อิสระของชีวิต คือ การได้วิ่งตามฝัน Cute Sanrio Glitter Graphics

คูน้ำริน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
15 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คูน้ำริน's blog to your web]
Links
 

 
ณ แดนนี้ยังมีรัก ตอนที่11

ตอนที่11:สร้อยข้อเท้า

เหงา เงียบ วังเวง เหว่ว้า และวุ่นวายใจ ความรู้สึกทั้งหมดนี้กำลังถาโถมเข้าสู่จิตใจของบริชมนอย่างไม่หยุดยั้ง นานเท่าไหร่แล้วที่นั่งเหม่อมองสายน้ำในลำธารที่ไหลรินลงไปสู่ทิศทางอันเป็นที่ตั้งของวังที่เรียกกันว่าพิรัยธา อันงดงามโอ่โถง ถูกเก็บกวาดจนราบเรียบประดับประดาด้วยดอกไม้งดงาม ด้านหน้าพระตำหนัก เธอมองเห็น การจัดเตรียมงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับใครสักคน ใครคนนั้นที่มีความสำคัญมากกว่าเธอ

“จะเสด็จกันมาถึงพรุ่งนี้บ่ายๆหล่อนก็ไม่ต้องเสนอหน้าออกไปให้ใครเห็นล่ะ”

พระนมริยากรีดกรายเดินมาบอกข่าวแก่เธอถึงตำหนักเทพนารี ท่าทีที่กระทำราวเยาะหยัน

“ค่ะ”ปริชมนรับคำเพียงเท่านั้น เธอเหมือนมีก้อนอะไรแข็งๆติดอยู่ที่คอทำให้พูดไม่ออก

“ฉันมาเตือนเพราะหวังดี ทะเล่อทะร่าเข้าไปจะอายคนเขา” สมน้ำหน้า...พระนมริยาอยากจะพูดแบบนั้นใจจะขาด ผู้หญิงที่ใฝ่สูงเกินศักดิ์ นี่คงอึ้งที่ยั่วยวนเจ้าชายไม่ประสบความสำเร็จ คงกลัวที่ตัวจริงเขามาล่ะมั้ง หากเมื่อเห็นแววตาหม่นเศร้าใบหน้าหวานนวล งามหมดจดที่มีน้ำเอ่อล้นอยู่ในตา พระนมก็ใจร้ายมากกว่านี้ไม่ลง

“ค่ะ” เป็นอีกครั้งที่คู่ปรับรับคำสั้น

“ย่ะ ! บทจะพูดก็พูดมากจนล้น บทจะขี้เกียจพูดก็ได้แต่ค่ะๆๆฉันล่ะตามอารมณ์หล่อนไม่ทัน เอาเป็นว่าหล่อนมีสิทธิ์ตุเลงๆทั่ววังได้ถึงพรุ่งนี้ก่อนบ่ายฉันจะบอกแค่นี้แหละ อ้อ..ถ้าหล่อนว่างมากไม่มีอะไรทำจะไปช่วยเขาจัดเตรียมงานเลี้ยงก็ได้นะงานยังมีอีกเยอะ” ก่อนไปมิวายฝากคำเชือดเฉือด

หากหญิงสาวก็ได้แต่เพียง “ค่ะ”เท่านั้น

ทีแรกก็ไม่ต้องการจะไปช่วยงานให้ตัวเองไม่สบายใจไปมากกว่านี้ แต่คุณนกยูงที่ตอนนี้เป็นเสมือนเพื่อนเพียงคนเดียวในเมลาก็ฉุดเธอไปจนได้

“นกยูงไม่อยากเห็นคุณปีนังจ่อมจมกับความเศร้า แม้นกยูงจะไม่รู้อะไรมากแต่ยังไงนกยูงก็เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ”

“ต๊าย ! สวยจริง ตัวกระแตถูกต้องตามแบบฉบับชาววังของบ้านเราทีเดียวนะคะเนี่ย”นกยูงตื่นเต้นส่งเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อเห็นงานแรกที่ปริชมนลงมือทำนั้นคือการนำ กิ่งไม้กับดอกไม้สดสีสวยมาร้อยเป็นตัวกระแตเกาะกิ่งไม้งามยิ่งเสียงตื่นเต้นยิ่งดีนี้ทำให้พระนมริยาที่ยืนสั่งการอยู่ไม่ห่างนักได้ยินเต็มสองหู

“เอะอะอะไรกันนกยูง”แสร้งถามไปอย่างนั้นแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่กิ่งไม้ในมือปริชมนไม่วางตา ด้วยความสงสัย ว่าเป็นการฝีมืออะไร เพราะชาววังพิรัยธาไม่มีอย่างนี้

“เรียกว่าตัวกระแตค่ะพระนม เป็นงานดอกไม้สดชนิดหนึ่งของไทย”นกยูงเห็นสีหน้าพระนมก็รู้ว่าเชื่อตามนั้น
“เหรอ หล่อนทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอปีนัง”พระนมถามอย่างประหลาดใจ ไม่น่าเชื่อผู้หญิงที่คิดว่าไม่เอาไหนดีแต่ก่อเรื่องยุ่งไปวันๆทำงานอย่างแม่ศรีเรือนเป็น ทั้งที่พระนมรู้ดีผู้หญิงคนดีมีดีมากกว่าที่เห็น ดูอย่างตอนสอนมารยาทชาววังเมื่อวันแรกๆที่เจ้าหล่อนเข้ามาอย่างไรเล่า เพียงแค่สอนครั้งเดียวก็ทำได้และดีอย่างกับว่าฝึกฝนมานานนับปี

“พอเป็นค่ะ” ปริชมนเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำตอบพอเป็นพิธี

“อูย!พอเป็นอะไรกันค่ะคุณปีนัง แบบนี้เรียกว่าหลับตาทำยังสวยเลยค่ะ” นกยูงกล่าวแย้งเธอเองก็ทึ่งกับฝีมือของปริชมนเช่นกัน เธอจ้องตัวกระแตที่ร้อยจากดอกกุหลาบสีขาวนวลสลับกับสีแดงในมือบริชมนไม่ต่างจากพระนมเลย

ถ้าละอคติที่มีไปเสีย พระนมเองก็ยอมรับว่าเด็กสาวคนนี้มีความสามารถและไหวพริบดีเยี่ยม เสียดายที่ไม่ใช่ชาวเมลา ดังนั้นจะเกี่ยวพันกับราชวงศ์มังกรเหนือเมฆไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะกับเจ้าชายพระองค์ใด แม้จนบัดนี้พระนมจะสงสัยเป็นหนักหนา ถึงเหตุผลในการกระทำของเจ้าชายที่พาตัวปริชมนมาไว้ที่พิรัยธา แถมยังปกปิดพระอนุชาถึงการมาของปริชมน แต่พระนมก็ไม่กล้าล่วงอำนาจการตัดสินพระทัยของเจ้าชายเพราะเชื่อมั่นในเหตุผลของพระองค์

“ก็ดีที่ทำประโยชน์ได้” พระนมริยามองเจ้าตัวที่ถูกเรียกว่า “ตัวกระแต”ในมือปริชมนอีกครั้ง ก่อนจะละความสนใจหันไปสั่งการเหล่านางพระกำนัลต่อ ไม่อยากจะยุ่งดูอยู่ห่างๆดีแล้วลางสังหรณ์บางอย่างบอกแม่นี่ไม่ประสงค์ดีต่อเจ้าชาย หากบางครานานๆครั้งพระนมจะเหลียวมองหญิงสาวที่นั่งสงบเสงี่ยมหยิบดอกไม้มองอย่างเหม่อลอยบรรจบร้อยดอกไม้อย่างเศร้าหมอง พระนมยิ่งไม่เข้าใจต่อการกระทำนั้นแม้จะเป็นผู้ผ่านโลกมาก่อนก็ตาม

วันนี้คงเป็นวันแรกตั้งแต่ที่ปริชมนเข้ามาอยู่ในวังพิรัยธาล่ะมั้งที่เธอไม่ทุ้มเถียงกับคู่ปรับอย่างพระนมริยา เธออยู่ช่วยเหล่านางพระกำนัลร้อยมาลัยจัดดอกไม้สดอยู่นานจนค่ำ จึงขอตัวกลับตำหนักเทพนารี ปริชมนสังเกตเห็นว่าทุกคนดูจริงจังกับงานนี้มาก รู้มาว่าเป็นงานใหญ่ทีเดียว นกยูงเองก็ไม่ได้หยุดพักเลย วันนี้ทั้งวันทั่วทั้งวังดูวุ่นวายไปหมด ปริชมเดินกลับตำหนักเทพนารีทีแรกนกยูงอาสาจะมาส่งแต่เธอปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า งานยังค้างอยู่อีกมากแล้วภายในวังเธอก็พอจะคุ้นชินทางอยู่บ้างไม่น่าหลง นกยูงจึงปล่อยเธอมา

ปริชมนเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่มีคบไฟจุดเป็นระยะๆจากตัววังพิรัยธาอ้อมมาด้านหลังอุทยานมีหมู่พระตำหนักหลังเล็กๆตั้งเรียงรายอยู่อีกสอง สาม หลัง ดูเหมือนจะถูกปิดไว้ไม่มีใครอยู่ ทั้งตัววังพิรัยธาและหมู่พระตำหนักล้วนตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน ปริชมนเกิดความสงสัยขึ้นในใจ แล้วเหตุใดตำหนักหลังน้อยอย่างเทพนารีจึงถูกสร้างไว้เสียไกลจากผู้คนนัก ไกลจนชนิดที่เรียกว่าไม่เอ่ยกล่าวคนที่อยู่ ณ ที่นั้นจะถูกลืมได้โดยง่าย ปริชมนเดินลัดจากหลังอุทยาน ผ่านป่าไผ่ที่มีช่องทางตัดขึ้นเนินมุ่งสู่ตัวตำหนักช้าๆ แม้จะอยู่ที่นี่หลายวันแล้วแต่บางขณะ ร่างกายก็ยังเกิดอากาศแพ้ความสูง ด้วยความกดอากาศของเมลายิ่งสูงยิ่งหายใจลำบาก จากป่าไผ่เป็นทางลาดสู่ตำหนักสองข้างทางมีดอกกุหลาบพันปีร่วงหล่นเกลื่อนพื้น ข้างๆตำหนักก็เป็นลำธารใสเย็นที่ตอนนี้ทำเอาปริชมนเริ่มหนาว เพราะละอองไอของมันบรรยากาศเช่นนี้ค่อยทำให้ปริชมนเย็นใจมากขึ้นหน่อย เธอจ้องมองตำหนักที่แทบอยากจะเรียกว่ากระท่อมหลังน้อยนั้นพลางเกิดความอยากรู้ถึงเหตุผลที่คนสร้างนำมันมาไว้ที่นี่สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอที่นี่ไม่ธรรมดา...

“คุณปีนังกลับมาแล้วหรือค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วทักทายเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมกับร่างกลมฉุกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงเข้ามาหาเธอ

“ญาดา” ปริชมนยิ้มรับญาดาเป็นนางข้าหลวงที่ถูกส่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่พร้อมกับนกยูง
“จ้ะ ญาดาอยู่คนเดียวเหงาไหม” ด้วยความเป็นเด็กสาวยังรุ่นท่าทีใสซื่อ ปริชมนจึงเอ็นดูญาดาเป็นพิเศษ

เด็กสาวส่ายหน้าก่อนตอบ “ไม่ค่ะคนจากห้องเครื่องเพิ่งนำอาหารมาให้ ว่าแต่คุณทำไมเดินมาคนเดียวคะ คุณนกยูงไปไหน”เจ้าตัวตอบก่อนซักถามด้วยความข้องใจ

“พอดีงานคุณนกยูงยังไม่เสร็จจ้ะ ฉันเลยไม่อยากรบกวนเธอ อีกอย่างทางสว่างออกเดินรับลมมาเรื่อยๆสบายใจดี”

“อาบน้ำเถอะค่ะ เตรียมไว้แล้ว”เด็กสาวพยักหน้าเข้าใจก่อนเปลี่ยนเรื่อยแล้วจูงมือปริชมนเข้าไปในตำหนัก ญาดาแอบมองตามร่างงามที่เพิ่งเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างชื่นชม คุณปีนังจะรู้หรือไม่หนอว่าเหล่าสรวลสรรกำนัลในเขาพูดถึงเธอว่าอย่างไร

“สวยยังกะนางฟ้านางสวรรค์ เจ้าชายของเราคงโปรด”เสียงกระซิบพูดคุยจากนางข้าหลวงนางหนึ่ง

“งามกว่าเจ้าหญิงเนรัญชรานะ ที่สำคัญฉันชอบที่คุณเขากล้า” คำว่าชอบเพราะกล้าเป็นอันรู้กันว่ากล้าเรื่องอะไรทั้งกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าชายที่ใครทั่วเมลาไม่กล้า สำคัญที่สุดกล้าเป็นคู่ปรับกับพระนมริยาที่ใครๆก็ขยาด
แต่สำหรับญาดาที่มีโอกาสได้คลุกคลีกับปริชมนมากกว่านางข้าหลวงคนอื่น ตอบได้เลยว่าถ้าเธอเป็นผู้ชายคงอดหลงรักคุณปีนังคนนี้ไม่ได้ ถ้าแม้นพระนมจะเห็นว่าคุณปีนังไม่เอาไหนทำอะไรไม่เป็น ญาดาก็คงเป็นคนแรกที่ขอเถียงสุดใจขาดดิ้น เธอแอบเห็นหลายๆอย่างที่น่าทึ่งในตัวคุณปีนังคนนี้ แต่ที่ญาดาชอบมากที่สุดคือคุณปีนังใจดีอย่างที่รู้สึกว่ามาจากใจจริง ไม่เหมือนเจ้าหญิงเนรัญชราที่เธอเคยมีโอกาสรับใช้เช่นกัน เจ้าหญิงทรงทำผู้ที่อยู่ใกล้เกรงมิใช่เกรงเพราะพระบารมี แต่เกรงด้วยความกลัวยิ่งยามไม่โปรดยิ่งทรงดุอย่างน่ากลัว
...........................
วันนี้ปริชมนตื่นแต่เช้ามันเป็นเช้าที่ไร้สุขในชีวิตเสียจริงๆ หญิงสาวจ้องมองผืนน้ำพลางเก็บดอกกุหลาบพันปีที่ร่วงกราวอยู่กับพื้นลอยน้ำเล่นตามประสาคนไม่มีอะไรทำ

“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ อาการทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของนกยูงที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาที่ตำหนักเทพนารี นกยูงเพิ่งเสร็จงานจากวังพิรัยธา หญิงสาวนึกเป็นห่วงปริชมนที่ดูซึมๆไปจึงแวะมาดูก่อนจะกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าแล้วมาเห็นอากัปกิริยานั้นเข้า

“คุณปีนังเป็นอะไรไปค่ะ”

“อ้าว..คุณนกยูง” ปริชมนเพิ่งเห็นหญิงสาวจึงยิ้มให้อย่างโรยๆ

“เบื่อค่ะไม่รู้จะทำอะไร วันๆก็อยู่แต่ในนี้ฉันอยากกลับบ้านค่ะ คิดว่าเจ้าชายกลับมาฉันจะทูลลากลับบ้าน”

“โธ่...เอาอยากนี้นะคะ ออกไปเที่ยวตลาดเช้าข้างนอกกัน พอดีนกยูงจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าคุณปีนังก็เดินเล่นรอนกยูงอยู่ที่ตลาดกับญาดาก่อนก็แล้วกัน อ้อ..แต่เราต้องแอบลอบออกนะคะ ช่วงนี้ในวังวุ่นๆพระนมเธอเลยเข้มงวดกับการเข้าออกของคนฝ่ายในมากเป็นพิเศษ เธอเกรงว่าจะมีอะไรผิดพลาดก่อนงานเลี้ยงต้อนรับคืนนี้นะคะยิ่งคุณปีนังด้วยแล้วเจ้าชายทรงกำชับเป็นหนักหนาว่าอย่าให้ไปไหน” นกยูงเองก็มีความลำบากใจอยู่เหมือนกันแต่เมื่อเห็นสภาพของปริชมนแล้วเธอก็คิดว่าการเปลี่ยนบรรยากาศให้ออกไปเห็นโน้นเห็นนี่ พบเจอผู้คนเสียบ้างอาจจะช่วยให้ปริชมนดีขึ้นได้แม้จะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจปริชมนอยู่แต่อย่างหนึ่งที่นกยูงมองออกก็คือตัวปัญหานั้นต้องมาจากเจ้าชายรัชทายาทแห่งเมลาแน่นอน

ปริชมนยิ้มรับกับคำชักชวนนั้น เธอไม่กลัวเลยสักนิด ไม่ว่าใครก็ห้ามเธอไม่ได้ อย่าว่าแต่พระนมริยาเลย ต่อให้เป็นผู้ชายใจร้ายคนนั้นก็ห้ามเธอไม่ได้ ถ้าเธออยากไป ยิ่งรู้ว่ามีคนห้ามก็เหมือนจุดไฟในตัวให้ลุกโชน เธอจึงรับคำชวนแทบจะทันที “ดีค่ะตั้งใจจะมาเที่ยวเมลาแท้ๆแต่ฉันยังไม่เคยออกไปดูอะไรเลย ความจริงเจ้าชายก็ทรงประทานอนุญาตไว้แล้วว่าให้ฉันสามารถออกไปเที่ยวนอกวังได้ถ้าคุณนกยูงไปด้วย”ออกไปผ่อนคลายเสียบ้างคงเป็นการดีเผื่อจะมีช่องทางติดต่อกับแม่และพิณริณีได้ ปริชมนคิดได้ดังนั้นอารมณ์แจ่มใสค่อยปรากฏขึ้นทีละน้อยบนไปหน้า

จากหน้าวังพิรัยธาจะออกมาภายอกมันไม่ได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่นกยูงบอกไว้จริงๆ นกยูงให้เธอเปลี่ยนใส่ชุดของนางข้าหลวงใช้ผ้าคล้องไหล่ของชุดเมลาลี คลุมหน้าไว้โดยอ้างว่าเป็นหวัด แม้นกยูงจะเป็นที่คุ้นหน้ากันดีของทหารเวรทั้งหลายในฐานะเป็นภรรยาของรอยราชองครักษ์ในเจ้าชายรัชทายาท หากความเข้มงวดก็ไม่มีงดเว้นเลยกว่าจะผ่านออกมาได้เรียกได้ว่าหอบจับกันทีเดียว

ญาดาเป็นอีกคนที่ลุ้นระทึกเสียยิ่งกว่าเธอเด็กสาวเหงื่อแตกพลั่กทีเดียว “แทบแย่” เจ้าตัวอุทานทันทีที่ผ่านพ้นเขตวังมาได้หล่นหวลคิดถึงเหตการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่สดๆร้อนๆ

“ฉันจะกลับบ้านไปทำธุระส่วนตัวสักหน่อย เด็กสองคนนี่จะให้ไปช่วยยกของ”นกยูงอ้างเหตุผลเมื่อถูกถามถึงสาเหตุของการออกไปข้างนอก ทีแรกพวกทหารก็เหมือนจะยอมปล่อยให้ผ่านแล้วหาก็สะดุดกับปีนังนั่งเอง

“เดี๋ยวแม่คนนี้เป็นอะไร ทำไหมเอาผ้าคล้องไหล่มาคลุมหน้าเห็นแต่ลูกตา”ทหารยามนายหนึ่งกักตัวปริชมนไว้สอบถาม

“เป็นหวัด ฉันสั่งให้คลุมไว้เอง เดี๋ยวจะแพร่เชื้อโรคติดใครไปทั่ว นี่ฉันไม่มีเวลามาพูดนานหรอกนะ จะรีบไปทำธุระขืนช้าพอเจ้าชายเสด็จกลับมางานไม่เสร็จได้โดนกันเป็นแถว”นกยูงทำทีท่าไม่พอใจจนพวกทหารเกรง

“อ้อ..ครับคุณนกยูง ไปได้ครับ” ในที่สุดทั้งสามคนก็หลุดมาได้

“ เดิมนะ ไม่เข้มงวดขนาดนี้หรอกค่ะ แต่เมื่อเช้ามืดวันวานมีการฆ่ายกครัวเกิดขึ้นใกล้เขตวังตรงนั้นไงคะ ห่างออกมาไม่ถึงกิโล เจ้าชายทรงกังวลพระทัยเรื่องนี้มาก จึงสั่งเพิ่มเวรยามเป็นพิเศษยิ่งเจ้าหญิงเนรัญชรากับ เจ้าชายฤธัตธรณ์จะเสด็จมาด้วย แล้วยิ่งทรงต้องระมัดระวังเป็นสองเท่า”นกยูงชี้นิ้วไปยังบ้าน ที่เป็นตึกแถวสองชั้นมีทหารยืนถือปืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แม้จะเคยได้ยินเรื่องการฆ่าฟันกันมามากแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะทำให้เธอขนลุกเกรียวได้เท่าครั้งนี้ ใครกันนะช่างโหดร้ายทำกันเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ

“แหม ! เข้มงวดอะไรล่ะคะคุณนกยูงคุณปีนังยังแอบออกมาได้เลยง่ายจะตายไป”ญาดาสวนคำขึ้นมาทันทีเป็นผลให้นกยูงตีเบาๆทีแขนอวบของหล่อนทีหนึ่ง

“ช่างเถอะค่ะ จะเข้มงวดหรือหละหลวมก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องคิดกัน”ปริชมนตัดบท ก่อนจะเดินนำลิ่วไปทางตลาดอย่างคนรู้ทาง ทั้งทีไม่เคยมาสักครั้ง ญาดาเดินตามอย่างเร็วเพราะรู้ขืนอยู่ใกล้คุณนกยูงมีหวังโดนตีแขนอีกข้างโทษฐานชอบขัดเวลาเธอพูด สำหรับปริชมนเธอไม่อยากใส่ใจกับเรื่องราวในวังให้มากนัก อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ปลอดโปร่งใจเป็นที่สุด ที่ได้ออกมาเดินเล่นเห็นชีวิตผู้คนตามท้องถนนเห็นวิถีชีวิตแบบเมลา

“เลี้ยวซ้ายค่ะคุณปีนังเลี้ยวซ้ายก็ถึงตลาดแล้ว” ญาดาตามมาจนทันพอดีกับที่ปริชมนกำลังเคว้งเพราะถึงทางแยก ปริชมนหยุดรอญาดาเธอสังเกตว่านกยูงไม่ได้ตามด้วยจึงเข้าใจว่าคงแวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน

และไม่ผิดจากที่คิดเมื่อญาดาเอ่ยขึ้น “คุณนกยูงเธอกลับบ้านค่ะ เดี๋ยวตามมา” ญาดามองร่างระหงที่พยักหน้ายิ้มรับก่อนจะเดินตรงไปตลาดกลางเมืองที่ได้ชื่อว่าคับคั่งที่สุดของพิรัยธา ถึงแม้พิรัยธาจะเป็นเมืองชายแดนหากก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเมืองหลวงเมลา ทั้งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่งดงามดุจสวรรค์บนดิน เมื่อเจ้าชายรัชทายาททรงปรารถนาจะเสด็จแปรพระราชฐานที่นี่เมื่อหลายปีก่อน ก็มีคำสั่งให้ปรับปรุงหมู่พระตำหนักทั้งหมดครั้งใหญ่ เพราะของเดิมทรุดโทรมเก่าแก่มากแล้ว หากเมื่อได้เสด็จมาประทับจริง จากหมู่ตำหนักฤดูหนาวหลังเล็ก ก็ถูกเปลี่ยนโฉมกลายเป็นวังพิรัยธาอันโอฬาริก เนื่องจากเจ้าชายประทับอยู่นานวันเข้าก็ทรงหลงใหลเมืองพิรัยธาเข้าเสียสนิท วังหลวงศีบันดาที่เมืองหลวงเมลาเสียอีก นานๆจะทรงเสด็จไปเป็นครั้งคราวเท่านั้น เมื่อมีข้อราชการต้องทรงปรึกษาสมเด็จพระราชาธิบดี ญาดาเองก็ภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่มีโอกาสรับใช้เจ้าชายรัชทายาทในวังแห่งนี้ แม้ใครต่อใครจากที่อื่นอย่างพวกวังริตวัน หรือแม้แต่พวกวังหลวงศีบันดาจะเกรงกลัวบารมีเจ้าชายรัชทายาทชอบว่าท่านดุ แต่ญาดากลับว่าท่านพระทัยดี ก็จะมีเจ้านายสักกี่คนที่จดจำชื่อข้าราชบริพารได้มากเท่าท่าน แถมยามเจ็บป่วยหากทรงทราบก็จะรับสั่งให้เหล่าแพทย์หลวงคอยดูแล ท่านตรัสว่าคนของท่านพสกนิกรทุกคนเป็นเหมือนญาติ แต่ญาดาคนหนึ่งล่ะที่ไม่อยากไปนับญาติกับท่านกลัวอายุสั้น

“ญาดา ญาดา สวยไหม” ปริชมนชูสร้อยข้อเท้าที่ทำจากเชือกทาสีลูกกวาดมีลูกกระพรวนเล็กๆสีเงินล้อมรอบสายสร้อยในลูกกระพรวนนั้นมีอักษรภาษาเมลาโบราณกำกับอยู่มีเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่รู้สมัยเรียนปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่อังกฤษเธอเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของเมลาเป็นวิชาโท ดังนั้นการอ่านอักขระตัวจ้อยที่เป็นภาษาเมลาโบราณมันจึงไม่ยากเกินความสามารถของเธอ ตัวอักษรในลูกกระพรวนเล็กนั้นหากนำมารวมกันจะมีความหมายว่า “จันทราในใจ” ปริชมนชอบความหมายของมันหญิงสาวนั่งพินิจอยู่นานจนแม่ค้าหน้าแป้น ค้อนแล้วค้อนอีกเอ...จะว่าค้อนก็ไม่เชิงเรียกว่ามองแปลกๆมากกว่าเมื่อเห็นเธอนั่งลงเลือกสายสร้อยข้อเท้า หญิงสาวเลยเรียกญาดาคล้ายเป็นการขอความช่วยเหลือ

“ ต๊าย ! ตาย ตายค่ะ วางลงค่ะคุณ ก่อนที่คุณนกยูงเธอจะมาเห็น เดี๋ยวญาดาก็โดนเธอแหกอกเสียเท่านั้น” ญาดาทำตาโต หน้าตื่นบ่งบอกว่าหล่อนตกใจจริงๆที่เห็นปริชมนชูสายสร้อยข้อเท้าเส้นเล็กขึ้นมา

ปริชมนึกขันท่าทางนั้นนัก “ก็แค่สร้อยข้อเท้าไม่ตายหรอก” เออ..แปลกดีที่นี่สร้อยข้อเท้าก็ตายได้ด้วย

“ไม่มีผู้หญิงเมลาคนไหนเขาซื้อสร้อยข้อเท้าเองค่ะคุณปีนัง เขาถือเป็นลางไม่ดี”เจ้าหล่อนกอดอกขณะอธิบายอย่างภาคภูมิใจในฐานะผู้รู้

ปริชมนเองถึงแม้ไม่ใส่ใจอะไรนักแต่ก็อยากรู้ว่าคนที่นี่เขาถืออะไรกับสร้อยข้อเท้าอยู่เมืองไทยเธอก็ใส่ของเธอออกบ่อย “ถือว่าอะไร”หล่อนมองเจ้าสร้อยมากปัญหานั้นก็ยิ่งอยากได้น่ารักดี หากเมื่อมองหน้าญาดาก็เห็นแววตาที่บอกว่าจริงๆนะเขาถือ

“สร้อยข้อเท้านะเป็นธรรมเนียมที่ผู้ชายเมลาจะต้องซื้อให้ผู้หญิงตอนสารภาพรักหรือขอแต่งงานค่ะ เขาจะเอาสร้อยข้อเท้าไปผูกไว้ที่ข้อเท้าซ้ายของฝ่ายหญิง เป็นเสมือนการจองไว้ก่อนให้คนอื่นรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของแล้วแต่จะไม่มีธรรมเนียมที่ผู้หญิงให้ผู้ชายโบราณท่านว่าจะทำให้ไม่สมหวังในเรื่องความรักแม้รักกันอยู่ก็ต้องไกลห่างไม่ได้ลงเอยด้วยกัน” ญาดาอธิบายรวดเร็วราวกับกลัวว่าจะยับยั้งการตัดสินใจของปริชมนไม่ทัน
ปริชมนถอนใจเรื่องที่ได้ฟังเธอไม่อยากลบลู่ประเพณีของที่นี่หรอก แต่การซื้อสร้อยข้อเท้าเพียงเส้นเดียวคงไม่ได้แปลว่าชีวิตจะสิ้นหวังหรืออับปางในรักตลอดไปหรอกเธอยังเชื่อมั่นในตัวเองอยู่ว่าอะไรก็ไม่เหนือกว่าความพยายามและยิ่งข้อที่ว่าสร้อยข้อเท้านี้ใช้เป็นเครื่องหมายสำหรับการจองหรือหมั้นไว้ก่อนนั้นเธอยิ่งไม่ต้องพะวงเพราะนานมาแล้วเคยมีใครบางคนมองกำไลวงน้อยให้เธอเป็นเครื่องหมายแทนการจองตัวเช่นกันเท่ากับว่าเธอมีเจ้าของแล้วแล้วจะกลัวอะไรกับการซื้อสร้อยข้อมือใส่เอง

“เท่าไหร่” เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงถามแม่ค้าเป็นภาษาเมลาออกไป เธออยู่ที่นี่มาเป็นอาทิตย์จึงไม่แปลกถ้าจะพูดภาษเมลาได้บ้างเล็กน้อย นั้นจะเป็นสิ่งที่ญาดาไม่เกิดความสงสัยในตัวเธอ หากแท้จริงแล้วปริชมนพูดภาษาเมลาได้เทียบเท่าหรืออาจจะดีกว่าคนเมลาเชียวล่ะ

“80 เมริกท์” แม่ค้าผู้ขายสร้อยข้อเท้าให้เธอเป็นหญิงวัยกลางคนตอบกลับมาเป็นจำนวนเงินตามด้วยหน่วยเงินตราของเมลา แม่ค้ายิ้มยิงฟันดำๆแดงที่เปื้อนเปรอะไปด้วยหมากก่อนยื่นของให้เธอ ปริชมนยิ้มรับพลางยื่นเงินให้เช่นกัน

“เส้นนี้เป็นของเก่าขุดเจอแถวอารัง เพื่อนฉันเขาฝากขายอีกที ของเก่าขลังนะ บูชากับจันทราซิ ระบำ “ดาราราย”ด้วย เขาว่าผู้ชายที่ได้ยินเสียงสร้อยคนนั้นจะเป็นคู่เรา” แม่ค้ากล่าวต่อกับเธอบอกถึงประวัติของสร้อยพร้อมกับบอกแหล่งที่มาเอ่ยถึงชื่อเมืองที่มีเขตติดกับพิรัยธาซึ่งที่นั้นรู้จักกันดีในนามเมืองเก่าอดีตอู่อารยะอันรุ่งเรืองของเมลายุคโบราณ ระบำดารารายเหรอเธอรู้จักเพียงว่าเป็นระบำที่มีต้นแบบมาจากการรำถวายทวยเทพของชาวเมลาหากไม่เคยรู้ว่ารำให้พระจันทร์ดูก็ได้ด้วย ปริชมนตั้งท่าจะถามต่อหากเมื่อหันไปมองญาดาที่ยืนอยู่ข้างๆก็เห็นสีหน้าซีดเป็นไก่ต้มยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ปริชมนเลยกล่าวเพียงขอบคุณแม่ค้าแล้วเดินชมตลาดต่อ ญาดาเดินไปบ่นไปไม่รู้จักหยุดหย่อนถึงเรื่องสร้อยข้อเท้าของเธอปริชมนนึกอยากแกล้งจึงนำสร้อยออกมาใส่เสียกลางตลาด

“คุณปีนังนะแล้วถ้าคุณนกยูงเห็นญาดาจะทำอย่างไรคะ”ญาดาอยากร้องกรี้ดดังๆให้ลืมภาพสาวชาววังไปเลยคุณปีนังซื้อสร้อยว่าแย่แล้ว นี่ยังใส่สร้อยอีกไม่อยากคิดเลยว่ากลับเข้าวังไปพระนมเห็นจะเป็นอย่างไรวังแตกแน่

“สวยดีนะ ตลาดที่นี้ใหญ่โตเหมือนกันนะญาดา ฉันเดินมาตั้งนานยังดูได้ไม่ทั่วเลย”ปริชมนเปลี่ยนเรื่องพูดให้ญาดาลืมเรื่องสร้อยไปเสียและได้ผลเจ้าหล่อนก็หันมาพูดเรื่องตลาดแห่งนี้แทน

“ที่นี่นะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในเมืองค่ะร้านค้าแถบทุกอย่างรวมกับกระจุกตัวอยู่ที่นี่หมด อ้อ...คุณปีนังเห็นกระเช้าที่อยู่ตรงเนินเขานั่นไหมคะ นั้นนะเป็นพระดำริของเจ้าชายชิติโชคิมทรงให้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการขึ้นไปไหว้พระที่วัด “ดาอัน”ซึ่งตั้งอยู่บนเขานั่นนะค่ะเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของพิรัยธา รวมทั้งภาพรวมของเมลาด้วยที่นี้มีครบทุกอย่างเลยค่ะถัดจากตลาดไปอีกนิดคุณปีนังจะได้เห็นย่านการค้าที่สำคัญของเราที่นี้เป็นแหล่งส่งออกและผลิตผ้าเนื้อดีสู่ต่างชาติค่ะ พิรัยธายังมีของดีอีกเยอะคุณปีนังอยู่นานอีกหน่อยจะได้เห็นแน่นอนค่ะ”เจ้าหล่อนอธิบายเจื้อยแจ้วปริชมนเองก็ฟังเพลินญาดาเด็กสาวอายุไม่น่าเกินสิบเจ็ดเป็นคนในราชสำนักพิรัยธา ที่ดูฉลาดเฉลียวและรู้มากเกินตัวจริงๆ คนๆนั้นมีเหตุผลอะไรไหมหนอ ที่ส่งเด็กคนนี้มาคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอ

*****************************************************************************************


Create Date : 15 มกราคม 2551
Last Update : 15 มกราคม 2551 15:03:50 น. 0 comments
Counter : 233 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.