อาญาปรารถนา ตอน 3 อ่อยเหยื่อ
เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่เสียงลิฟท์ดังขึ้น ติ๊ง! เพื่อบ่งบอกให้รับรู้ว่าถึงชั้นผู้บริหารที่ตนเองตั้งใจจะพาเขาขึ้นมา เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องตอบคำถามให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าความลับที่บอกไม่ได้มันเกี่ยวกับตัวของอีกเขาน่ะล่ะ เมื่อเธออยากจะซบไซ้กับกายกำยำเพื่อพิสูจน์กลิ่นน้ำหอมบนตัวเขา แต่ในช่วงที่เธอจะก้าวออกไปนั้นมือใหญ่กลับกดให้ลิฟท์ปิดลง นั่นจึงทำให้เพชรไพลินมองหน้าเขาด้วยความสงสัย เอ๊ะ คุณปิดลิฟท์ทำไมคะคุณอิจิโร่ ผมไม่อยากเชื่อที่คุณพูดหรอก มันต้องเกี่ยวกับตัวผมแน่เลยเพราะคุณอยู่กับผมแค่สองคน เขาถามอย่างคาดเดาออกมาพร้อมกับใช้มือยกขึ้นท้าวกับผนังเบื้องหน้ายังประตูลิฟท์ โดยกักร่างนวลไว้ใต้วงแขนแกร่ง เธอก็ยังยืนยันเช่นเดิมด้วยการปฏิเสธ ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ เธอตอบกลับมาด้วยการโต้ตอบกับนัยน์ตาคม ซึ่งมือเรียวที่อยู่เบื้องหลังก็เตรียมทำแบบเดิม แต่พลันคิดได้ว่าเดี๋ยวเขาก็จับได้อีก จึงแนบกับลำตัวดังเดิม แต่ให้ตายดวงตาของเขาเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวไม่กล้าที่จะต่อกรด้วย สุดท้ายเธอก็หันใบหน้าไปทางอื่นเหมือนเมื่อครู่ ถ้าในนี้มีผู้ชายคนอื่นอยู่ด้วยผมคงยอมเชื่อว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับผม แต่ว่าในลิฟท์นี้น่ะมีผมกับคุณแค่สองคนเท่านั้น ขณะเอ่ยปลายนิ้วของเขาก็เกี่ยวพันกับเส้นผมนุ่มที่ปล่อยยาวละลงมายังทรวงอกเบื้องหน้า โอเค ถ้าคุณไม่ยอมรับ อย่างนั้นผมยอมรับเองก็ได้ นัยน์ตาของเธอมองเขาอย่างสงสัยก่อนจะย้อนถามกลับไป ยอมรับอะไรเหรอคะ ยอมรับว่าผมชอบที่ได้อยู่ใกล้คุณน่ะสิ แล้วก็... พูดพร้อมกับขยับวงหน้าคมลงมาใกล้ เพชรไพลินก็นึกอย่างคาดเดาแบบเข้าข้างตนเองเหมือนเดิม อย่าบอกนะว่าเขาจะทำอะไรเรา แต่เพชรไพลินก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดที่คิดไว้ออกไปหากทว่าย้อนถามอีกฝ่ายกลับไปแทน แล้วก็อะไรคะ ซึ่งชินอิจิก็ใช้มือประคองคางเรียวให้เงยขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะก้มวงหน้าคมลงมาใกล้ เพชรไพลินก็หลับตาปี๋เหมือนเช่นเดิม ช่างเหมือนเมื่อครู่ไม่มีผิด พร้อมกับทรวงนุ่มที่สะท้านขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะตามแรงทอดถอนลมหายใจ ชายหนุ่มที่มองภาพดังกล่าวก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมายังกายเบื้องล่าง รับรู้ว่าปรารถนากายนุ่มเบื้องหน้าแต่เขากลับระงับความต้องการที่ว่าไว้ก่อนและถามเป็นอย่างอื่นไปแทน ผมอยากรู้ว่าคุณใส่น้ำหอมกลิ่นอะไรน่ะ ขณะที่เอ่ยริมฝีปากของเขาก็อยู่เกือบชิดกับเรียวปากนุ่มเพียงไม่ถึงเซนด้วยซ้ำ หญิงสาวลืมตาขึ้นมาในทันทีก่อนจะย้อนถามกลับไป นี่คุณขยับมาใกล้ชิดฉันมาก เพราะแค่อยากรู้ว่าฉันใส่น้ำหอมกลิ่นอะไรแค่นั้นเหรอคะ ใช่ ดูหน้าคุณเหมือนเสียดายอะไรบางอย่างนะ ที่ผมอยากรู้แค่เรื่องน้ำหอม เอ๊ะ หรือว่าคุณคิดว่าผมจะจูบคุณกัน พอผมไม่ได้จูบคุณก็เลยโมโห ชินอิจิเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วจึงถามอย่างหยอกยั่ว ถ้าคุณจูบฉัน คิดว่าฉันจะยอมเหรอคะ เพชรไพลินโต้เถียงกลับไปแบบอวดเก่ง ไม่รู้ว่ายอมไม่ยอม รู้แต่ว่าคุณหลับตาปี๋ทีเดียว เหมือนเต็มใจให้ผมจูบมากว่า ถ้าคุณหงุดหงิดที่ผมไม่จูบคุณอย่างนั้นผมจูบคุณก็ได้นะ จะได้ไม่เสียความตั้งใจของคุณน่ะ เพียงบอกเสร็จเขาก็เตรียมทำตามที่พูด หากทว่าครั้งนี้เพชรไพลินกลับไม่ยืนนิ่งหลับตาปี๋แล้ว บ้าน่ะสิ ขืนทำเขาจะได้เข้าใจว่าตนเองอยากให้เขาจูบจริงๆ มือเรียวยกขึ้นผลักไสบ่ากว้างออกไป ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้อยากให้คุณจูบ ชินอิจิคิดกับตัวเองในใจอย่างดูถูก แล้วใครว่าฉันอยากได้แค่จูบเธอล่ะ ฉันอยากได้ทั้งตัวเธอต่างหาก จะทำลายให้ย่อยยับทั้งตัว รวมถึงหัวใจของนายก้องภพให้เจ็บปวดทีเดียว พลางนึกอย่างวางแผนร้ายในใจ นัยน์ตาที่ดูขี้เล่นเปลี่ยนเป็นประกายกร้าวอย่างลืมตัวแล้วพลันก็ถูกเปลี่ยนแปลกลับมาเป็นสนุกสนานดังเก่า ไม่อยากลองหน่อยเหรอ ไม่แน่นะจูบของผมอาจจะทำให้คุณลืมจูบของผู้ชายคนอื่นไปเลยก็ได้ ไม่ค่ะ ฉันไม่ต้องการกรุณาอย่าพูดจาดูถูกฉันอย่างนี้อีกนะคะ หญิงสาวตอบปฏิเสธกลับไปอย่างแข็งขัน ผมไม่พูดดูถูกคุณก็ได้ แต่ว่าคุณยังไม่บอกผมเลยนะว่าคุณใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร ยังคงต้องการรู้คำตอบเมื่อครู่เหมือนเดิม เพชรไพลินจึงบอกให้เขาได้ทราบ ไม่เคยมีใครที่มาถามเธอว่าใช้น้ำหอมกลิ่นไหนมาก่อนเลย เป็นของลังโคม มิลาเคิล กลิ่นน้ำหอมดอกแมกโนเลียค่ะ ดอกแมกโนเลียเป็นยังไงเหรอครับ เขาถามด้วยความสงสัย เป็นการหาเรื่องคุยกับอีกฝ่ายเพื่อเป็นการเพิ่มความสนิทสนมต่อกันมากขึ้น เพชรไพลินอธิบายให้เขาได้ทราบ เป็นดอกไม้สีขาวกับสีชมพูค่ะ เวลาบานจะสวยมากเลยค่ะ ดอกไม้สีชมพูเหมือนแก้มของคุณก็เข้ากันดีนะครับ เพชรไพลินได้ฟังที่เขาพูดก็พานคิดอย่างคาดเดา นี่เขากำลังจีบเธออยู่รึเปล่ากัน แต่คำพูดนี้กลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกไปแต่เป็นประโยคอื่นแทน เราออกไปข้างนอกกันเถอะค่ะ ฉันจะพาไปดูห้องทำงานของคุณนะคะ เพียงบอกเสร็จมือเรียวก็กดเปิดลิฟท์ พร้อมก้าวออกไปทันทีโดยมีเขาก้าวตามหลัง ระหว่างนั้นชินอิจิก็ถามเธอขึ้นมา คุณมีชื่ออื่นที่เรียกแทนเพชรไพลินไหมครับ ผมว่าชื่อคุณมันเรียกยากจัง เรียกฉันว่าเพชรเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณอิจิโร่ หญิงสาวบอกให้เขาได้ทราบอย่างไม่ปิดบังและถือตัวว่าชื่อเล่นนั้นสำหรับให้คนที่สนิทสนมเรียกเท่านั้น ไดยะ ชินอิจิเรียกชื่อเธอออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเบาๆ ใช่ค่ะ ไดยะ หญิงสาวพยักหน้ายืนยันชื่อของตนเองอย่างรู้ความหมายของมันเพราะเพื่อนเคยบอก อย่างนั้นผมจะเรียกคุณว่า ไดยะ นะ ไม่เหมือนคนอื่นดี ขณะพูดนัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มเหมือนแซฟไฟร์ก็มองไปยังวงหน้านวลอันอ่อนหวานนั้น และทอดเสียงเรียกชื่อของเธออย่างอ่อนโยน เหมือนความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเพชรไพลิน เป็นผู้ชายคนแรกที่เรียกชื่อเธอแบบนี้ ฟังแล้วให้ความรู้สึกที่ดีอย่างมากทีเดียว หญิงสาวพยักหน้าตอบรับกับชื่อที่อีกฝ่ายตั้งให้ตนเอง ได้ค่ะ ความรู้สึกของหญิงสาวเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับความใกล้ชิดของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างครามครัน ราวกับมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องหลายตัว นี่เธอเป็นอะไรไปทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ กับการใกล้ชิดเขากันนะ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ทางด้านของก้องภพก็ถามภาวัตรซึ่งเป็นผู้ช่วยของตนเองเมื่อไปถึงที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่ได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้เมื่อหุ้นส่วนคนใหม่บินมาถึงเมืองไทย จัดห้องให้คุณอิจิโร่เรียบร้อยหรือยังภาวัตร เรียบร้อยแล้วครับคุณก้องภพ อีกฝ่ายรีบตอบให้ทราบในทันที ดีมาก ซึ่งเมื่อหันไปก็พลันเห็นชายหนุ่มที่ตนเองเตรียมงานไว้เป็นอย่างดีเดินมากับลูกสาวจึงก้าวเข้าไปทักทายต้อนรับด้วยใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม โดยตรงไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งพร้อมกับจิตสุดาผู้เป็นภรรยาด้วย สวัสดีตอนเช้าครับคุณอิจิโร่ ผมให้คนจัดเตรียมห้องทำงานไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณอิจิโร่มาถึงแล้วเหรอครับ ผมให้คนจัดเตรียมห้องทำงานไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้วนะครับ ไม่รู้ว่าคุณอิจิโร่จะชอบรึเปล่า แต่ถ้าไม่ชอบผมจะสั่งคนจัดให้ใหม่ละกันครับ ยินดีต้อนรับคุณอิจิโร่ค่ะ ครั้นสามีพูดจบจิตสุดาก็เอ่ยทักทายเขาเช่นกันพร้อมกับมอบรอยยิ้มอ่อนหวานที่ยั่วยวนให้ด้วย เพชรไพลินจึงเอ่ยออกมาต่อหลังจากนั้นเมื่อเดินมาถึงประตูไม้เบื้องหน้า นี่คือห้องทำงานของคุณอิจิโร่ค่ะ โดยเธอเปิดประตูกระจกให้เขาได้ก้าวเข้าไปยังด้านใน ห้องทำงานที่เรียบและดูดีให้บรรยากาศที่โปร่งสบาย กับผนังห้องสีขาวซึ่งตัดกันกับโต๊ะทำงานสีน้ำตาลเข้ม รวมถึงชั้นเก็บเอกสารสีเดียวกันที่เข้ากับกับกระเบื้องสีเทาควันบุหรี่ เบื้องหลังคือหน้าต่างกว้างสามบานยาวจรดพื้น เพื่อให้แสงทางภายนอกสาดเข้ามายังภายในประดับด้วยมูลี่ผืนใหญ่สีครีมเพื่อบดบังแสงแดดที่ร้อนจัด ทำให้ห้องดูสว่างมากขึ้นกว่าเดิมโดยที่ไม่ต้องเปิดไฟในช่วงเวลากลางวัน บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เครื่องปริ้นเตอร์ และโทรศัพท์ ตบแต่งด้วยแจกันใบเล็กใส่ต้นไม้สีเขียวเพื่อทำให้ห้องดูไม่เคร่งขรึมเกินไป บนชั้นวางของมีโทรทัศน์จอแบนและเครื่องเสียงเพื่อช่วยในการผ่อนคลาย บนผนังประดับด้วยภาพวาดสีน้ำมันเป็นรูปชายทะเล ถัดไปไม่ไกลมีโซฟาตัวใหญ่วางอยู่ ทุกอย่างสรรสร้างความสะดวกและความสบายให้กับหุ้นส่วนคนใหม่เป็นอย่างมาก ชินอิจิกวาดตามองไปทั่วห้องซึ่งทุกอย่างถูกจัดไว้ให้เขาเป็นอย่างดี คุณอิจิโร่ชอบห้องที่ผมสั่งคนจัดให้ไหมครับ ก้องภพถามเขาด้วยความอยากรู้ ถูกใจผมมากเลยครับ ชินอิจิไม่โต้แย้งอะไรพลางพยักหน้าตอบรับด้วยความยินดี ผมดีใจครับที่คุณอิจิโร่ชอบ ถ้ามีอะไรที่ต้องการเพิ่มล่ะก็บอกกับภาวัตผู้ช่วยของผมได้เลยนะครับ ครับ ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเข้าใจ ผมจะพาคุณอิจิโร่ไปแนะนำให้พนักงานที่บริษัทก้องภพ อินเตอร์ กรุ๊ป ได้รู้จักนะครับ ยินดีครับ ชายหนุ่มตอบรับอย่างไม่เรื่องมาก ก้องภพกับเพชรไพลินและจิตสุดาก็เดินไปด้วยเช่นกัน เพียงก้าวมาถึงยังโรงงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ก็พบว่าพนักงานของบริษัทมายืนกันอย่างพร้อมหน้า เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อเห็นชินอิจิเดินมาทุกคนต่างปรบมือให้กันอย่างพร้อมเพรียงและประสานพูดออกมาด้วยภาษาไทย ยินดีต้อนรับคุณอิจิโร่ ฮาระค่ะ ก้องภพบอกให้พนักงานของตนเองได้ทราบ คุณอิจิโร่ คือคนที่มาช่วยให้บริษัทของเราพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาในบริษัทของเรา ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัท ก้องภพ อินเตอร์กรุ๊ป เมื่อได้ฟังพนักงานที่มาต้อนรับเขาก็บอกออกมาเป็นเสียงเดียวกันด้วยความยินดีอย่างมากมาย เพชรไพลินเดินไปหยิบช่อดอกไม้มาจากผู้ช่วยของตนเองนั่นคือดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่มามอบให้กับเขา ดอกไม้ช่อนี้เป็นตัวแทนของพนักงานที่นี่ค่ะ ทุกคนรู้สึกดีใจและขอบคุณ คุณอิจิโร่มากเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนมากเลยครับ เขาบอกให้ทุกคนได้รับรู้ หลังจากที่รับดอกไม้มาจากเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับหุ้นส่วนคนใหม่แล้วเพชรไพลินก็พาเขาเดินสำรวจบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกับบอกให้เขาได้ทราบเกี่ยวกับแผนกต่างๆ แต่ละแห่ง นี่เป็นโรงงานประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าของเราค่ะ มีทั้งโทรทัศน์ แล้วก็เครื่องเสียงด้วยค่ะ แต่ที่นี่ประกอบอุปกรณ์โทรทัศน์ค่ะ ถ้าลูกค้าไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน คุณพ่อของคุณก็คงไม่คิดหาหุ้นส่วนมาร่วมด้วยสินะครับ เขาถามเธอกลับไป ใช่ค่ะ คุณพ่ออยากจะให้ทุกคนในครอบครัวบริหารงานเองมากกว่าค่ะ แต่ทำยังไงได้ล่ะคะในเมื่อตอนนี้บริษัทมีปัญหาก็ต้องหาคนมาร่วมหุ้นด้วย ชินอิจิมองไปยังวงหน้านวลพร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างสงสัยต่อ แล้วต่อไปถ้าบริษัทของคุณไม่ติดขัดเรื่องเงินแล้วคุณพ่อของคุณจะตัดผมออกจากการเป็นหุ้นส่วนรึเปล่าครับไดยะ เวลาที่เขาเรียกชื่อเธอดูช่างสนิทสนมอย่างเหลือเกิน คงไม่หรอกค่ะ หญิงสาวเชื่อมั่นว่าต้องเป็นเช่นนั้น ถ้าทำก็คงน่าเกลียดเกินพอกิจการไปได้ดีแล้วจะผลักไสผู้มีพระคุณออกไปทันที ชายหนุ่มแสดงความคิดเห็นออกมา ผมว่าการที่มีหุ้นส่วนเยอะๆ ก็ดีนะครับทำให้บริษัทของเราขยายเร็ว หญิงสาวก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ ไม่แน่นะคะถ้าการรับหุ้นส่วนช่วยแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจไปได้ตลอด บางทีคุณพ่ออาจจะรับหุ้นส่วนให้เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทของเราอีกก็เป็นได้ค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำมากเลยล่ะครับ ชายหนุ่มพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายเห็นดีเห็นงามในการหาผู้ร่วมลงทุนมาเพิ่มอีก นั่นเพราะว่ายิ่งเพิ่มเยอะ หายนะก็จะยิ่งมาก เขามีวิธีจัดการกับบริษัทของไอ้ฆาตกรเลือดเย็นแล้ว ชินอิจิยิ้มด้วยสีหน้ายินดี ทั้งสองเดินชมโรงงานต่ออีกหลายชั่วโมง โดยชินอิจิมองไปยังนาฬิกาเรือนหรูที่อยู่บนข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาใกล้จะเที่ยงแล้วเขาจึงเอ่ยชักชวนเธอ เราไปหาข้าวเที่ยงกินกันดีกว่าครับไดยะ ผมรู้สึกหิวแล้วล่ะ เขาใช้มือลูบไปยังหน้าท้องแกร่ง เพชรไพลินมองท่าทีเขาแล้วอดยิ้มกริ่มไม่ได้ เขาเห็นเธออมยิ้มจึงถามด้วยความอยากรู้ คุณยิ้มอะไรเหรอไดยะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เธอส่ายหน้าปฏิเสธ คำพูดติดปากคุณจริงๆ เลย คำว่าไม่เนี่ย ผมขอซื้อได้ไหม เอะอะก็เปล่าค่ะ ไม่ใช่ค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่ขำท่าทีของคุณน่ะค่ะ ในเมื่อปฏิเสธไปแล้วเขาไม่หยุดเซ้าซี้ ป่วยการที่เธอจะยืนยันคำเดิมจึงยอมบอกให้เขาได้ทราบ ขำท่าทีของผมอย่างนั้นเหรอ มันมีอะไรน่าขำรึไงกัน คิ้วเข้มขมวดเข้ามาชนกันมุ่นด้วยความสงสัย ก็คุณทำเหมือนเด็กเลยค่ะที่พอหิวก็ทำหน้าตาแล้วก็แสดงท่าให้เห็นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มยิ้มอย่างชอบใจกับคำพูดของเธอ ก่อนจะรีบแย้งกลับไปทันที แต่ผมไม่เด็กนะโดยเฉพาะ... เห็นเขาพูดจาแล้วเว้นวรรคประโยคก็ทำให้เธอนึกอย่างคาดเดาว่าเขาต้องเตรียมพูดอะไรสองแง่สองง่ามอย่างแน่นอน อย่าพูดจาทะลึ่งใส่ฉัน ฉันไม่ชอบค่ะ ทะลึ่งตรงไหนกันผมแค่จะบอกว่าแขนกับขาของผมต่างหาก แม้ปากจะพูดเช่นนั้นแต่แววตาของเขากลับไม่จริงใจเลย อย่างนั้นก็แล้วไปค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอิจิโร่อยากกินข้าวเที่ยงที่ห้องทำงาน หรือว่าร้านอาหารคะ หญิงสาวหยุดเดินก่อนจะหันมาถามความเห็นของเขา แล้วปกติคุณกินที่ไหนเหรอไดยะ น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกเคลิ้มจริงโดยเฉพาะเวลาที่เรียกตนเองว่าไดยะ ฉันกินที่โรงอาหารค่ะคุณคุณอิจิโร่ อย่างนั้นผมก็กินที่โรงอาหารเหมือนคุณน่ะล่ะ คุณกินอาหารไทยได้เหรอคะ หญิงสาวทำสีหน้าสงสัยกับคำพูดของเขา ผมเคย เอ่อ เคยกินบ้างนิดหน่อยน่ะพอดีผมเคยมีเพื่อนเป็นคนไทยน่ะ เขาเกือบเผลอหลุดปากบอกไปแล้วว่าเคยอยู่ที่ประเทศไทยมาก่อน อีกอย่างหนึ่งไทเลอร์ก็เคยทำอาหารไทยให้เขากับเพื่อนกินอยู่บ่อยครั้ง โชคดีที่ยั้งปากไว้ได้ทัน เพียงได้ยินว่าเขากินอาหารไทยได้เพชรไพลินก็เอ่ยชวนเขา อย่างนั้นเราไปกินข้าวที่โรงอาหารกันนะคะ คุณจะได้เห็นด้วยว่าโรงอาหารของเราน่ากินแล้วก็กว้างแค่ไหน ดีครับ เขาเดินตามเธอไปยังโรงอาหารซึ่งเดินไปตามทางเดินอีกประมาณ 15 นาทีเท่านั้น โรงอาหารเป็นสีเขียวอ่อน ติดเครื่องปรับอากาศไว้ด้วย พร้อมกับมีร้านอาหารเมนูต่างๆ วางขายอย่างมากมาย เหมือนฟู้ดคอร์ดในห้างสรรพสินค้า บรรยากาศก็ดูปลอดโปร่งอย่างมาก เพียงพนักงานในบริษัทเห็นเธอกับเขาเดินมาด้วยกันก็เอ่ยด้วยคำพูดทักทาย สวัสดีค่ะคุณอิจิโร่ ดีใจจังค่ะที่คุณอิจิโร่มากินอาหารร่วมกับพวกเรา เห็นคุณเพชรไพลินบอกว่าอาหารที่โรงอาหารอร่อยและบรรยากาศดี ผมก็เลยลองมากินตามคำชักชวนครับ ชินอิจิเรียกชื่อของหญิงสาวอย่างเต็มๆ นั่นแสดงว่าเขาจะเรียกเธอว่าไดยะเวลาที่อยุ่ด้วยกันตามลำพังเพียงสองคนเท่านั้น มันหมายความว่ายังไงกันที่เขาเรียกเธอด้วยชื่อสองอย่างทั้งแบบไทยและแบบญี่ปุ่น นัยน์ตาของเธอมองไปยังวงหน้าหล่อคมอย่างไม่ละไปทางใด เมื่อชินอิจิเงยหน้าขึ้นมาจากผัดกระเพราไก่ไข่ดาวซึ่งเป็นอาหารโปรด หน้าญี่ปุ่นจ๋าแต่กลับกินอาหารไทยที่รสจัด ชายหนุ่มทำท่าสูดปากไปมาเธอจึงถามอย่างคาดเดา เผ็ดมากเหรอคะคุณอิจิโร่ มากครับแต่ก็อร่อยมาก หน้าคุณแดงมากเลยค่ะ หญิงสาวบอกให้เขาได้รับรู้ คุณอำผมกลับรึไงกัน เธอสั่นหน้าไปมาพร้อมกับรอยยิ้ม เปล่าค่ะฉันพูดความจริง คงจะเป็นเพราะกินเผ็ดจัดเกินไปน่ะค่ะ ผมชอบอาหารไทยครับ แล้วก็ผู้หญิงไทยด้วย ขณะที่เอ่ยนัยน์ตาของชินอิจิก็มองไปยังวงหน้านวลด้วยประกายตาอ่อนหวาน ได้ยินคำพูดเมื่อกี้ทำให้เพชรไพลินอดนึกอย่างเข้าข้างตัวเองไม่ได้ เขาพูดว่าชอบผู้หญิงไทยแล้วก็มองทางเธอ หมายความว่าเขาชอบเธอรึเปล่ากัน คงไม่หรอกน่ะ เพิ่งเจอกันไม่นานเองนี่
Create Date : 28 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 28 สิงหาคม 2556 9:04:57 น. |
|
2 comments
|
Counter : 552 Pageviews. |
|
|