"ธงทอง" บันทึกเรื่องปู่ นายทองมหาดเล็ก
ธิติ มีแต้ม
| พ้นจากการกรำงานหนักในฐานะข้าราชการระดับสูง ด้วยตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557
ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ หยิบปากกาขึ้นมาถ่ายทอดเรื่องราวของปู่ตัวเองที่ไม่มีโอกาสได้พบเจอ เหตุเพราะ นายทองมหาดเล็ก หรือ พระยาสุนทรเทพกิจารักษ์ หรือ ทอง จันทรางศุ เจ้ากรมปกครอง กระทรวงมหาดไทย ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 23 ต.ค.2474 ก่อนที่ธงทองเกิดถึง 25 ปี
อันที่จริงระยะเวลาอาจไม่สำคัญเท่ากับวิญญาณของนักเขียน นักค้นคว้า และนักประวัติศาสตร์
ในบทปฐมบทของหนังสือ อ.ธงทองระบุว่าตัวเองสนใจประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของชีวิต ราวกับคนเล่นต่อจิ๊กซอว์ การปะติดปะต่อภาพของบรรพชนทำให้มีความสุขในหัวใจ
เฟซบุ๊กเป็นสื่อให้รู้จักและติดต่อกับญาติหลายคนที่เมืองแม่กลอง สมุทรสงคราม ภูมิลำเนาของตระกูลจันทรางศุ จนกระทั่งวาระฉลองครบร้อยปีที่นามสกุลจันทรางศุได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเดือน ก.ย.2557 จึงเริ่มเสาะแสวงหาเรื่องราวต่างๆ
"หลักฐานทางประวัติที่ปู่ผมทิ้งร่องรอยไว้มีเพียงข้อความ 6 หน้ากระดาษ ซึ่งเป็นประวัติของตัวท่านเองที่ยังเขียนไม่เสร็จ กระทั่งท่านเสียไปก่อนในปี 2474 จากจุดเริ่มต้นนี้ทำให้ผมเดินทางไปบ้านเกิดของท่านเพื่อตามหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพิ่ม ผ่านการช่วยเหลือจากญาติพี่น้องที่ยังอาศัยอยู่ละแวกนั้น เมื่อไปถึงครั้งแรกก็ทราบว่าบ้านของท่านต้องกลายเป็นความทรงจำไปแล้ว เพราะตัวบ้านและที่ดินถูกน้ำกัดเซาะ เป็นเหตุให้อันตรธานลงแม่น้ำแม่กลองไปหมดแล้ว" ธงทองเริ่มต้นเล่า
การปะติดปะต่อความทรงจำเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน อ.ธงทองบันทึกเรื่องราวจากถ้อยคำที่ได้จากลุงป้าน้าอา ก่อนจะขยับไปสู่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ในหอจดหมายเหตุ ระหว่างนั้นมีการทำบัญชีเครือญาติ และไล่คุยไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเขียนตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค. 2557 รวดเดียวจบ นับเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วในการเขียนหนังสืออิงประวัติศาสตร์ หนา 230 หน้า ราวกับจอมยุทธ์ชักกระบี่ออกจากฝักเพียงครั้งเดียว
สำหรับที่มาของชื่อหนังสือ อ.ธงทองเล่าว่า หลังจากปู่เข้ามาศึกษาเล่าเรียนในพระนคร เคยเป็นเด็กวัด และบวชเป็นสามเณร จนกระทั่งมีวาสนาได้มาร่ำเรียนในโรงเรียนมหาดเล็ก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ช่วงเวลานั้นปู่เคยทำรายงานตั้งชื่อว่ารายงานนายทองมหาดเล็ก และเรื่องก็ไปถึงกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งทรงบอกว่าดีมาก เห็นควรจะถวายให้พระเจ้าอยู่หัว ก็เลย ย้อนนึกว่าปู่เป็นเพียงสามัญชนที่มีโอกาสได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก จึงตั้งชื่อว่านายทองมหาดเล็ก ฟังดูแล้วสบายใจที่สุด
เส้นทางชีวิตของ ทอง จันทรางศุ สะท้อนภาพชีวิตของชาวบ้านธรรมดา ก่อนจะได้กลายมาเป็นข้าราชการ ซึ่งทั้งหมดเป็นยุคสมัยการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
"สำหรับคนสนใจประวัติศาสตร์ เรื่องราวในหนังสือจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในยุคนั้น ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์บอกเล่าที่เชื่อมโยงกับสังคมไทย โดยเฉพาะสังคมของข้าราชการ โดยมีปู่เป็นคนดำเนินเรื่องราว" อ.ธงทองกล่าว
ความสำคัญประการหนึ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการค้นคว้าเรื่องของนายทองมหาดเล็ก อ.ธงทองได้เรียนรู้ความอดทน เนื่องจากชีวิตข้าราชการต้องอยู่บนเส้นทางที่ผันผวน และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีการโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ หากทำเรื่องไม่ถูกใจเจ้านาย นี่เป็นชีวิตข้าราชการที่ปู่บอกผมแบบทางอ้อมด้วยการบันทึกไว้ ซึ่งทำให้ผมได้เรียนรู้ ความจำเป็นหลายๆ เรื่องที่เราควบคุม ไม่ได้
ความที่โตมาจากลูกชาวบ้าน ย่อมส่งผลให้การเป็นข้าราชการต้องคำนึงถึงชาวบ้านอันดับแรก ปู่เชื่อแบบนี้และ อ.ธงทองก็เชื่อแบบนี้ เนื่องจากพื้นฐานปู่เป็นสามัญชนมาก่อน เมื่อมาเรียนที่มีหลักสูตรศึกษาวิถีชีวิตชาวบ้าน ทำให้การทำงานข้าราชการเข้มข้น และท้าทายความคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อต้องเดินทางไปราชการต่างจังหวัด ไปเจอความแร้นแค้น ก็ต้องเอาชนะความลำบากให้ได้ และพัฒนาให้เจริญขึ้น นี่เป็นความคิดที่ชัดเจนของปู่
ทั้งหมดเป็นการรวบยอดความคิดหรือโครงหลักของหนังสือเล่มดังกล่าว ที่อาจสะท้อนถึงสายเลือดของข้าราชการไทย ที่เชื่อมกันระหว่างยุคสมัยเก่าและยุคสมัยใหม่ โดยมีสกุลจันทรางศุทำหน้าที่ฉายภาพให้เห็นอีกหนึ่งภาพ
หน้า 4
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คุณธิติ มีแต้ม
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 05 เมษายน 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 5 เมษายน 2558 9:04:52 น. |
Counter : 752 Pageviews. |
|
|
|