ทฤษฎี รถประหยัดน้ำมัน ( มั่วเองอย่าเชื่อมาก ) ก็อย่างที่รู้ๆกัน ปัญหาทรัพยากรขาดแคลน โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำมัน กำลังเป็นปัญหาของโลก ไม่ใช่สาเหตุของใครคนใดคนหนึ่ง รถยนต์ ถูกมองว่าเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนนี้ ด้วยปริมาณรถยนต์บนท้องถนนที่เพิ่มมากขึ้น ทุกวันๆ นโยบายประหยัดน้ำมันจึงถูกนำมาใช้กับเครื่องยนต์ของรถเป็นอันดับแรก มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ อย่างการพยายามลดปริมาณรถยนต์ หรือ การรณรงค์ให้เปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกอื่น ซึ่งดูเหมือนผลที่ได้รับ จะไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของเป้าหมาย!! และหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว คือการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า ในทางทฤษฏีนับว่าเป็นทางออกที่สวยหรูทีเดียว กับความเร็ว 120กิโลเมตรต่อชั่วโมง น่าจะจูงใจให้คนมาใช้ได้มาก แต่ขอโทษ สารพัดปัญหาจิปาถะก็ตามมา ปัญหาหลักคือ ไฟฟ้าที่ได้จากแผงแบ๊ตเตอรี่ ยังไม่ต่อเนื่องพอให้รถวิ่งทางไกลได้ ด้วยข้อจำกัดในการประจุไฟ และน้ำหนักของตัวแบ๊ตเตอรี่ที่แปลผกผันกับพลังงานที่ต้องใช้ นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถในฝันต้องอยู่ในฝันต่อไป นั่นแหละคือประเด็นหลักของเรื่อง หากปัญหาการขาดแคลนพลังงานน้ำมันถูกแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ได้จริง (ซึ่งก็น่าจะได้ผล) ปัญหาเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ คือขนาดการประจุไฟฟ้าของตัวรถ ถ้าเรามองในมุมกลับ แทนที่เราจะห่วงกังวลกับปริมาณการประจุไฟในแต่ละครั้ง มิสู้เราเอาเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามายัดไว้ในรถเลย ไม่ดีกว่าหรือ?? ทฤษฎีนี้จะตั้งอยู่บนพื้นฐานดังนี้ 1. รถไฟฟ้า สามารถวิ่งได้โดยอาศัยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว 2. เครื่องกำเนิดไฟ ที่ต่อพ่วงเข้ากับแบ๊ตเตอรี่ สามารถผลิตไฟอย่างต่อเนื่องเพียงพอต่อการใช้งาน ถ้าทำได้ดังนี้ รถในฝันก็สามารถเอามาใช้งานจริงได้ ถูกมั๊ย?? รถสามารถวิ่งได้โดยไม่ต้องจอดประจุไฟเพิ่ม !! แต่ก็อย่างว่า เครื่องกำเนิดไฟเองก็จำเป็น ต้องได้รับพลังงานจากภายนอก แล้วจะเอาอะไรมาเป็นแหล่งพลังงานละ ?? ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ พอผ่านปัญหาหนึ่งไปได้ ก็เจออีกปัญหาหนึ่งตามมา แต่ไม่เป็นไร เรามีคำตอบ แหล่งพลังงานของเครื่องกำเนิดไฟในรถ ก็ได้พลังงานมาจากล้อทั้งสี่ที่กำลังหมุนอยู่นั่นแหละ จับเอาพลังงานที่เสียไป มารีไซเคิลย้อนกลับมาเข้าแบ๊ตเตอรี่อีกครั้ง เฮ้ย!! พลังงานมันไม่สามารถย้อนกลับมาใช้ได้ทั้งหมดนะ... มันต้องมีคนพูดแบบนี้แน่ 555+ เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้พลังงานอื่นมาเสริมไง "น้ำมัน"ย้อนกลับมาเป็นพระเอกของเรื่องอีกครั้ง โดยใช้น้ำมันนี่แหละ ทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงาน ส่งไฟเข้าแบ๊ตเตอรี่อีกครั้ง เฮ้ย !! (อีกครั้ง) งี้มันก็ไม่ประหยัดน้ำมันดิ... ประหยัดดิครับ ทำไมจะไม่ประหยัด ลองนึกดูดีๆนะ เครื่องปั่นไฟเครื่องนึง ใช้น้ำมันสักเท่าไหร่เชียว สำหรับการสร้างกระแสไฟให้รถพอวิ่งไปได้เนี่ย ถ้ามองตามความเป็นจริง ก็คงประมาณนี้ รถ A ใช้น้ำมัน G ลิตร วิ่งได้ระยะทาง C กิโลเมตร ถ้ารถ A ใช้ไฟฟ้าจำนวน B วิ่งได้ C กิโลเมตร ไฟฟ้าจำนวน B ส่วนนึงมาจาก แรงที่ล้อทั้งสี่ D บวกกับ พลังงานน้ำมัน F ลิตร ถ้าจะให้รถในฝันเป็นจริง สมการก็ต้องออกมาแบบนี้ A/C < F+D/C ที่นี้ก็ถึงคำถามล่ะ มีใครพอจะพิสูจน์สมการนี้ให้ผมได้มั๊ยครับ ว่ามันถูกหรือมันผิด??? |
UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ
เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวน
กดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ
ว่ายน้ำกับพี่น้ำมนต์คร่าา.....#หมูน้อยร้อยชั่ง
พลังงานในน้ำมันที่เติมเครื่องปั่นไฟ = พลังงานไฟฟ้าที่ได้ออกมา + loss(ความร้อน,แรงเสียดทาน,ฯ)
ดังนั้น ผมว่า เป็นไปไม่ได้