ณ โยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น
ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียวในเขตจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa Ken) เป็นเมืองท่าเรือซึ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นศูนย์กลางทางการค้า อุตสาหกรรม แฟชั่น และการคมนาคมไปสู่ภูมิภาคอื่น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี ใบไม้ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง และส้มแกมแดง โดยเฉพาะต้นจิโอหรือต้นแปะก๊วย จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนหมดต้น ธรรมชาติในยามนี้จึงดูสวยงามและน่ามองอย่างเหลือเกิน
ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ดังกล่าวรับรู้ได้ถึงใบไม้สีเหลืองหลายใบที่ถูกลมพัดปลิวระลงมายังร่างสูงซึ่งยืนอย่างสงบนิ่ง เขาเคยพักอาศัยอยู่ที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อนที่จะตัดสินใจไปเรียนต่อยังต่างประเทศและใช้ชีวิตอยู่ที่นครนิวยอร์คหลายปี โดยเขามักจะกลับมาที่นี่เป็นประจำทุกปี ชินอิจิ โนซาวะ ชายหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งมีใบหน้า หล่อ คมสัน ชวนมอง หากทว่าใบหน้าของเขากลับไม่ได้มีความสุขเลยโดยเฉพาะแววตา
ยามนี้เขายืนอยู่ยังหน้าหลุมฝังศพของผู้เป็นบิดา ที่แม้ว่าอีกฝ่ายจะจากไปนานหลายสิบปีแล้ว หากทว่าความเศร้าโศกยังเกาะกุมอยู่ในหัวใจของชายหนุ่มอย่างไม่ลืมเลือน เขาอยู่ในชุดสูทสีดำผูกเนคไทค์อย่างสุภาพซึ่งทุกปีครอบครัวของเขาจะจัดพิธีโฮจิ ของบิดา
ผมเอาดอกไม้มาไหว้โอโต้ซังครับ หลังจากเอ่ยเสร็จชายหนุ่มก็วางดอกคิคุสีขาวหรือดอกเบญจมาศยังหน้าหลุมฝังศพของผู้เป็นพ่อ
ลูกเราโตมากเลยนะคะ แล้วก็หน้าเหมือนคุณมากด้วยค่ะทากาชิ
คาโอริบอกให้สามีได้รับรู้อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ยังมีตัวแทนของเขาเหลืออยู่นั่นก็คือชินอิจิ ลูกชายเพียงคนเดียวที่หญิงสาวรักมากสุดหัวใจ หลังจากที่คนรักเสียชีวิตไปเธอก็ไม่เคยคิดที่จะมีคนรักใหม่เลย เพราะคงไม่มีใครที่จะมาแทนความรักที่มีให้ต่อตนเองอีกแล้ว เธอออกจากประเทศไทยด้วยอาการหวาดกลัวอย่างมากกับคำขู่ของบุคคลที่ฆ่าสามี กลับมาอยู่ประเทศญี่ปุ่นนั่นก็คือบ้านของครอบครัวสามี
โดยเลี้ยงดูลูกชายกับคอยดูแลซาโยกะน้องสาวของสามีที่กลายเป็นคนวิกลจริตเพราะเกิดเรื่องร้ายกับเธอ เมื่อถูกพวกเดนมนุษย์ข่มขืนจนทำให้ลูกในท้องที่ถูกปฏิเสธอย่างไม่ยอมรับต้องแท้งไป ซึ่งเธอที่เป็นอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นก็กลับมาถึงบ้านพร้อมลูกชายพลันต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของคนรัก พลางวิ่งเข้าไปกอดร่างของผู้เป็นสามีด้วยน้ำตาที่นองใบหน้าโดยเรียกชื่อหญิงสาวออกมาอย่างแผ่วเบาเป็นประโยคสุดท้าย
คาโอริ ดูแลลูกกับซาโยกะด้วย
คุณต้องไม่เป็นอะไรนะคะทากาชิเธอกับชินอิจิกอดเขาอย่างแนบแน่น ก่อนจะรับรู้ถึงร่างที่นิ่งไปในอ้อมกอด เธอกรีดร้องออกมาแทบขาดใจ
ทากาชิ คุณอย่าทิ้งฉันกับลูกไป
คุณพ่อครับ ชินอิจิก็เรียกชื่อของบิดาเช่นเดียวกันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
คุณก้องภพเป็นคนสั่งให้ฉันมาจัดการพวกแก แล้วถ้าคิดไปแจ้งความล่ะ ฉันจะกลับมาฆ่าแกกับลูก รีบออกไปจากประเทศไทยซะถ้ายังไม่อยากตายล่ะก็ อีกฝ่ายยกปืนขึ้นมาจี้ไปยังศีรษะของเธอและลูกด้วย เพราะความหวาดกลัวเธอจึงยอมทำตามที่พวกนั้นขู่
ครั้นพอลูกถามว่าใครฆ่าพ่อ หญิงสาวก็เผลอบอกให้ทราบ ก้องภพ เดชบดินทร์ หลังจากนั้นชินอิจิที่เคยเป็นเด็กร่าเริงก็เปลี่ยนแปลกลายเป็นเด็กที่เงียบขรึมไป ไม่พูดไม่จากับใคร นั่นเป็นเพราะความเสียใจเกี่ยวกับการตายของผู้เป็นพ่อ
เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวได้งานที่นิวยอร์ค ก็เลยพาลูกชายไปอยู่ที่นั่นด้วยโดยฝากให้บิดากับมารดาของสามีดูแลซาโยกะ แล้วไม่กี่ปีต่อมาชินอิจิก็กลับมาเป็นเด็กร่าเริงเหมือนเดิม คงเป็นเพราะเริ่มลืมเลือนเรื่องดังกล่าวไปบ้างแล้วน่ะเอง
กระทั่งบิดาของสามีเสียชีวิต มารดาของเขาอยากให้เธอกลับมาอยู่ด้วยกัน คาโอริจึงกลับไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น หากทว่าลูกชายเลือกที่จะเปิดบริษัทยังนิวยอร์คซิตี้กับพวกเพื่อน ซึ่งเธอก็ไม่ขัดข้องอะไร
หลังจากที่เธอกล่าวประโยคเมื่อครู่จบ ซาโยกะซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงยาวมองเห็นภาพใบหน้าของพี่ชายก็ร้องไห้ออกมาและวางดอกคิคุยังหน้าหลุมฝังศพของอีกฝ่าย
พี่คะ ฉันรักพี่นะคะ เป็นคำพูดที่น้องสาวเอ่ยกับพี่ชายในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา พร้อมกับหยาดน้ำตา หลังจากที่เงียบมาตลอดเป็นเวลาสิบกว่าปี
อาการของซาโยกะดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่ตอนแรกอยู่ในท่าทีหวาดกลัว ตัวสั่น ผวาไปหมดเมื่อเห็นผู้ชายเป็นกลุ่มใหญ่ ขนาดว่าชินอิจิพาพวกเพื่อนมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น น้าสาวก็เอาแต่กรีดร้อง หากทว่าตอนนี้กลับสงบลงมากทีเดียว และไม่หวาดกลัวผู้ชายมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ซ้ำยังพูดจาและฟังรู้เรื่องมากขึ้นกว่าเก่าด้วย จนมองเผินๆ ก็เหมือนว่าอีกฝ่ายหายจากอาการวิกลจริต หลังจากที่มาเคารพศพของโอโต้ซังเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็พาทั้งคู่กลับมาทำบุญที่บ้านต่อ
ช่วงสายของสามวันต่อมาชินอิจิที่อยู่ในชุดยูกาตะสีน้ำเงินกรมท่าก็ตื่นลงมายังชั้นล่างได้ยินเสียงมารดากำลังสั่งคนงานในบ้าน จึงเดินไปดูพลางถามด้วยความสงสัย
ทำอะไรกันเหรอครับคุณแม่
กำลังจัดบ้านน่ะแม่เห็นว่าของในห้องเก็บของมันรกมากแล้วฝุ่นก็เยอะเลยคิดว่าจะมาจัดแล้วก็ทำความสะอาดใหม่ มารดาบอกให้ลูกชายได้ทราบ ชินอิจิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ก็ดีนะครับจะได้ดูเป็นระเบียบ
ระหว่างที่เขาพูดนั้นสายตาก็พลันมองเห็นกล่องเหล็กใบหนึ่งวางอยู่บนชั้นรู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก เพียงครู่เขาก็นึกออกว่ามันคือกล่องอะไร กล่องที่เขาเก็บเรื่องราวสมัยอยู่ยังเมืองไทยน่ะเอง จึงเดินไปหยิบมันมา เขาลืมเรื่องเพื่อนสมัยที่อยู่เมืองไทยไปเลยหลังจากที่รับรู้เรื่องการตายของผู้เป็นพ่อ
มือใหญ่หยิบกล่องที่ว่าออกไป ก่อนจะเปิดมันดูก็พบว่าภายในมีภาพถ่ายสมัยที่ตนเองยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่สาม เป็นภาพที่เขาถ่ายกับเพื่อนๆ และร่วมกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียนด้วย นอกจากรูปถ่ายแล้วก็มีสมุดไดอารี่ขนาดครึ่งหน้าเอสี่ เขาหยิบไปนอนอ่านที่ห้องรับแขกพร้อมกับนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตนเองเขียนไปด้วย เสมือนกับว่าชินอิจิได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กมัธยมอีกครั้งหนึ่ง
เพราะมันมีเหตุการณ์ที่เขาโดดเรียน เป็นนักกีฬา ไปเข้าค่ายลูกเสือ แข่งขันเตะฟุตบอล รักครั้งแรกในวัยเรียน วงหน้าคมประดับไปด้วยรอยยิ้ม โดยมือก็หยิบขนมไทยากิ (Taiyaki) ขึ้นมากินเป็นของว่าง ลักษณะเหมือนรูปปลาไทของญี่ปุ่น ข้างนอกเป็นแป้งแพนเค้กสอดไส้ถั่วแดง เขาพลิกเปิดหน้าไดอารี่ไปเรื่อยๆ จวบกระทั่งพบหน้าหนึ่งที่มันเขียนด้วยตัวหนังสือญี่ปุ่น
ฉันเกลียดแก ก้องภพ เดชบดินทร์ พร้อมกับรอยปากกาที่ขีดฆ่าไปมาจนกระดาษขาดทะลุไปถึงเบื้องล่าง เป็นหน้าสุดท้ายที่เขาได้เขียนไดอารี่ ก้องภพ เดชบดินทร์ อย่างนั้นเหรอ นัยน์ตาของชินอิจิมองไปยังชื่อเบื้องหน้าพร้อมกับเอ่ยทวนมันออกมาเหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
แซนด้า มีนักธุรกิจคนไหนติดต่อเรื่องการลงทุนกับบริษัทของคุณก้องภพ เดชบดินทร์บ้างรึเปล่า เสียงของไทเลอร์ถามเลขาสาวออกมา ดวงตาของเขาแสดงความอาฆาตก่อนจะนึกอย่างคาดการณ์
ถ้าเป็นคนเดียวกัน อย่างนั้นฉันก็มีทางที่จะแก้แค้นคืนให้โอโต้ซังแล้วสินะ
ชายหนุ่มอยู่กับมารดาอีกเพียงสามวันหลังจากนั้นก็รีบบินกลับนิวยอร์คในทันที ทั้งที่ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะอยู่กับอีกฝ่ายให้นานกว่าทุกคราว แต่ตอนนี้ในใจของเขามันเต้นกระหน่ำอย่างไม่หยุด กระเหี้ยนกระหือที่จะเอาคืนฆาตกรที่ฆ่าบิดาของตนเองจนอดรนชักช้าไม่ไหวแล้ว
ครั้นกลับมาถึงนิวยอร์คก็รีบตรงไปยังบริษัท ทีเจ อาร์ซี คอเปอเรชั่นในทันที มือผลักบานประตูห้องทำงานของเพื่อนเข้าไปโดยแรงพร้อมกับถามอีกฝ่ายเพื่อความมั่นใจมากขึ้น
ไทเลอร์ วันนั้นนายบอกฉันว่า บริษัทที่พี่เอลเลียสแนะนำมาเป็นของนายก้องภพ เดชบดินทร์ใช่ไหม ชายหนุ่มที่นั่งเอนกายพิงกับเก้าอี้ตัวใหญ่ก็พลันลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้าตอบรับแต่ทว่าทำอาการงงงันด้วยความสงสัยด้วย
ใช่ นายมีอะไรเหรอชินอิจิ แล้วทำไมกลับมาเร็วจัง ไม่อยู่กับน้าคาโอรินานๆ หน่อยล่ะ เพียงได้ยินคำยืนยันชัดเจนใบหน้าของชินอิจิก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันที โดยมือทั้งสองกำแน่นด้วย คิ้วเข้มขมวดเข้ามาชนกันมุ่นพร้อมกับริมฝีปากที่ขบด้วยความรุนแรงเหมือนอารมณ์โกรธใครอย่างมาก
เพราะฉันจำได้แล้วน่ะสิว่ามันเป็นชื่อของไอ้ฆาตกรที่ฆ่าโอโต้ซังของฉันแล้วก็ทำร้ายน้าซาโยกะ แถมยังขู่ว่าจะฆ่าโอก้าซังกับฉันด้วย ถ้าไม่ออกไปจากประเทศไทย ความแค้นที่เก็บงำไว้มานานของชินอิจิถูกระบายออกมาอีกคราวหนึ่งหลังจากที่มันหายไปแล้วหลายปี
อะไรนะ คนที่ฆ่าพ่อนายคือนายก้องภพ เดชบดินทร์อย่างนั้นเหรอ เพียงได้ยินที่เพื่อนบอกไทเลอร์ก็ทำสีหน้าตกใจย้อนถามกลับไปเสียงดังอย่างไม่เชื่อหู
ใช่ ฉันเพิ่งนึกออก วันที่ฉันไปเคารพศพของโอ้โต้ซัง ฉันไม่น่าลืมชื่อของไอ้ฆาตกรใจโหดนี่เลย สีหน้าของชินอิจิเต็มไปด้วยความคั่งแค้น นายบอกว่ามันต้องการหุ้นส่วนไปร่วมลงทุนในบริษัทของมันใช่ไหม จากที่ตอนแรกเรียกอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติแต่พอรับรู้ว่าเป็นบริษัทของฆาตกรใจโหด ชินอิจิก็เปลี่ยนสรรพนามไปในทันที
ใช่ ไทเลอร์พยักหน้าตอบรับ
แล้วมีใครที่สนใจจะลงทุนกับบริษัทของมันรึยัง
ยังไม่มีหรอก เพราะตอนนี้ทุกคนยังไม่อยากเอาเงินไปลงทุนกับบริษัทที่ขาดทุนในช่วงเศรษฐกิจที่ต้องหาความมั่นคงให้กับตัวเองแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเลือกลงทุนกับบริษัทที่มองเห็นผลกำไรอย่างชัดเจนเมื่อลงทุนไปแล้ว
อย่างนั้นฉันจะไปเป็นหุ้นส่วนลงทุนกับบริษัทของมันเอง ชินอิจิยิ้มด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตอย่างมาก
ชินอิจินายแน่ใจแล้วเหรอที่จะทำอย่างนั้นน่ะ พวกนั้นไม่ใช่คนดีฟังจากที่นายเล่า มันขู่ฆ่านายกับแม่ได้แสดงว่าพวกมันคงไม่เกรงกลัวกฎหมาย แล้วนายยังจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงอีกเหรอ เขาเตือนเพื่อนด้วยความรักและหวังดี
ถ้าฉันเข้าไปแบบประกาศให้มันรู้ว่าฉันจะมาแก้แค้นมัน ฉันคงไม่กล้าเสี่ยงหรอก แต่ว่านี่มันไม่ใช่ฉันเข้าไปในสถานะหุ้นส่วนของมัน โดยที่มันไม่รู้ว่าฉันจะมาแก้แค้นมันน่ะ
ที่นายพูดก็ถูก ไทเลอร์ฟังคำที่เพื่อนบอกก็มีท่าทีเห็นด้วย
ตอนนี้มีสะพานทอดมาให้ฉัน ถ้าฉันไม่ข้ามไปก็คงโง่มากเลยล่ะ ในเมื่อฉันมีไพ่ที่เหนือกว่าอยู่ในมือ ให้ฉันเทจนหมดหน้าตักฉันก็ยอมขอแค่ให้ฉันได้แก้แค้นพวกมันก็พอ นายโทรไปบอกมันได้เลยนะว่านายหาหุ้นส่วนให้มันได้แล้ว ชินอิจิตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นที่จะชำระความแค้นให้กับครอบครัวของตนเอง
ถ้านายจะเป็นหุ้นส่วนกับนายก้องภพ นายก็ต้องไปอยู่เมืองไทยน่ะสิ
ใช่ ฉันต้องไปอยู่เมืองไทย แล้วนายก็ต้องไปกับฉันด้วย
ฉันต้องไปอยู่เมืองไทยกับนายด้วยเหรอชินอิจิ ชายหนุ่มทำอาการเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ก็ถ้านายไม่ไปกับฉันแล้วใครจะแนะนำฉันให้นายก้องภพรู้จักล่ะ เพียงเพื่อนพูดเสร็จชายหนุ่มก็รับรู้และเข้าใจ
จริงสิ ฉันต้องไปแนะนำให้นายก้องภพรู้จักนาย
รีบหน่อยก็ดีนะ เพราะตอนนี้ยังไม่มีนักธุรกิจคนไหนสนใจ มันจะเป็นการง่ายที่จะได้ไม่ต้องมีปัญหากับนักธุรกิจที่ร่วมลงทุนกับบริษัทในเครือของเรา หัวใจของชินอิจิเต้นกระหน่ำอย่างแรงโลดเมื่อสิ่งที่เขารอคอยมาตลอดชีวิตได้ทำอย่างที่เคยคิดไว้
แล้วนายจะบอกแม่นายหรือเปล่าว่านายจะกลับไปแก้แค้นครอบครัวของฆาตกรที่ฆ่าพ่อนายน่ะ
ฉันคงไม่บอกโอก้าซังหรอก เพราะฉันรู้ว่าโอก้าซังต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน
ใช่ ฉันก็คิดว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่ น้าคาโอริคงไม่อยากให้นายกลับไปยุ่งกับพวกนั้นเพราะกลัวจะเกิดอันตรายกับนาย ไทเลอร์เชื่อว่าแม่ทุกคนคงไม่อยากให้ลูกไปยุ่งกับคนไม่ดี ขนาดแม่ของเขายังไม่อยากให้ชายหนุ่มถือสาสองแม่ลูกที่ดูถูกตัวเองเลย หากทว่าเขากลับทำไม่ได้
โอก้าซังกลัวว่าฉันจะเป็นอะไรไปอีกคนเหมือนโอโต้ซังไงล่ะ แต่ตอนนี้ฉันคงทำตามที่โอก้าซังบอกไม่ได้แล้วเพราะมันเป็นทางที่ทำให้ฉันได้กลับไปแก้แค้นพวกมัน นัยน์ตาของชินอิจิเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แล้วพลันเขาก็นึกบางอย่างออกมา แต่นายต้องแนะนำให้พวกมันรู้จักฉันในชื่อ อิจิโร่ ฮาระ นะ
แล้วก็ถึงวันที่ไทเลอร์ไปเมืองไทยกับชินอิจิ โดยเพื่อนทุกคนก็รับรู้ว่าการไปเมืองไทยครั้งนี้ไปเพื่ออะไรกัน ทั้งหมดต่างเตือนด้วยความหวังดี ชินอิจิก็รับปากว่าจะระวังตัวเองอย่างดี ทั้งสองเดินเข็นกระเป๋าตรงออกมาทางด้านนอกของสนามบิน นายก้องภพ เดชบดินทร์ก็ได้มารับทั้งคู่ตามที่ได้พูดไว้
นี่คือคุณอิจิโร่ ฮาระ ครับ ไทเลอร์แนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จักเพื่อนสนิทในฐานะหุ้นส่วน
ผมยินดีมากเลยครับที่คุณอิจิโร่ตัดสินใจร่วมลงทุนกับบริษัทของผม นักธุรกิจชาวไทยบอกถึงความรู้สึกของตนเองให้อีกฝ่ายรับรู้พร้อมกับยื่นมือมาให้เขาจับ
ยินดีเช่นกันครับ ชินอิจิมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม หากสังเกตแววตาให้ดีจะพบว่าดวงตาของเขากลับเป็นประกายแข็งกร้าว เพื่อนหนุ่มจับมือของอีกฝ่ายแต่บีบด้วยน้ำหนักมือที่มากกว่าปกติ
ส่วนนี่เพชรไพลินลูกสาวของคุณก้องภพครับ คุณอิจิโร่ ไทเลอร์ทำหน้าที่แนะนำให้เพื่อนของตนเองได้รู้จักหญิงสาวอีกผู้หนึ่ง ชินอิจิมองไปยังผู้หญิงใบหน้าอ่อนวัย แก้มละมุนสีชมพูระเรื่อ เหมือนผู้ที่มีสุขภาพดี
ยินดีที่ได้คุณมาร่วมเป็นหุ้นส่วนค่ะคุณอิจิโร่ ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งค่ะคุณไทเลอร์ น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูผ่องใส ชินอิจิกุมมือเล็กนั้นไว้ในทันทีพร้อมบอกให้ทราบ
ยินดีที่ร่วมงานกันครับคุณเพชรไพลิน ขณะเอ่ยดวงตาของชินอิจิแทบไม่ละไปจากวงหน้านวลเลย
ผมก็ดีใจเหมือนกันครับ ไทเลอร์ตอบกลับไปเบาๆ
หลังจากนั้นนายก้องภพ เดชบดินทร์ก็มาส่งทั้งสองที่โรงแรมหรูห้าดาวกลางใจเมืองกรุงเทพฯ เพื่อที่ว่าคืนนี้จะเลี้ยงอาหารมื้อค่ำให้กับชายหนุ่มทั้งสองคน ไทเลอร์ทิ้งกายลงไปนอนยังเตียงนุ่ม แต่ไม่วายเอ่ยแซวชินอิจิ นั่นเพราะเขาสังเกตเห็นว่าเพื่อนมองหญิงสาวที่ชื่อเพชรไพลินอย่างไม่วางตา
ตาค้างเลยนะ
ตาค้างอะไร อีกฝ่ายที่ได้ยินหันไปถามในทันทีอย่างไม่เข้าใจกับคำพูดของเพื่อนสนิท
ฉันเห็นนะนายมองลูกสาวนายก้องภพตาไม่กระพริบเลย เขายกนิ้วขึ้นมาชี้ยังเบื้องหน้าด้วย
อย่าเข้าใจผิดว่าฉันปิ๊งลูกสาวนายก้องภพเด็ดขาด ไม่มีวันหรอก ลูกศัตรูน่ะฉันไม่มีทางสนใจอย่างแน่นอน ชินอิจิรีบแก้ความเข้าใจผิดอย่างรวดเร็ว
แต่ผู้หญิงคนนี้สวยนะ ไทเลอร์ยังคงยั่วหยอกอีกฝ่ายไม่เลิก
ใช่ ฉันยอมรับผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่มันก็แค่นั้นยังไงฉันก็ไม่มีวันมองในแง่ดีอย่างเด็ดขาด ชินอิจิพยักหน้าอย่างยอมรับโดยไม่ปิดบังความรู้สึก ครอบครัวที่ทำให้เขาต้องกำพร้าพ่อ ซ้ำจากเคยมีความสุขก็ต้องเปลี่ยนเป็นความทุกข์ พวกมันจะต้องได้รับผลตอบแทนในแบบเขาเช่นเดียวกัน
แล้วนายจะจัดการยังไงกับนายก้องภพล่ะ
ฉันคิดไว้แล้วล่ะ พวกมันคงไม่รู้หรอกว่าอีกไม่นานหายนะก็จะมาเยือนครอบครัวของพวกมัน
แววตาของชินอิจิคล้ายดังมีไฟลุกไหม้อยู่ด้านในซึ่งเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความแค้น หากไม่เห็นความล่มจมของศัตรูก็อย่าหวังเลยว่ามันจะดับ เขาจะบีบพวกมันให้แหลกเละเหมือนลูกไก่ตัวน้อยในมือทีเดียว
+++++++++++
เอาเรื่องนี้มาลองแปะให้อ่านดูด้วยค่ะ แบบว่าเรื่องนี้ยังปั่นไม่จบคงแปะทุกวันไม่ได้นะคะ เพราะว่าไม่มีต้นฉบับสต็อกค่ะ