อิสระของชีวิต คือ การได้วิ่งตามฝัน Cute Sanrio Glitter Graphics

คูน้ำริน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Group Blog
 
 
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คูน้ำริน's blog to your web]
Links
 

 
ณ แดนนี้ยังมีรัก ตอนที่ 5

ตอนที่5 : ชุดสวย

ชิติโชคิม รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับแขกพิเศษของเขาจากทัยคุนเงียบๆ ระหว่างรอหญิงสาวภายในห้องเสวย

“เธอเป็นคนกล้า ไม่กลัวใครพะยะค่ะ หม่อมฉันเพิ่งเคยเห็น พระนมเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันก็คราวนี้ เธอจำแม่น เป็นไว สอนอะไรเพียงครั้งเดียวก็เป็น จนพระนมไม่รู้จะสอนอะไรอีก เพราะทำได้ดีและคล่อง ราวกับว่าฝึกฝนมาเป็นปีๆ อ้อ..เธอมีชื่อเล่นที่เรียกสั้นๆว่า “ปีนัง” เธอบอกว่าเกิดที่นั้นพ่อกับแม่เลยตั้งให้” ทัยคุนทูลรายละเอียดเกี่ยวกับหญิงสาวที่เขาทำหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์มาตลอดวัน

“ปีนัง เหรอ แล้วเธอมีท่าทีอะไรแปลกๆบ้างไหม” ชิติโชคิมยังคงเคลือบแคลง ก็แววตาหล่อนมันซุกซนเหลือเกินยามมองเขาแล้วอย่างนี้จะให้ไว้ใจได้อย่างไร

“ไม่มีพะยะค่ะ เพียงแต่ว่าเอ่อ..” ทุยคุนอ้ำอึ้งอยู่เป็นนานจนคนเป็นนายต้องเตือน

“เอ่อๆอ่าๆไม่พูดซะทีจะรู้ไหม”

“ถ้าเผลอให้เธอว่างเมื่อไร เธอจะถามคำถามเกี่ยวกับพระองค์อยู่เสมอพะยะค่ะ” เอาแล้วสิ ทีแรกก็ว่าจะไม่บอก แต่เขาไม่เคยปิดบังเรื่องใดกับเจ้าชายเลย แม้เขาจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะใครก็ต้องใคร่รู้เรื่องเจ้าชายรูปงามต้องตาสาวๆเป็นเรื่องธรรมดา แต่ครั้งนี้คนที่อยากรู้กลับเป็นหญิงสาวที่เขาก็พอมองออกว่า “ทรงไม่โปรด” เขาเองก็ไม่เข้าใจว่า หากไม่โปรดแล้วจะให้พาตัวมาไว้ที่นี่ทำไม

“อือ..” ทรงหันพระพักตร์มาทางทัยคุน ด้วยแววเนตรข้องใจ

“เรื่องฉัน เขาจะรู้ไปทำไมกัน แล้วพระนมบอกอะไรไปบ้าง” ชิติโชคิม ทรงไม่เข้าพระทัยเรื่องราวของพระองค์ผู้หญิงคนนั้นจะรู้เพื่ออะไร แล้วก็ทรงดำริได้ว่า คงเหมือนสตรีทั่วไปที่หลงในมายารูปของพระองค์

ช่างเป็นหญิงที่ไร้ยางอายเสียจริงๆ มิน่าเล่ายามจ้องมองพระองค์แววตาถึงได้ระริกระรี้นัก

“ไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะพระนมก็ไม่ชอบให้ใครมาถามเรื่องส่วนพระองค์อยู่แล้วกระหม่อม” ทัยคุน เพิ่งจะนึกได้ว่า เขาไม่ควรพูดเลยจริงๆไม่รู้ป่านนี้ทรงคิดเช่นไร สงสารก็แต่คุณคนนั้น ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เขายังไม่เห็นใครกล้าพูดคุยกับเธอเลย คุยกับพระนมริยาก็เหมือนจะชวนทะเลาะกันเสียมากกว่า พอคุยกับเจ้าชายของเขา ก็ไม่รู้ทำท่าไหนกันให้ไม่โปรดแต่แรกพบ

เรื่องนี้เขาก็มีส่วนผิด ที่วันนั้นลงไปต่อว่าเธอที่เดินมาตัดหน้าขบวนเสด็จ แต่พอมารู้ทีหลังจากเจ้าชายว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจและเธอเป็นพระสหายของเจ้าชายฤธัตธรณ์ เขาก็เกิดรู้สึกอับอายที่ไปมีเรื่องกับหญิงสาวขึ้นมา จึงแอบไปโกนผม โกนหนวดเคราซะหมดเพื่อเป็นการขอโทษจากใจจริง

วิธีการโกนผมขอโทษนี้ เป็นวิธีเฉพาะของชาวเมลา ใช้ในกรณีการทำความผิดร้ายแรง แม้เรื่องนี้จะดูไม่หนักหนาแต่ก็รู้สึกผิดอยู่ดี ดูเหมือนว่าเธอจะจำเขาไม่ได้ด้วยสิ

“ผู้หญิงคนนี้ชักจะเอาใหญ่แล้ว” ทรงตรัสอย่างไม่โปรด หาได้น้อยนักที่เจ้าชายแห่งสายฟ้าจะไม่โปรดสตรีที่งดงาม สมัยเรียนอยู่ต่างแดน พระองค์เลื่องลือด้านความเก่งกาจในทุกด้าน ทั้งการเรียน การกีฬา และทรงมีสตรีข้องแวะด้วยหลายนาง หากไม่ทรงโปรดเสน่หาผู้ใดอย่างจริงจัง เพราะทรงปักใจรักอยู่เพียงสตรีนางเดียว “เนรัญชรา น้องน้อยของพี่”

“เจ้าชายพะยะค่ะ เมื่อครู่มีคนจากศีบันดามาส่งข่าวเรื่องคุณปริชมน” รอย ราชองครักษ์อีกคนเดินเข้ามารายงานพลางหันไปมองเพื่อน วันนี้หัวเราะมาทั้งวันแล้วเมื่อมองทัยคุน เขาไม่คุ้นกับทรงผมใหม่ของเพื่อนเลยจริงๆ

“นายควรจะหัดมีมารยาท สำรวจต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายบ้างนะรอย” ทัยคุน กอดอกพูดตำหนิเพื่อนด้วยความอาย

“ฮ่าๆๆ โทษทีว่ะเพื่อน ก็ฉันไม่คุ้นเลยนี่หว่า” รอยขบขันกับโฉมใหม่ของเพื่อน

“เลิกแซวกันเองได้แล้ว รอย ว่ามา ที่ศีบันดาเป็นอย่างไรบ้าง” ชิติโชคิมห้ามทัพ ก่อนที่จะทรงรับฟังการทุ่มเถียงของสองราชองครักษ์

“อ๋อ..ทรงประทานอภัยกระหม่อม ตอนนี้พระอนุชาทรงร้อนพระทัยเป็นอย่างมากและทรงสงสัยว่า คุณปริชมนจะอยู่ทุกที่ ไม่เว้นแม้กระทั่งชายแดน ทรงปรารถนาจะเสด็จมาพิรัยธา แต่องค์รานีทรงยับยั้งไว้ได้กระหม่อม”รอย ทูลรายงานทั้งหมดแก่เจ้าชายของเขา ผู้หญิงคนเดียวหายไปเป็นเรื่องราวได้มากมายเพียงนี้ แล้วถ้าหากเจ้าชายฤธัตธรณ์ทรงทราบว่า ข้อสันนิษฐานของพระองค์แม่นยำจะเป็นเช่นไรหนอ

“ท่านแม่เป็นห่วงชายฤธัตมากคงไม่ปล่อยมาหรอก” ชิติโชคิมทรงครุ่นคิดแก้ปัญหาครั้งนี้ก็คงต้องพึ่งแม่คนต้นเหตุที่กำลังรอเวลาให้ลงมาร่วมโต๊ะเสวยอยู่ ณ ขณะนี้
.........................................

ก็อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องที่ปริชมนพักอยู่ดังขึ้น หญิงสาวกำลังสาละวนอยู่กับการคัดเลือกชุดงามเพื่อค่ำคืนนี้

“เชิญค่ะ” ปริชมนตอบโดยที่ไม่หันไปมองสักนิด เธอคิดว่าคงเป็นพระนมริยา เข้ามาเร่งรัดเธอให้รีบลงไป

“สวัสดีค่ะคุณปีนัง” ผู้หญิงที่เข้ามาใหม่พูดภาษาไทยชัดเจน จนปริชมนต้องชะงักหันไปมอง

“คุณเป็นคนไทยเหรอค่ะ”ปริชมนถามไถ่ด้วยความยินดี

“โอ้ย..อย่าเรียกคุณเลยค่ะดิฉันเป็นแค่ข้ารับใช้ในวังพิรัยธา ส่วนคุณเป็นพระสหายกับเจ้าชายฤธัตธรณ์ เรียกดิฉันว่า นกยูงก็ได้ค่ะ” นกยูงยิ้มแย้มอย่างมีมิตรไมตรี

“นกยูงเหรอค่ะ แล้วนกยูงมาทำอะไรอยู่เมลาค่ะ หรือว่าโดนใครจำตัวมา” ปริชมนยินดีที่จะมีเพื่อนใหม่ แต่ก็อดคิดถึงที่มาไม่ได้ เธอคิดว่านกยูงจะโดนพาตัวมาแบบเธอ

“ใช่ค่ะนกยูงโดนลักพาตัวมา” นกยูงทำหน้าเศร้า ปริชมนตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“ใครค่ะต้องเป็นเจ้าชายใจร้ายนั่นแน่ๆ คอยดูน่ะปีนังจะเอาคืนให้ได้เลย”ปริชมนเหมารวมตัวผู้กระทำผิดไว้เสร็จสรรพ

“อิอิๆๆ” นกยูงหัวเราะร่า

“นกยูงล้อเล่นค่ะ นกยูงแต่งงานกับองครักษ์ของเจ้าชายชิติโชคิมค่ะ ก็เลยย้ายมาทำงานที่นี่ ปกตินกยูงจะอยู่บ้าน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับที่นี่แหละค่ะ แต่ว่า รอย สามีของนกยูง เขาบอกว่าเจ้าชายต้องการหาเพื่อนให้พระสหายขององค์อนุชาที่ทรงมาพักผ่อนที่พิรัยธา เลยให้นกยูงมาอยู่เป็นเพื่อน เมื่อครูนี้นกยูงก็เจอพระนมริยามาค่ะ พอรู้ว่านกยูงจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ก็โวยวายใหญ่เลยว่ามากเรื่อง แต่คุณอย่าไม่ถือสาแกเลยค่ะ ปากร้ายแต่ใจดี” นกยูงบอกที่มาที่ไปของตัวเอง

“เหรอค่ะ งั้นชื่อฉันก็รู้มาจากพระนมนะซิ” ปริชมนรับฟัง
“ค่ะ พระนมเป็นคนบอกเอง แต่ไม่เห็นบอกเลยว่าคุณสวยขนาดนี้” นกยูงมองผู้หญิงข้างหน้า สวยอะไรปานนี้ ไร้ที่ติ ไม่ผิดเหมือนอย่างที่สามีเธอว่าไว้ “คุณแขกจำเป็นของเจ้าชาย เธอสวยเหมือนเทพีบันยี”

“แหม! อย่ามัวชมฉันเลยค่ะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องรบกวนคุณนกยูงหน่อยค่ะ” ปริชมนรับรู้ในคำชมนั้น เธอรับฟังมันจากผู้คนรอบข้างตั้งแต่เยาว์วัย จนไม่คิดว่าตัวเองมีความงามกว่าสตรีอื่นตรงไหน อย่างน้อยความงามนี้ก็ไม่ได้สร้างความปลาบปลื้มแก่เจ้าชายผู้เย่อหยิ่งเลย

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยค่ะ”

“คือว่า ฉันอยากลองใส่ชุดแบบที่คุณใส่อยู่นะค่ะ แต่ไม่รู้จะหาจากที่ไหน” ปริชมน หมายถึงชุดที่มีลักษณะคล้ายกี่เพ้า ที่เธอเห็นพระนมริยาและผู้หญิงในพิรัยธาสวมใส่กัน

“อ้อ..คนที่นี่เรียกมันว่าชุดเมลาลีค่ะ เป็นชุดที่ถ้าหากคุณมองผิวเผินจะมีลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน แต่จะมีความแตกต่างกันอยู่มาก อย่างที่แขนเสื้อจะยาวปิดถึงข้อมือ มีลักษณะพองฟู ข้างในแขนเสื้อที่พองฟูนั้นจะเป็นขนสัตว์ค่ะ เพราะที่นี่อยู่ใกล้หิมาลัยอากาศจึงหนาวเย็นมาก แล้วยังมีผ้าที่ใช้คล้องแขนถ้าหนาวน้อยก็ไว้ประดับคล้องแขนถ้าหนาวมากก็เอามาพันคอดเพิ่มความอบอุ่นได้ค่ะ ชุดเมลาลีถ้าคุณสังเกตให้ดีจะสามารถบ่งบอกระดับชนชั้นทางสังคมได้ด้วย อย่างของนกยูงเป็นข้าหลวงนางกำนัลแถบผ้าที่ใช้รัดเอวจะไม่มีลวดลายจะเป็นสีขาวครีมธรรมดาไม่มีความโดดเด่น ตัวชุดก็จะอนุญาตให้ใส่ได้เฉพาะสีขาวครีมเท่านั้น แต่ถ้าอย่างของพระนมริยาจะมีชุดประจำคือสีฟ้าอมม่วงหมายถึงระดับที่สูงกว่านางกำนัล แต่ไม่ใช้คนชนชั้นเจ้านาย ผ้ารัดเอวจะเป็นสีดำ แต่ถ้าหากเป็นผู้หญิงในราชวงศ์ จะมีผ้ารัดเอวขนาดเท่าฝ่ามือลวดลายบนผ้าก็แล้วแต่ชอบใจ แต่สีพื้นของผ้ารัดเอวต้องเป็นสีเงินเท่านั้นค่ะ ยกเว้นองค์รานีที่มีสิทธิ์ประดับสีอื่น ส่วนตัวชุดก็จะใส่สีสันลวดลายอะไรก็ได้ไม่เจาะจงค่ะ ถ้าคุณอยากใส่นกยูงจะหาให้ค่ะ เอ...แล้วพระสหายของเจ้าชายที่ไม่ใช่คนในราชวงศ์และก็ไม่ใช่นางกำนัลจะใส่อะไรดีน่า” นกยูงทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก่อนนึกออก

“รู้แล้วค่ะเป็นพระสหายของคนในราชวงศ์จะใส่ชุดสีอะไรก็ได้ แต่ผ้ารัดเอวกับผ้าคล้องแขนต้องเป็นสีเขียวอ่อนๆ นกยูงคิดว่าเราไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอกค่ะ เดี๋ยวจะให้นางกำนัลไปเอาจากห้องพระสำอางของเจ้าหญิงเนรัญชราให้ ห้องนั้นเสื้อผ้าเยอะเชียว ชุดใหม่ๆที่เวลาเจ้าหญิงเสด็จมา ไม่ได้ใส่ก็เยอะ แต่รูปร่างคุณผอมบางอย่างนี้ถ้าใส่ชุดของเจ้าหญิงเนรัญชราคงต้องใช้ผ้ารัดเอวให้แน่นสักหน่อย”ปริชมนพยายามจดจำสิ่งที่นกยูงอธิบายไว้พร้อมกับเก็บความข้องใจ เจ้าหญิงเนรัญชราใครกัน...ไม่ใช่คนในราชวงศ์เหนือเมฆ เธอศึกษาและท่องจำชื่อราชนิกูลได้ทั้งหมด ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะลืม แล้วฤธัตธรณ์ก็ไม่เคยเล่าให้เธอฟัง เพียงครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเจ้าหญิงพระองค์นี้ ปริชมนก็รู้สึกว่าตัวชาวูบทันที

“ฉันต้องขอบคุณล่วงหน้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มจริงใจพร้อมหมายมั่น คอยดูนะ จะทำให้ตะลึงไปเลยเจ้าชายสุดที่รัก...
..........................................
รอยและทัยคุน ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆไปตามๆกัน เมื่อถึงเวลาที่ต้องเสวยพระกระยาหารค่ำ แต่ยังไร้วี่แววแขกพิเศษผู้ร่วมโต๊ะเสวย เจ้าชายของพวกเขานั่งรออยู่นานแล้ว และดูเหมือนใกล้จะหมดความอดทนลงเต็มที

“ฮึม!!....”

ชิติโชคิมรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่ง เขานั่งรอนานราวครึ่งชั่งโมงแล้ว ให้คนไปตามหญิงสาวก็ตั้งนาน แต่หล่อนยังไม่มีทีท่าว่าจะลงมาเสียที แค่กินข้าวทำไมจะต้องทำเรื่องมาก ความจริงเขาไม่จำเป็นจะต้องเชิญหล่อนมาร่วมโต๊ะด้วยซ้ำ แต่เห็นใจหรอกกลัวว่าจะเหงาที่ต้องทนอยู่คนเดียว ยังไม่คุ้นเคยกับใคร แต่ดูที่หล่อนทำ โต๊ะก็เตรียมอาหารครบหมดแล้ว รอจนเย็นแล้วเย็นอีกหล่อนก็ยังไม่มา

“รอย เอาไปอุ่นอีกทีซิ” เจ้าชายสั่งด้วยอารมณ์เดือดดาล โดยวิสัยแล้วไม่เคยทรงต้องมารอใครนานขนาดนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใด ขนาดพบปะผู้นำระดับประเทศ ยังไม่เคยมีใครสายเท่าคุณปริชมนคนนั้นเลย ทรงมีรับสั่งให้นำเครื่องเสวยไปอุ่นเป็นรอบที่สอง หลังจากที่เพิ่งมีรับสั่งไปเมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนหน้านี้ พระพักตร์ก็บูดบึ้งพระฉวีที่ขาวจัดยามนี้เริ่มแดงด้วยโทสะ

“รอคุณปริชมนมาก่อนดีกว่ามั้ยพะยะค่ะ ค่อยอุ่นทีเดียว เอ่อ..กระหม่อมกลัวอาหารจะเสียรส หากอุ่นบ่อยๆ”รอยอึกๆอักๆเขาล่ะกลัวพระทัยจริงๆ หรือพายุร้ายกำลังจะเกิดขึ้น

“ช่างมัน!! จะเสียรสก็ช่าง เอาไปอุ่น” ทรงตรัสก่อนจะใช้ฝ่าพระหัตถ์ทุบก็โต๊ะเสวยดัง ปัง!!

“รอย ฉันเตือนนายแล้วน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง” ทัยคุน แอบยิ้มก่อนกระซิบพูดกับรอย พระอารมณ์อย่างนี้อาละวาดจนข้าวของพังมานักต่อหนักแล้ว

“รอยใช้ใครไปตามนะ ป่านนี้ยังไม่ลงมา ให้คนขึ้นไปเรียกอีกซิ” เจ้าชายทรงมีรับสั่งด้วยพระอารมณ์ที่ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก

“ให้นกยูงขึ้นไปตามกระหม่อม เอ่อประเดี๋ยวจะให้นางกำนัลขึ้นไปตามอีกที” รอย หวั่นใจนัก เมียเขาก็เหลือเกินให้มาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกัน แล้วนี่ดูเถอะก่อนขึ้นไปก็อาสาเป็นหมั่นเป็นเหมาะ บอกว่าจะได้ถือโอกาสไปแนะนำตัวซะเลย แล้วจนป่านนี้เหลวไหลยังไม่พาคุณปริชมนลงมาอีก เมียหนอเมีย จะรู้บ้างมั้ยหนอว่า สามีคนนี้อกจะแตกตายอยู่มะรอมมะร่อแล้ว

“อ้อ..มาแล้วกระหม่อม” ทัยคุน เหลือบไปเห็นหญิงสาวกำลังก้าวเดินลงมาจากบันไดพอดี จึงรีบทูลเผื่อจะทรงคลายพระอารมณ์ได้บ้าง

“พระองค์ทรงมองสิพะยะค่ะ คุณปริชมนสวมชุดเมลาลีแล้วช่างเหมือนเทพีบันยีในตำนานจริงๆ” รอย ทูลคนเป็นนาย หากสายตาจับจ้องที่ร่างของหญิงสาวอย่างลืมตัว ถ้าเทพีบันยีที่ถูกพรรณนาความงามไว้ จะมีชีวิตอีกครั้ง เขาว่าผู้หญิงคนนี้แหละเหมือนหยั่งกะหลุดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ตอนที่ยังไม่ได้ใส่ชุดเมลาลีก็ดูว่างามแล้ว แต่ยามนี้เขาคิดว่างามกว่าหญิงใดในดินแดนนี้รวมกันเสียอีก รอย หันไปมองปฏิกิริยาของเจ้าชายเขาก็ต้องแอบขำในใจและคิดว่าทัยคุนก็คงคิดเช่นเดียวกันเขา ทรงจ้องมองด้วยสายพระเนตรที่ตกตะลึงชะงักงัน แต่ก็เพียงครู่เท่านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นดุจเดิม

“มองอะไรกันนักหนารอย ทัยคุน” ชิติโชคิมรู้สึกตัวก็เมื่อทรงถูกจ้องมองจากราชองครักษ์คนสนิท ให้ตายเถอะ...ผู้หญิงบ้านั่น เอาชุดเมลาลีที่เขาซื้อเตรียมไว้ให้เนรัญชรามาใส่ กล้าดียังไง ชุดนั้นเขาสั่งตัดพิเศษทอจากเนื้อไหมชั้นดี ปักด้วยลวดลายของกุหลาบพันปีดอกเล็กๆสีแดงที่เนรัญชราชื่นชอบ ตั้งใจจะให้เธอเมื่อวันที่เธอจะมาเยือน นี่แสดงว่าแม่นั่นต้องไปรื้อค้นมาจากห้องของเนรัญชราเป็นแน่ ครุ่นคิดมาถึงจุดนี้พระอารมณ์ที่ร้อนรุ่มอยู่แล้วก็ยังบันดาลโทสะเพิ่มขึ้นเป็นอีกทวีคูณ

“เป็นไงค่ะ รอย ฝีมือแปลงโฉมของนกยูง คุณปีนังนะ เธอสวยมากเลยใช่ไหม” นกยูงภาคภูมิใจกับผลงานของตัวเอง เมื่อพบว่าทุกคนตกตะลึงกับความงามของปริชมนไปตามๆกัน

“จ้า...สวยมากแต่ว่านกยูงควรจะพาคุณปริชมนเธอรับประทานอาหารเย็นได้แล้ว” รอยรับคำภรรยาแต่ก็ห่วงความปลอดภัยของคุณปริชมนคนนี้จริงๆ

“ขอประทานอภัยเพคะ ที่หม่อมฉันลงมาล่าช้า อาจจะทำให้ทรงคอยนานสักหน่อย” ปริชมนกล่าวคำขอโทษกับชิติโชคิมพร้อมกับถอนสายบัว

“ไม่จำเป็น เพราะฉันไม่มีอะไรต้องอภัยให้เธอ” แววพระเนตรดุดันจ้องมองปริชมน ราวกับจะเผาผลาญให้มอดไหม้อยู่ตรงหน้า หากหญิงสาวยังยิ้มอย่างใจเย็น

“ก่อนจะทรงว่ากล่าวอะไรหม่อมฉัน ได้โปรดทรงอนุญาตให้หม่อมฉันนั่งก่อนได้ไหมเพคะ เพราะตอนนี้หม่อมฉันหิวแล้ว”หญิงสาวยิ้มอย่าวอ่อนหวาน

“หิวเป็นด้วยเหรอ ฉันคิดว่าคนอย่างเธอกินอะไรไม่เป็นซะอีก ตัวถึงได้ผอมเหลือแต่กระดูกอย่างนี้ แล้วยังกล้าใส่ชุดเมลาลีที่แนบเนื้อ ฉันว่าเธอกลับไปใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ตามเดิมจะดีกว่ามั้ง” ชิติโชคิมเหลืออดกับผู้หญิงไร้มารยาทคนนี้มากขึ้นทุกที

“เฮ้อ....ในเมื่อไม่ทรงเอ่ยพระโอษฐ์เชิญหม่อมฉันนั่ง หม่อมฉันก็ถือวิสาสะขอนั่งเลยล่ะกันนะเพคะ ก็อย่างที่ทูลว่าตอนนี้หม่อมฉันหิวแล้ว” ปริชมนทำท่าทางยียวนก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่ง

“ทำไมนานนัก” เจ้าชายตรัสถามด้วยความสงสัย

“หม่อมฉันมัวแต่เลือกชุดอยู่เพคะ แหม!! ผู้หญิงแต่งตัวก็ต้องนานหน่อยสิเพคะ อีกอย่างโอกาสพิเศษอย่างนี้ ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะเสวยกับเจ้าชายหนุ่มรูปงามแถมยังโสดสนิท” ปริชมน จิบปากจิบคอพูดพร้อมกับค่อยๆหั่นเนื้อรมควันที่วางอยู่ตรงหน้าไปด้วย โดยไม่สนใจมองคู่สนทนาเลย
“ปริชมน..อย่าให้มันเกินไปนัก ฉันไม่ได้เป็นคนมีความอดทนสูงเท่าไหร่หรอกนะ” ทรงเรียกชื่อหญิงสาวด้วยพระสุรเสียงที่ดังลั่น บ่งบอกถึงพระอารมณ์ที่ไม่สบพระทัย จนคนรอบข้างตกใจไปตามๆกัน

แต่ไม่ใช่ปริชมน…

“อะไรเพคะ หม่อมฉันนั่งอยู่แค่นี้ ไม่ต้องทรงเรียกเสียงดังลั่นขนาดนั้นก็ได้ เรียกเบาๆก็ได้ยินเพคะ” ปริชมนหันไปตอบ ปลายเสียงเบาจนคล้ายเป็นกระซิบ ใกล้จนแนบชิดข้างพระกรรณ เธอรับรู้ได้ถึงแรงโทสะเป็นอย่างดี หญิงสาวขยิบตาอย่างเย้ายวน โดยหารู้ไม่ว่าการทำอย่างนี้เท่ากับเป็นการไปเพิ่มพระอารมณ์ให้เกรี้ยวกราดมากขึ้น

“รอย ทัยคุน นกยูง ออกไป! ออกไป! ให้หมด ถ้าฉันไม่เรียกใครก็ห้ามเข้ามาเด็ดขาด ออกไป!!” พายุร้ายเริ่มขึ้นเจ้าชายชิติโชคิมทรงใช้ฝ่าพระหัตถ์ทุบลงบนโต๊ะเสวย จนเครื่องเสวยบนโต๊ะกระเด็นกระดอน รอยและทัยคุน มองหน้ากันไปมา ก่อนจะพากันเดินจากมาโดยลากเอานกยูงมาด้วย
.........................................
ทัยคุนและรอยปรึกษาหารือกันเงียบๆโดยมีนกยูงยืนอยู่ใกล้

“รู้สึกเป็นห่วงคุณปีนังจังเลย เราจะทำยังไงกันดีค่ะรอย” นกยูงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน ด้วยความกังวลแม้จะเพิ่งพบปะกันหญิงสาวก็จริง แต่นกยูงก็รู้สึกถูกชะตาในความเป็นคนไม่ยอมใครของเธอเป็นอย่างมาก ในวังพิรัยธาแห่งนี้ไร้ชีวิตชีวามานาน ดูท่าคราวนี้วังแห่งนี้คงจะมีสีสันขึ้นเป็นแน่

“จะทำยังไงได้ล่ะ เธอหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆงานนี้ใครก็ช่วยไม่ได้”รอย หันมาตอบศรีภรรยา เขาเองก็กังวลไม่แพ้กัน จริงอยู่ที่ถึงจะพิโรธสักแค่ไหน ก็คงไม่ถึงกับขั้นฆ่าแกงกัน แต่ว่าเขาก็นึกถึงวิธีลงโทษที่จะทรงมีต่อสตรีไม่ออกเลยจริงๆ เพราะไม่เคยเห็นโกรธกริ้วสตรีใด คุณปริชมนเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้

“ถูกของรอย เราก็ได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ แต่ฉันไม่เข้าใจอยู่อย่าง จะทรงพิโรธอะไรนักหนา ในเมื่อตอนบ่ายห้าโมงหลังจากประชุมกับรัฐมนตรีกลาโหมเสร็จก็ทรงเสวยเครื่องว่างไปตั้งมาก แล้วนี่เพิ่งจะทุ่มหนึ่งเอง จะทรงกริ้วเพราะความหิว ฉันว่าไม่น่าจะเป็นมากขนาดนี้นี่น่า มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ทรงพิโรธแบบนี้” ทัยคุน ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆนานา

“จริงด้วย ฉันก็ว่าต้องมีอะไรมากกว่าที่เราคิดแน่ๆ” รอย พยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน

“ตายจริง !! หรือว่าจะเป็น..ชุดนั่น” นกยูงอุทานอย่างตกใจ พร้อมกับยกมือปิดปาก พลอยทำให้ รอย และ ทัยคุนสนใจต่อท่าทีที่เกิดขึ้น และคิดได้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้ทรงพิโรธปานสายฟ้าฟาดกับคุณปริชมนคนสวยได้ขนาดนั้น

*****************************************************************************************


Create Date : 25 ธันวาคม 2550
Last Update : 25 ธันวาคม 2550 2:10:23 น. 0 comments
Counter : 229 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.