไตล์งานไม่เจออยู่ดี) แต่ที่แน่นอนคือ มีการเดินเรื่องบางเรื่อง ที่ใช้แพทเทิร์นเรื่องสั้นของค่าย Cartoonthai Studio (เช่นเรื่อง Hero กับ Flower) แล้วปรากฎว่า ทำออกมาได้ดีมากซะด้วย

อย่างเช่นเรื่อง Hero ข้อคิดมันออกมาน่าสนใจ คือมันสรุปเรื่องราวเป็นนัยๆให้ได้รู้ว่า ในการที่จะเป็นฮีโร่ มันไม่จำเป็นต้องมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องมีหน้ากาก ผ้าพันคอ และเสื้อรูปดาวอะไรแบบในการ์ตูนไลฟ์แอคชั่นพวกนั้น แค่มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือใครซักคน ไม่ว่าใครก็เป็นฮีโร่ได้ ถึงข้อคิดมันจะเกร่อไปบ้างก็เถอะ แต่ไม่รู้สิ กับเรื่องนี้แล้ว ผมรู้สึกว่ามันสามารถสื่อความหมายพวกนั้นออกมาได้ทรงพลังอย่างบอกไม่ถูกชะมัดเลย

...และที่สำคัญ ตอนนั้น ผมชอบใส่เสื้อกันหนาวไม่ติดซิปไปโรงเรียนในช่วงหน้าหนาวเหมือนกัน แหะๆ (ใครเค้าอยากรู้กันหื้อ!!!) ก็พอเห็นนางเอกใส่แล้ว รู้สึกมันดูน่ารักดีไง 5555+

 

มาถึงไฮไลท์ที่แท้จริงของเล่มอย่าง Flower กันต่อ คือตลอดทั้งเล่มมันเดินเรื่องซีเรียสใช่มั้ยล่ะ? แต่เรื่องนี้แหละที่สัดส่วนของมันค่อนข้างลงตัว พอช่วงไหนที่มันกำลังจะซีเรียส คนเขียนก็สามารถตัดมุกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไปได้ทุกครั้ง ด้วยลูกล่อลูกชนของเด็กสาว -- ไม่ใช่อะไร เพราะทั้งหมดนั้น กะเป็นการรวบรวมอารมณ์ตื้นตันทั้งหมดไว้ในช่วงสุดท้าย เพราะตลอดทั้งเรื่อง คุณจะเห็นเด็กสาวที่สวมชุดเดรส มีฉากหลังเป็นทุ่งทานตะวัน คอยเป็นเพื่อนเล่นของเด็กชายตลอดเวลา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วพอตอนท้าย มันกระชากอารมณ์เรา (เพราะความจริงเปิดเผยที่ว่า ทั้งคู่เป็นพี่น้องฝาแฝดที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่เด็กสาวกลับตายซะก่อน) -- ในฉากนั้น เด็กสาวน้ำตาไหล เพราะต้องจากลากันแล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะภูมิใจที่เห็นเด็กชายที่เคยเล่นด้วยกันนั้น เติบโตแข็งแรงดี แล้วบทพูดที่ว่า "บ๊ายบาย คงไม่เจอกันอีกแล้วล่ะ" มันยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ถึงจะอยากเจอหน้ากันแค่ไหน ก็ไม่มีโอกาสกลับมาเล่นสนุกกันอีกแล้ว เป็นอะไรที่สะเทือนใจพอดู หลังจากที่เด็กสาวได้สลายไป ชายหนุ่มร้องไห้ลั่นทุ่งทานตะวัน ก่อนที่จะจบฉากด้วยอะไรที่เพอร์เฟ็กต์ กินใจมากๆ
 

-----------------------------------------
ข้อสังเกต (เฉพาะคนที่เคยอ่านรวมเล่มเท่านั้น)

- นางเงือกกับมนุษย์ ไอ้พระเอกมันเป็นใคร? เป็นพนักงานพิพิธภัณฑ์หรือเป็นแค่คนธรรมดา? ทำไมมันถึงเอารูปท้องฟ้ารูปใหญ่เท่าผ้าม่านเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ได้วะนั่น? บอกหน่อยสิ
- Hero มีตัวละครตัวหนึ่งที่เจอนางเอกซัดเข้าให้ แล้วเถียงนางเอกว่า ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งๆที่กำลังจะซัดนางเอกอยู่แหมบๆ งง แล้วไอ้พฤติกรรมต่อยผู้หญิงนี่ มันเป็นสิ่งที่ผู้ชายทั่วไปเค้าไม่ทำกันนะเว้ย อย่ามองแบบนั้นดิ
- Flower อะไรคือการที่ผู้หญิงชวนเล่นวิ่งไล่จับ แล้วห้ามให้จับตัว? ต้องการอัลไลวะนั่น!!?!
- จอมมารกับเจ้าหญิง หาไม่เจอ คงไม่มีหรอกมั้งงง...
---------------------------------------------------------

ถึงเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของ การสูญเสีย แต่ด้วยทักษะการวางเรื่องระดับมืออาชีพ และแนวคิดที่กว้างมากๆ ชนิดที่มั่นใจว่ามีการการตกตะกอนมาเป็นอย่างดี บวกกับความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ มันทำให้การ์ตูนเต็มไปด้วยรายละเอียดหลายอย่างที่น่าสนใจ (ผมชอบการแสดงสีหน้ายิ้ม แกมหัวเราะของนางเงือกในความระห่ำของพระเอกในหน้าสุดท้ายมากๆ คือมันไม่ต้องใช้คำพูดอะไรด้วยซ้ำ ก็สามารถสื่อความหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสุดๆเลย ชอบเป็นการส่วนตัว) ในส่วนของภาพรวม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับ on point อะไรมาก โดยเฉพาะสองเรื่องนั้นที่ออกมาแล้ว ดีไม่เท่า Flower กับ Hero แต่จอมมารก็ปิดเล่มได้ตลก ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมเบาๆ สาบานว่าจะหยิบมาอ่านเรื่อยๆอีกแน่นอน ถ้าเห็นมันอยู่ใกล้ๆ

ถึงจะมีจุดไม่สมเหตุสมผลด้านเนื้อหาอยู่ประปรายบ้างตามสไตล์มือใหม่ มีการกำหนดสัดส่วนตัวละครออกมาเพี้ยน (บางหน้าก็ไม่ตั้งใจวาด) และปล่อยฉากโล่งบ่อยๆ (ก็นี่แหละปัญหาของการ์ตูนรุ่นน้องคนนั้น) ซึ่งบางครั้ง มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการ์ตูนที่เขียนไม่เสร็จอยู่บ้าง แต่ของแบบนี้มันใส่เพิ่มเติมกันได้ เพราะดูจากฝีมือการวาดทุ่งทานตะวันแล้ว ที่เหลือก็ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงอยู่นะ

แต่ภาพรวมแล้ว นี่คืองานที่มีความทะเยอทะยานมากที่สุดของอัล ชิอากิ เป็นงานของคลื่นลูกใหม่ที่ดูท่าจะไปได้ไกลในอนาคต ถ้าปรับปรุงอะไรนิดหน่อย ยอมรับว่ายังไม่ได้แตะงานเก่าๆอย่าง Loring หรือเกม Half Sphere เลย พอเห็นงานระดับนี้ออกมาทั้งที คงต้องไปขุดของพวกนี้มาลองซะแล้วล่ะ 5555+

(โปรดติดตามตอนต่อไป.....)
-----------------------------------------
/เรียงลำดับเรื่องที่ชอบจากมากไปน้อย/
Flower --> Hero --> จอมมารกับเจ้าหญิง --> นางเงือกกับมนุษย์
-----------------------------------------
(สรุป 7/10)

ติดตามเพจที่ https://www.facebook.com/ThaiComicReview/
-----------------------------------------
สามารถสั่งซื้อได้ทางเพจเจ้าตัวได้ ถ้ายังเหลืออยู่ ส่วนราคาไปถามเอาเอง
https://www.facebook.com/AlChiaKi01/






 



Create Date : 21 กันยายน 2561
Last Update : 25 กันยายน 2566 2:03:12 น.
Counter : 1668 Pageviews.

0 comments
“ สเปรย์ฉีดยุง ” dansivilai
(17 เม.ย. 2567 21:04:34 น.)
แชร์ประสบการณ์... ตามรอยสแลมดังก์ ที่คามาคุระ-โตเกียว imuya
(10 เม.ย. 2567 00:13:46 น.)
อันดับ Light Novel ขายดีที่ญี่ปุ่น : 25-31 มีนาคม 2024 iamZEON
(5 เม.ย. 2567 21:05:41 น.)
แจ้งข่าวการ์ตูน Amico : 4 เมษายน 2567 iamZEON
(4 เม.ย. 2567 22:19:04 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaicomicreview.BlogGang.com

เรลกันคุง
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด