อิสระของชีวิต คือ การได้วิ่งตามฝัน Cute Sanrio Glitter Graphics

คูน้ำริน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
19 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คูน้ำริน's blog to your web]
Links
 

 

ณ แดนนี้ยังมีรัก ตอนที่14:สายรุ้งกับดอกไม้

ตอนที่14:สายรุ้งกับดอกไม้

เช้าวันใหม่ที่อากาศแจ่มใสเสียงนกที่ขับขานต้อนรับอรุณดังแว่วมา เสียงนกน้อยปลุกให้ปริชมนตื่นนอนแต่เช้าตรู่หญิงสาวเข้าห้องน้ำจัดการภารกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งใจออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายในให้ชุ่มปอดแต่เมื่อเหลียวมองไปรอบๆกายกลับพบความผิดปกติ...เหตุใดเช้านี้เทพนารีเงียบเหงานัก...ญาดาหายไปไหนปกติเด็กสาวต้องตื่นแต่เช้าตรู่ไปรับอาหารจากห้องเครื่องมาให้เธอ เมื่อคืนเธอแต่กังวลเรื่องของตัวเองจนลืมสังเกตญาดาไปว่าอยู่ที่นี่หรือไม่

“จะตามก็ไม่ได้ไปไกลทหารยามไปปล่อยแน่”

ปริชมนจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้แต่คิดว่าสงสัยกลับไปที่วังใหญ่กระมัง หญิงสาวออกมานั่งเกาะริมระเบียงไม้นอกตัวตำหนัก อากาศเช้านี้หนาวจับจิตมีหิมะโปรยปรายลงเบาๆส่งให้ต้นไม้ใบหญ้าในอาณาบริเวณนั้นขาวโพลนประติมากรรมจากธรรมชาติงดงามไปอีกแบบ ปริชมนอดคิดถึงเหตุการณ์ที่เหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆไม่ได้ทั้งทีมันล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแล้ว ...จุมพิต...ที่เกิดจากชายในฝันของเธอมันน่าจะเป็นจุมพิตที่งดงามมาพร้อมความรักแต่จุมพิตเมื่อคืนเธอไม่สามารถตอบได้จริงๆว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร รวดเร็วเสียจนเธอตั้งรับไม่ทัน

“ป่านนี้คงคิดว่าเราใจง่าย ให้ท่าแน่ๆเลย”ยามคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเจ้าตัวก็หน้าแดงทันที

“ประเทศบ้าอะไรก็ไม่รู้ล้าสมัยเหมือนเจ้าชายประเทศนั้นนะแหละ”
คำพูดของพิณริณีคัดค้านหัวชนฝาเมื่อรู้ว่าเธอจะเดินทางมาเที่ยวเมลาตามคำชวนของฤธัตธรณ์

“พิณ...ไปเป็นเพื่อนหน่อยน่านะงานนี้ฤธัตสัญญาว่าจะพาเที่ยวทุกที่เลย เผลอๆได้เข้าวังไปเจอองค์ราชาธิบดีกับองค์รานีด้วยนะ”

“โนเว...ไม่มีทาง ยิ่งคิดว่าจะต้องไปเจอหน้าชายน้อยยิ่งแล้วใหญ่” พิณริณีเรียกฤธัตธรณ์ว่าชายน้อยเสมอตั้งแต่สมัยเรียนอังกฤษทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดด้วยอุปนิสัยโผงผางไม่เป็นระเบียบของพิณริณีเมื่อมาเจอเจ้าชายที่เป็นผู้ดีทุกระเบียดนิ้วจึงเหมือนน้ำกับไฟ จนป่านนี้ไม่รู้ว่าคนถูกเรียกจะรู้ความหมายอันแท้จริงของชายน้อยหรือยัง

“พิณ เธอก็รู้จุดประสงค์ของฉัน เธอยังไม่เห็นใจฉันอีกเหรอ”

“เพราะรู้นะสิถึงห้าม ชีวิตจริงไม่ใช่ในเทพนิยาย ดีไม่ดีป่านนี้เจ้าชายของเธอมีชายาเป็นโขยงแล้วมั้ง” พิณริณีอดเป็นห่วงความดื้อของเพื่อนไม่ได้

“งั้นฉันไปคนเดียว”ท้ายสุดเมื่อโน้มน้าวเพื่อนสนิทไม่ได้ปริชมนจึงต้องมาเมลาเพียงลำพัง หิมะเริ่มตกหนักแล้วปริชมนรู้สึกหนาวจึงกลับเข้าในตัวตำหนัก เมื่อคราวที่ออกไปตลาดเธอซื้อไหมพรมมาหลายม้วนตั้งใจจะถักเป็นเสื้อแขนยาวสักตัวแน่นอนเธอไม่ได้ทำให้ตัวเองแต่ยอมมอบให้ใครบางคน มันจะต้องเสร็จก่อนเธอกลับเมืองไทย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้ปริชมนตัดสินใจแล้วว่าเธอจะขอทูลลากลับเมืองไทย จะยอมตัดใจไม่คิดเรื่องคำมั่นสัญญาสมัยเด็กอีกปริชมนยกมือขึ้นจับสร้อยคอสีทองเส้นเล็กก่อนจะล้วงเอาบางสิ่งบางอย่างออกมา “กำไลข้อเท้าเด็ก”ลักษณะเป็นทองฝังอัญมณีแวววาวมันเล็กเสียจนพิณริณีได้ดูแล้วยังเผลอคิดว่าเป็นตุ้มหูวงใหญ่

จากนี้ไปคำมั่นสัญญาจะถูกกลบหาย.............

เสียงสะอื้นไห้ดังมาจากทางเข้าด้านหน้า ปริชมนรีบเก็บของหวงซ่อนไว้ที่เดิม ก่อนจะรีบเดินออกมาดู

ญาดา...ร้องไห้น้ำตานองหน้า
“คุณปีนัง”

ทันทีที่เห็นเธอเด็กสาวก็รีบโผเข้ามากอดทันที ปริชมนกอดรับก่อนใช้มือลูบหลังเบาๆ

“ใจเย็นๆ ญาดาคนเก่งเป็นอะไร”

“ฮือ ๆ ๆ “

ญาดายังคงเอาแต่ร้องไห้

“อยู่กับฉันแล้วไม่เป็นไรนะ ป่ะ นั่งก่อน”

ปริชมนจูงมือญาดาในมานั่งสงบสติอารมณ์ก่อนที่บริเวณหน้าเตาผิง นอกจากร้องไห้อย่างหนักแล้ว เด็กสาวยังมีหิมะเกาพร่าวอยู่ทั่วตัวเต็มไปหมด หน้าตาตื่นเหมือนหวาดกลัวอะไรมา

“ญาดาอยากกลับบ้านไปหาแม่ ญาดาไม่อยากอยู่ในวังแล้ว”

เมื่อร้องไห้จนหนำใจแล้วเด็กสาวช่างพูดก็เริ่มสาธยายให้ปริชมนฟัง

“เกิดอะไรขึ้น”

“ญาดาตื่นแต่เช้าตั้งใจออกไปเอาอาหารให้คุณที่ห้องเครื่องแต่เผลอคุยกับชาวพนักงานในห้องเครื่องนานไปหน่อยพอนึกได้ถึงรีบนำอาหารมาที่นี่ คุณนกยูงสั่งไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่าเรื่องของคุณพวกที่มาใหม่จะรู่ไม่ได้แทนที่เดินตัดตรงๆมาทางหน้าวังญาดาเลยเลี่ยงลัดมาทางหลังอุทยานแต่โชคไม่ดีเลยค่ะที่ไปเจอ...เจอเจ้าหญิงเนรัญชราเข้าทรงตรัสเรียกให้เข้ามาหาทรงถามญาดาว่าจะเอาอาหารไปไหนญาดาไม่กล้าตอบค่ะว่าเอามาที่เทพนารีเลยทรงเข้าพระทัยว่าญาดาแอบเอาอาหารจากห้องเครื่องออกมา”

พูดถึงตรงนี้ญาดาก็เริ่มน้ำตาตกอีกหน ญาดาอดหวาดกลัวไม่ได้เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งประสบมา

“เดี๋ยวนี้ข้าหลวงพิรัยธามีสิทธิ์กินอาหารที่ห้องเครื่องทำขึ้นโต๊ะเสวยด้วยเหรอ”เจ้าหญิงทรงมองด้วยแววพระเนตรขุ่นเคืองปนสงสัยเมื่อทอดพระเนตรมองข้าหลวงญาดาที่คุกเข่าอยู่เบื้องพระพักตร์ข้างตัวมีสำรับชุดใหญ่อาหารที่จัดอยู่ในสำรับเป็นอาหารชั้นดี ดีเกินกว่าจะจัดให้ข้าหลวงรับประทาน

“เปล่าเพคะหม่อมฉันเปล่า”ญาดาหน้าแทบไร้สีมือไม้เย็นหมด พระนมริยาก็ยืนอยู่ข้างๆแต่ไม่พูดอะไรเลยทั้งที่รู้ดีว่าเธอจะนำอาหารไปให้ใคร
“ว่าอย่างไรคะพระนม หญิงคิดว่าตัวเองคิดถูกนะที่มองว่าอาหารสำรับนี้มาจากห้องเครื่อง”

“เพคะหม่อมฉันเห็นด้วย” พระนมนอกจากไม่ช่วยแล้วยังเออออตามไปด้วย

“ที่นาบีเคยมีครั้งหนึ่งค่ะพระนม ที่ท่านพ่อทรงจับได้ว่ามีนางข้าหลวงในห้องเครื่องแอบนำเครื่องเสวยไปทานโดยไม่ได้รับอนุญาตท่านพ่อเลยสั่งขังค่ะเป็นการลงโทษ จนป่านนี้หญิงยังไม่ได้ข่าวเลยว่าทรงปล่อยตัวข้าหลวงคนนั้นหรือยัง”ตรัสกับพระนมแต่พระเนตรจ้องที่เธอตรงๆ

“ที่นี่เราไม่ขังคะแต่เราตีให้รู้สำนึก” พระนมริยาถลึงยาอย่างน่ากลัวให้ญาดาเห็นจนเด็กสาวกลัวหงอ สั่นเป็นลูกนกด้วยประจักษ์ชัดแล้วว่าไม่มีใครช่วยเธอได้

“ดีค่ะแม่พวกนี้จะได้รู้ไว้ว่าเรื่องเพียงเท่านี้ไม่ใช้เรื่องเพียงเล็กๆน้อยๆ วันนี้กล้าขโมยอาหาร วันหน้าอาจจะเป็นข้าวของในวัง กำหลาบให้รู้สำนึกจะได้ไม่กล้าอีก”ตรัสสั่งกับพระนมริยาเสร็จสิ้นไม่นานนักเสียงแส้ก็ดังกระทบเนื้อของเด็กสาว

ปริชมนได้รับฟังสิ่งที่ญาดาระบายออกมาหญิงสาวสัมผัสได้ว่าญาดาเจ็บแค้นเพียงใด เธอเองก็เจ็บปวดและแค้นแทนไม่ต่างกัน คนพวกนี้เห็นคนที่ด้อยกว่าก็รังแกเป็นว่าเล่นโหดร้ายจริงๆ เหนือสิ่งอื่นใดญาดาไม่ได้กระทำสิ่งใดผิด เพียงแค่จะทำอาหารมาให้เธอ เท่ากับว่าเรื่องนี้เธอมีส่วนผิดอยู่เช่นกัน

“ญาดาผิดอะไรคะคุณปีนัง พระนมก็รู้ว่าญาดาจะเอาอาหารมาให้คุณ” เด็กสาวยังคงสะอื้นอยู่

“ไม่ผิด ญาดาไม่ผิดสักนิดคนใจร้ายพวกนั้นต่างหากที่ผิด”ปริชมนครุ่นแค้นแทนหญิงสาวจ้องมองอย่างอาฆาตร้ายไปยังที่ตั้งของวังพิรัยธา

“ญาดาพักผ่อนที่นี้แหละ วันนี้ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ญาดาอยู่กับฉันใครก็ทำอะไรไม่ได้” ตายเป็นตาย... เรื่องนี้ถ้าญาดาไม่ได้รับความเป็นทำเธอไม่ยอมเลิกราแน่

“นั่นคุณปีนังจะไปไหนค่ะ”ญาดาร้องเรียกทันทีเมื่อเห็นว่าปริชมนเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้แล้วสวมใส่ทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก

“ฉันมีธุระที่ต้องจัดการ”

“แต่ข้างนอกทหารเยอะมากคุณไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ”

“ฉันมีวิธีญาดาอย่าห่วงเลย”ท่าทางของคุณปีนังที่พูดมาทำให้ญาดาเกิดความรู้สึกกลัวจับใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักเธอมา ท่าทีที่สงบนิ่ง เย็นชาแต่เหมือนภูเขาไฟที่กำลังรอการปะทุ
............................................
ทันทีที่ปริชมนก้าวพ้นจากเทพนารีหญิงสาวก็มุ่งตรงดิ่งไปยังวังพิรัยธาทันที ทหารยามที่ทำหน้าที่รักษาการณ์อยู่หน้าตำหนักเทพนารีเมื่อเห็นหยฺงสาวก้าวพ้นบริเวณเทพนารีออกมา รีบวิ่งเข้ามาสกัดกลายๆพวกเขากันหญิงสาวไม่ให้ผ่านทางด้วยปืนยาวด้ามโตก่อนเอ่ยถาม

“คุณปีนังจะไปไหนครับ”

อันที่จริงกับนักโทษหรือผู้ที่ถูกคุมขังแบบนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติหรือเอ่ยวาจาด้วยดีๆ แต่กับคุณปีนงคนนี้แตกต่างออกไป พวกเขาได้รับคำสั่งจากเบื้องบน ให้ดูแลหญิงสาวมิให้ก้าวออกนอกเขตที่กำหนดเท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกเขาก็ถูกสั่งมาเช่นกันว่า ให้เคารพหญิงสาวในฐานะแขกของเจ้าชายรัชทายาท ถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทรงที่ประสงค์ใดจึงกักขังแขกไว้ก็ตาม

“ฉันจะไปเฝ้าเจ้าชายทรงมีพระประสงค์จะพบฉัน ตะกี้ญาดาเป็นคนมาบอก”

ปริชมนจำเป็นต้องโกหกออกไป ยามนี้หญิงสาวโกรธคนที่ทำร้ายญาดา เกินกว่าใครจะหยุดได้

“ครับ เชิญครับ” ทหารยามพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจเพราะเมื่อักครู่พวกหเขาเห็นญาดาเดินเข้าไปในเทพนารีแม้ว่าสภาพของญาดาจะดูแปลกๆไปก็ตาม

รอดพ้นจากทหารยามมาได้ ปริชมนก็มิรีรอที่จะเข้าไปในวังพิรัยธา หญิงสาวครุ่นคิดหาวิธีที่จะลอบเข้าไปได้โดยไม่มีใครสงสัย เพราะเธอรู้ดีว่าขืนเดินทะเล่อทะร่าเข้าไป มีหวังเข้าไม่ถึงตัวคนที่เธออยากพบแน่ คงถูกจับโยนออกมาเสียก่อน

“จะทำอย่างไรดี”ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้นปริชมนก็แลเห็นนางข้าหลวงกลุ่มใหญ่ราว20 คนเดินเกาะกลุ่มพูดคุยกันในมือบางคนถือแจกันบางคนถือดอกไม้ที่เพิ่งตัดมาจากในอุทยานปริชมนอาศัยจังหวะที่นางข้าหลวงเหลานั้นเผลอแอบแทรกตัวเดินตามหลังไปติดๆ ชุดเมลาลีสีครีมหม่นของเธอ ดูกลมกลืนกับชุดเมลลาลีขาวครีมของเหล่าข้าหลวงได้อย่างไม่แปลกแยก เมื่อผ่านพ้นสายตาของทหารยามเข้ามาในวังได้แล้ว ปริชมนถอนหายใจอย่าง โล่งอกทันที

“ช้านักไม่รู้หรือไรว่าเจ้าหญิงไม่โปรดพวกเชื่องช้า”เสียงนั้นทำให้ปริชมนสะดุ้งขึ้นมาได้ทันที

“พระนมริยา” พระนมริยากำลังพูดคุยกับนางข้าหลวงที่อยู่หัวแถว

“โธ่ ! คุณขาเห็นใจกันบ้างเถอะค่ะ เช้านี้หิมะลงจัด อะกาแพนทัส ที่เจ้าหญิงทรงโปรดพวกเราก็พยายามเดินดูกันอยู่นานยังไม่มาแค่ไม่กี่ดอกเอง”นางข้าหลวงโอดครวญเล็กน้อย

“ไม่ต้องมาทำพูดดี รีบเอาดอกไม้พวกนี้ไปจัดใส่แจกัน แล้วก็จัดลงให้ทั่วทุกห้องในวัง อ้อ...อะกาแพนทัส จัดลงในห้องบรรทมของจ้าหญิงกับห้องบรรทมของเจ้าชายเราเท่านั้น ไม่ต้องเอาไปลงที่ห้องของพระอนุชาล่ะ รายนั้นไม่โปรดดอกไม้ทรงแพ้ละอองเกสร“พระนมชี้หน้าสั่ง ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินบ่นขรมสั่งโน้นสั่งนี่กันนางข้าหลวงอื่นต่อ

“เกือบไปแล้วจริงๆ”

ปริชมนเดินตามกลุ่มนางข้าหลวงมาเรื่อยๆแต่เมื่อนางข้าหลวงเดินขึ้นบันไดต่างก็แยกย้ายกันไปตามห้อง ตามมุมต่างๆ

“จะไปทางไหนดี”แทบไม่ต้องคิดปริชมนก็ตัดสินใจเดินตามกลุ่มนางข้าหลวงกลุ่มที่เดินถือดอกอะกาแพนทัสสีม่วง ไปทางปีกขวาซึ่งมีห้องอยู่เพียงสองห้องตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ปริชมนจำได้ว่าห้องด้านซ้ายมือเธอคือห้องของเจ้าหญิงผู้เลอโฉมที่เธอมีโอกาสเข้าไปหยิบยืมชุดเมลาลีแสนสวยมาใส่

“แยกกันไปห้องของเจ้าชายกับเจ้าหญิงอย่างละครึ่ง” เสียงนางข้าหลวงที่ดูจะอาวุโสกว่าเพื่อนหันมาสั่งปริชมนก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว

“เจ้าชายยังไม่ทรงตื่นบรรทมจะดีหรือค่ะ”

“เจ้าหญิงเนรัญชรา คงอยากให้เจ้าชายของเราประหลาดพระทัย ที่ตื่นบรรทมขึ้นก็ทอดพระเนตรเห็นดอกอะกาแพนทัสเต็มห้อง”

ปริชมนฟังการสนทนาระหว่างนางข้าหลวงแล้วแอบหยันในใจ “ฮึ ! ช่างสงสารดอกไม้พวกนี้เสียจริง เพียงเพื่อความพอใจของใครบางคนก็ต้องทำลายชีวิตพวกมันจนแทบหมดสวน” ปริชมนเดินตามเข้ามาในห้องทางขวามือ “ห้องบรรทมของเจ้าชายรัชทายาท” เหล่านางข้าหลวงต่างแยกย้ายจัดดอกไม้ลงแจกันกันคนละทิศละทิศปริชมนอาศัยโอกาสที่ทุกคนเผลอสนใจแต่งานของตนเลี่ยงเข้าทางด้านในสุดของห้องที่เป็นส่วนของห้องบรรทม ห้องบรรทมของเจ้าชายรัชทายาทดูแล้วช่างสลับซับซ้อนยิ่งนัก ส่วนหน้า ที่เหล่านางข้าหลวงและเธอผ่านเข้ามานั้นคือส่วนของห้องนั่งเล่นที่มีโทรทัศน์จอใหญ่ พร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกทั้งชุดโซฟา และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆตั้งกระจายอยู่ตามมุมห้องดูเหมือนว่าส่วนหน้าที่เธอเห็นจะใหญ่กว่าห้องบรรทมด้านในหลายเท่าเพราะห้องบรรทมที่เธอกำลังยืนอยู่ขณะนี้ เป็นห้องนอนที่มีเพียงเตียงนอนอันโดดเด่นตั้งอยู่กลางห้องเท่านั้น ข้างๆก็มีโต๊ะทำงานกองเอกสารและตู้หนังสือ ก่อนที่จะเข้าถึงเตียงนอนยังมีม่านบางๆกันไว้หลายชั้นราวกับจะบอกว่าก้าวล้ำจากม่านนี่ไปคือที่ส่วนตัวอย่างแท้จริง

ปริชมนค่อยๆเดินก้าวย่างอยากเบาๆ หญิงสาวลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจแหวกม่านเดินตรงเข้าไปยังแท่นบรรทม

“เรื่องนี้ต้องมีใครสักคนรับผิดชอบ และคนๆนั้นก็คือฝ่าบาท”

ปริชมนเข้าถึงด้านในสุดของแท่นบรรทมหญิงสาวยอมรับกับตัวเองว่า เธอใจสั่นจิตใต้สำนึกเตือนให้ออกไปจากที่นี่แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่อยากให้ใครต้องมาถูกรังแกแบบที่ญาดาโดนกระทำซึ่งมีทางเดียวเท่านั้นคือต้องเจรจากับผู้ที่มีอำนาจที่สุด หญิงสาวพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เสียมารยาทมากกว่าที่เป็นอยู่ เธอไม่อยากมองเขาเลยสักนิด แต่หัวใจมันก็ร่ำร้องหนักหนา และปริชมนเองก็ลืมคิดไปว่าเมื่อเธอเขาถึงตัวเขาแล้วเธอจะทำอย่างไร

“นอนนิ่งจัง จะทำอย่างไรดี”

“ว๊าย! อะไรกันเนี่ย”

“ปล่อย!ปล่อย!”

ปริชมนตกใจอย่างมากเมื่อมีมีคนกระชากตัวเธอให้ล้มกลิ้งอยู่บนเตียงร่างสูงกำลังกดทับเธออยู่จนแทบหายใจไม่ออก

“เขาตื่นแล้ว”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ปริชมนจ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังทับร่างเธออยู่หญิงสาวแทบนึกอยากหายตัวไปต่อหน้า

“เจ้าชายชิติโชคิม”

“เธอเขามาทำอะไรที่นี่ ตอบฉันมา”

“เปล่านะ หม่อมฉันเปล่า”ปริชมนลืมสิ้นทุกสิ้นว่าเธอดันด้นมาเพื่อจุดประสงค์ใดไม่ใช้เพื่ออะไรหรอกแต่เป็นเพราะตอนนี้เขากำลังทำราวกับเธอเป็นอาชญากร เขาสำรวจตรวจค้นตัวเธออยู่คงกลัวว่าจะมีอาวุธติดตัวมา

“เปล่าแล้วมาทำไม “ตรัสโดยที่ทรงจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย ทรงตรวจค้นตัวเธอไปด้วย เหตุผลอะไรที่ปริชมนต้องมาหาเขา

“ปล่อย”หญิงสาวขอร้องแกมอ้อนวอน
“เจ็บ”

“ขอโทษ”

พระองค์ทรงปล่อยหญิงสาวจากการเกาะกุม ปริชมนรีบสปริงตัวลุกขึ้นทันที คนบ้าอะไรตัวออกโตยังล้มทับมาได้

“เธอไม่ควรเข้ามาที่นี่ โทษของการลักลอบเข้าห้องนอนฉันนะถึงตายไม่รู้หรือไง” ชิติโชคิมจ้องมองผู้หญิงที่ตอนนี้ ยืนอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ริมเตียงนอนของเขา โดยปกติเขาเองเป็นคนที่รู้สึกตัวไวอยู่แล้ว และการเป็นเจ้าชายตั้งแต่เล็กจนโต เขาถูกสอนให้ระวังตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อมีใครหรือมีการเคลื่อนไหวที่แปลกปลอมจากที่เคยมาเขาจึงรู้สึกได้ทันที เหมือนกับครั้งนี้ทันทีที่ปริชมนเดินเข้ามาเขาก็รู้สึกทันทีว่ามีคนล่วงล้ำเข้ามาถึงเตียงเขาไม่ใช่เพราะเสียงพูด แต่เป็นเสียงกระดิ่งที่ข้อเท้าเธอต่างหากที่ปลุกเขาให้รู้สึกว่ามีใครบางคนเข้ามา

“ตายเป็นตาย” เรื่องรั้นปริชมนไม่เคยแพ้ใคร

“เธอคิดว่าเธอเป็นใครปีนัง คำสั่งฉันไม่เคยมีใครกล้าขัดแต่เธอกล้าครั้งแล้วครั้งเล่า อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอ”

“หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์กล้าทำทุกสิ่ง หม่อมฉันถึงได้มาที่นี่”

“หมายความว่าไง” ชิติโชคิมขมวดคิ้วสงสัย

“หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์เป็นรัชทายาทแห่งเมลา เป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่งในประเทศนี้ และอีกไม่นานก็จะทรงอภิเษกดังนั้นก่อนที่หม่อมฉันจะลากลับเมืองไทย หม่อมฉันอยากขอเรื่องหนึ่งกับพระองค์ หม่อมฉันอยากให้ทรงช่วยสอดส่องดูแลคนของพระองค์ให้มาก อย่าได้ให้เขารังแกคนที่ด้อยกว่า รับปากกับหม่อมฉันได้มั้ยเพคะ”

เกิดอะไรขึ้นทำไมปริชมนถึงได้พูดจากับเขาแปลกๆ การที่เธอกล้าบุกเดี่ยวเข้ามาถึงในห้องนอนเขามันต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องกำกวมที่เธอพูดแน่ๆ แล้วเขาคิดว่าเขาฟังไม่ผิดเธอเอ่ยว่าจะกลับเมืองไทย ท่าทีที่พูดก็แปลกๆดูมั่นคงแน่วแน่บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเอาจริง

“อะไร เธอบุกเข้ามาหาฉันเพื่อมาพูดจาแปลกๆแบบนี้นะเหรอ แล้วคนของฉัน ใครกัน หรือว่าใครทำอะไรให้เธอไม่พอใจถึงคิดจะหนีกลับเมืองไทย” เจ้าชายหนุ่มรู้สึกแปลกพระทัยองค์เองเช่นกันว่า เหตุใดจึงไม่สบพระอารมณ์เป็นอย่างมาก เมื่อได้รับฟังว่าปริชมนจะกลับเมืองไทย

ปริชมนจ้องมองผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกหลายหลาก รัก แค้น น้อยใจ และอึดอัดที่เธอไม่สามารถทำอะไรหรือพูดอะไรได้เลยถึงเรื่องที่เธอปรารถนา
“หม่อมฉันตัดสินใจแล้วเพคะที่จะขอกลับเมืองไทย ไม่ขอเจอหรือยุ่งเกี่ยวกับคนที่นี่อีก แม้แต่ฤธัตหม่อมฉันก็จะไม่เจอเขาอีก ถ้านั้นคือพระประสงค์ของพระองค์ ส่วนเรื่องใครจะทำอะไรหม่อมฉันนั้น ถ้าพระองค์ทรงไตร่ตรองดีๆก็คงทรงทราบๆได้ไม่ยาก และเรื่องที่หม่อมฉันขอพระองค์เพราะหม่อมฉันชักรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้ามาในโลกร้อยปีเข้าทุกที คนของพระองค์บางคนทำให้หม่อมฉันรู้สึกว่า ที่นี่ไม่ใช่โลกสวยงามเหมือนที่หม่อมฉันฝันถึงเมลา”

ปริชมนตอบอย่างฉะฉาน เดิมเธอตั้งใจจะให้ญาดานำจดหมายลาที่เธอเขียนไว้มาถวายเป็นการทูลลาและจะขอกลับเมืองไทยอย่าเงียบๆ แต่มาเกิดเรื่องของญาดาขึ้นเสียก่อน เธอเลยเดือดดาลเข้ามาถึงที่นี่และคิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วพบเป็นครั้งสุดท้ายเป็นการทูลลาเสียเลยก็ดีเหมือนกัน ปริชมนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยต่ออากัปกิริยาที่เจ้าชายของเธอแสดงออก เขาดูฉุนเฉียวเป็นอย่างมากที่รู้ว่าเธอจะกลับเมืองไทย

“กลับไม่ได้”

“เอะ..ทำไม”

“เพราะฉันไม่ให้กลับ”

“เชอะ! ทรงไร้เหตุผลสิ้นดี”ปริชมนเบ้หน้าหยันๆ

“ว่าใครไร้เหตุผล ฉันมีเหตุผลต่างหาก”

“เหตุผลอะไรเพคะ หม่อมฉันว่าทรงทำองค์เหมือนเด็กเล็กๆที่โดนขัดใจชัดๆ”ปริชมนเถียงอย่างไม่ยอมลดละ

“กลับตอนนี้เธอจะตอบชายฤธัตยังไง”

“แล้วอยู่โดยที่ไม่ได้พบทำให้เขาวุ่นวายใจเกิดประโยชน์อะไรเพคะ หม่อมฉันกลับบ้านยังสามารถแก้ตัวได้ว่าต้องการเที่ยวเงียบๆคนเดียว หรือไม่ก็เกรงใจเขา แต่ถ้าหม่อมฉันอยู่ที่นี่ ต่อไปสักวันถ้าเขารู้ว่าพระองค์พาตัวหม่อมฉันมา เพียงเพราะคิดว่าผู้หญิงอย่างหม่อมฉันไม่คู่ควรกับน้องชายเขา เขาคงจะเสียใจมาก ที่แม้แต่พี่ชายของเขายังไม่เชื่อในสิ่งที่เขากระทำ”ปริชมนถอนใจอย่างเหนื่อยล้าเธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกแล้ว

“ปริชมนเธอไม่รู้ตัวหรือว่ายืนเถียงกับใคร”

“เพราะรู้สิเพคะหม่อมฉันถึงต้องไปจะให้อยู่ทำไหม ต้องหลบๆซ่อนๆ กลางวันก็ต้องอยู่แต่ในเขตที่ทรงกำหนดไว้มีเวรยามคอยคุ้มกันแน่นหนา กลางคืนก็ต้องจุดเทียมซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ทรงตอบหม่อมฉันได้หรือไม่ว่าหม่อมฉันทำอะไรผิด”ปริชมนเสียงเครือหญิงสาวพยายามกลั้นอารมณ์อย่างที่สุด
“ผิดที่เธอไม่เจียมตัวไงล่ะ”

“อะไรคือไม่เจียมตัวเพคะ”

“เธอบอกฉันมาตามตรงดีกว่าว่าเธอมาที่นี่เพราะเธอตามน้องชายฉันมา ผู้หญิงอย่างเธอฉันเจอมานักต่อนัก คงฝันสิว่าสักวันจะได้เป็นชายา ได้ร่วมเป็นคนในราชนิกุล ยกระดับตัวเองมาเป็นเจ้าหญิง”คนพูดกระแทกในน้ำเสียงเต็มที่อย่างเยาะหยัน ชิติโชคิมอยากถามเหลือเกินว่า เรื่องเมื่อคืนก็เกิดขึ้นเพราะการจัดฉากของเธอใช่หรือไม่ ที่ต้องการให้เขาหลงกลเป็นอีกคนที่หลงเสน่ห์เธอ

สายลมเย็นพัดวูบ หอบเอาละอองหิมะปลิวเข้ามาในห้องบรรทมของเจ้าชายรัชทายาท ข้างนอกหิมะกำลังตกหนัก อากาศเย็นเฉียบทั่วพิรัยธา แต่คงไม่เย็นวาบเท่ากับที่เขารู้สึกให้ขณะนี้ “ปริชมนเธอทำสำเร็จ เธอทำให้ฉันหลงกลเธอได้สำเร็จ”เจ้าชายหนุ่มนิ่งตะลึงจมดิ่งกับความรู้สึกของตนทรงจ้องมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าพระพักตร์ดวงหน้าละมุนริมฝีปากแดงบางที่อยู่ตรงหน้านี้ใช่หรือไม่ ที่ทำให้พระองค์บรรทมไม่ได้มาหลายคืน แม้ว่าสิ่งที่คิดต่อเธอจะเป็นในเชิงลบ แต่ก็อดแปลกพระทัยองค์เองไม่ได้ว่า เหตุใดไม่เคยสลัดภาพผู้หญิงจากพระทัยได้สักที ทรงเพียรพยายามหาเหตุผลในองค์เองตลอดเวลาว่าต้องการหาทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องที่ทรงก่อขึ้น ทั้งที่ทางออกง่ายนิดเดียว คือ ส่งตัวเธอกลับเมืองไทยเรื่องก็จะจบ ห้ามเธอเข้าประเทศ หรือมีวิธีการอื่นอีกมากมายที่เจ้าชายอย่างเขาจะคิดได้ แต่เหตุใดทรงไม่เลือกหนทางเหล่านั้นกลับทรงเลือกวิธีที่จะยื้อตัวเธอไว้ ราวกับว่าการเห็นเธออยู่ใกล้ๆพระองค์มีความสุข

“พระองค์ตรัสผิดแล้วเพคะหม่อมฉันไม่เคยมีความคิดจะเป็นเจ้าหญิงพระชายาแต่ถ้าเป็นรานีล่ะก็ไม่แน่”ปริชมนประชดประชันนี่เขารังเกียจเธอถึงพียงนี้เชียวหรือ ดูถูกเธอ ดูถูกน้องชายของเขาเอง น้ำตาเอ้อล้นอีกแล้ว ผู้หญิงที่เคยมั่นใจในตัวเองเคยเข้มแข็ง แต่ทำไหมเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้เธอถึงไม่กลายเป็นคนอ่อนแอลงเรื่อยๆขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเธอต้องกลายเป็นโรคประสาทแน่ๆ ดูเขาสิพูดอะไรด้วยก็นิ่งคงไม่อยากรับฟังเธอแล้วกระมัง

“เสร็จธุระของหม่อมฉันแล้วคงต้องขอตัวเพคะ ถ้าเป็นไปได้อีก2วันหม่อมฉันพร้อมที่จะเดินทางกลับถ้าส่งเมตตา”ปริชมนถอนสายบัวเตรียมจะออกไปจากห้องบรรทมเธอเข้ามานานเกินไปแล้วถ้านางข้าหลวงพวกนั้นออกไปก่อนเธอเธอจะยุ่ง หาทางออกไปยาก

“อ้อ...อย่างไรเสียหม่อมฉันฝากเรื่องที่หม่อมฉันทูลด้วยนะเพคะ บางทีพระองค์อาจวุ่นวายกับราชกิจอื่นๆมากจนเกินไปจึงละเลยเรื่องราวในบ้านของพระองค์เอง แม้ว่าพระองค์กำลังจะมีฝ่ายในมาช่วยแบ่งเบาก็ควรจะตรัสให้ฝ่ายในของพระองค์ทรงใช้พระคุณให้มากกว่าพระเดชก็คงดีในน้อย”

“เดี๋ยว...เธอเข้ามาห้องฉันง่ายๆแล้วคิดว่าจะออกไปได้ง่ายๆหรือไง ที่เธอเข้าได้เป็นเพราะเมื่อคืนฉันสั่งไม่ให้มหาดเล็กมาเฝ้าหรอกนะแต่สายป่านนี้เขาคงมาแล้วล่ะแล้วคงอยู่ข้างนอกรอฉันเรียกใช้ขืนเธอเดินออกไปเป็นเรื่องแน่ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอมา”ทรงคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้พระองค์รู้สึกได้ว่าตัวหญิงสาวเย็นเฉียบคงเป็นเพราะอากาศหนาวจากข้างนอก

“คงไม่ประสงค์ให้เจ้าหญิงพระคู่หมั้นทรงทราบ”

“นั่นก็อย่างนึง”แหนะแม่คนเจ้าปัญหาเข้าใจความหมายไปอีกทาง เขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เป็นเพราะว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องซุบซิบกันสนุกปากต่างหากแล้วใครเหล่าจะเสียหายก็ตัวหล่อนเองแท้ๆเมื่อคืนวานถ้าคนที่เห็นไม่ใช้องครักษ์คนสนิทอย่างทัยคุนจะเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่เธอมาจะรู้หรือไม่ว่าคนในวังล่ำลือกันว่ายังไง แล้วนี่ดูสิช่างกล้านักบุกเดี่ยวเข้ามาหาเขาถึงในห้องนอนมีคนสติดีๆที่ไหนเขาทำกันบ้าง ชิติโชคิมอดยิ้มให้กับความบ้าบิ่นของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆ

“ขำอะไรมีอะไรน่าขำ”ปริชมนบ่นพึมพำเมื่อเห็นว่าเขาแอบหัวเราะเธอ เจ้าชายจูงมือเธอพาเดินแล้วมาหยุดยืนอยู่ริมผนังด้านในสุดของห้องที่มีรูปวาดแสนสวยในกรอบหลุยส์ใบใหญ่ประดับอยู่อย่างโดดเด่น

“ทรงปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะยังไงหม่อมฉันก็หาทางออกได้”

“ดื้อ”

“เอะ!” ปริชมนบุกมาที่นี่ด้วยอารมณ์อารมณ์ที่โกรธเป็นอย่างมากและก่อนหน้านี้ก็ยังรับรู้ได้ว่าเขาเองก็โกรธเธอเช่นกันแต่ทำไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนท่าทีหน้ามือเป็นหลังมือไปได้ ภาพวาดนี้งดงามนักคงเป็นภาพวาดล้ำค่า ภาพสวนดอกไม้ไม่ใช่สิภาพหุบเขาดอกไม้มีหุบเขาสูงโอบล้อมดุจสวรรค์มีรุ้งงามโค้มรับหยอกเอินกับดอกไม้ คิดยังไงจึงลากเธอมาดูพึลึกคน

ครึ้นๆๆ เสียงผนังห้องเปิดกว้างส่องให้เห็นทางข้างใน บันไดไม้เก่าๆเธอมองเห็นเพียง3-4คันเพราะที่เหลือความมือมิดในอุโมงค์พลางเอาไว้ “ห้องลับ!” เบื้องหลังรูปวาดแสนงามคือเส้นทางทอดไปยังที่ใด

“รอฉันอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวฉันมา” ทรงตรัสเสร็จก็ดำเนินหายลับออกไปนอกห้องบรรทม

เขาจะพาเธอไปไหน ทางมืดมิดแบบนี้ หนีดีไหม หนีไปไหนล่ะ รอเถอะโอกาสนี้อาจเป็นความสุขที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิตในเมื่อรักและได้พบและกำลังจะพลัดพรากเธอก็ขออยู่กับเขาให้นานที่สุดใยมีสิ่งใดต้องกลัว

******************************************************************************************************************************************************




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2551
1 comments
Last Update : 5 มีนาคม 2551 16:09:13 น.
Counter : 422 Pageviews.

 

อ่านไปอมยิ้มไป...สนุกจัง..ลงตอนใหม่เร็วๆ นะค่ะ รออ่านอยู่

 

โดย: ฟ้า IP: 220.207.253.132 23 กุมภาพันธ์ 2551 22:01:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.