การละเล่นบวชควาย (จ. ร้อยเอ็ด) เป็นร่องรอยที่หลงเหลือของพิธีฆ่าควาย (แทงควาย) เอาเลือดควายทำพิธีศักดิ์สิทธิ์เซ่นผีบรรพชน ยุคดึกดำบรรพ์หลายพันปีมาแล้ว
พบหลักฐานเก่าสุดในภาพเขียนสีราว 2,500 ปีมาแล้ว บนเพิงผาและผนังถ้ำ มีรูปควายกับคน ทั้งที่ภาคกลางและภาคอีสาน (นักโบราณคดีไม่อธิบายว่าพิธีอะไร?)
ยุคแรกเริ่มดั้งเดิมการละเล่นนี้ไม่ชื่อบวชควาย (อย่างที่ชาวบ้านเรียกปัจจุบัน) แต่ยังไม่พบหลักฐานว่าชื่อดั้งเดิมว่าอะไร?
ชื่อการละเล่นอย่างนี้เก่าสุดเรียกกระอั้วแทงควาย มีร่องรอยสืบเนื่องตั้งแต่สมัยอยุธยา, ธนบุรี, รัตนโกสินทร์ ในพระราชพิธีสมโภชต่างๆ
มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่ในโบสถ์วัดพระแก้ววังหน้า [(วัดบวรสุทธาวาส) ใกล้โรงละครแห่งชาติ เชิงสะพานปิ่นเกล้า ฝั่งกรุงเทพฯ] แล้วยังบอกมีไว้ในหนังสือโคลงดั้นเรื่องโสกันต์ พระราชนิพนธ์ ร.5 ดังนี้
กระอั้วแทงควาย
นางกระอั้วกั้นร่มเว้า ........เผอเรอ
แป้งเปรอะห่มแดงนม ......พลัดกลิ้ง
เคี้ยวหมากผย่ำเผยอ .......ยาจุก ตุ่ยนา
ทำกระตุกกระติกตุ้งติ้ง .....ติดผัว
พบควายร้องหวีดว้าย ......ตะกุย ตาแฮ
ควายไล่กระชั้นตัว.......... หอกจ้อง
กระจายหกกระจุกกระจุย ...ของหมด
ต่างวิ่งวุ่นว้าร้อง .............ช่วยที
ต่อมาชาวบ้านเลียนแบบไปเล่นสืบถึงทุกวันนี้ เรียกกระตั้วแทงเสือ แล้วมีบทร้องทำนองเพลงกราวตะลุง ว่าบ้องตันถือหอกไปแทงเสือ
ขอบคุณ มติชนออนไลน์ - มติชนรายวัน
คอลัมน์ สยามประเทศไทย
คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ
สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ