อาญาปรารถนา ตอน 5 ถูกฉวยโอกาส 100%
หลังจากที่กลับมาจากดูหิ่งห้อยชินอิจิกับเพชรไพลินก็เดินดูของและหาขนมกินต่อก่อนจะพากันกลับไปยังห้องพักในช่วงเวลาสี่ทุ่ม ทั้งสนุกและก็ทั้งอิ่มมากเลยไดยะ เขาบอกให้เธอได้รับรู้ด้วยวงหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม ฉันดีใจค่ะที่คุณชอบ พรุ่งนี้สิบโมงเจอกันนะคะ อาริงาโตะ โกไซมัส โอยาซึมินะไซ ไดยะ เพียงพูดเสร็จเขาก็หอมแก้มนวลอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่ เพชรไพลินยกมือขึ้นมาจับแก้มของตนเองก่อนจะทำนัยน์ตาวาวโลดใส่เขา คุณอิจิโร่นี่คุณฉวยโอกาสกับฉันอีกแล้วนะ ผมขอบคุณต่างหากล่ะ ก็มันชินนี่เวลาที่ใครทำอะไรให้ก็มักจะขอบคุณตอบแทนตลอด ชายหนุ่มอธิบายให้เธอได้ฟัง อย่าบอกนะว่าคุณขอบคุณผู้หญิงทุกคนด้วยการหอมแก้มน่ะ ไม่หรอก คุณน่ะเบาสุดนะไดยะ หอมแก้มเบาที่สุดเหรอคะ หญิงสาวทำแววตาสงสัยและอยากรู้ เขาก็สั่นหน้าตอบกลับมา ไม่ใช่หอมแก้ม แต่คนอื่นน่ะผมจูบแทนคำขอบคุณต่างหากล่ะ แต่เอคุณบอกว่าไม่ให้หอมแก้มใช่ไหม อย่างนั้นผมเปลี่ยนเป็นจูบแทนก็ได้นะ เพียงบอกเสร็จเขาก็รั้งกายนุ่มเข้ามาประชิดแผงอกกว้าง เพชรไพลินรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที ไม่เอาค่ะ ทำไมล่ะไม่ลองหน่อยเหรอ พลางก้มหน้าลงมาหาเธอพร้อมกับทำนัยน์ตาระยับใส่จับจ้องไปยังเรียวปากนุ่มเบื้องหน้า หญิงสาวยกมือที่วางบนแผงอกแกร่งผลักไสเขาออกไป ไม่อยากลองค่ะ แล้วก็กรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะ ฉันไม่ชอบ รู้สึกแปลกๆ ต่อการใกล้ชิดกับอีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงยอมทำตามที่เธอบอกโดยดีโดยคิดในใจ ตอนนี้ฉันจะปล่อยเธอไปก่อนเพชรไพลิน ได้แต่ถ้าวันไหนอยากจะเปลี่ยนให้ทำมากกว่าจูบก็บอกผมได้นะไดยะ พูดอย่างทีเล่นทีจริง เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธในทันที คงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ฉันไปนอนก่อนนะคะ ซึ่งเมื่อเธอบอกเสร็จก็ก้าวเข้าไปในห้อง หลังจากที่ปิดประตูเธอก็นึกถึงฉากเมื่อครู่นี้ที่ถูกเขาดึงเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น เกิดความรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่างก่อนที่หญิงสาวจะต่อว่าเขาออกไป คนบ้านี่ เธอรีบจัดการอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้านอน ทางด้านของชินอิจิก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ดึงอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เมื่อครู่เช่นกัน เกิดความรู้สึกอยากจูบและครอบครองกายนุ่ม จนอยากจะฉุดกายระหงให้เข้าไปในห้องนอนของตนเองแล้วทำตามความปรารถนานั้น แต่ก็กลัวว่าแผนที่วางไว้จะพังจึงต้องระงับความต้องการไว้ก่อนเพราะอยากให้แม่กระต่ายตัวน้อยติดบ่วงของตนเองมากกว่านี้ เขาก้าวออกมาจากห้องก็เห็นอีกฝ่ายนั่งรออยู่แล้ววันนี้เพชรไพลินสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูทับกับเสื้อยืดแบบสายเดี่ยวสีขาวกับกางเกงยีนแบบขาสามส่วนสีเข้มกับรองเท้าส้นเตี้ยหัวแหลมแบบเปิดส้น ชินอิจิกวาดตามองร่างระหงเบื้องหน้าในลักษณะพินิจพิจารณาเป็นผู้หญิงที่ใส่กางเกงยีนได้สวยเพราะเข้ากับสะโพกได้รูปของอีกฝ่ายอย่างมาก โดยนึกอย่างไม่ชื่นชอบทำไมอีกฝ่ายจะต้องเป็นลูกสาวของไอ้ฆาตกรชั่วนั่นด้วยกัน แววตาของชายหนุ่มเป็นประกายกร้าวยามเมื่อนึกถึงคนที่สั่งให้มาทำร้ายน้าซาโยกะกับพ่อของตน เพชรไพลินตกใจกับแววตาที่เขามองตนเองเมื่อครู่นี้ เหมือนเขาโกรธใครมามากเช่นนั้น แล้วเพียงครู่ก็เปลี่ยนเป็นประกายสดใสดังเดิมพร้อมกับรอยยิ้ม มารอผมนานรึยังไดยะ เพิ่งออกมายังไม่ถึงสิบห้านาทีเลยค่ะ เธอบอกให้เขาได้ทราบพร้อมกับดวงตามองไปยังร่างแกร่งเบื้องหน้า ไม่ว่า อีกฝ่ายจะสวมชุดอะไรก็ดูดีน่ามองไปหมดทีเดียว ทั้งชุดสูทแบบมีระดับและชุดไปรเวทธรรมดา จนแทบไม่อยากละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้เลย แล้วยิ่งเวลาที่เขาสวมหมวกแก็บสีขาวก็ดูเท่มากเช่นเดียวกัน ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย เดี๋ยววันนี้ฉันพาคุณไปกินส้มตำค่ะเป็นอาหารเช้า เพชรไพลินบอกถึงแผนการนำเที่ยวให้เขารับรู้ กินส้วมตำอย่างนั้นเหรอ เรียกอาหารโปรดของตนเองซะเสียทีเดียว ส้มตำค่ะไม่ใช่ส้วมตำ เจ้าของห้องพักยิ้มอย่างชอบใจกับคำพูดของชินอิจิ แฟนคุณน่ารักดีนะคะ เราไม่ใช่แฟนกันค่ะ หญิงสาวรีบปฏิเสธกลับไปทันที อ้าวเหรอคะแต่คุณสองคนดูเหมาะสมกันมากเลยค่ะ ว่าแต่วันนี้จะพักต่อไหมคะ อีกฝ่ายแสดงความคิดเห็นออกมาหลังจากนั้น คงไม่แล้วล่ะค่ะว่าจะเข้ากรุงเทพเลยค่ะ เพชรไพลินบอกออกไปอย่างชัดเจน หลังจากที่เช็คเอาท์ห้องเป็นที่เรียบร้อย เพชรไพลินก็ขับพาเขาไปหาอะไรกินที่อัมพวาเช่นเดิม แต่สั่งเมนูอาหารไทยอย่างอื่นให้เขาได้ลองชิม ทั้งคู่ก้าวไปยังโต๊ะที่ว่าง เด็กเสิร์ฟนำเมนูมาให้กับเธอและเขา คุณสั่งให้ผมเลยละกันไดยะ หญิงสาวก็จัดการสั่งให้อีกฝ่ายโดยกำชับว่าไม่เอาเผ็ดมากเพราะกลัวว่าเขาจะกินไม่ได้ ซึ่งส้มตำที่สั่งมาก็คือส้มตำไทย และ ตับหวาน กับไก่ย่าง ขนมจีนสองจาน ข้าวเหนียวสองกระติ๊บ กับปลาดุกฟูทอดกรอบที่เธอต้องสั่งทุกครั้งเมื่อมากินที่ร้านนี้ ส่วนน้ำก็เป็นน้ำเก๊กฮวยหวานๆ เพียงครู่อาหารที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ทั้งสองก็ลงมือกินอย่างไม่รอช้า เพชรไพลินจึงถามเขาด้วยความอยากรู้ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเคี้ยวไม่หยุด เป็นยังไงคะอร่อยไหมคะ ชินอิจิพยักหน้าตอบรับกลับด้วยรอยยิ้ม อร่อยมากไดยะ เขาเรียกว่าอะไรบ้างเหรอ ขณะที่ถามนัยน์ตาคู่คมก็มองใบหน้านวลไปด้วย เธอจึงบอกให้เขาได้ทราบถึงอาหารเบื้องหน้าแต่ละชนิดโดยชายหนุ่มแกล้งพูดไม่ชัด ส้วมตำ เรียกอาหารของโปรดเธอซะเสียเชียวคนอื่นที่นั่งอยู่ในร้านได้ยินที่เขาบอกก็ต่างพากันสำลักกับชื่ออาหารที่กำลังนั่งกิน เพชรไพลินส่ายหน้าไปและสอนให้เขาพูดซ้้ำ
เขาเรียกส้มตำค่ะ ส้วมตำ ยังคงพูดเพี้ยนๆ เหมือนเช่นเดิม อย่างนั้นไม่ต้องพูดแล้วค่ะ เรียกว่า ปาปาย่าป๊อกๆ ก็ได้ค่ะ ชายหนุ่มก็เรียกตาม ปาปาย่าป็อกๆ ชื่อแปลกดีนะ เป็นภาษาที่คนต่างชาติชอบเรียกน่ะค่ะเวลาจะสั่งแม่ค้าให้ทำเมนูนี้ แต่ถ้าเรียกให้ถูกต้องเป็น ปาป่าย่าสลัดค่ะ เธอบอกให้เขาได้รับรู้อย่างชัดเจน ชินอิจิมองไปยังอาหารในจานก่อนจะอธิบายให้เธอได้ฟังเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมกับใช้มือชี้ไปยังจานอาหารที่ตนเองรู้จัก ที่ประเทศของผมเรียกว่าโสมุตามุ ส่วนจานนี้เรียกว่า โทริยากิ ซึ่งเขาชี้ไปยังจานไก่ย่างเบื้องหน้า ทำให้เพชรไพลินได้รู้ภาษาญี่ปุ่นของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นสองคำ แล้วโสมุตามุที่บ้านของคุณหน้าตาแบบนี้รึเปล่าคะ พลางถามด้วยแววตาอยากรู้ ที่ผมเคยทำให้เพื่อนกินใส่แครอทกับสาหร่ายญี่ปุ่นแล้วก็ปูอัดด้วย ชินอิจิอธิบายให้เธอได้ฟังนัยน์ตาของหญิงสาวก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ คุณอิจิโร่ชอบทำกับข้าวเหรอคะ
ก็ชอบนิดหน่อยครับเอาไว้ว่างๆ ผมจะทำให้คุณกินนะไดยะ รับรองคุณกินแล้วจะต้องติดใจอย่างแน่นอน เพชรไพลินก็ยิ้มและตอบรับกลับไปอย่างอ่อนหวาน ไว้ฉันจะรอชิมโสมุตามุฝีมือคุณค่ะ เพียงพูดเสร็จมือเรียวก็หยิบข้าวเหนียวจากกระติ๊บที่วางอยู่เบื้องหน้าใส่ปากหลังจากที่กินไก่ย่างไปแล้ว เขาเห็นเช่นนั้นจึงถามเธอ ไม่กลัวมือเลอะเหรอไดยะ กินแบบนี้สิคะถึงจะอร่อยคุณอิจิโร่ลองกินดูสิคะ เพียงพูดเสร็จเธอก็หยิบข้าวเหนียวใส่ปากตามลำดับ เขาจึงวางช้อนกับส้อมแล้วใช้มือลองหยิบตามเช่นกันโดยปั้นเป็นก้อนกลมๆ ก่อนจะป้อนใส่ปากของตนเอง เป็นยังไงบ้างคะ ก็ดีนะไดยะ ดูเหมือนเขาจะติดใจหยิบข้าวเหนียวกินอย่างชื่นชอบแต่เพราะปั้นใหญ่ไปหน่อยจึงทำให้ต้องอาปากกว้างจนต้องเคี้ยวอย่างเต็มปากเพชรไพลินจึงเตือนเขาอย่างหวังดี ค่อยๆ กินก็ได้ค่ะเดี๋ยวก็ติดคอหรอกค่ะ ซึ่งเพียงเธอพูดจบประโยคที่ว่าชายหนุ่มก็เกิดอาการดังกล่าวขึ้นในทันทีโดยไออย่างต่อเนื่องไม่หยุดเหมือนเกิดอาการสำลัก เพชรไพลินเห็นเช่นนั้นก็รีบหันมาดูแลเขาอย่างเร็ว พลางถามด้วยความห่วงใย เป็นยังไงบ้างคะคุณอิจิโร่ ติดคอครับ เขาบอกให้เธอได้รับรู้โดยยังไอไม่หยุดเหมือนเดิมจนตาแดงไปหมด กินน้ำนะคะคุณอิจิโร่จะได้หายสำลัก เธอหยิบแก้วน้ำส่งให้กับเขาชินอิจิก็รับไปดื่มเพียงครู่หนึ่งอาการไอที่ว่าก็หายไป เพชรไพลินก็ยังคงถามอย่างห่วงใยไม่เลิก เป็นยังไงบ้างคะดีขึ้นไหมคะ ดีขึ้นแล้วล่ะไดยะ ขอบคุณนะ ฉันเตือนคุณยังไม่ทันขาดคำเลยว่าให้ค่อยๆ กิน คุณแช่งผมนี่ไดยะ ถ้าคุณไม่พูดผมก็ไม่สำลักหรอก ครั้นได้ยินที่เขาต่อว่าเพชรไพลินก็มองหน้าเขาด้วยความงุนงง ทำไมมาโทษกันอย่างนี้ล่ะคะคุณอิจิโร่ ฉันอุตส่าห์หวังดีกับคุณนะคะ กลับโดนมองในแง่ร้ายเสียนั่น เธอโต้แย้งกลับไป ผมล้อเล่นน่ะ เพราะผมตะกละเองล่ะ กินต่อกันเถอะ เขายอมรับผิดหลังจากนั้น โดยเพชรไพลินก็ลงมือกินอาหารเบื้องหน้าต่อไป ซึ่งเมื่อกินอาหารเช้าอิ่มแล้วเพชรไพลินก็ขับรถพาเขาไปเที่ยว ชินอิจิมองไปยังวิวด้านข้างก่อนจะย้อนถามเธอกลับมาด้วยความอยากรู้ คุณจะพาผมไปเที่ยวไหนน่ะไดยะ ไปวัดค่ะ หญิงสาวบอกให้เขาได้ทราบ ไปไหว้พระเหรอ พลางย้อนถามกลับมาซ้ำ เพชรไพลินพยักหน้าตอบรับ ใช่ค่ะ เพชรไพลินขับรถไปยังวัดบางกุ้ง โดยภายในเต็มไปด้วยความร่มรื่น ปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียว เพชรไพลินพาเขาเข้าไปยังด้านในที่ซึ่งมีโบสถ์เก่าแก่อยู่ที่นั่น ชินอิจิทำนัยน์ตาตื่นตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีโบสถ์อยู่ในนี้ด้วย เมื่อเขามองไปรอบด้านก็มองเห็นรากไม้ชอนไชเข้ามายังด้านใน เพชรไพลินหันไปถามเขาด้วยความอยากรู้ ที่ญี่ปุ่นมีวัดไหมคะ มีสิที่บ้านผมในโยโกฮาม่าก็มีวัด โคโตกุอิน ครอบครัวของผมจะพาไปไหว้พระช่วงปีใหม่เป็นประจำ เรียกแบบภาษาญี่ปุ่นว่า ฮัทสิโมเดะ เพื่อสวดอธิษฐานขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย แต่ครอบครัวของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ขณะที่เอ่ยมือของชายหนุ่มก็กำแน่พร้อมกับสีหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาเพียงนึกถึงเรื่องนี้ เมื่อก่อนเขาเคยเลิกนึกถึงมันไปเพราะความเป็นเด็กที่เมื่อมีอะไรซึ่งน่าสนใจมากกว่าก็จะลืมเลือนมันไป แต่ตอนนี้เมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ มันไม่สามารถทำได้อย่างสมัยวัยเด็กเลย คนญี่ปุ่นก็มีความเชื่อเหมือนคนไทยเลยค่ะ แต่พอเธอเห็นใบหน้าเขาคล้ายรู้สึกไม่ดีเพชรไพลินจึงถามด้วยความห่วงใย คุณอิจิโร่เป็นอะไรรึเปล่าคะ นั่นจึงทำให้เขารู้สึกตัวก่อนจะบอกให้รับรู้ว่าตนเองเป็นอะไร ผมคิดถึงครอบครัวผมน่ะ ขนาดว่าไปไหว้ขอพรให้แคล้วคลาดแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ คุณพ่อคุณท่านไปสบายแล้วค่ะ ได้ฟังคำของเธอเขาก็ถอนหายใจออกมาโดยแรง เป็นคนอื่นคงรู้สึกดีกับคำปลอบใจแต่สำหรับชินอิจิมันจะรู้สึกดีก็ต่อเมื่อได้ทำให้ไอ้ฆาตกรกับครอบครัวของมันตายตามพ่อของตนไปเท่านั้น ผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ แต่มันก็อดเสียใจไม่ได้ที่ได้อยู่ด้วยกันเพียงเวลาไม่นาน เราไปเดินดูวัดกันต่อเถอะไดยะ ครั้นเห็นเขาคลายความไม่สบายใจลงได้เพชรไพลินก็รู้สึกดี ค่ะคุณอิจิโร่ หลังจากเข้าไปไหว้พระแล้วเธอก็พาเขาออกมายังด้านนอกพลางบอกให้เขาทราบโดยเพชรไพลินก็เล่าให้เขารับรู้ถึงที่มาของรูปปั้นต่างๆ ที่อยู่ในวัดบางกุ้งเมื่อเดินผ่าน นั่นเป็นอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินค่ะ ส่วนนั่นเป็นรูปปั้นนักรบค่ะ ทำให้ชินอิจิเพลิดเพลินกับเรื่องที่เธอเล่าโดยเฉพาะยามเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ อยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติมาสถานที่แห่งนี้อย่างมากมายแม้จะเป็นวันธรรมดาก็ตามที เดี๋ยวฉันถ่ายรูปให้ค่ะ เธอขันรับอาสา มือเรียวหยิบอุปกรณ์คู่กายซึ่งยามที่เพชรไพลินไปเที่ยวที่ไหนก็มักจะพกติดตัวไปด้วยเพื่อเก็บภาพวิวทิวทัศน์ของสถานที่ท่องเที่ยว ดวงตาของเธอสบประสานกับนัยน์ตาของเขายามเมื่อหญิงสาวยกกล้องขึ้นมาเล็งและบันทึกภาพอริยาบทของอีกฝ่าย ครั้นถ่ายรูปของชายหนุ่มไปหลายภาพ ชินอิจิก็ขันรับอาสาบ้าง ผลัดกันถ่ายบ้างเถอะไดยะ ให้ผมถ่ายรูปคุณบ้าง คุณถ่ายผมมาตลอดอย่างเดียวแล้ว เขาแบมือออกมายังเบื้องหน้า ไม่เป็นไรหรอกค่ะฉันเป็นคนถ่ายให้ดีแล้วค่ะ ไม่เอาหรอกให้ผมถ่ายคุณบ้าง ยังคงยืนยันที่จะทำดังเดิม ฉันชอบเป็นคนถ่ายรูปมากกว่าค่ะ เธอไม่ยอมส่งกล้องให้เขา ผมก็ชอบเป็นคนถ่ายรูปเหมือนกัน ชินอิจิตอบกลับไปไม่ต่างกัน ฉันถ่ายให้คุณอย่างเดียวก็พอค่ะคุณไม่ต้องถ่ายให้ฉันหรอกค่ะ เพชรไพลินก็ยังไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ พยายามยกเหตุผลขึ้นมาอ้างไม่หยุด ชายหนุ่มจึงทำเสียงเข้มใส่ ไดยะขอกล้องให้ผม ไม่ให้หรอกค่ะ พลางเอากล้องไปซ่อนไว้ด้านหลัง เขาจึงมองอย่างมุ่งมั่นพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอเพื่อจะแย่งกล้องไปจากมือเรียวให้ได้แต่เขาไม่ได้เดินมาแย่งหากทว่ากลับรั้งกายนุ่มเข้ามากอดอย่างแนบชิด จนใบหน้าหน้านวลซบกับแผงอกกว้างของอีกฝ่าย คุณอิจิโร่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคะ นี่มันในวัดนะคะ เธอสั่งเขาออกไปเมื่อถูกกอดไม่ปล่อย ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปหยิบกล้องมาจากมือเรียวโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะบอกให้ได้ยิน ผมแค่จะเอากล้องเท่านั้นก็คุณไม่ยอมให้ผมนี่ คราวนี้ผมจะได้ถ่ายรูปคุณบ้าง เพียงเอ่ยเสร็จชินอิจิก็จัดการบันทึกภาพของเธอ แต่ดูเหมือนนางแบบจะไม่ยอมร่วมมือด้วยได้แต่ทำหน้ามุ่ย เขาก็แกล้งถ่ายภาพทั้งที่หน้ามุ่ย ขนาดฉันหน้ามุ่ยคุณก็ยังจะถ่ายอีกเหรอคะคุณอิจิโร่ เธอถามเขาด้วยความอยากรู้ ถ่ายสิ โดยระหว่างที่ทั้งสองกำลังโต้ตอบกันนั้นเขาก็พลันมองเห็นฝรั่งต่างชาติผู้หญิงสองคนเดินผ่านมาจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือโดยพูดเป็นภาษาอังกฤษกับทั้งสอง ช่วยถ่ายรูปให้ผมหน่อยสิครับ ได้ค่ะ หญิงสาวชาวต่างชาติก็ตอบรับด้วยความยินดี ชินอิจิจึงส่งกล้องในมือให้ก่อนจะเดินมาหาหญิงสาว ผมวานให้เขาถ่ายรูปเราสองคนให้น่ะ ฉันไม่ได้อยากถ่ายรูปกับคุณสักหน่อยค่ะ เพชรไพลินแกล้งทำเป็นปฏิเสธเขา ถ่ายกับผมหน่อยนะไดยะ เขาทำน้ำเสียงกับแววตาออดอ้อนใส่ เพชรไพลินที่ไม่ใช่คนใจแข็งอะไรมากก็พยักหน้ายอมทำตาม ก็ได้ค่ะ หญิงสาวจึงยิ้มให้กับกล้องเพราะถ้าทำหน้าบึ้งรูปคงออกมาดูไม่จืดอย่างแน่นอน ชินอิจิก็ยิ้มให้กับกล้องเช่นกัน หญิงต่างชาตินับเป็นภาษาอังกฤษ วัน ทู ทรี จากนั้นก็กดถ่ายภาพ ชินอิจิจึงบอกกับอีกฝ่ายซ้ำ ขออีกรูปหนึ่งได้ไหมครับ พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาด้วย อีกฝ่ายก็ยิ้มและผงกศีรษะตอบ ได้ค่ะ ใช้กล้องมือถือผมถ่ายนะครับ ชินอิจิส่งโทรศัพท์ส่วนตัวของตนเองให้อีกฝ่ายไป ก่อนจะหันไปบอกหญิงสาวข้างกาย ขออีกรูปนะไดยะ ได้ค่ะ เพชรไพลินจึงต้องยิ้มหวานอีกคราวหนึ่ง โดยช่างภาพจำเป็นก็นับเลขเหมือนเช่นเดิม วัน ทู ทรี ซึ่งคำว่าทรีทำให้เพชรไพลินรับรู้ว่าแก้มตนเองโดนสัมผัสกับอะไรบางอย่างก่อนที่จะทิ้งไว้แต่รอยสัมผัสเพียงแผ่วเบายังผิวนุ่ม แชะ! +++++++++++++++++++++++++++ พอดีว่าจะไปทำบุญกับเพื่อนสามวันค่ะ วันนี้เลยแปะยาว ให้อ่านค่ะ แล้วเจอกันอีกสามวันนะคะ จุ๊บๆ คนอ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ
Create Date : 31 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 31 สิงหาคม 2556 8:00:19 น. |
|
2 comments
|
Counter : 865 Pageviews. |
|
|
มาตามอ่านเรื่องใหม่จ้า สนุกดี