เรื่องราวที่ไม่มีวันจบ... 1
บนสนามหญ้าใต้ร่มไม้ ชายชรานั่งนิ่ง สงบอยู่บนชุดเก้าอี้สีขาว สายตาเหม่อมองไปตามพื้นหญ้า สงบ เศร้าสร้อย...
"พี่ๆ ทางนี้ครับ เราต้องไปลงทะเบียนกันก่อน" เสียงเด็กหนุ่มที่แนะนำเขาให้นำสุนัขเข้าร่วมการประกวดร้องเรียก สตีเว่นเหลียวตามเสียงนั้น พร้อมอุ้มเจ้าสุนัขขนปุกปุยในอ้อมแขนวิ่งตรงไปตามเสียงเรียก
"ขอเพทดีกรีครับ แล้วรบกวนกรอกข้อมูลตามนี้ด้วยนะครับ"เจ้าหน้าที่พูดพร้อมยื่นเอกสารการสมัครให้ สตีเว่นรับมาอย่างงงๆ เค้าไม่นึกมาก่อนว่า การนำสุนัขเข้าประกวดมันจะมีขั้นตอนอะไรซับซ้อนอย่างนี้
นึกไปนึกมาก็ขำ เค้าได้"เจ้าบิ๊ก"นี่มาโดยบังเอิญแท้ๆ ถ้าวันนั้นเค้าไม่บังเอิญไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่เป็นฟาร์มสุนัข เจ้าบิ๊กไม่บังเอิญมาเล่นรองเท้าเค้า แล้วเค้าไม่บังเอิญไปสบตามัน ... เค้ากับมัน คงไม่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้
เรื่องประกวดนี่ก็ด้วย เพื่อนตัวดี ดันโทรมาข่มขู่แกมบังคับ ให้เอาเจ้าบิ๊กไปลงประกวด นัยว่า หมามันพันธุ์ดี อย่าให้เสียชื่อ อะไรประมาณนี้ ด้วยแรงยุจากเพื่อน ประกอบกับว่า วันนี้ก็ว่างไม่มีอะไรทำพอดี ไหนๆก็จะเริ่มเลี้ยงหมาแล้ว ขอมาดูหน่อยละักันว่าวงการนี้เค้าทำอะไรกันบ้าง
"พี่ๆ เค้าเรียกชื่อพี่แล้ว"ไอ้น้องคนเมื่อกี้เข้ามาสะกิด ที่นี่เค้าไม่เรียกชื่อคนกันเท่าไหร่ เค้าเองก็ยังไม่ชินกะชื่อเจ้าิบิ๊กด้วย เลยฟังผ่านๆ ไม่ทันสังเกตว่ากำลังเรียกตนออกไป
"เดี๋ยวปล่อยน้องเค้าเดินให้กรรมการดูในนี้นะครับ แล้วพอถึงช่วงโพสต์ท่า คุณเจ้าของค่อยมาจัดท่าทางให้นะครับ" โฆษกเดินตรงรี่มาหาเค้าคนเดียว คงเพราะไม่คุ้นหน้าที่สุด เลยมาแนะนำขั้นตอนต่างๆให้ อย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ คนเลี้ยงหมานี่ ใจดีกันทุกคน
"รางวัลชนะเลิศรุ่นไม่เกินหนึ่งปีได้แก่... เจ้าบิ๊กคร้าบบบ... ขอเชิญขึ้นมารับรางวัลด้วยครับ" สตีเว่นยังนั่งนิ่ง มองซ้ายมองขวา คล้ายไม่แน่ใจว่า เจ้าบิ๊กของตัวแน่หรือที่ได้รางวัลใหญ่นี้ จนโฆษกประกาศเรียก "คุณสตีเว่นครับ คุณสตีเว่น นำเจ้าิบิ๊กมารับรางวัลด้วยครับ"นั่นแหละ เค้าถึงแน่ใจว่า ใช่เจ้าบิ๊กเดียวกันจริงๆ เวทีแรกกับเงินรางวัล หนึ่งพันยูเอสดอลล่าห์ ไม่เลวแฮะ สตีเว่นคิดในใจ
สิบปีผ่านไป นับแต่วันแรกที่เจ้าบิ๊กได้รางวัล ฟาร์มสตีวี่ของเค้าตอนนี้ โด่งดังไปทั่วประเทศ ในฐานะฟาร์มที่ถือถ้วยรางวัลเกือบจะทั้งหมดของสายพันธุ์อัลเซเชี่ยน นับว่าโชคดีจริงๆ ที่วันนั้นเค้าตัดสินใจนำเจ้าบิ๊กเข้าประกวด จากพนักงานกินเงินเดือนต๊อกต๋อย ด้วยการสนับสนุนของเพื่อน ผ่านมาแค่ไม่กี่ปี เค้ามีทั้งบ้าน ทั้งรถ และภรรยาสาวแสนสวย... ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่เลือกเข้ามาในวงการนี้
วันนี้เค้าได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ให้ไปบรรยายในฐานะผู้บรรยายพิเศษเกี่ยวกับการคัดเลือกสายพันธุ์ของสุนัขพันธุ์นี้ สูทที่เพิ่งได้มาเมื่อวานมันดูดีมาก เื่มื่อมาอยู่บนร่างกายของเค้า สตีเว่นยืนจัดแต่งเสื้อผ้าทรงผมอยู่หน้ากระจกนานเป็นพิเศษ วันนี้เค้าต้องเป็นที่ประทับใจของทุกคนในทุกๆด้าน เพื่อปูทางไปสู่ธุรกิจระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ให้ได้
ขณะเดินลงบันได เจ้าบิ๊ก ไม่รู้ออกจากกรงมาได้ไง ก็โผเข้าหาเค้าอย่างเคย สตีเว่นล้มลงทันที สูทที่เรียบสนิทเมื่อครู่ยับย่นยู่ไม่เหลือดี คราบน้ำลายไม่ต้องพูดถึง หมาใหญ่ขนาดนี้ แค่สบัดหัว น้ำลายก็กระเซ็นไปทั่วห้อง ขนาดร้องเท้าที่มันคาบมาให้ ยังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของมัน
สตีเว่นโกรธมาก ทั้งสูททั้งผมเผ้า กระเซอะกระเซิงไม่เหลือดี เค้าออกคำสั่งคนงานให้นำเจ้าบิ๊กใส่กรง งดให้อาหารสามวันทันที พร้อมกำชับ ห้ามเจ้าบิ๊กเข้ามาในอาณาเขตบ้านอีกเด็ดขาด
หลังการบรรยายผ่านไป ธุรกิจของสตีเ่ว่นก็เจริญรุดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ฟาร์มสตีวี่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
วันนึง คนงานกระหืดกระหอบเข้ามาบอกเค้าว่า "เจ้าบิ๊กพยายามปีนรั้ว เลยตกลงมาขาหัก" สตีเว่นเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้า พูดเพียงว่า "ให้หมอเค้าดูแลไปสิ จะมาบอกชั้นทำไม" แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
ผ่านไปราวสามวัน มีโทรศัพท์จากสัตวแพทย์ที่ดูแลฟาร์มเค้าโทรมา "คุณสตีเว่นครับ ขาเจ้าบิ๊กอาการแย่มาก เราคงต้องตัดทิ้งเพื่อรักษาชีวิตมันน่ะครับ"
"ถ้าตัดขาทิ้งก็ประกวดไม่ได้แล้วสิ งั้นรบกวนคุณหมอช่วยฉีดยาให้มันไปสบายด้วยละกัน แค่นี้นะ ผมมีงานต้องทำอีกมาก" สตีเว่นวางหูโครม แล้วหันกลับไปจัดการกับเอกสารตรงหน้าต่อ
เย็นวันนั้น ขณะเค้านั่งเล่นอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน มันเป็นเหมือนเครื่องประกาศความร่ำรวยของเค้า คนรวยที่ไหนก็ต้องมีสนามหญ้าหน้าบ้านกันทั้งนั้น ทุกวันเค้ามักจะใช้เวลาตรงนี้กับการนั่งจิบไวน์ คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย
ฟ้าเริ่มมืดลง ม่านราตรีกาลเริ่มโรยตัว สตีเว่นลุกจากเก้าอี้เดินทอดน่องกลับเข้าบ้าน หลายวันนี้เค้าเหนื่อยเหลือเกิน กว่าจะเคลียร์ปัญหาต่างๆออกไปได้ เพิ่งจะได้มีเวลาหายใจหายคอกะเค้าก็วันนี้เอง
ขณะกำลังจะเดินเข้าบ้าน เค้าก็มองเห็นลูกจ้างคนนึงของเค้ายืนรออยู่ก่อนแล้ว ปกติลูกจ้างคนนี้เป็นคนเลี้ยงสุนัขอยู่หลังบ้านเค้า ไม่ค่อยได้เข้ามาในเขตบ้านสักเท่าไหร่ วันนี้เข้ามาถึงนี่ คงมีอะไร
"นายครับ ผมขอโทษ ผมพยายามจะเอามันออกไปแล้ว แต่มันไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เลย ขนาดผมมันยังจะกัดเอาเลย" ลูกจ้างหนุ่มพูดละลักละล่ำ ทันทีที่เห็นหน้าเค้า
"อะไร มันไหน ?" อารมณ์ที่ใสกระจ่างเมื่อครู่ เหมือนถูกปัดเร้าให้ฝุ่นคลีฟุ้งขึ้นมาขุ่นนมัวอีกรอบ
"เจ้าบิ๊กครับ มันแอบปีนออกมาได้ไงไม่รู้ ผมวิ่งตามมันมาจนถึงหน้าบ้านนายนี่แหละครับ พยายามจะเอามันออกไป จำได้ว่านายสั่งขาด ห้ามมันเข้า"ลูกจ้างรีบรายงาน
"เจ้าบิ๊กหรอ" อารมณ์ยิ่งขุ่นมัวมากขึ้นเมื่อได้ยินชื่อเจ้าสัตว์หน้าขนตัวนี้ เค้ายังจำได้ ถึงวันที่มันเล่นงานสูทราคาแพงเค้าซะยับย่นยี่ไปหมด แถมยังรองเท้าราคาแพงอีกหลายคู่ที่ต้องทิ้งไปเพราะแรงกัดบวกน้ำลายมัน "มันอยู่ตรงไหน เดี๋ยวชั้นจัดการเอง"
"ตรงประตูนี่แหละครับนาย" ลูกจ้างเดินนำ พร้อมชี้เข้าไปตรงมุมข้างประตู สตีเว่นเดินตามที่มือชี้
ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำเอาเค้าอึ้งค้างไปหลายนาที เจ้าบิ๊ก หมาร่างยักษ์ที่เคยอ้วนท้วนสมบูรณ์ บัดนี้ กลายสภาพเป็นหมาขี้ก้าง ริ้วรอยความเป็นเจ้าของรางวัลมากมาย แทบมองไม่เห็น ขาหน้าบวมปูด ไหลนองไปด้วยเลือดและน้ำหนอง น้ำลายเป็นฟองฟอด ฟูมออกมาจากข้างปาก... ปากที่คาบรองเท้าของเค้าเอาไว้
"สัตวแพทย์เข้ามาฉีดยาให้มันตามที่นายสั่งน่ะครับ ผมก็ชะล่าใจ คิดว่าคงตายแน่แล้ว กำลังจะเอาไปรถเข็นมาเข็นตัวมันออกไป เลยเปิดประตูทิ้งไว้ กลับมาอีกที เห็นมันกำลังวิ่งมาทางบ้านนาย ผมเลยมาตามจับตัวกลับ..." สตีเว่นยกมือปราม หยุดปากช่างจ้อของลูกน้องเค้าไว้ สายตามองนิ่งไปยังสุนัขตรงหน้า
พอเห็นสตีเว่น เจ้าบิ๊กที่นอนรออยู่ก็สะบัดหางทันที มันพยายามลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งมาหาเค้า แต่เหมือนสี่ขาของมันจะสิ้นเรี่ยวแรง ไม่นับขาหน้าที่เน่าอยู่ข้างนั้น มันเดินเป๋ซ้าย เป๋ขวาอย่างคนหมดแรง แม้หางจะร่วงลงพื้น แต่ก็สะบัดไปมา อย่างหมาที่ดีใจ
และคงหมดแรงของมันจริงๆ เจ้าบิ๊กล้มฟุบลงกองกับพื้นตรงหน้า น้ำลายยังคงฟูมปาก เปียกชุ่มรองเท้าข้างนั้น มันพยายามเงยหัวขึ้นมามองหน้าเค้า แต่คงสุดความสามารถของมัน ทำได้เพียงยกหัวขึ้นลงนิดๆ ในคอก็ส่งเสียงร้อง งี๊ดๆ อย่างหมาที่อยากจะอ้อนเจ้าของ.... อ้อนเจ้าของครั้งสุดท้ายของชีวิตมัน
เสียงครางงี๊ดเริ่มเงียบลง แรงที่ใช้คาบรองเท้า คงเป็นเรี่ยวแรงสุดท้ายในชีวิตมัน มันเป็นหน้าที่ มันเป็นของกำนัลเพื่อยืนยันความรักที่มันมีต่อเจ้าของ พอสตีเว่นเดินไปใกล้จนถึงหน้า รองเท้าที่คาบไว้ก็หลุดร่วงลง รองเท้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย เจ้าบิ๊กครางหงิง เสียงงี๊ดๆ ค่อยๆแผ่วเบา และแผ่วเบา.... คอมันตกพับนิ่งสนิท แต่ในลำคอยังส่งเสียงคราง หงีดหงิง วอนขอรางวัลอย่างเคย รางวัลเดียวทีี่มันหวัง รางวัลเดียวที่เค้าเคยให้มันมาตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่มันคาบของอะไรมาให้...
สตีเว่นทรุดลงนั่งข้างตัวมัน มือสั่นเทาเอี้ยมไปลูบหัวเจ้าบิ๊ก หยดน้ำอุ่นๆ ไหลรื้นออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง... เสียงครางในคอเจ้าบิ๊กค่อยๆเงียบไป... เงียบไป... และเงียบไป....
UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวนกดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ
UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ
เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวน
กดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ
น้องนฎาพาป๊ากับมี๊ไปวัดนิมมานรดี เวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา#หมูน้อยร้อยชั่ง
มันจุกที่อก .....
เคยมีอัลเซเชี่ยนสองตัว ตายจากไปในสภาพไม่ดีเท่าไหร่ ค่ะ ..เหมือนทอดทิ้งเค้าเหมือนกัน ค่ะ
ขอบคุณที่เอาเรื่องราวมาให้อ่าน
เดี่ยวจะปิดร้าน ไปจัดการอาบน้ำเจ้าชิสุตัวเหม็นก่อนนะคะ
เหม็นมาหลายวันแล้วค่ะ ..เฮ้อ