อิสระของชีวิต คือ การได้วิ่งตามฝัน Cute Sanrio Glitter Graphics

คูน้ำริน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
15 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คูน้ำริน's blog to your web]
Links
 

 
ณ แดนนี้ยังมีรัก ตอนที่ 12

ตอนที่12:เพื่อนใหม่

สองสาวในชุดข้าราชสำนักฝ่ายในเดินเลือกซื้อของหลายอย่างปริชมนได้ผ้าสำหรับตัดเสื้ออยู่หลายชุดเธอคิดจะประยุกต์ชุดเมลาลีให้ใส่สบายขึ้น แม้ของเดิมจะดีอยู่แล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่คล่องตัวจะเดินเหินที่ก็ลำบากส่วนเรื่องที่จะให้เธอกลับไปนุ่มเสื้อยืดกางเกงยีนส์ลืมไปได้เลย เพราะเธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพระนมริยาอีกเดี๋ยวรายนั้นจะหาว่าเธอไม่รู้จัดเคารพกฎเกณฑ์ในวังอีก ฉะนั้นเธอจึงคิดว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือซื้อผ้าไปตัดเองปริชมนพอมีฝีมืออยู่บ้าง และที่ตำหนักเทพนารีเธอเห็นจักรเย็บผ้าเก่าๆที่ถูกเก็บไว้คิดว่ายังน่าจะใช้ได้

และเพราะมัวแต่ใจจดจ่ออยู่กับการเลือกซื้อข้าวของ หญิงสาวจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าขณะนี้ทุกอิริยาบถการเคลื่อนไหวได้ตกอยู่ภายใต้สายตาของชายกลุ่มหนึ่ง

“ฉุดเลยไหมนาย” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยแนะมันยิ้มเหี้ยมเกรียนกับคนที่เรียกว่านาย

“ผู้หญิงในวัง ไม่ฉุด เดี๋ยวช้ำ สวยดี ข้าเคยเห็นผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นใครสวยเท่าคนนี้ ไปสืบดูสิว่าเป็นใคร”ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำกลุ่มมองตามหลังปริชมนด้วยสายตาอันน่ากลัวยิ่งดวงตาราวปีศาจยามจะกระชากวิญญาณให้ออกจากร่าง

เมื่อเลือกซื้อของจนหนำใจแล้วปริชมนและญาดาเลือกที่จะนั่งรอนกยูงอยู่ที่ร้านขายเครื่องหอมซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่พวกเธอแวะซื้อของ สำหรับปริชมนวันนี้เป็นวันที่เธอรู้สึกเป็นสุขเป็นที่ยิ่งหญิงสาวพูดคุยกับญาดาอยางสนุกสนานมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยากสนใจที่จะวิเคราะห์กิริยาและความเป็นอยู่ของผู้คนแถบนี้จนเผลอลืมเรื่องการหาลู่ทางติดต่อกับทางบ้านเสียสนิท

“คุณนกยูงช้าจัง สงสัยเธอขี้เกียจเดินแน่เลยค่ะ”ญาดาเริ่มบ่นเมื่อคอยเท่าไหร่นกยูงก็ยังไม่มา ปริชมนเองก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาเพราะใกล้จะเย็นดวงตะวันเริ่มลับเหลี่ยมหิมาลัยส่งแสงสีส้มจางลงเรื่อยๆถ้านานกว่านี้อีกนิดจะกลับเข้าวังไม่ได้เพราะช่วงค่ำมีงานเลี้ยงต้อนรับการเสด็จมาเยือนของเจ้าหญิงเนรัญชราและเจ้าชายฤธัตธรณ์

จริงสิฤธัตธรณ์ชื่อนี้กระตุ้นเตือนปริชมนทันทีต้องรีบกลับไปเธอยังไม่พร้อมเจอชายฤธัตตอนนี้

“ญาดาได้บอกคุณนกยูงเหรอเปล่าว่าเราจะนัดเจอกันที่ไหน”ปริชมนร้อนรนเสียยิ่งกว่า จนญาดาแปลกใจหากเจ้าหล่อนก็ต้องอุทานเมื่อปริชมนถามขึ้น “ตายจริง...ญาดาตายแน่ๆค่ะลืมสนิทว่านัดคุณนกยูงไว้ที่สะพานแม่น้ำโคไรย”แม่น้ำโคไรยที่ว่าก็คือแม่น้ำที่ผ่าตัดผ่านกลางเมืองพิรัยธาเป็นปราการธรรมชาติกั้นเขตวังกับภายนอกโดยที่สะพานแม่น้ำโคไรยเป็นตัวเชื่อม ญาดาไม่รอช้ารีบลากตัวปริชมนวิ่งไปอย่างเร็วจี๋ ปริชมนส่ายหน้ากับความสะเพร่าของเด็กสาวหากก็อดขำไม่ได้ป่านนี้คุณนกยูงคงเดือดดาลแม่สาวน้อยคนนี้เหลือกำลัง

“อุ๊ย!” ญาดาอุทานก่อนจะล้มกลิ้งพร้อมข้าวของกระจัดกระจายอยู่กับพื้น รีบจนได้เรื่องเด็กสาวก้มหน้าก้มจาวิ่งอย่างเดียวจนไปชกกับคนเดินสวนทางมาเข้า ปริชมนรีบเข้าไปพยุงญาดาประคองขึ้นมาอย่างเป็นห่วง

“เป็นอะไรบ้าง”คนเจ็บยังอวดเก่ง ส่ายหน้ายิ้มแฮะๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วญาดาก็เอามือประสานกันให้มือขวาทับมือซ้ายพร้อมกับอกมาแนบอก “การคารวะและขอโทษของเมลา”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเสียอีกที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ”ชายหนุ่มคนนั้นอายุไม่น่าเกิน 30 ปีใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองที่ตัวเสื้อโคร่งๆชายเสื้อยาวเกือบถึงข้อเท้าสีเขียวหม่นๆใช้ผ้าผืนโตสีขาวคาดเอวใส่หมวกขนสัตว์สีขาวความโดดเด่นคือตัวสูงขนาดปริชมนที่ว่าสูงเกินมาตรฐานหญิงเอเซีย

หญิงสาวยังต้องเงยหน้ามองสูงสัก190 เซนติเมตรได้มั้ง คนเมลาสูงใหญ่กันทุกคน ขนาดเจ้าชายของเธอยังสูงกว่าเธอตั้งแยะ แต่ยังตัวเล็กบางทันทีเมื่อเทียบกับผู้ชายคนนี้ ตาโตดำขลับแลดูลึกคิ้วหนา ขนตายาว

เพียงจ้องก็อาจต้องคิดว่าทะลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ “น่ากลัว”แว่วแรกปริชมนคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเขายิ้มมาปริชมนก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง เพราะไม่ต้องการให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงหูคนในวังจนจับได้ว่าเธอแอบลอบออกมาเที่ยวข้างนอก

“ฉันต้องขอโทษแทนคนของฉันด้วยนะคะ”ปริชมนพูดเป็นภาษาอังกฤษออกไปคนที่เมลาเรื่องภาษาอังกฤษกันตั้งแต่อนุบาลดังนั้นเรื่องภาษาในเมลาจึงไม่น่าเป็นห่วงและดูจากท่าทางผู้ชายคนนี้ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเขาต้องสื่อสารกับเธอได้

“ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นครับ” ชายคนนั้นยังยืนยันเขาก้มตัวลงมาช่วยญาดากับปริชมนเก็บข้าวของที่หล่นกระจัดกระจาย

“ขอบคุณค่ะคุณ...”ปริชมนอ้าปากจะขอบคุณชายคนนั้นก็สวนกลับมาเช่นกัน

“รันท์ ครับ ผมชื่อรันท์” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อของตนให้ปริชมนได้รู้จักพลางยื่นมือให้เธอจับแบบสากลแสดงความเป็นมิตร ปริชมนยิ้มตอบก่อนยื่นมือให้เป็นการตอบรับไมตรี

“ปีนังค่ะ แล้วนั้นญาดา” ปริชมนผายมือไปที่ญาดาที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินเข้าไปทุกขณะ

“คุณ...ไม่ใช่คนเมลา ปีนัง ประเทศมาเลเซีย คนเป็นคนมาเลย์หรือครับ”รันท์ขมวดคิ้วถามด้วยความข้องใจผู้หญิงคนนี้สวย สวยหมดจด

...รันท์ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น...

“เปล่าค่ะเปล่า ฉันเกิดที่นั่นค่ะแต่ไม่ได้เป็นคนที่นั่น ฉันเป็นคนไทยค่ะประเทศไทยคุณรู้จักไหมคะ”หญิงสาวยิ้มกว้างให้กับความเข้าใจผิดของชายหนุ่มไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนคิดเช่นนี้ เธอจึงต้องคอยตอบคำถามใครต่อใครเสมอๆ จนในบางครั้งแม่เธอเองยังรำคาญบ่นอยู่เสมอๆ “ชื่อพ่อตั้งเป็นอนุสรณ์แห่งรัก”เพราะพ่อกับแม่พบรักกันและคลอดเธอที่นั่น หากถ้าแม่เธอรู้ว่าความรักที่พ่อมีให้จะเจือจางลงอย่างรวดเร็วแม่คงไม่อยากมีอนุสรณ์แห่งรัก “รู้อย่างนี้ตั้งชื่อลูกว่าหนึ่ง สอง สาม ยังดีกว่าปีนัง”หญิงสาวรู้ดีแม่เสียดแทงใจทุกครั้งยามเรียกชื่อเธอ

รันท์พิศมองใบหน้าหมดจดนั้นอย่างเพลินตา ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตเขาไม่เคยพบพานหญิงคนไหนที่งามเท่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขามาก่อน “ปีนัง” หญิงชาววังสินะเขาสังเกตจากชุดที่ทั้งเธอและเด็กสาวที่คล้ายๆคนติดตามสวมใส่ผ้าเนื้อดีตัดเย็บประณีตกว่าชาวบ้านทั่วไปข้าราชบริพารฝ่ายในวังพิรัยธาเขาว่ากันว่าต้องแต่งตัวตามวันยกเว้นพวกตำแหน่งสูงๆแต่ทั้งปีนังและเด็กสาวอีกคนแต่งตัวเหมือนกันแสดงว่าเป็นข้าราชสำนักทั่วไป ใบหน้างามมีแววลุกลี้ลุกลนผิดปกติ รันท์จึงอดแปลกใจไม่ได้

“จริงสิ คุณปีนังจะรีบไปไหนหรือเปล่าครับ ผมเห็นรีบวิ่งกันใหญ่” ปริชมนกำลังจะตอบคำถามของรันท์ หากทว่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

“คุณปีนัง แม่ญาดา มาอยู่ที่นี่เองกยูงหาแทบแย่ร้อนรนไปหมด” เสียงที่ว่ามิใช่ใครอื่นเป็นเสียงของนกยูงนั้นเองเธอยืนรอทั้งสองคนอยู่ที่ริมสะพานแม่น้ำโคไรยนานนับชั่วโมง แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าทั้งสองคนจะมา เธอถึงกับโทษตั;เองที่หาเรื่องชวนคุณปีนังออกมาข้างนอกหนำซ้ำยังไม่ได้ตามไปดุแลอดหวั่นๆไม่ได้ว่าเกิดหนีหายไปมีหวังซวยแน่ๆยิ่งใกล้เย็นย่ำเท่าไหร่เธอก็ยิ่งอยู่กับที่ไม่ติดมากขึ้นเท่านั้น หนึ่งเพราะประตูวังใกล้จะปิดเต็มทน สองเพราะก่อนที่เธอจะมายืนรออยู่ที่ริมสะพานแม่น้ำโคไรยนี้ระหว่างที่เธอกลับไปผลัดเปลี่ยนชุดอาบน้ำอาบท่าที่บ้านนั้น เธอได้พบกับรอยสามีเธอที่เพิ่งกลับเข้ามานั่นก็แสดงว่าเจ้าชายรัชทายาทพร้อมด้วยพระอนุชาและเจ้าหญิงเนรัญชราก็ย่อมเสด็จถึงพิรัยธาแล้วเช่นกัน โอกาสที่จะพาคุณปีนังหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครรู้ว่าแอบออกมาข้างนอกก็ยิ่งยากขึ้น นกยูงไม่อยากนึกภาพตอนคุณปีนังเจอกับเจ้าหญิงหรือเจอกับพระอนุชาเลย กลุ้ม…

“กลับวังนะคะ” เรื่องการแอบพาคุณปีนังออกมาข้างนอกเธอจะบอกกับใครไม่ได้เด็ดขาด แม้เจ้าชายจะทรงเคยประทานอนุญาตให้คุณปีนังออกไปไหนมาไหนข้างนอกได้ แต่นกยูงก็รู้ดีว่าเบื้องหลังรับสั่งนั้นเป็นอย่างไร “บอกว่าอนุญาตให้ออกไปเที่ยวข้างนอกได้ ถ้าเขาไปกับนกยูง แต่ช่วงนี้ข้างนอกตึงเครียดออกไปอันตราย”เพียงเท่านี้เธอก็รู้ว่าไม่โปรดให้คุณปีนังออกไปนอกเขตพระราชฐาน

“อืม...พระองค์ทรงกังวลพระทัยกับสถานการณ์ทางนี้ ฝ่ายโน้นเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากได้หัวหน้าคนใหม่”รอยเอนตัวลงบนเตียงนออย่างอ่อนล้า

เฮ้อ..อ่อนกายไม่เท่าไหร่อ่อนใจนี่ซิ เจ้าหญิงเนรัญชราระหว่างเสด็จมาที่นี่ ตรัสต้องการสิ่งโน้นสิ่งนี้ตลอดเวลา ยิ่งรู้ว่าทางนี้มีงานเลี้ยงรับรองเจ้าหญิงสั่งเพิ่มจำนวนรายชื่อแขกระดับวี ไอ พี อีกเกือบสาบสิบคน ทั้งยังทรงระบุต้องเชิญมางานให้ครบทุกคน ลำพังเจ้าหญิงก็จะแย่แล้วนี่ยังจะมีแขกส่วนพระองค์เพิ่มมาอีกยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่ รอยหยุดความคิดเรื่องงานไว้ชั่วขณะเมื่อเพิ่งนึกได้

“แล้วที่รักกลับมานานแล้วเหรอจ้ะ”เขาโอบกอดภรรยาอย่างรักใคร่คิดถึงเมียใจจะขาดหากหน้าที่ย่อมเหนือสิ่งอื่นใด
“นานแล้วค่ะ”นกยูงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ต้องปดปิดเรื่องของปีนังต่อสามี แต่ก็รู้ดีขืนพูดไปเรื่องนี้ต้องเข้าถึงพระเนตรพระกรรณแน่เพราะแม้รอยจะรักเธอมากเพียงไรก็ตามหากก็ยังน้อยกว่าความภักดีที่ถวายแด่นายเหนือหัว

“คืนนี้เราคงต้องไปเจอกันในงานใช่ไหม ”รอยหอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่อย่างรักใคร่ก่อนเอ่ยถึงงานเลี้ยงในวังคืนนี้

“ค่ะ เดี๋ยวนกยูงก็ต้องรีบกลับเข้าวังก่อนเพราะยังมีงานค้างอยู่”หล่อนพยายามหลบตาไม่ให้มีพิรุจ
ฟู่ๆๆ รอยพ่นลมออกทางปากอย่างขี้เกียจเสร็จงานใหญ่ของเจ้าชายครั้งนี้จะขอพาเมียหนีไปเที่ยวให้ไกลสักพักจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังมั้ง

“ไปนะคะ”นกยูงหยิบผ้าคล้องแขนพร้อมกับถุงผ้าใบใหญ่มอบให้สาวใช้ที่เดินเข้ามารับของ ก่อนจะเดินตัวปลิวออกมาจากห้อง เวลานี้หญิงสาวคิดอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นคือทำยังไงก็ได้ให้ไปถึงจุดนัดหมายโดยเร็วที่สุด จะได้รีบพาคุณปีนังกลับไปเก็บตัว

แต่เมื่อเธอมาถึงตามเวลานัดหมายกลับไม่พบเจอใครเลยรออยู่นาน ก็เห็นว่าขืนช้าจะไม่ได้การจึงลองเดินตามหาดู และก็มาพบคุณปีนังกับแม่ญาดาตัวดี ยืนคุยอยู่กับชายแปลกหน้าคนนี้ ผู้ชายตัวสูงสวมใส่คาบาเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายเมลาทั่วไปที่มีลักษณะเด่นคือ เป็นตัวเสื้อโครงๆไร้ปกเสื้อโดยมากจะทำมาจากขนแกะที่ถูกนำมาถักผสมกับผ้าฝ้ายเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายคนที่นี่ส่วนใหญ่เสื้อผ้ามักจะนิยมสั่งตัดมากกว่าซื้อสำเร็จรูป สังเกตจากที่ชายแปลกหน้าคนนี้ใส่ก็รู้ว่าเป็นการสั่งตัด เพราะสวมใส่ได้พอดีไม่ดูหลวมจนเกินไป แต่เนื้อผ้าที่เขาสวมใส่กลับแลดูบางเบาแทบจะไม่ช่วยอะไรในสถานที่ที่มีอากาศเยือกเย็นอย่างพิรัยธาเลยสักนิด ราวกับร่างนั้นทาทาบด้วยหินผาเป็นร่างกายที่แตกต่างออกไปจากชาวบ้านปกติ…นักรบ...

มองเพียงเท่านี้นกยูงก็เดาได้ทันทีว่าชายแปลกหน้าตัวสูงลิบคนนี้ต้องมาจากชายแดนพิรัยธาเพราะแถบนั้นเป็นที่เดียวในเขตนี้ที่อากาศอบอุ่น แต่คนชายแดนจะมาที่ใจกลางเมืองอย่างพิรัยธาทำไหมในเมื่อระยะทางห่างจากที่นี่เกือบสองร้อยกิโลเมตรการสัญจรไปมาก็ลำบาก ต้องอาศัยรถสองแถวที่มีเพียงวันละเที่ยวเท่านั้นและยิ่งมีปัญหากันกับชนกลุ่มน้อยทางชายแดนยิ่งแล้วใหญ่การตรวจสอบจากภาครัฐเข้มงวดขึ้นชาวบ้านแถบชายแดนเลยเบื่อไม่ชอบเข้ามาส่วนในสักเท่าไหร่ เธอไม่ค่อยเห็นคนแถบชายแดนเข้ามาที่นี่นานแล้ว นกยูงชักได้กลิ่นทะแม่งๆจากคนที่คุณปีนังยืนสนทนาด้วยเสียแล้ว…

*********************************************************************************




Create Date : 15 มกราคม 2551
Last Update : 15 มกราคม 2551 15:47:32 น. 0 comments
Counter : 321 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.