อันสืบเนื่องมาจากกระทู้ในห้องสยามสแควร์ที่โดนหลอกให้โอนเงิน
ต้องเล่าก่อนว่าช่วงปลายปีที่แล้วน้องที่เป็นลูกศิษย์เรียนไพ่ยิปซีมาถามว่า
"ครูได้อ่านลิงค์ที่หนูส่งให้หรือยังคะ? "
ก็ตอบว่า "ยังเลยจ้ะมีอะไรหรือ" เธอก็เลยตอบว่า "เคสเดียวกับครูเลยค่ะ" กระติ๊บน้อยก็เลยเข้าไปอ่านตามลิงค์นี้ค่ะ //2g.pantip.com/cafe/siam/topic/F13021203/F13021203.html
ต้องเล่าก่อนว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนนั้น มีอยู่วันหนึ่งช่วงกำลังดูไพ่ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา กระติ๊บน้อยไม่ได้รับสายเพราะดูไพ่ลูกค้า พอว่างก็โทรกลับ เสียงเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เขาอ้ำๆอึ้ง ถามว่า
"ชื่อคุณ.....ใช่ไหม? " .คือถามชื่อนามสกุลจริงของกระติ๊บน้อยค่ะ
ก็ตอบว่า "ใช่ค่ะ มีอะไรหรือคะ?"
ปลายสายตอบว่า คือมีเรื่องแบบเป็นเรื่องซีเรียสเหมือนกันค่ะ คือว่าพี่ได้ไปซื้อขายโน็ตบุ๊กหรือเปล่าคะ
ก็ตอบว่า ไม่ได้ซื้อหรือขายเลยค่ะ มีอะไรคะ? ตอนนั้นเริ่มคิดว่ามิจฉาชีพโทรมาหลอกลวง
คืออย่างนี้ค่ะ หนูเล่ายาวหน่อยนะคะ คือว่าหนุได้นำโน็ตบุ๊กหนูไปซ่อมที่ห้าง......ซึ่งทางร้านที่รับซ่อมบอกว่าเมนบอร์ดหนูเสียต้องรออะไหล่หลายวัน หนูก็เลยทิ้งเครื่องไว้ที่ร้านแล้วก็กลับมาบ้าน
ต่อมาประมาณ3วันผู้ชายคนหนึ่งโทรมาเสียงคล้ายคนที่ร้าน(น้องคนนี้บอกว่าอย่างนั้นนะคะ) เขาโทรมาบอกว่าได้อะไหล่เมนบอร์ดแล้ว น้องคนนี้บอกว่าบ้านอยู่ไกลอยู่ต่างจังหวัดอีกหลายวันกว่าจะเข้า กทม ทางนั้นก็เร่งรัดให้โอนเงินมาเพื่อจะได้ซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนให้เลย น้องคนนี้ก็โอนเงินไปจำนวน6500บาท ตามเลขที่บัญชีที่ทางนั้นให้มา (ซึ่งเป็นชื่อและสกุลเป็นรายเดียวกันกับที่เจ้าของกระทู้ที่โดนหลอกให้โอนเงินค่ะ)
แล้วน้องเขาเล่าว่าทีนี้หนูนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้นัดวันว่าจะขึ้นไปวันไหน ก็เลยโทรไปหาเบอร์ที่โทรมา แต่เบอร์นั้นปิด เลยโทรไปเบอร์ของที่ร้านซ่อมคอม เพราะเข้าใจว่ามีสองเบอร์
แต่ทางร้านบอกว่า ไม่รู้เรื่องอะไรเลยที่น้องเขาโอนเงินจำนวน6500เข้ามาและอะไหล่ของโน็ตบุ๊กตัวนี้ก็ยังไม่ได้มา แล้วทางร้านย้อนถามว่า น้องชื่อ.....หรือเปล่า?(เป็นชื่อนามสกุลจริงของกระติ๊บน้อยค่ะ)
น้องเขาตอบว่า เปล่า ทางร้านก็แจ้งมาว่ามีคนอ้างว่าเป็นเพื่อนน้องโทรมาบอกว่าน้องต้องการขายโน๊ตบุ๊กตัวนี้เป็นซากในราคา2000บาท
น้องเขาบอกว่า "เปล่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ให้เพื่อนโทรมานะ" ซึ่งทางร้านเขาเล่าว่า ได้คุยกับทางนั้นแล้วบอกว่าทางร้านจะเชื่อใจได้อย่างไรว่าไม่โดนหลอก
ทางปลายสายก็ส่งหลักฐานคือ ถ่ายภาพรูปบัตรประชาชนซึ่งเป็นของกระติ๊บน้อย พร้อมลงกำกับว่าสำเนาถูกต้อง ทางร้านก็เลยเชื่อใจตกลงโอนเงินไปเลขที่บัญชีที่ให้มา (ซึ่งชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารนั้นเป็นชื่อสกุลเดียวกับที่น้องคนที่โทรมาและเจ้าของกระทู้นั้นโดนหลอกให้โอนเงินไป)
ซึ่งตอนที่ฟังน้องเขาเล่า กระติ๊บน้อยก็คิดว่าสงสัยน้องคนนี้เป็นมิจฉาชีพแน่ เลยบอกว่า
ถ้าน้องมีหลักฐานว่ามีรูปบัตรประชาชนของพี่ ที่ว่าเอาไปใช้ในการลวงทรัพย์คนก็ส่งรูปเอกสารมาที่เมล์พี่ซิคะ อีกอย่างปี พ.ศ. ที่น้องบอกนั้นพี่โดนล้วงกระเป๋าและไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่า หายค่ะ
กระติ๊บน้อยบอกต่อไปว่า ยังเก็บหลักฐานการแจ้งหายไว้นะคะ บอกเลขลงบันทึกประจำวันให้น้องเขาไป เขาก็นิ่งๆ กระติ๊บก็เลยปักใจว่าเป็นมิจฉาชีพแน่ว่าเขาคงจะลวงให้ไปเจอเพื่อเอาบัตรประชาชนเก่าคืน
แต่น้องปลายสายบอกต่อมาอีกว่า คือหนูไปแจ้งความแล้ว หนูคิดว่าพี่ตกเป็นเหยื่อเหมือนกันเลยอยากให้ไปแจ้งความ (ตอนนั้นคิดอีกค่ะ ว่าทำไมหวังดีจัง) ก็เลยบอกว่า เดี๋ยวพี่รอเมล์จากน้องก่อนแล้วกันค่ะ
ก็ถามความคิดเห็น คนรอบตัวส่วนใหญ่คิดว่ามาหลอก พอบ่ายๆก็ปรากฏว่ามีเมล์เข้ามาพอเปิดดู ก็บัตรเป็นรูปประชาชนเก่าของกระติ๊บน้อยๆจริงๆที่โดนล้วงกระเป๋าไปตั้งแต่ก่อนปี52
คือเขาถ่ายรูปบัตรประชาชนมาให้เห็นแบบนี้ไม่ใช่สำเนาก็แสดงว่าบัตรของกระติ๊บน้อยนั้นอยู่กับมิจฉาชีพ
คุยกับน้องๆที่ร่วมงานกัน ก็เลยตัดสินใจโทรไปหาน้องคนที่โทรมา กระติ๊บน้อยขอรายละเอียดทุกอย่าง ชื่อและนามสกุลจริง แจ้งความที่ไหน? สถานีตำรวจที่ไหน? แจ้งความกี่โมง? วันที่เท่าไหร่ ? ตำรวจที่รับแจ้งความชื่ออะไร? ยศอะไร? เขาก็ตอบมาหมด
ถึงตอนนี้กระติ๊บน้อยลังเลใจว่าอาจไม่ใช่มิจฉาชีพ คงหวังดีกับเราจริงๆ น้องเขาบอกว่าอีกสองวันหมายจะไปถึงบ้านพี่นะคะ เพราะหนูแจ้งความไว้แล้ว กระติ๊บน้อยเห็นว่าเรื่องท่าทางจะของจริงแฮะ แต่ว่าเย็นมากแล้วไม่ทัน
พอเช้ารุ่งขึ้นก็ไปที่สถานีตำรวจแถวๆบ้าน พอแจ้งเรื่องตำรวจบอกว่า ผมรับเรื่องไม่ได้นะ แต่น้องต้องไปแสดงตนที่สถานีตำรวจที่เจ้าทุกข์แจ้งเรื่องไว้ ก่อนไปน้องก็ไปที่เขตขอคัดสำเนาเอกสารการทำบัตรประชาชนของน้องในปีที่น้องแจ้งว่าหายไว้ไปเป็นหลักฐานให้ตำรวจทางปลายทางดู
ก็เลยโทรหาพี่ชาย พี่ชายก็บอกว่าตายล่ะไม่ได้ ถ้ารอให้หมายมาถึงยุ่งยากมากกว่าพี่ชายเลยไม่ทำงานขับรถไปต่างจังหวัดให้ในวันนั้นเลยค่ะ
เราไปถึงที่โน่นเกือบ5โมงเย็น ซึ่งทางตำรวจที่นั่นเขารออยู่เพราะกระติ๊บน้อยโทรไปบอกว่า กระติ๊บน้อยเป็นคนที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้และต้องการไปแสดงตนว่าความบริสุทธิ์ไม่ได้รู้เห็นในการลวงทรัพย์ครั้งนี้
ซึ่งโชคดีที่น้องเจ้าทุกข์เขามาที่สถานีตำรวจด้วยพอดีเหมือนกันเพราะเขาจะมาขอหมายจากทางสถานีตำรวจเพื่อไปขอให้ทางธนาคารเปิดกล้องทีวีวงจรปิดที่ตู้เอทีเอ็มว่าใครเป็นคนกดเงินออกไป
พอขอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในคดี ทางคุณตำรวจบอกว่าเจ้าทุกข์ก็มาพอดีเหมือนกันให้เข้าไปคุยกันเลย พอพบกันน้องเขาก็บอกว่า หนูเห็นหน้าพี่ยังคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้หน้าเหมือนในบัตรประชาชนที่หนูเห็นจัง
ก็เลยนั่งคุยกัน น้องเขาเล่าว่า
จริงๆตัวหนูก็เชื่อว่าพี่อยู่ในแก๊งส์นี้นะคะ แต่เพื่อนหนูสังเกตุว่า เขียนนามสกุลผิด ก็เลยคิดว่าพี่น่าจะตกเป็นเหยื่อเหมือนหนู เพื่อนหนูเขาsearchหาจนเจอพี่ที่เวปที่พี่เปิด และก็เจอบล็อกที่พี่เขียนที่เวปพันทิพย์ เพื่อนหนูพูดว่าพี่สมัครพันธ์ทิพย์และเขียนบล็อกเยอะขนาดนี้ น่าจะเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริง เพราะพันทิพย์ใช้บัตรประชาชนจริงในการสมัคร ก็มั่นใจว่าพี่ไม่ใช่มิจฉาชีพ เพื่อนหนู บอกหนูว่า แกต้องทำบุญนะ บัตรของพี่เขาอยู่กับมิจฉาชีพ เขาต้องโดนอีกเยอะเลยแกต้องโทรหาพี่เขานะ หนูเลยลองเสี่ยงโทรมาบอกไว้น่ะค่ะ
กระติ๊บน้อยก็เลยต้องขอบคุณน้องเขาที่โทรมาบอกกระติ๊บน้อย ซึ่งทางตำรวจที่รับผิดชอบในคดีก็เลยถอนกระติ๊บน้อยออกจากผู้ต้องสงสัยในคดี แล้วกันกระติ๊บน้อยไว้เป็นพยานในคดีนี้แทน ซึ่งเราสองคนก็นั่งคุยกันพักใหญ่ ปรากฏว่าน้องเขาชอบเข้าวัดนั่งสมาธิเหมือนกัน เราก็เลยคุยกันยาว แล้วก็แลก fb กันไว้
ตอนกลับบ้านพี่ชายก็แซวว่า "นี่รู้ไหม แกนี้เป็นตัวอย่างคนทำบุญเยอะจริงๆ มีอย่างที่ไหนเจ้าทุกข์โทรมาบอกว่าแจ้งความแกแล้ว ให้มาแสดงตนด่วน
ก็เลยนั่งขำๆกันแต่ก็ต้องขอบคุณน้องคนที่เป็นเจ้าทุกข์และเพื่อนของน้องเขาที่อุตสาหะsearchจนเจอว่ากระติ๊บน้อยไม่ใช่มิจฉาชีพ จริงๆตอนที่เกิดเรื่องตั้งใจจะยังไม่เล่าเรื่องนี้บนบล็อก เพราะผู้หญิงที่เป็นเจ้าของบัญชีนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นมิจฉาชีพจริงหรือเปล่า หรือแค่ว่ารับจ้างเปิดบัญชี
แต่พอดีเห็นว่า อ้าวมีคนโดนแบบเดียวกับน้องเขาอีก และอาจจะมีอีกหลายคดี ก็เลยอยากหลายๆคนเตือนให้ระวังภัยเวลานำโน๊ตบุ๊กไปซ่อมอย่าใจร้อนรีบโอนเงินนะคะ ไปจ่ายที่หน้าร้านเลยดีกว่าค่ะ
Create Date : 07 มกราคม 2556 |
|
2 comments |
Last Update : 7 มกราคม 2556 15:29:31 น. |
Counter : 1516 Pageviews. |
|
|
|