เหน่อ เป็นสำเนียงหลวงครั้งกรุงศรีอยุธยา
มีหลักฐานและร่องรอยเป็นรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากในหนังสือสุพรรณบุรี มาจากไหน? โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ กรมศิลปากร เพิ่มเผยแพร่เมื่อเดือนสิงหาคม 2557
ไม่มีวางขาย เพราะพิมพ์แจก
|
ปรากฏการณ์ "อะแมนด้า" เว้าลาวอีสาน ของ อะแมนด้า คาร์ (ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน) นักกีฬาเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ล่าสุด
น่าจะส่งผลดีอย่างลึกๆ ต่อความเป็นไทยให้มีใจกว้างขึ้น แม้จะยังล้างอคติต่อความเป็นลาวไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม
แท้จริงแล้วสำเนียงลาวทุกกลุ่ม มีส่วนเป็นรากเหง้าเค้าต้นสำเนียงหลวง กรุงศรีอยุธยา
สำเนียงเหน่อลาว
ผู้คนตระกูลไทย-ลาว ทยอยเคลื่อนย้ายจากลุ่มน้ำโขงลงมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณลุ่มน้ำท่าจีน (ที่จะเป็นรัฐสุพรรณภูมิ แล้วเป็นเมืองสุพรรณบุรีต่อไปข้างหน้า)
เป็นต้นเหตุให้ผู้คนบริเวณนี้พูดสำเนียงลาวลุ่มน้ำโขง แต่ถูกเรียกภายหลังว่า เหน่อ
คนในตระกูลไทย-ลาว เป็นประชากรส่วนหนึ่งของบ้านเมืองบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา มาตั้งแต่ยุคทวารวดี (หรือก่อนนั้น) ในชื่อ เซียม, สาม หมายถึง สยาม ที่สื่อสารด้วยภาษาไทย (ลาว)
ลาวพูดเหน่อ
คนไทยภาคกลางฟังสำเนียงลาวว่า เหน่อ (เหนอ, เหน้อ)
มีพยานในกลอนนิราศปถวี ของ หลวงจักรปาณี (ฤกษ) สมัย ร.6-7 เมื่อกล่าวถึงลาวลุ่มน้ำป่าสักที่เสาไห้ ว่า
"เดินคนึงจนถึงทวารป่า มีศาลาลาวร้องซื้อของเหนอ"
สำเนียงสุพรรณ เป็นญาติสำเนียงลาวเหนือ
คนในวัฒนธรรมลาวจากลุ่มน้ำโขง เคลื่อนย้ายลงมาตั้งหลักแหล่งทางลุ่มน้ำเจ้าพระยา
มีหลักฐานสำคัญมากและยังมีชีวิตเคลื่อนไหว คือ สำเนียงสุพรรณ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า เหน่อสุพรรณ เป็นเครือญาติชาติภาษาใกล้ชิดอย่างยิ่งกับสำเนียงลาวเหนือ เช่น หลวงพระบาง
แม้สำเนียงภาษาพูดของกลุ่มคนพื้นเมืองตั้งแต่ลุ่มน้ำยมทางสุโขทัย ลงไปทางฝั่งตะวันตกลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น สุพรรณบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี ก็ล้วนใกล้ชิดกับสำเนียงหลวงพระบาง
เหน่อ สำเนียงหลวงยุคอยุธยา
สำเนียงที่ว่า "เหน่อ" นี่แหละ คือสำเนียงหลวงยุคกรุงศรีอยุธยา
หมายความว่า พระเจ้าแผ่นดินก็ดี ไพร่ฟ้าประชาราษฎรส่วนมากก็ดี ล้วนตรัสและพูดจาในชีวิตประจำวันด้วยสำเนียงอย่างนี้
ดังมีร่องรอยเป็น "ขนบ" อยู่ในการละเล่นโขน เมื่อถึงเจรจาโขน ที่ต้องใช้สำเนียง "เหน่อ" สืบเนื่องมาถึงทุกวันนี้ ถ้าใช้สำเนียงกรุงเทพฯทุกวันนี้ถือว่า "ผิดขนบ"
ปัญหาคือการศึกษาไทยทำเป็นไม่ได้ยินสำเนียงเหล่านี้ เพราะอคติลาว