"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
กรุงศรีอยุธยาในสายตาฝรั่ง... มั่งคั่ง โอ่อ่าสง่างามที่สุดในภาคตะวันออก

โดย โรม บุนนาค







แผนที่กรุงศรีอยุธยาโดยฝรั่ง





ในยุครุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยา เป็นที่กล่าวขานกันทั่วไปว่า เป็นเมืองที่มั่งคั่งและโอ่อ่าสง่างามที่สุดในภาคตะวันออก คนหลายชาติหลายภาษา โดยเฉพาะชาวยุโรปที่เจริญก้าวหน้าด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่สุดในยุคนั้น

เมื่อมาเห็นเมืองหลวงของสยาม ต่างก็ตะลึงในความวิจิตรตระการตา และนำความตื่นตาตื่นใจ กลับไปเขียนเล่าให้เพื่อนร่วมทวีปฟัง พิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่ในยุโรปหลายต่อหลายเล่ม

ทำให้เราในยุคนี้พลอยได้รับรู้ถึงความงดงามของกรุงศรีอยุธยา และภูมิใจในความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเราในอดีตด้วย

กรุงศรีอยุธยานั้นสร้างตรงจุดที่แม่น้ำ ๓ สายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี ทำให้มีแม่น้ำล้อมรอบถึง ๓ ด้าน นับเป็นความกล้าหาญและชาญฉลาดในการควบคุมน้ำ

นอกจากไม่ให้ท่วมเมืองในฤดูน้ำเหนือหลากแล้ว ยังใช้เป็นยุทธศาสตร์ป้องกันพระนครได้อย่างดี

นอกจากนี้ ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการค้า คุมการขนส่งทางเหนือทั้งหมด สินค้าตั้งแต่ล้านนาลงมา ต้องมารวมอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาเพื่อขายให้สำเภาต่างประเทศ

ขณะเดียวกันก็เป็นจุดกระจายสินค้าที่มาจากสำเภาต่างประเทศ ไปตามหัวเมืองทางเหนือจนถึงลาวและเขมร ทำให้เศรษฐกิจของกรุงศรีอยุธยารุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว มีกองทัพที่เข้มแข็ง และเป็นราชอาณาจักรใหญ่ในย่านตะวันออก

โยส เซาเต็น ผู้จัดการบริษัทการค้าของฮอลันดา ซึ่งมาประจำการอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ๒ รอบ ในสมัยพระเจ้าทรงธรรมและสมัยพระเจ้าปราสาททอง รวมเวลา ๘ ปี ได้เขียนไว้ใน “จดหมายเหตุโยส เซาเตน” เมื่อ พ.ศ.๒๑๗๙ ว่า

“ประเทศสยามเป็นราชอาณาจักรใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียทางตอนเหนือของเส้นศูนย์สูตร เรื่อยขึ้นไปจนถึงเส้นรุ้งที่ ๑๔ มีอาณาเขตติดต่อกับราชอาณาจักรหงสาวดีและอังวะ อาณาจักรสยามประกอบไปด้วยเมืองเล็กใหญ่มากมาย

...พระนครศรีอยุธยานี้จึงเป็นนครที่โอ่อ่า เต็มไปด้วยโบสถ์วิหารซึ่งมีจำนวนมากกว่า ๓๐๐ และก่อสร้างขึ้นอย่างวิจิตรพิสดารที่สุด โบสถ์วิหารเหล่านี้มีปรางค์ เจดีย์และรูปปั้นรูปหล่ออย่างมากมาย ใช้ทองฉาบอยู่ภายนอกสีเหลืองอร่ามทั่วไปหมด

เป็นพระมหานครที่สร้างอยู่ข้างฝั่งแม่น้ำ โดยมีผังเมืองวางไว้อย่างเป็นระเบียบ จึงเป็นนครที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม มีประชาชนหนาแน่น และเต็มไปด้วยสินค้าสิ่งของจำเป็นแก่ชีวิตนำเข้ามาขายจากนานาประเทศ

เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ยังไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ใดในแถบนี้ของโลก ที่จะมีเมืองหลวงใหญ่โตมโหฬารวิจิตรพิสดาร และสมบูรณ์พูนสุข เหมือนกับพระมหากษัตริย์ ณ ราชอาณาจักรนี้...”

ส่วนจดหมายเหตุของนิโกลาส์ แชรแวส ซึ่งร่วมคณะราชทูตฝรั่งเศสของ เชอวาเลียร์ เดอ โชมอง เข้ามาในปี ๒๒๒๘ สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกไว้ใน “ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม” ซึ่งเป็นคนแรกที่เปรียบกรุงศรีอยุธยากับกรุงเวนิชไว้ว่า

“...แม่น้ำใหญ่ติดชายกำแพงด้านเหนือ ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก แล้วไหลผ่านเข้าไปในเมือง เป็นทางน้ำสามสายตลอดหัวเมืองท้ายเมือง กลายเป็นเมืองเวนิสขึ้นอีกแห่งหนึ่ง

อาจจะกล่าวได้ว่า สถานที่ดังนี้จะอำนวยประโยชน์ได้อีกมาก ถ้าไม่มุ่งแต่จะก่อสร้างอาคารบ้านเรือนให้งดงามถึงเท่านี้ แล้วละเลยการปรับปรุงทางน้ำเสีย...”

ต่อมาในปี ๒๒๓๐ ลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์เช่นกัน ก็เขียนย้ำเรื่อง “เวนิสตะวันออก” ไว้อีกครั้งใน “จดหมายเหตุของลาลูแบร์ ว่าด้วยราชอาณาจักรสยาม” ว่า

“...ถนนส่วนใหญ่มักมีลำคลองควบขนานเป็นเส้นตรงไปด้วย จึงทำให้เปรียบเมืองสยามได้กับเมืองเวนิส ตามคลองหลอดนั้นมีสะพานเล็กๆ ไม่สู้มั่นคงนักทอดข้ามเป็นอันมาก บางแห่งก็มีสะพานก่ออิฐถือปูน...”

บันทึกรายวันของ บาทหลวง เดอ ชัวซีย์ หนึ่งในคณะราชทูตเชอวาเลียร์ เดอ โชมอง ก็ได้ยืนยันความงดงามของกรุงศรีอยุธยาไว้ใน “จดหมายเหตุรายวัน การเดินทางไปสู่ประเทศสยาม” ว่า

“...เมื่อออกไปกลางแจ้ง ใครๆก็คงจะต้องเห็นช่อฟ้าหลังคาโบสถ์และยอดพระเจดีย์ซึ่งปิดทองถึง ๓ ชั้น มีอยู่ดารดาษทั่วไปดูออกสะพรั่งพราวตา ข้าพเจ้าไม่ทราบแน่ว่าข้าพเจ้าจะทำให้ท่านนึกเห็นสิ่งงามๆเหล่านี้ไปด้วยหรือไม่ ขอจงเชื่อเถิดว่า ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นสิ่งใดที่จะสวยงามยิ่งไปกว่านี้...

...ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะหาคำอะไรมาใช้จึงจะเหมาะกับสิ่งที่ได้เห็น คำว่าวิจิตรรจนาสง่าโอ่โถง ก็หายังพอกับสิ่งนั้นๆไม่...”

ในจดหมายเหตุของนายแพทย์ เอนเยลเบิร์ต แกมเฟอร์ ชาวเยอรมันซึ่งเข้ามากับคณะทูตฮอลันดาในสมัยพระเพทราชา กล่าวไว้ใน “ไทยในจดหมายเหตุของแกมเฟอร์” ว่า

“...คลองอันมีอยู่มากมายนั้น ทำให้มีสะพานข้ามเหลือหลาย ที่ข้ามคลองใหญ่มักสร้างด้วยหิน มีเสาตะม่อก่อด้วยหินเหมือนกัน แต่เพราะที่เหล่านี้ไม่ใช้รถหรือเกวียน จึงสร้างไว้แคบๆ ตัวสะพานยาวราวแปดสิบศอก กลางโค้งขึ้นไปสูง แต่สะพานข้ามคลองเล็กๆไม่เป็นแบบแผนก่อสร้างอย่างใด เป็นสะพานไม้เสียมากที่สุด...

...ในกรุงมีโบสถ์วิหารอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง มีบริเวณพอสมกับถนน และเต็มไปด้วยสถูปเจดีย์ปิดทองขนาดต่างๆ ความใหญ่โตไม่เท่าโบสถ์ของเรา แต่ความงามภายนอกนั้นยิ่งกว่ามากนัก เพราะมีช่อชั้นหลังคางอนซ้อนสลับกันเป็นอันมาก... .

...ในบรรดาชาติผิวคล้ำแห่งเอเชียทั้งหลาย สยามเป็นราชอาณาจักรอันเกรียงไกรยิ่งใหญ่ที่สุด และราชสำนักนั้นเล่าก็วิจิตรมโหฬารหาที่เสมอเหมือนมิได้...”

จากบันทึกของชาวตะวันตก ทำให้เราพอจินตนาการได้ถึงความรุ่งเรืองด้วยศิลปกรรม และความสมบูรณ์พูนสุขของกรุงศรีอยุธยา จนทำให้ชาวยุโรปที่เจริญก้าวหน้าด้วยศิลปะวิทยาการที่สุดในยุคนั้น

ต่างตื่นตะลึงในความวิจิตรงดงามในศิลปกรรมของไทย ซึ่งตอนนั้นเรารุ่งเรืองด้วยวัฒนธรรมของเราเอง ยังไม่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากตะวันตกเลย ชาวตะวันตกกลับเป็นฝ่ายตะลึงความงามในศิลปกรรมของเรา

แต่แล้ว...นครที่โอ่อ่าสง่างามมั่งคั่งสมบูรณ์แห่งนี้ ก็เหลือแต่ซากปรักหักพังอย่างที่เห็น ประวัติศาสตร์บอกเราอย่างชัดเจนว่า การล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา มาจากการแย่งชิงอำนาจทำลายล้างกันเอง

ทั้งยังได้ผู้นำที่พระราชบิดายังรับสั่งว่า “โฉดเขลา หาสติปัญญาและความเพียรมิได้” แต่เผอิญได้เป็นใหญ่ เลยกลายเป็นความย่อยยับของประเทศชาติ

หวังว่าในวันหน้า ลูกหลานไทยคงไม่ต้องมารำพึงรำพรรณความหลังถึงความรุ่งเรืองของกรุงเทพมหานคร ที่ถูกเผาทำลายไปโดยคนไทยด้วยกันอีก





เรือพระราชพิธีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช






ซากความโอ่อ่าสง่างามของกรุงศรีอยุธยาในปัจจุบัน




ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
คุณโรม บุนนาค

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ



Create Date : 31 สิงหาคม 2558
Last Update : 31 สิงหาคม 2558 11:51:44 น. 0 comments
Counter : 3343 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.