"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
19 กันยายน 2558
 
All Blogs
 
“ออนเหวง” ตำนาน “ดูดส้วม” กรุงเทพฯ ใช้รถลากเทียมวัวบริการวันต่อวัน

โดย โรม บุนนาค

 

 

“ออนเหวง” ตำนาน “ดูดส้วม”กรุงเทพฯ ใช้รถลากเทียมวัวบริการวันต่อวัน
“ไปทุ่ง” จิตรกรรมฝาผนัง

       

สมัยผู้เขียนยังเยาว์วัย บ้านเกิดอยู่ริมคลองบางกอกน้อย หน้าวัดนายโรง ยามพักผ่อนคนในบ้านมักจะออกมานั่งกันที่ศาลาท่าน้ำ ที่สบายตาสบายใจ และมีเรือกาแฟ เรือขนม พายไปมาทั้งวัน แต่หลายครั้งขณะที่กำลังนั่งเพลินๆ พี่ป้าน้าอาก็จะลุกขึ้นพรวดพราดแล้วฉุดมือให้รีบเข้าบ้าน เมื่อถามว่ามีอะไร ก็จะได้คำตอบว่า
       
       “ไม่ได้กลิ่นหรือ เรือออนเหวงมา!”
       
       รู้กันว่า “บริษัทออนเหวง” เป็นผู้ได้รับสัมปทานขนถ่ายอุจาระตามบ้านและส้วมสาธารณะของกรมสุขาภิบาลในจังหวัดพระนครและธนบุรี โดยรับงานต่อมาจาก “บริษัทสะอาด” ซึ่งบริการเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี ๒๔๔๐ ในสมัยรัชกาลที่ ๔
       
       บริษัทออนเหวงจะนำถังไปแจกจ่ายไว้ตามบ้านที่รับบริการ เก็บค่าบริการถังละ ๑ บาทต่อเดือน แล้วตระเวนไปเปลี่ยนถังให้ในกลางดึกราว ๒ ยามทุกคืน ขนถังเก่าใส่รถบรรทุกเทียมวัวที่ปิดมิดชิดทั้ง ๔ ด้าน เปิดได้เฉพาะด้านหลัง

ลากไปเทใส่เรือเอี้ยมจุ๊นที่ท่าช้างวังหน้า แล้วใช้เรือยนต์ลากเข้าคลองบางกอกน้อย เอาไปใส่บ่อของบริษัทแถวปลายคลองซึ่งเป็นแหล่งปลูกผัก ตอนเรือของบริษัทออนเหวงผ่านไปตามลำคลอง จึงส่งกลิ่นตลบไปตลอด จนชื่อเสียงของบริษัทขจรขจายไปตามกลิ่นด้วย
       
       เมื่อผู้เขียนโตขึ้นก็ยังจำชื่อบริษัทออนเหวงได้ดี และไปพบเรื่องของบริษัทนี้อยู่ในเอกสารเก่าของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในช่วงที่บริษัทกำลังผจญกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
       
       ในปี ๒๔๗๖ บริษัท ออนเหวง จำกัด โดย นายอุ้น ประเสริฐกุล ผู้จัดการ ได้ร้องทุกข์ไปยังกระทรวงมหาดไทยว่า รายได้ของบริษัทในระยะนี้ตกต่ำลงมาก ทำให้ฐานะของบริษัทคลอนแคลน น่ากลัวจะประคองตัวไว้ไม่อยู่

เพราะมีผู้รับทำส้วมซึมเกิดขึ้นหลายราย มีผู้หันไปใช้ส้วมซึมกันมากขึ้น จึงขอลดค่าภาคหลวงที่ต้องจ่ายตามสัญญา ๒๖,๐๐๐ บาทต่อปี ให้เหลือเพียง ๘,๐๐๐ บาทต่อปี กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาคำร้อง พบว่าการเงินของบริษัทออนเหวงคลอนแคลนจริง

และไม่ประสงค์จะให้บริษัทต้องเลิกล้มกิจการ เพราะรัฐบาลยังไม่พร้อมที่จะเข้ารับงานสำคัญนี้ ทั้งยังเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรจะหวังรายได้จากงานนี้ ขณะนั้นค่าขนขยะในกรุงเทพฯก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองปีละ ๘๐,๐๐๐ บาทอยู่แล้ว

จึงเห็นควรลดค่าภาคหลวงให้บริษัทออนเหวงเหลือ ๑๑,๒๖๐ บาท แต่เมื่อเสนอเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี ที่ประชุม ครม.ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๖ กลับลดให้แค่ ๖,๐๐๐ บาท เหลือปีละ ๒๐,๐๐๐ บาท
       
       บริษัทออนเหวงได้ส่งหนังสือโอดครวญอีกว่า เงินจำนวนนี้บริษัทฯคงรับภาระไม่ไหวแน่ เพราะแรกที่เซ็นสัญญานั้น บริษัทฯหวังว่าเมื่อทำสัญญาผูกขาดกับรัฐบาลแล้ว ย่อมจะได้รับความคุ้มครองไม่ให้มีใครมาแข่งขัน

แต่การก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ มีการทำส้วมซึมขึ้นในที่ต่างๆทั่วไป ทำให้กระทบกับกิจการของบริษัท จากแรกที่เซ็นสัญญามีถังอยู่ ๑๔,๐๐๐ ถังเศษ แต่ในปี ๒๔๗๖ เหลืออยู่เพียง ๗,๐๐๐ ถัง และในปี ๒๔๗๗ นี้เหลือเพียง ๖,๐๐๐ ถัง ทั้งยังเชื่อได้ว่าจะลดลงเรื่อยๆ
       
       แต่แล้วในการประชุม ครม.วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๔๗๗ กระทรวงมหาดไทยก็เสนอต่อที่ประชุม ขอเป็นผู้ดำเนินการกำจัดอุจจาระแทนบริษัทออนเหวงซึ่งจะหมดสัญญาในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๗๗ ครม.เห็นชอบด้วย พร้อมอนุมัติเงินลงทุนให้ ๑๕๐,๐๐๐ บาท
       
       แต่การเตรียมความพร้อมเพื่อรับงานต่อ จากบริษัทออนเหวงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในที่สุดต้องยอมให้บริษัทออนเหวงทำต่อโดยไม่ต้องจ่ายค่าภาคหลวงไปอีกหลายเดือน ในระหว่างหาที่สร้างท่าเรือขนถ่าย และขนถ่ายโดยไม่ให้มีกลิ่นรบกวนตามที่สัญญากับผู้แทนราษฎรจังหวัดธนบุรีไว้

โดยกระทรวงมหาดไทยเสนอแบบท่าเรือขนถ่าย เป็นห้องติดตั้งเครื่องกรองอากาศป้องกันกลิ่น เรียกว่าขนถ่ายอุจาระในห้องแอร์กันเลย
       
       เมื่อรับงานจากบริษัทออนเหวงแล้ว กิจการขนถ่ายสิ่งปฏิกูลที่เทศบาลนครกรุงเทพเข้ามาดำเนินการ ก็เงียบสงบมาด้วยดี จนความแตกในเดือนเมษายน ๒๔๘๙ เมื่อกระทรวงมหาดไทยได้ขอให้เทศบาลนครกรุงเทพช่วยเอาเรือลากจูงที่ชื่อ “ชเล” ไปลากจูงเรือที่ปากอ่าวให้ แต่ปรากฏว่าเรือชเลเกิดหาย สมาชิกสภาเทศเทศบาลจึงตั้งกระทู้ถาม
       
       นากยกเทศมนตรีได้ตอบในสภาว่า เรือชเลเป็นเรือที่เคยใช้ลากจูงเรือขนอุจาระไปทิ้งทะเลที่ปากอ่าว แต่ได้เลิกใช้วิธีนี้มา ๒ ปีแล้ว เมื่อถามผู้ดูแลเรือ ก็บอกว่าเรือไปเสียอยู่ที่ปากน้ำ พอให้ไปตาม เรือเลยหนีไป จึงแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจปากคลองสาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าแจ้งว่า เห็นเรือชเลที่ปากน้ำเพชรบุรีกำลังมุ่งลงใต้ จะตามไปก็คงไม่ทัน จึงติดต่อกองบินกองทัพอากาศให้เอาเครื่องบินออกตาม วันแรกที่ไปติดต่อ ผู้บังคับการกองบินไม่อยู่ จึงต้องไปหาอีกในวันรุ่งขึ้น

ซึ่งผู้บังคับกองบินก็ให้ความร่วมมือด้วยดี แต่เครื่องบินไม่ยอมร่วมมือ เกิดขัดข้องต้องแก้ไขกันทั้งวัน รุ่งขึ้นวันที่ ๓ จึงออกบินไปแต่เช้า แต่พอจะถึงหัวหินเครื่องก็ขัดข้องอีก ต้องร่อนลงที่สนามบินบ่อฝ้าย และติดตามไปทางบก

พอไปถึงนครศรีธรรมราชได้ข่าวว่าเรือชเลไปอยู่ที่เกาะสมุย พอตามไปที่สมุยก็ได้ข่าวว่าเรือชเลออกไปแล้ว เข้าใจว่าจะออกนอกประเทศไปเลย จึงแจ้งอธิบดีกรมตำรวจให้ช่วยสกัด อธิบดีกรมตำรวจได้ขอความร่วมมือไปทางมลายูและรัฐบาลฮอลันดาที่ปกครองชวา

จากนั้นก็ไม่มีข่าวเรือชเลอีก จึงจำต้องจบข่าวเรือชเลเพียงแค่นี้
       
       เรื่องเรือชเลหายไม่ได้เป็นประเด็นของเรื่องนี้ แต่เรือชะเลได้เปิดเผยความจริงให้รู้ว่า... เทศบาลไม่ได้ทำบ่อหมัก ไม่ได้ทำท่าเรือขนถ่ายติดเครื่องกรองอากาศอย่างที่เสนอแบบไว้ แต่ใช้วิธีแอบขนเอาไปทิ้งที่ปากอ่าวอยู่หลายปี มิน่า..ปลาทูยุคนั้นถึงได้มันอร่อยกว่าปลาทูในยุคนี้ เพิ่งมารู้เบื้องหลังความอร่อยเอาตอนนี้ หลังจากอร่อยเข้าไปไม่รู้ว่ากี่เข่งแล้ว

“ออนเหวง” ตำนาน “ดูดส้วม”กรุงเทพฯ ใช้รถลากเทียมวัวบริการวันต่อวัน
. “ส้วมทองคำ” เคลือบด้วยทอง ๑๘ เค ของวัดหนองบัวทุ่ง โคราช
       

“ออนเหวง” ตำนาน “ดูดส้วม”กรุงเทพฯ ใช้รถลากเทียมวัวบริการวันต่อวัน
อย่าเผลอไปไหว้เข้าล่ะ ส้วมวัดร่องขุนของ อ.เฉลิมชัย
       

“ออนเหวง” ตำนาน “ดูดส้วม”กรุงเทพฯ ใช้รถลากเทียมวัวบริการวันต่อวัน
ส้วมฉุกเฉินตอนน้ำท่วม ใช้แทนถังแบบออนเหวงได้

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

คุณโรม บุนนาค

สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ

 




Create Date : 19 กันยายน 2558
Last Update : 19 กันยายน 2558 10:28:05 น. 0 comments
Counter : 1879 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.