(รีวิวการ์ตูนไทย) เด็กๆจ๋า หรรษากันหน่อย : Shortcut (ทวีศักดิ์ วิริยวรานนท์) รวมเล่มชุดที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของ "เด็กๆจ๋าฯ ยุคคลาสสิก" (ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับภาค The Egg of Destiny ในธีมโลกยุคกลาง ตั้งแต่เล่มที่ 5 จนถึงเล่มที่ 10 เป็นต้นไป) กับเรื่องราวชีวิตประจำวันสุดประหลาดของเหล่าเด็กๆจ๋า ที่เต็มไปด้วยมุกระดับท็อปฟอร์มและฉากแอคชั่นสุดมันส์มากมาย จนเล่มที่ 2 "Road Of The Dragon Knight" ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการ์ตูนไทยสายตลก ด้วยมุกเล่นใหญ่ที่ซับซ้อนและดูฉลาดมากขึ้น ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับวงการการ์ตูนไทยในสมัยนั้น -- ซึ่งถึงแม้คุณทวีศักดิ์ เจ้าของผลงานจะสับเปลี่ยนทิศทางของการ์ตูนบ่อยครั้งจนแต่ละเล่มมีธีมแทบไม่ซ้ำกัน แต่สำหรับรวมเล่ม Shortcut นี่เป็นการรวมเรื่องสั้นจาก "เด็กๆจ๋าภาคปกติ" ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ตอน ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามนิตยสาร ไทคอมิค มารวมไว้ในเล่มเดียวถึง 3 ตอนด้วยกัน พร้อมกับเรื่องสั้นทดลองที่ชื่อ "ขุนศึก หุ่นยนต์ผู้พิทักษ์" ที่เขียนขึ้นในปี พ.ศ.2542 (ก่อนที่จะกลายมาเป็นการ์ตูนเรื่องยาว 9 เล่มจบในอีก 3 ปีต่อมา และเปลี่ยนชื่อเป็น "ขุนศึก หุ่นเวทพลังยุทธ์") ให้ได้อ่านกันอีกด้วย หลังจากที่ได้อ่านทั้ง 3 เรื่อง ก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่า ทำไมถึงเพิ่งจะมารวมเล่มเอาป่านนี้ 5555+ นอกจากจำนวนตอนที่ไม่พอจนต้องเอาเรื่องสั้นเก่าๆมาถมแล้ว ส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ "มันโหดมากๆครับ!!" -- เรื่องสั้นส่วนมากในเซ็ตนี้จะค่อนไปทางโหดแบบน่ากลัว และเน้นตลกร้ายช็อกคนอ่านมากกว่าเล่มอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นที่จะได้เห็นกันในเรื่องสั้นเรื่องแรกของเล่มอย่าง "หมากัด" ที่ว่าด้วยเพื่อนคนหนึ่งโดนหมากัด และเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้าใจผิดคิดว่าเพื่อนตัวเองติดพิษสุนัขบ้าไปแล้ว จึงพยายามช่วยถอนพิษให้ ด้วยวิธีพิสดารต่างๆเท่าที่เด็กประถมคนหนึ่งจะคิดได้ ยกตัวอย่างเช่น การเอาเสื้อมัดท้องเพื่อไม่ให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ เพราะคิดว่าพิษมันเลยขาไปแล้ว รวมไปถึงการดื่มน้ำสบู่เพื่อช่วยล้างพิษในร่างกายอีกที เออ!! เอากับมันสิ เรื่องสั้นส่วนใหญ่ในเล่มจะโฟกัสไปที่เรื่องราวของเด็กสมองทึบสองคนที่ชื่อ ทุ้มและโปน ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก (เพราะซ้ำชั้นมาด้วยกัน 5555+) แน่นอนว่าทั้งสองคนก็ยังคงปรากฎตัวและรับบทเด่นอีกครั้งในเรื่อง "Light" ซึ่งเป็นตอนพิเศษที่ผู้เขียนจัดทำขึ้นเพื่อเล่มนี้โดยเฉพาะ เกี่ยวกับการลดความอ้วนที่ถูกวิธี ซึ่งเป็นตอนที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด (และผมก็ชอบมากเช่นเดียวกัน 5555+) -- แต่ตัวละครที่สมองทึบที่สุดในตอนนี้ กลับไม่ใช่ทุ้มและโปน แต่เป็นคริสตัล เด็กสาวลูกคนรวยที่ชอบทำตัวเหนือคนอื่นๆ ในขณะที่ทุ้มกับโปนจะโง่เพราะพัฒนาการช้า แต่คริสตัลจะโง่เพราะคิดว่าตัวเองฉลาด และคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องเสมอ แม้คำแนะนำในเรื่องวิธีลดความอ้วนจะแย่ไม่ต่างกันก็ตาม ยกอย่างเช่นการต่อยท้องเพื่อให้เลือดออกจากปากเยอะๆ เพื่อลดน้ำหนัก เพราะคิดว่าร่างกายของมนุษย์นั้นมีน้ำอยู่ถึง 3/4 ส่วน ดังนั้นถ้าต่อยสองครั้งแล้วน้ำหนักลดถึง 1 โล ถ้าต่อยจนครบ 30 หมัด ก็จะน้ำหนักลดไปอีก 15 โล อะไรทำนองนี้ (แม่เจ้าโว้ย!! คิดได้ไงฟะ?) -- สรุปคือ อย่าเอาไปทำตามเด็ดขาด (ใครมันจะไปทำตามฟะ!!?!) ซึ่งคำบอกใบ้ต่างๆ มันก็ได้ถูกทิ้งไว้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอน "ย่อความบันเทิง" ในเด็กๆจ๋าเล่ม 2 ที่เราจะได้เห็นว่าเนื้อหาการเรียนการสอนที่ครูใหญ่ได้คิดค้นขึ้นเองอย่างภาคภูมิใจนั้น จริงๆแล้วมันห่วยแตกขนาดไหน มันก็เลยทำให้เหล่าเด็กๆจ๋าที่เก่งเรื่องสร้างสิ่งประดิษฐ์และเรื่องต่อยตี กลับอ่อนเรื่องความรู้รอบตัวกันเกือบทั้งโรงเรียนแทน จนเกิดปัญหาตามมามากมายและจบด้วยการใช้กำลังในหลายๆตอน -- ซึ่งที่ได้เขียนไป เราจึงได้เห็นว่าจริงๆแล้วโครงสร้างของซีรีส์เด็กๆจ๋า มันลึกและจริงจังมากขนาดไหน เพราะตลอดทั้ง 4 เล่มที่เป็นตอนเดียวจบ มันเชื่อมเรื่องราวกันหมดเลย น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่ได้ลงไปทำภาคปกติต่อ ไม่งั้นเราก็อาจจะได้เห็นบทบาทเด่นของตัวละครตัวอื่นๆที่ยังไม่ได้ออกโรงแบบเต็มๆ รวมไปถึงความสัมพันธ์รักของพระเอก-นางเอกที่คลุมเครือมาโดยตลอดของโรเบิร์ตกับลิซ่า (และแกละกับคริสตัล???) มากกว่านี้ก็เป็นได้ แม้เนื้อหาหลักในแต่ละตอนส่วนมากของซีรีส์เด็กๆจ๋า จะมุ่งเน้นไปที่การขยายเรื่องราวหรือพื้นหลังตัวละคร สลับกับยิงมุกตลกอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กๆจ๋านั้นเวิร์กสุดตอนที่ผู้เขียนลงไปเล่นแก๊กเชิงทฤษฎีในระดับเล่นใหญ่ อย่างที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดอย่าง "ย่อความบันเทิง" เพียงแต่ในเล่มนี้จะถูกทำให้โหดและท้าทายศีลธรรมคนอ่านมากยิ่งขึ้น -- คุณทวีศักดิ์พยายามที่จะขยายขอบเขตการ์ตูนตลกของตัวเองให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โดยใส่สาระความรู้อย่างเช่นเรื่องโภชนาการและโรคพิษสุนัขบ้าผสมลงไปกับมุกตลกร้าย แต่น่าประหลาดที่ความรู้เหล่านั้นกลับไม่ได้ทำลายความขำของมุกตลกให้น้อยลงไปเลยแม้แต่นิด ซึ่งจริงๆแล้ว ข้อดีของมันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น -- โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กอ้วน หากได้อ่านตอน Light แน่นอนว่าคุณเองก็จะได้กำลังใจที่ดีกลับไปด้วยเช่นเดียวกัน ("ไม่มีอะไรยืนยันว่าในอนาคตนายจะเป็นโรคอ้วนรึเปล่า แต่โตขึ้น นายอาจจะเป็นแค่คนตัวใหญ่เหมือน อาโนลด์ ชวาสเนเกอร์ ก็ได้")
ส่วนข้อเสียของเรื่องนี้มีมั้ย? มีครับ เพราะในบางตอน แก๊กตลกบางตัวก็ตบมุกแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนกัน เห็นแล้วเสียดายแทน อย่างเช่นแก๊กดื่มน้ำสบู่เพื่อล้างพิษสุนัขบ้า คำถามคือมันล้างพิษสุนัขบ้าได้ยังไง คนอ่านงง เพราะมันไม่มีมนุษย์โลกที่ไหนเค้าทำกัน -- เข้าใจว่าถ้าให้เหตุผลมากกว่านี้ จะทำให้ทุ้มกับโปนดูมีสติปัญญาไม่ได้ต่างจากตัวละครอื่นๆในเด็กจ๋าซักเท่าไหร่ (ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่ได้ต่างกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) แต่คนอ่านที่รอฟังเหตุผลจะรู้สึกงงกับมุกแทนว่า "เอ้า!! แค่นี้เองเหรอ?" -- โถ!! ก็นึกว่าจะตบมุกแบบ ถ้าสบู่ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ ก็ต้องใช้ฆ่าพิษสุนัขบ้าได้เหมือนกัน อะไรทำนองนี้ จบเลย ผมเข้าใจ ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบอ่านแก๊กโหดๆที่เล่นกันถึงเลือดถึงเนื้อ แต่มันน้อยครั้งจริงๆที่เราจะได้เห็นแก๊ก shock value ตลกร้ายที่ทำออกมาได้สร้างสรรค์และดูใส่ใจมากขนาดนี้ -- คุณทวีศักดิ์เป็นคนที่หมั่นพัฒนาฝีมือตัวเองอยู่ตลอด และกล้าที่จะลงไปทำในสิ่งที่แตกต่าง และเพราะแบบนี้นี่เอง เด็กๆจ๋าฯ Shortcut จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้สร้างการ์ตูนตลกคุณภาพสูงขึ้น โดยที่ไม่ย่ำอยู่กับความสำเร็จเดิมๆแบบในเล่ม 2 "Road Of The Dragon Knight" แต่กลับเดินไปในทิศทางที่เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งถึงแม้เด็กๆจ๋าในรอบนี้จะเข้าสู่เส้นทางใหม่ๆอีกครั้ง แต่ทั้งเล่มก็ยังคงเต็มไปด้วยมุกตลกมากมายที่เราสามารถสัมผัสได้ถึงความเฉลียวฉลาด ละเมียดละไมเหมือนกับที่ผ่านมา แม้กระทั่งในตัวผู้เขียนเองก็เช่นกัน แม้จะผ่านไป 20 กว่าปีก็ตาม -- เด็กๆจ๋า Shortcut คือรวมเล่มที่ดีที่สุดในจำนวนทั้งหมด 4 เล่มของเด็กๆจ๋ายุคคลาสสิก (สรุป 9/10)
|
บทความทั้งหมด
|