อกาธา คริสตี
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
เธอผู้ได้ชื่อ ว่า "ราชินีแห่งนวนิยายอาชญา กรรม-Queen of Crime" อกาธา คริสตี มีนามเดิมว่า อกาธา แมรี คลาริสซา มิลเลอร์ (Agatha Mary Clarissa Miller) เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1890 ที่ทอร์คีย์ ในเดวอน อังกฤษ เป็นลูกสาวคนที่สามและเป็นคนเล็กของครอบครัว
เธอไม่เคยไปโรงเรียนอย่างเด็กทั่วไป โดยเริ่มเรียนหนังสือเมื่ออายุ 8 ขวบ ซึ่งทางบ้านสร้างบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ให้ลูกๆ โดยพ่อและแม่เป็นผู้สอนวิชาการและทักษะต่างๆ ทั้งเลขคณิต เปียโน เต้นรำ และการถามตอบอันเป็นหนทางให้ความรู้วิธีหนึ่ง ด้านภาษา นอกจากภาษาอังกฤษ อกาธายังสนใจภาษาฝรั่งเศสด้วย แม่จึงว่าจ้างหญิงฝรั่งเศสมาเป็นพี่เลี้ยง โดยเลือกเอาคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เชื่อกันว่า จุดนี้เองที่อาจเป็นผลส่งให้อกาธาสร้างตัวละครนักสืบที่มีชื่อฝรั่งเศส
ชีวิตวัยรุ่นของอกาธาจึงเป็นโลกเล็กๆ ของบ้าน มีพ่อ แม่ พี่ 2 คน กับพี่เลี้ยง และด้วยเหตุที่ไม่ได้ไปไหนมากนัก เด็กสาวจึงสร้างโลกในจินตนาการขึ้นมา มีโรงเรียนในจินตนาการ เพื่อนในจินตนาการ เหตุการณ์ในจินตนาการ กระทั่งได้เริ่มสัมผัสกับชีวิตภายนอกเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ระอุ โดยเธอเข้าเป็นพยาบาลอาสาสมัครในโรงพยาบาลตำบลทอร์คีย์ ก่อนเข้าทำงานในแผนกยา จนปี 1914 อกาธาแต่งงานกับนักบินกองทัพอากาศ อาร์คิบัลด์ คริสตี (Archibald Christie) มีลูกสาว 1 คน
อกาธาเขียนนวนิยายเรื่องแรกในปี 1920 ชื่อเรื่อง The Mysterious Affair at Styles หรือชื่อไทย "ความลี้ลับเหนือ เคหาสน์สไตลล์ คดีแรกของปัวโรต์" แต่ไม่นานจากนั้น สามีของเธอได้งานทัวร์รอบโลกเพื่อส่งเสริมนิทรรศการจักรวรรดิบริติช สองสามีภรรยาจึงต้องฝากลูกสาวไว้ให้ยายกับป้าช่วยดูแล แล้วออกทัวร์ไปแอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และฮาวาย แต่อีก 6 ปีให้หลัง ชีวิตสมรสเข้าสู่ความวุ่นวาย เมื่อสามีของเธอขอหย่าเพื่อไปแต่งงานใหม่กับหญิงชื่อ แนนซี นีล ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรงและจบลงด้วยการที่สามีขนของออกจากบ้านไปอยู่กินกับภรรยาใหม่
เย็นวันนั้นเอง อกาธาหายตัวออกจากบ้าน โดยฝากจดหมายไว้กับเลขานุการส่วนตัว แจ้งว่าจะไปยอร์กเชียร์ เธอหายตัวไป 11 วัน จึงค่อยมีเบาะแสว่าเธอลงชื่อเข้าพักในโรงแรมสวอน ไฮโดรพาธิก ที่ตำบลฮาร์โรเกต ในยอร์กเชียร์ ใช้ชื่อว่า เทเรซ่า นีล แพทย์วินิจฉัยว่าเธอมีอาการทางจิต เพราะเหนื่อยเกินไปจากการทำงาน ชาวบ้านทั่วไปก็เห็นใจว่าเธอคงเครียดจากปัญหารุมเร้ารอบตัว ทั้งการสูญเสียแม่และการนอกใจของสามี แต่ก็ยังมีคนอีกมากเชื่อว่านี่เป็นแผนประชาสัมพันธ์ของนักเขียน
อกาธาหย่ากับสามีในปี 1928 และพอปี 1930 พบรักใหม่กับนักโบราณคดี แมกซ์ มัลโลแวน (Max Mallowan) รักครั้งนี้นำความสุขมาให้เธออย่างแท้จริง ตราบจนวันสิ้นลม 12 มกราคม 2519 ในบ้านที่ชื่อ วินเทอร์บรู๊ก เฮาส์ และต่อมาบุตรสาวคนเดียวของเธอ โรซาลินด์ มาร์กาเร็ต ฮิกส์ (Rosalind Margaret Hicks) ก็เสียชีวิตเมื่ออายุ 85 ปีเช่นกัน ดังนั้น ลิขสิทธิ์แห่งงานเขียนทั้งปวงจึงตกอยู่กับหลานชาย และบริษัทอกาธา คริสตี้ จำกัด
เกี่ยวกับนวนิยายของอกาธา มีผู้ศึกษาระบุภาพรวมว่า มีนวนิยาย 2 เรื่องที่สร้างความแปลกใจให้กับผู้อ่าน เมื่อพบว่าฆาตกรคือตัวผู้เล่าเรื่องนั่นเอง และ 6 เรื่อง ที่อกาธาได้ปล่อยให้ฆาตกรหนีพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้ แต่ส่วนมากจะให้ฆาตกรหนีพ้นเงื้อมมือกฎหมายได้เพราะตายเสียก่อน และด้วยเหตุว่าอกาธามีความสนใจส่วนตัวเกี่ยวกับโบราณคดี นวนิยายของเธอหลายเรื่องจึงมีฉากเกี่ยวกับการขุดค้นทางโบราณคดี นอกจากนี้ เนื่องจากว่าการขุดค้นทางโบราณคดีของสามีคนที่ 2 มักจะออกไปทำงานแถบตะวันออกกลาง ฉากในนวนิยายของเธอจึงเกี่ยวข้องกับตะวันออกกลางอยู่มาก
หน้า 24
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คอลัมน์ รู้ไปโม้ด น้าชาติ ประชาชื่น สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ
Create Date : 03 เมษายน 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 3 เมษายน 2556 16:15:04 น. |
Counter : 1613 Pageviews. |
|
|
|