...My Adventure Never Ends...
 photo everestblog.jpg

++เริ่มต้นจากมอปลาย เอ็นซะท้านนน++

ชีวิตนักเรียนบ้านนอก...
ชีวิตคนเรามันก็แปลกค่ะ เกลียดสิ่งไหน มักได้สิ่งนั้น อาจจะไม่ตลอดทุกเรื่องที่เกลียด แต่ก็มีบ้างล่ะที่เกลียดแล้วได้
ไม่อยากจะบอกว่าเกลียดเภสัช เพียงแต่ตอนม.ปลายนี่ แค่ไม่อยากจะเลือกมาอยู่ในอันดับของการเลือกคณะตอนเอนทรานซ์

ทำไมนะเหรอ...ตอนนั้นเราคิดว่า เภสัช เรียนก็หนัก เรียนนานตั้งห้าปี แล้วมาจ่ายยาแค่นี้เหรอ อาแป๊ะ อาตี๊ เด็กขายยาร้านเภสัชพาณิชย์ทั้งหลาย ก็ไม่เห็นจะต้องเรียนเภสัช ก็ยังจ่ายยาได้ ไม่เห็นต้องเรียนเลย..

ตอนม.ต้น เรียนอินเตอร์อยู่กรุงเต๊บ (เป็นเด็กเต๊บ) แต่สักพัก พ่อกับแม่ต้องย้ายมาทำงานเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยมิชชั่น วิทยาเขตมวกเหล็ก เอาล่ะสิ ทำไงกับเรื่องเรียนดีเนี่ย เราต้องกลายเป็นเด็กบ้านนอกเร๊อ

ก็ย้ายตามพ่อแม่มา (ขืนอยู่กรุงเต๊บคนเดียวก็ไม่มีใครทำกับข้าวให้กินอะจิ แม่กัวจับจิ้กจกมากิน)
เริ่มเรียนกศน. เพราะว่าเรียนอินเตอร์มา เค้าไม่ได้รับรองวิทยะฐานะ เลยต้องเรียนกศน. จบกศน.ม.ต้นปุ๊บ ตอนนั้นก็อยู่เกรด 8 (ก็ประมาณม.สองไทย) แม่ก็หาโรงเรียนไทยให้เรียน

แรก ไปรร.ประจำจังหวัด คือสระบุรีวิทยาคม...เหอๆ เค้าไม่ให้เราสมัครเรียนสายวิทย์อ่ะ บอก เกรดห่วยบรมอย่างนี้ มีปัญญาเรียนสายวิทย์เหรอลูก? (ถามหน้าสุภาพ)
ฮ่าๆ กูจะเรียนมีปัญหาม๊ะ..มีค่ะ ถ้าอยากเรียน ต้องบริจาคแอร์สิบตัว...แหม มีเลียนแบบรร.ดังในกรุงเต๊บ ต้องบริจงบริจาคด้วย..(พ่อกรูรวยอย่างทักษิณ คงได้เรียนไปแล้วละ ไอ้รร.ประจำจังหวัดเนี่ย)
ถ้าจะเรียน ให้เรียนได้แค่สายศิลป์ภาษา หรือศิลป์คำนวณ จะเรียนไม๊--ม่ายอ๊าวว ชั้นจะเป็นหมอ ให้เรียนสายศิลป์ได้ไง (ตอนนั้นคิดมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว ว่าอยากเป็นหมอ จะเป็นหมอให้ได้)

คอตกกลับมา ขากลับ ขับรถผ่านรร.ประจำอำเภอมวกเหล็ก..."เรียนนี่ก็ได้มั้งลูก" "ห๊า มวกเหล็กวิทยานี่เร๊อพ่อ!" เอ่อ...ทำยังไงล่ะ ลองเข้าไปดูหน่อยก็ดี...
สวัสดีค่า สมัครเรียนม.ปลายเหรอจ๊ะ...ครูรูปร่างท้วมๆคนนึงทักอย่างสุภาพ..แตกต่างราวฟ้ากับดินที่รร.ประจำจังหวัดชะมัด สงสัยจะไม่ค่อยมีใครมาสมัครเรียน...

"เอ่อ..หนูอยากเรียนม.ปลายสายวิทย์ค่ะ ต้องสมัครสอบรึเปล่าคะ?".."อ๋อ ไม่ต้องจ้า สมัครเรียนได้เลย ถ้าเรียนไม่ไหว เดียวก็ไล่ไปอยู่สายศิลป์เองล่ะจ๊ะ" เออ ดีวุ้ย เรียนไม่ไหว ไล่ไปสายศิลป์ ดีนะเนี่ย ให้เด็กได้ลองใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองก่อน ค่อยประเมินว่าตัวเองเรียนไหวป่าว
อ่ะ สมัครก็สมัคร จากนั้น ก็ให้หนังสือคู่มือ พร้อมจ่ายค่าเทอมและหนังสือ...

ก่อนหน้านั้น ทะเลาะกับที่บ้าน ว่าอยากเรียนอยู่กรุงเต๊บ ไม่อยากไปอยู่บ้านน๊อก เพราะอยากเรียนบดินทร์เดชา ใกล้บ้านนี่...พ่อกับแม่ก็บอก ไม่ให้อยู่กรุงเต๊บคนเดียว อันตราย ขโมยขโจรขึ้นบ้าน เราหลับเป็นตาย ปลุ๊กยังไงก็ไม่ตื่น โดนข่มขืนไม่รู้ตัว ยกเค้าบ้านทั้งหลัง ทำไง
ก็เลยทำจาย..มาเรียนที่มวกเหล็กวิทยา...เอาวะ มาเป็นเด็กบ้านนอกสักสองสามปีก็ดี เผื่อมีโควต้าอะไรงี้ คิดดีไว้ก่อน...

พอมาเข้าเรียนจิงๆ โห เดินเข้าโรงเรียน นึกว่าตัวเองเป็นดารา ไมนะเหรอ ก็เด็กๆที่นี่เค้าไม่ค่อยเห็นเด็กเต๊บอย่างเรามาเรียนที่นี่หรอก...อันที่จริง สายตาที่มองเรา เหมือนสัตว์ประหลาดมากกว่าดารา...ทำไมนะเหรอ? ก็เสื้อผ้า ไม่ได้สั่งตัด แต่ซื้อจากศึกษาภัณฑ์พาณิชน์เอา (ที่นี่เด็กเค้ามีแฟชั่น ต้องตัดเสื้อ ตัดกระโปรงนักเรียน เป็นทรงแคบๆ ผ้ามันแข็งๆ เหมือนเด็กพาณิชย์ในกรุงเต๊บยุคนึง)
กระเป๋านักเรียนเราก็ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ รุ่นอ้วนๆ ใส่หนังสือได้ทั้งเทอมอ่ะ (แต่ที่นี่เค้านิยมกระเป๋าแบนๆ ใส่สมุดแค่เล่มเดียว แถมยังเอาคลิ๊ปหนีบกระดาษสีดำตัวใหญ่มาหนีบกระเป๋าอีก) เอ่อ..มันมาเรียนหรือว่ามาแรดวะ คิดในใจ ชั้นเลยถูกมองว่าประหลาด

เข้าเรียน ไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก มีแต่คนมองว่าแปลกๆ จำได้มีเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่เข้ามาทัก และยิ้มให้ พร้อมกับถามว่า ย้ายมาจากรร.ไหนเหรอ เราก็ตอบไป...มีบางคน เรารู้ว่าไม่ค่อยชอบขี้หน้าเราหรอก มองว่าไฮไซ ว่าหยิ่งบ้าง แต่เราใช้เวลาปรับตัวไม่นาน ก็เข้ากับเพื่อนๆได้

วิธีการปรับตัว ลดความเป็นเด็กเต๊บ มาเป็นเด็ก(บ้าน)นอกคือ :

  • เปลี่ยนปากกาจากยี่ห้อ sanrio ที่ฮิตๆกัน(สมัยนู้น) มาเป็นปากกา lancer แท่งละสามบาทแทน
อย่าใช้ของที่เค้ามองแล้วแปลก ไม่คุ้นเคย เช่น กระเป๋าตังค์น่ารักๆ ร้อยเก้าๆ(ที่กรุงเต๊บมองว่าธรรมด๊าธรรมดา แต่ที่นี่ไม่ธรรดา อะฮ้า ไม่ธรรมดา)
  • กินข้าว ต้องกินรวมกับเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนกินไร ต้องพยายามกินอย่างเขาให้ได้ (เพื่อนเล่นกินส้มตำปลาร้า ใส่พริกไม่รู้กี่สิบเม็ด อยากชนะใจเพื่อน เลยซัดเข้าไป...เป็นไง ผื่นขึ้นเต็มตัว แม่ด่าอีก)

เพื่อนชวนเที่ยวไหน ไปไหนไปกัน นั่งมอไซค์เร้อ ไม่เค้ย ก็ต้องนั่ง...
  • ภาษาที่พูด...ต้องปรับตามเพื่อน ที่นั่นฮิตคำไหน พูดยังไง อีสาน ต้องหัดพูด เพื่อนจะได้ไม่รู้สึกว่าเราหยิ่ง
จริงใจกับเพื่อน จนกว่ามันจะเห็นว่าเราไม่หยิ่งอย่างที่คิด
  • จิปาถะมากมาย ฯลฯ จำมะได้ เอาเป็นว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

    ....................................................
    ตัดมาตอนเรียน ด้วยความเป็นคนธรรมดาตอนอยู่รร.อินเตอร์ เพราะมีคนเก่งกว่าเราเยอะแยะ แต่มาอยู่ที่นี่เค้ามองว่าเป็นเด็กเต๊บที่พิเศษ
    เวลามีกิจกรรมไร เราก็โดนเรียกใช้ก่อน
    ไปแข่งขันภาษาอังกฤษ ตอบปัญหาวิทย์คณิต ระดับจังหวัด ก็ไป ได้ใบประกาศนียบัตรกองพูนมากมาย
    เราชอบเล่นดนตรี ร้องเพลง ก็ไปแข่งกีต้าร์โฟล์คซอง ไปไกลได้ถึงระดับเขต...แต่บังเอิญว่าลูกคู่ซ้อมด้วยกันยังไม่เก่งพอ เลยตกรอบไป...
    ชอบวาดรูปด้วยนะ สมัยม.ปลายนี่ฝันเฟื่องอ่ะ อยากเป็นหมอ เป็นสถาปนิก เป็นมัณฑนากร แต่ไม่เคยคิดเป็นนักดนตรี ทำไมก็ไม่รู้แปลก (เพิ่งมาคิดได้เอาตอนอยู่มหาลัยว่าอยากเป็นนักดนตรี...) ก็ประกวดวาดภาพออกแบบภายใน ได้ที่สอง สองปีซ้อนระดับจังหวัด จนมี อ.ชวนให้ไปติวเอนท์มัณฑณศิลป์ ศิลปากร แต่แม่ไม่ให้อ่ะ บอกว่า วาดรูปเดียวก็ไส้แห้ง...(แม่ค้ราบ ห้ามทุกอย่างคร้าบ ยกเว้นเรียนเดียว คือติวเอนท์สายวิทย์)

    ชีวิตเด็กนักเรียนบ้านนอกเป็นยังไงเหรอคะ บอกได้คำเดียวว่า"น่าสงสารค่ะ" ครูดีๆ มีน้อย ครูที่พร้อมจะอุทิศตัวให้เด็กนักเรียน
    ช่วงนั้น เรียนๆไป ครูขาด หาครูมาแทน เรียนไม่ปะติดปะต่อ ครูฟิสิกส์ก็ไม่มี รอทางราชการส่งมา ก็ให้ครูเคมีมาสอนแทน อันว่าครูเคมี ก็ใช่ว่าจะสอนเคมีรู้เรื่อง มาสอนฟิสิกส์ ก็หลับกันทั้งคาบ แบบว่า เอ่อ อันนี้ไปอ่านเองก็ได้ ครูไม่ต้องมานั่งอ่านทีละบรรทัดให้ฟังหรอก...
    เลยต้องไปกวดวิชาที่จังหวัด นั่งรถทัวร์ไปเรียนทุกวันอาทิตย์ อดทนเรียนเอา แต่ถ้าให้มาเรียนถึงกรุงเต๊บ ก็ไม่ไหวอ่ะ ไกลไป อดทนๆ อ่านหนังสือ ติวเข้มให้ตัวเอง แต่รู้จุดอ่อน ว่าเป็นคนที่เกลียดฟิสิกส์อย่างแรง ทำยังไง ก็ไม่เคยชนะมันได้เลย ตรรกะสมองส่วนฟิสิกส์ของเรามันอ่อนแรง แต่ตรรกะส่วนนิยายละครน้ำเน่านี่ดีจังแหะ จำได้หมดทุกตอนเลย (อยู่บ้านนอก อะไรจะสนุกไปกว่าดูทีวีละครน้ำเน่า แล้วมากรี๊ดกับเพื่อนในห้อง)

    ช่วงนั้น เอนท์ระบบใหม่กำลังเข้ามา (ปี 2542) เราเลยวางแผนเรียนกศน.ม.ปลายไว้ก่อน เผื่อเอนท์ลองสนามตอนม.ห้า ซึ่งเป็นเอนท์ระบบเก่ารอบสุดท้าย
    ก็ลองเอนท์ โห...กะว่า ไม่ติดก็เรียนม.ปลายต่อ...รู้นะว่าตัวเองไม่เก่งถึงขึ้นเรียนหมอได้หรอก เพราะตอนม.ปลายนี่ ฟิสิกส์ห่วยมาก แถมรร.ก็ไม่ใช่ว่าจะสู้ระดับจังหวัด หรือเด็กเต๊บเตรียมอุดมฯ พวกนั้นได้หรอก แต่ก็ตั้งใจ

    ไปเอนท์ตอนม.ห้า ทำหยิ่ง เลือกแพทย์สามอันดับแรกเลย อันดับสุดท้ายเลือกทันตะ
    ...ผลออกมา...ก็เอนท์ไม่ติดอะจิ..บอกแล้วไง ว่าไม่ได้เก่งขนาดน๊านน ไปลองสนามเฉยๆ...

    พอขึ้นม.หก เอาล่ะ คราวนี้ โควต้ามาตรึม โอ้ว เป็นเด็กบ้านนอก พระเจ้ายังเห็นใจ ให้โควต้ามา ก็สมัครสอบ แต่บางที่ เค้าให้เอาคะแนนเอนท์รอบแรก (ตุลา) มาสมัครอ่ะ ก็ลุ้น ว่ามันจะได้รึเปล่า
    เราลงสมัครโควต้าของม.บูรพา เลือกคณะวิทยาศาสตร์ พยาบาล ไว้แค่นี้ (มั่นใจว่าต้องได้ เลยไม่เลือกคณะอื่นอีก) ผลออกมา...คนที่คะแนนน้อยกว่าเรา ได้อ่ะ ส่วนเรากับเพื่อนอีกคน ชื่ออั๋น (เป็นอันดับหนึ่งของชั้นเรียนมาตลอด) กลับไม่ได้
    เป็นอันช้ำใจกันมาก กอดคอร้องไห้กันสองคน สืบทราบไปถามทางม.บูรฯ เค้าบอกว่า เราสองคน คะแนนเอนท์ดีกว่าคนอื่น น่าจะมีโอกาสเอนท์ติดกว่าคนอื่น จึงไม่เลือก--แล้วถ้าเราเอนท์ไม่ติดล่ะ ทำง๊ายยย ...
    จะว่าไปแล้วมันก็เป็นการดี ที่ให้โอกาสคนอื่นที่คะแนนน้อยกว่าเรา แต่มันก็เป็นทุกข์สำหรับเราอีก เพราะกลัวจะเอนท์ไม่ติดนะสิ

    เลือกสอบไปหลายที่ ก็ไม่ติดครับ เครียดๆๆ
    โครงการแพทย์ชนบท ธรรมศาสตร์ จุฬา ไอ้เราก็สำเนาทะเบียนบ้านยังเป็นกรุงเต๊บ มันใช้สมัครไม่ได้ เศร้า
    เอ๊า ได้เวลาเอนท์รอบสุดท้าย ก็ไปสอบ คะแนนออกมา รู้ตัวเลยว่า เลือกแพทย์ไม่ได้หรอก ได้แค่สัตวแพทย์ กับเภสัช แล้วก็เทคนิกการแพทย์ เอ้อ เอาละสิ จัดอันดับยังไงดี
    เลยเลือกทันตะสงขลา ไว้อันดับหนึ่ง
    เภสัชขอนแก่น อันดับสอง
    สัตวแพทย์เกษตรศาสตร์ อันดับสาม
    อันดับสี่...วิทยาศาสตร์ เอกชีวะวิทยา มศว.


    เลือกไปเสร็จ นั่งภาวนา เพราะเป็นปีแรก ปีแห่งความวุ่นวายในระบบการศึกษา ฐานคะแนนที่ใช้เลือกอันดับก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้จ่ะจ่ะ เพราะระบบการคิดคะแนนเปลี่ยนไปแล้ว ก็ได้แต่ภาวนา ๆ ๆ

    ประกาศผลเอนท์...กรี๊ดดด....ซองสีเขียวที่เรารอก็มาถึง รีบแกะใหญ่ เพราะนี่คือสัญญาณว่า "เอนท์ติดแล้ว" แต่ไม่รู้ติดคณะอะไร บางคนรอ ร๊อ รอ ไอ้ซองสีเขียวนี่ก็ยังมาไม่ถึง..แสดงว่า "เอนท์ไม่ติ๊ด"...ก็เศร้าใจกันปายย
    สมัยนั้น อินเตอร์เนทมีใช้แล้วนะ แต่ยังไม่แพร่หลายมาก เราเองก็ความรู้งูๆ ปลาๆ กะพ่อ ทำยังไงก็ไม่สามารถเข้าสู่เวบไซต์ของทบวงมหาลัยได้ เลยได้แต่ดูทางหนังสือพิมพ์ กะโทรสับข้อมูลอัตโนมัติ แล้วก็รอจม.ซองเขียวนี่ล่ะ

    กรี๊ดดดดด...ค่ะ ติดอันดับสี่ คณะวิทยาศาตร์ เอกชีวะ เฮ้อ ยังไงก็ขอให้ติดไว้ก่อน ค่อยเอนท์ใหม่อีกรอบนะแม่...บอกกับแม่ไว้ แต่ที่บ้านก็ดีใจ อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องไปเรียนเอกชน หรือส่งไปเรียนฟิลิปปินส์... เป็นความภูมิใจน้อยๆ ที่เราพอใจในระดับนึง แม้จะพลาดคณะสัตวแพทย์ไปแค่สามคะแนน แต่ก็ถือว่าเราเฉียดอ่ะ เราแค่แพ้ระบบ ปลอบใจตัวเองว่าอย่างนั้น ....
    ................
    .........
    และแล้ว ชีวิตในรั้วมหาลัยก็ได้เริ่มต้น....
    มาเรียนเภสัชได้ยัง?...ต้องติดตาม...กันต่อปายยย....




     

    Create Date : 03 มกราคม 2550
    4 comments
    Last Update : 3 มกราคม 2550 21:35:10 น.
    Counter : 2097 Pageviews.

 

เพิ่งทราบว่าแอร์ฯ จะเขียนหนังสือ (ไดฯ) ได้สนุกขนาดนี้
ผมอ่านมา 3 ท่าน สนุกทั้ง 3 ท่านเลยครับ (ไม่ได้โม้นะเอ้อ)

แล้วจะแวะมาติดตามตอนต่อไปนะครับ (อนุญาตหรือเปล่าครับ ^_^)

เพลงเพราะนะครับผม...ผมก็ชอบ jazz เหมือนกัน

 

โดย: ยางมะตอยสีชมพู (ยางมะตอยสีชมพู ) 3 มกราคม 2550 22:19:05 น.  

 

รีบมาต่อด่วนค่ะ
กะลังลุ้น

 

โดย: n_nink 3 มกราคม 2550 23:51:36 น.  

 

ว้าวมารออยู่เขียนต่อเร็วๆๆนะ
ฮิๆๆๆ ตอนเอ็นท์ม.5 เราก็เหิมเกริมเหมือนกันทั้งๆที่เราไม่เก่งเลย เลือกหมอกะทันตค่าไม่ติด เลยอยู่ต่อม.6 ต่อไป ตอนอยุ่ต่อม.6นี่ โรงเรียนเรา มีแต่พวกที่เอ็นท์ม.5ไม่ติด กะพวกเอ็นท์ติดแล้วไม่เอา**เพราะมันรู้อยู่แล้วเอ็นท์กี่รอบๆๆมันก็ติดมันแค่ลองสนามเล่นๆๆเหอๆๆ** กะอีกพวกที่อยู่คือ มหาตระเก่งๆๆๆๆ รอทุนคิงส์ค่า ฮิๆๆๆ เราอยุ่กลุ่มไหนคงรู้ 555555555

 

โดย: แม่บ้านณ.โตเกียว 9 มกราคม 2550 20:05:27 น.  

 

หนึ่งก็จะขอติดตามบล๊อกคุณยางมะตอยฯด้วยเช่นกันค่า
คุณ nink อาจจะต้องรอแป๊บนึงนะคะ ตอนนี้สมองแล่นมากกก อยากพิมพ์อยากอัพไปหมด แต่ไม่มีเวลา

เดี๋ยวมาต่อนะคะ
คุณแม่บ้านณ.โตเกียวอยู่กลุ่มไหนอ่ะคะ คือ นู๋เดามะออกง่ะ สงสัยอยู่กลุ่มติดแล้วไม่เอาป่าว เล่นตัวๆ ไปยี่ปุ่นดีกว่าชิมิคะ อิอิ

 

โดย: จขบ (GottaBeMary ) 11 มกราคม 2550 5:08:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


GottaBeMary
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




หลังเรียนจบควรจะได้เป็น "เภสัชกรหญิง" แต่ไหงจับพลัดจับผลูมาเป็นแอร์โฮสเตสเมืองแขกได้ยังไงก็ไม่รู้ ...I love Jazz Music!!! ชอบร้องเพลง เล่นดนตรีค่ะ ทำกับข้าวก็ชอบ ชอบงานศิลปะทุกอย่างแต่ไม่ค่อยมีเวลา!! ตอนนี้ชีวิตมีแต่การเดินทาง จะพยายามใช้เวลาในชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามผู้ใดละเมิดหรือแม้แต่จะคิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความงานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทำให้คล้ายคลึง หรือทั้งหมดของข้อความในบล๊อกแห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด เดี๊ยนจะให้ตำรวจเอาตายเลยนะจะบ่อกห๊ายย
Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
3 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add GottaBeMary's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.