Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
26 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
เมื่อสามีมีเมียน้อยคุณภรรยาทั้งหลายทำอย่างไรกันคะ Caseที่2 (ภาคพาไปตัดกรรม2)

มาต่อกันจากคราวที่แล้วค่ะ

หลวงพ่อท่าน ปล่อยเวลาให้ทุกคนรวมทั้งกระติ๊บน้อยคิดกันนิดหน่อย แล้วท่านก็เทศน์ขึ้นว่า

พวกโยมรักใครสักคนเพราะคุณสมบัติที่โยมตั้ง จริงไหม?

เงียบ.......ไม่มีคำตอบจากทั้งศาลา

ถ้าใครไม่มีคุณสมบัติแบบที่โยมตั้งไว้ เขาเรียกอะไรนะสเปกใช่ไหม?

ใช่ค่ะ /ครับ สเปกค่ะ

งั้นใครไม่เป็นแบบสเปกที่โยมต้องการโยมก็ไม่รักจริงไหม?

เงียบ......

งั้นโยมตอบอาตมาอีกทีซิว่า โยมรักอะไรกันแน่ โยมรักบุคคลที่มีในสิ่งที่โยมต้องการ ถ้าไม่มีก็ไม่สนใจจะมอง อย่างนี้เรียกว่าโยมรักเขาหรือโยมรักตัวเอง

เงียบ....ช๊อตทั้งศาลาค่ะ

โยมตั้งขึ้นมาเอง โยมยึดรูปขึ้นมาเองว่ามีแบบนี้ๆตรงตามที่ใจคิดต้องการ โยมก็จะรัก ผิดจากสิ่งที่ตั้งขึ้นมาก็ไม่รัก ใช่ไหม?

......เงียบอีกค่ะ

ดังนั้นอาตมาก็ต้องบอกว่าโยมยึดมั่นในสิ่งที่โยมสร้างขึ้นมาเอง แล้วโยมก็ยึดสิ่งที่โยมนั้นสร้างขึ้นมาเองด้วยว่าบุคคลที่มีสิ่งตามที่โยมคิดนั้นจะสร้างความสุขให้โยมได้ และดูเอาเถิดว่าแค่อาตมาพูดว่าสเปกที่โยมสร้างขึ้นเปลี่ยนไปจากที่โยมคิดโยมก็ลังเลแล้วว่ารักเขาดีไหม

มีเสียงเด็กสาวๆเพิ่ง20นิดๆพูดเบาๆกับเพื่อนข้างหลังกระติ๊บน้อยว่า

“แมร่งอะไร้กูจะโชคร้ายแบบนั้นเลยเหรอ ผัวจะเป็นอัมพาต หาเงินหาทองไม่ได้ หลวงพ่อพูดอย่างนี้ กูแทบอยากเลิกมีผัว” กระติ๊บน้อยฟังแล้วขำแทบกลิ้ง

แต่บรรยากาศโดยรวมนั้น ทุกคนในศาลาเงียบเพราะเริ่มคิดตามที่ท่านสอน ส่วนตัวกระติ๊บน้อยนั้นถึงตรงนี้ปัญหาเรื่องความรักของตนเองที่มีค้างคาใจอยู่มันได้ทลายลงเกิดความปลอดโปร่งใจว่าจริงๆแล้วกระติ๊บน้อยน่าจะรักตนเองมากไปพออะไรที่เขาทำผิดจากที่คิดก็เสียใจเราคงยึดตัวเองมากไป

หันไปมองน้องคนที่พาไปตัดกรรมกับหลวงพ่อ เห็นนั่งก้มหน้าน้ำตาไหลไม่ขาดสาย กระติ๊บน้อยก็ลูบหลังน้องเขาปลอบใจ น้องเขายังคงร้องไห้เงียบๆต่อไป

เสียงหลวงพ่อยังสอนต่อเนื่องไปว่า

“ดังนั้นคนเราไม่ยึดรูปไม่ยึดอุปทานที่ตนเองตั้งไว้ก็ไม่ทุกข์นะโยม กลับไปนั่งคิดใหม่ว่ารักเขาหรือรักตนเองกันแน่ดีกว่านะโยม ....เลิกได้ก็เลิกซะ กลับไปก็เลิกซะได้ก็ดี”

คนตกใจจ้องท่านทั้งศาลา หลวงพ่อท่านหัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า

“อาตมาหมายถึงว่า กลับไปก็เลิกซะอะไรที่ตัวเองทำไมไม่ดี ตั้งมั่นยึดมั่นว่าเขาต้องเป็นตามที่โยมต้องการ ไม่ใช่กลับไปไปเลิกกับผัวเลิกกับเมียมันก็ไม่ใช่นะโยม มาวัดแล้วก็นำธรรมะกลับไปคนมีธรรมย่อมเยือกเย็น ทำให้คนที่บ้านเขาเห็นให้ได้ว่าเรามาแล้วเราได้อะไร หลังจากกลับจากวัดเป็นไงเขาสบายใจไหม ถ้าเขาสบายใจเขารู้สึกเย็นก็แสดงว่านำธรรมะกลับบ้านได้สำเร็จ”

“แต่ถ้ากลับบ้านไปเรากำลังสดชื่น คนที่บ้านทักหรือพูดให้เราอารมณ์เสีย ก็อย่าไปโกรธ ของต้องมีบททดสอบเป็นธรรมดาด่านแรกเข้าบ้านไม่ผ่านก็ไม่ต้องไปด่านไหนแล้วโยม”

หลายคนสดชื่นขึ้นสบายใจขึ้นเหมือนได้คำตอบที่ปลดอะไรที่ค้างคาใจ รวมทั้งตัวกระติ๊บน้อย หันไปถามน้องเขาว่า

“เป็นไงบ้างคะน้อง?”

"ดีค่ะพี่ขอบคุณนะคะที่พี่พามาหนูรู้สึกว่าได้คำตอบอะไรเยอะเลยค่ะ แล้วหลวงพ่อจะแก้กรรมตอนไหนคะนี่ค่ำแล้วนะคะพี่"

อ้าวเห็นบอกว่าดี ยังถามเรื่องแก้กรรมอีกวุ้ยเลยตอบว่า

ท่านทำพิธีแก้กรรมดึกๆจ้ะ

อ้าวเหรอคะ น้องเขาทำหน้าเหวอๆเราก็ขำ

พอดึกๆท่านก็ให้นั่งสมาธิ คนมามากก็แบ่งเป็นสองกลุ่มค่ะ ออกไปเดินจงกรมกลุ่มนึง ส่วนอีกกลุ่มยืนสมาธิในศาลา หลักการท่านให้ยืนในท่าที่สบายที่สุดแล้วห้ามขยับเท้า จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านกำหนด

ช่วงยืนนั้นไม่มีความสบายหรอกค่ะ เพราะว่าเราต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างมากเพราะยืนห้ามขยับเท้าและนิ้วเท้า เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงหลวงพ่อถามว่า

ทรมานไหม?

ทุกคนพยักหน้า ท่านถามต่อว่าแล้วเป็นไงมีใครมาช่วยไหม คนข้างๆช่วยได้ไหม ?

"เจ็บปวดกับร่างกายตนเองแบบนี้คนที่บ้านมาช่วยไหม"

ทุกคนก็เงียบ ท่านเลยพูดขึ้นให้ขำว่า "เห็นไหมมาค้างที่วัดเขาจะโทรหาสักนิดก็ไม่มีพิจารณาตัวเองเอาแล้วนกันนะโยม" ทุกคนก็อารมณ์ทั้งขำและทรมานจากการยืนสมาธิ

พอท่านให้คลายสมาธิด้วนการขยับนิ้วเท้าก่อนแล้วค่อยๆหมุนข้อเท้า อาการอย่างแรกที่กระติ๊บน้อยเกิดขึ้นก็คือ ขาแข็งนั่งไม่ลงค่ะ น้องที่พาไปก็แบบเดียวกัน เราก็ยืนหันหน้าเข้าหากันค่อยๆยื่นมือเข้าหากันจับกันไว้แล้วค่อยๆอาศัยแรงซึ่งกันและกันพยุงกันลงนั่งจนสำเร็จ

ท่านเห็นเข้าก็ทักขึ้นว่า “เป็นไงโยม ถึงกับนั่งไม่ลงเชียวหรือ”

ก็ตอบว่า เจ้าค่ะ แล้วหัวเราะ ท่านเมตตายืนใกล้ๆที่เรานั่งกันแบบสิ้นสภาพอยุ่ แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า

"อยู่กับตัวเองแบบนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"

น้องเขาตอบว่า"ดีค่ะหลวงพ่อได้แง่คิด" แล้วน้องเขาก็ถามเลยว่า “หลวงพ่อเมื่อไหร่จะพิธีแก้กรรมเรื่องคู่คะ แล้วหนูทำกรรมอะไรมาคะสามีหนูถึงทำกับหนูแบบนี้หลวงพ่อดูให้หน่อยได้ไหม”
กระติ๊บน้อยตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าน้องเขาจะโพล่งถามขึ้นมา

หลวงพ่อหันมามองหน้าน้องเขาแล้วหัวเราะ ท่านพุดขึ้นว่า

“เออๆคนเรานี่ชอบนักนะ เรื่องดูกรรมแก้กรรมเก่า อาตมาจะสอนให้จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินให้เขาดูกรรมเก่า แก้กรรมเห็นมีหนังสือออกมามากมาย”

“โยมมีปัญหาเรื่องชีวิตคู่ใช่ไหม?”

“ค่ะ”น้องเขาตอบพร้อมถามว่า “แก้อย่างไรคะหลวงพ่อ”

ท่านตอบว่าการที่โยมไม่สมหวังในรัก กรรมเก่าโยมก็ต้องผิดศีลข้อ3ไงโยม

น้องเขาทำหน้างงๆ ท่านก็เลยถามว่า “รู้ไหมศีลข้อสามคืออะไร”

น้องเขาก็ตอบว่า “รู้ค่ะ ศีลข้อสามก็ห้ามดื่มสุราไงคะ”

แล้วตอบเสียงดังฟังชัด เล่นเอาฮาไปสักครึ่งศาลาได้เลยค่ะมีคนไม่เต็มศาลาเพราะว่าท่านให้ญาติโยมเบรคไปเข้าห้องน้ำ

หลวงพ่อยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “จบกันเลยนะโยมพระพุทธศาสนาในยุคเรานี้”

น้องเขาหันหน้ามาทางกระติ๊บน้อยๆก็ขำแล้วเลยบอกให้ว่า “ข้อกาเมคือผิดคู่คนอื่นเขา”

น้องเขาก็หน้าจ๋อยๆปนอาย ท่านก็พูดขึ้นว่า “ก็ค่อยศึกษาไปโยมไม่มีใครรู้หมดในวันเดียว”

“เรื่องคู่โยมก็ผิดศีลข้อนี้ ก็ย่อมมีทุกข์เรื่องนี้เป็นธรรมดา”

“หนูจะทำไงดีคะ แก้กรรมอย่างไรคะหลวงพ่อ”

ท่านจึงตอบแค่ว่า “โยมกำลังจะตายนะ ไปลาตายกับสามีโยมดีกว่าแล้วระลึกไว้ทุกวันว่าโยมจะตายแล้วนะ"

น้องเขาตกใจพูดขึ้นว่า “แต่หนูยังไม่ตายนี่คะหลวงพ่อ”

ท่านเลยตอบว่า “โยมแน่ใจหรือว่าโยมจะไม่ตายในสักวันหนึ่ง คนเราอย่างไรก็ตาย ความตายไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ไม่ได้แช่งนะโยมแต่ออกจากวัดไปอาจรถคว่ำตายเลยก็ได้ไม่มีใครรู้หรอกโยม”


น้องเขาหน้าจ๋อยมากซีดจนน่าสงสารเริ่ม คงเริ่มคิดว่าตัวเองจะตายแน่หลวงพ่อท่านพูดแบบนี้

หลวงพ่อท่านก็พูดขึ้นอีกอีกครั้งว่า “.ไปบอกลาสามีโยมนะว่าโยมจะตายแล้ว และโยมก็นั่งคิดถึงความตายไว้ทุกวันแล้วกัน ท่องด้วยก็ได้ว่า ตายแน่ๆหรือทำเสียงเหน่อๆว่าต๊ายแหน่ๆก็ได้ตามใจโยม" แล้วท่านก็เดินจากไป

ตอนนั้นกระติ๊บน้อยนึกรู้ว่าท่านสอนมรณานุสติกรรมฐานให้ แต่น้องเขาหน้าซีดจ๋อยกลัวความตายที่กำลังมาก็กลัว

น้องเขาไม่แน่ใจว่าท่านบอกวิธีแก้กรรมให้หรือว่าบอกเป็นนัยว่าอายุจะสั้นอยู่ได้อีกไม่นาน ก็เลยหันมาพูดกับกระติ๊บน้อยว่า

“พี่คะหนูจะตายแล้วเหรอ มีอีกหลายอย่างในชีวิตที่หนูยังไม่ได้ทำเลย” ซึ่งตอนนี้กังวลมากเรื่องความตายเบื้องหน้าที่จะมาถึงแทนเริ่มไม่สนใจเรื่องสามีมีเมียน้อยแล้วค่ะ

เรื่องน้องคนนี้ยาว เดี๋ยวมาเล่าต่อในคราวหน้าค่ะ


Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 16 ตุลาคม 2556 14:36:44 น. 3 comments
Counter : 3765 Pageviews.

 
“พี่คะหนูจะตายแล้วเหรอ มีอีกหลายอย่างในชีวิตที่หนูยังไม่ได้ทำเลย” ซึ่งตอนนี้กังวลมากเรื่องความตายเบื้องหน้าที่จะมาถึงแทนเริ่มไม่สนใจเรื่องสามีมีเมียน้อยแล้วค่ะ

มีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะทำ ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปหาพ่อที่บ้านนอก อยากดูนิยาย ไปต่างจังหวัด อยากทำสปา อยากทำผมทรงใหม่ อยากกินร้านอาหารชื่อ ... ที่ต้องจองคิวล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ ฯลฯ

จะมัวมาจมปรักกับความทุกข์ ที่สามีทำ ทำอย่างไรสามีถึงจะกลับมา
แต่เราว่าน้องคนนี้รักตัวเองมากเกินไป ต้องได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ อยากให้สามีรัก เป็นของเราคนเดียว เฮ้ออ .. เรื่องนี้น้องคนนั้นเค้าจะคิดได้หรือเปล่านะ


โดย: เด็กน้อยตัวแสบ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:40:25 น.  

 
หลงเข้ามาในบล็อกนี้แล้วออกไม่ได้เลยค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้คิดได้มากขึ้นเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะที่นำเรื่องดีๆ มาแบ่งปัน


โดย: Single Mom IP: 110.77.168.106 วันที่: 22 มกราคม 2557 เวลา:16:08:28 น.  

 
ขอบคุณ คุณSingle Momเช่นกันค่ะ ที่แวะเข้ามาที่บล็อก ^^


โดย: กระติ๊บน้อย วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:17:32:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระติ๊บน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]




ศึกษาธรรมะ ชอบไพ่ยิปซี
แล้วก็เป็นคนที่มีชีวิตที่ธรรมดาๆ

.....................................................
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๘
ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และโดยอ้างอิง
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ใดฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
Friends' blogs
[Add กระติ๊บน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.