เนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว (Barchan Dunes) ธรรมชาติสรรสร้าง
ภาพเนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว (Barchan Dune) ประเทศเปรู - ที่มา USGS
เนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว (Barchan Dunes) เป็นสันทราย (Dune) ที่มีลักษณะคล้ายพระจันทร์เสี้ยว หรือลักษณะเป็นแนวโค้งซึ่งจะประกอบไปด้วยตะกอนทรายที่มีความกลมมนที่ดี
มักเกิดขึ้นในทะเลทรายที่มีอากาศแห้งแล้งมาก และมักเกิดในพื้นที่ที่ปริมาณตะกอนขนาดทรายมีน้อย โดยเนินทรายดังกล่าวจะมีการวางตัวขนานไปกับทิศทางลม
เนินทรายชนิดดังกล่าวนี้จะมียอดเขาที่มีสันสูงชัน 2 ด้าน คือด้านแรกคือด้านหลังลม หรือปลายแหลมด้านหาง เป็นด้านที่ทำมุมทรงตัว (Angle of repose: ทางลาดที่มีมุมเอียงสูงสุด ซึ่งทำให้เศษหิน ดิน ทราย ไม่เลื่อนต่อไป โดยปกติมุมเอียงจะอยู่ระหว่าง 33-37 องศา กับแนวนอนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะและขนาดของมวลนั้นๆ ด้วย) กับทรายหรือทำมุมประมาณ 32 องศา
จะทำให้เนินทรายชี้ไปในทิศทางที่ลมพัดไป อีกด้านคือด้านหน้าลม หรือปลายโค้งด้านหัวเนิน เป็นด้านที่เต็มไปด้วยลมและทำมุมประมาณ 15 องศา ทำให้เนินทรายชี้ไปทางด้านต้นลม โดยปกติแล้วเนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยวอาจจะมีความสูงเป็น 1เมตร -100 เมตร หรืออยู่ระหว่างจุดปลายสุดของพระจันทร์เสี้ยวหรือแนวโค้ง
โดยทั่วไปแล้วเนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว อาจจะปรากฏเนินทรายขนาดใหญ่ซึ่งจะเรียกว่าเนินทราย ดังกล่าวว่า เนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว (Barchan Dunes) หรือเนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ (Megabarchan Dunes) ซึ่งมีการเคลื่อนของเนินทรายไปตามทิศทางของลม และอาจจะมีการรวมตัวกันเป็นเนินทรายที่มีขนาดความสูงประมาณ 100 กิโลเมตร
การเคลื่อนของเนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว ที่เป็นเนินทรายขนาดเล็กจะมีการเคลื่อนที่เร็วกว่าเนินทรายขนาดใหญ่ โดยที่การเคลื่อนที่จะมีการเคลื่อนที่เข้ามาชนกับส่วนหลังของเนินทรายที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งจะทำให้เกิดการรวมตัวกันกลายเป็นเนินทรายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
โดยกระบวนการดังกล่าวจะคล้ายคลึงกับคลื่นแสง เสียงหรือน้ำที่มีการเคลื่อนที่ผ่านสิ่งอื่นๆ เป็นเส้นตรง รายละเอียดของโครงสร้างของกระบวนการดังกล่าวนั้นจะมีความแตกต่าง และจะทำให้ไม่เป็นเส้นตรงซึ่งเรียกว่า solitons
การเคลื่อนของเนินทรายพยายามเลียนแบบพฤติกรรมของ Solition แต่จะแตกต่างกันตรงที่ ตะกอนทรายจะไม่มีการเคลื่อนที่ผ่านสิ่งอื่นๆ เมื่อเนินทรายขนาดเล็กมีการเคลื่อนที่ ไปชนกับเนินทรายที่มีขนาดใหญ่กว่านั้น
ลมจะมีการพัดพาตะกอนทรายมาตกสะสม บนบริเวณที่เนินทรายมีการชนและในเวลาเดียวกันนั้น ตะกอนทรายจากเนินทรายก่อนหน้านี้จะถูกพัดออกมาเติมบริเวณที่เกิดการชนกัน
โดยการเคลื่อนที่ชนกันของเนินทรายนั้น สามารถนำมาสันนิษฐานถึงขอบเขตของเนินทรายที่เกิดขึ้นก่อน โดยสังเกตได้จากการเคลื่อนที่ของเนินทรายที่มีขนาดเล็กกว่าที่เคลื่อนที่อยู่ ซึ่งจะลมจะเป็นตัวที่ช่วยให้มีการเคลื่อนที่ของเนินทรายด้วยความเร็ว (Schwämmle & Herrmann, 2003)
ธรรมชาติสรรสร้างโดยแท้ งามนัก ...
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สวัสดิ์สิริศนิวาร สิริมานรมณีย์ค่ะ
Create Date : 30 กรกฎาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2553 10:33:40 น. |
Counter : 2777 Pageviews. |
|
|
|