บนความโชคร้ายที่เราประสบมักมีความโชคดีแอบแฝงซ่อนไว้อยู่เสมอ
เช้าวันนั้นที่ผมหยุดงาน ช่างเป้นเช้าที่สดใสมากมาย
ด้วยเหตุที่ช่วงหัวค่ำฝนได้โปรยปรายพอสมควร
เพียงพอที่จะทำให้เช้าวันใหม่นี้เป็นเช้าที่มีอากาศสดชื่น
ผมพาร่างกายที่เดินไม่ค่อยจะสู้ไหว
ลงจากบ้านมาพร้อมกล้องคู่กาย
ด้วยหวังว่าจะหาหยดน้ำฝนที่พร่างพรมเมื่อคืน
ที่ยังพอหลงเหลืออยู่ตามยอดและใบของต้นไม้ที่ปลูกไว้
หาได้ไม่ง่ายนัก
เพราะที่มีมันก็อยู่ต่ำเกินไปกว่าที่ผมจะทรุดกายลงไปถ่ายภาพ
ด้วยอาการปวดหลัง
ผมยังไม่ลดละความพยายาม เดินไปเดินมาอยู่พักหนึ่ง
ผมก็โชคดี
ดวงอาทิตย์ดวงโต กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า
ผมมองเจ้าดาวฤกษ์ที่ชื่อดวงอาทิตย์นั้น
ผ่านกล้องถ่ายภาพคู่กายที่กำลังส่องผ่านหยดน้ำนั้น
ผมเห็นประกายของแสงสีทอง
มันช่างงดงามเหลือเกิน ผมพรึมพรำกับตัวเองลำพัง
ภาพที่งดงามที่ได้เห็น มันงดงามจนผมอดใจไม่ไหว
นำภาพนั้นไปแบ่งปันบน Facebook ของผม
ด้วยใจคิดเพียง อยากขอบคุณ
ในความปรารถนาดี ที่ผมได้รับ ที่หลายท่านต่างมอบให้ผม
พร้อมบทกวีที่ไร้ฉันทลักษณ์เหมือนเคย.. ว่า
.....................
ยามแสงทองของวันใหม่
พานพบหยดน้ำใสใสจากฟากฟ้า
ก่อเกิดแสงแห่งสุขตรึงตรา
ทุกคราฉันได้เห็นเย็นฤดี
แม้ร่างกายฉันป่วยสักเพียงไหน
กำลังใจฉันได้รับจากแห่งนี้
โปรดรับรับรู้ความสุขที่ฉันมี
จากภาพถ่ายของฉันนี้...แทนขอบคุณ
.............................
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความห่วงใย
เทียนส่องแสงไม่มีสิ่งใดมอบให้ นอกจากภาพถ่ายแห่งความตั้งใจ
ที่ปรารถนาให้ทุกท่านมีความสุขเช่นกัน ^^
เขาว่ากันว่า ความสุขสามารถแบ่งปันกันได้
ฉันไม่รู้ว่าฉันจะแบ่งปันความสุขที่ฉันมีให้ได้อย่างไร
และคนอื่นจะได้รับและมีความสุขเหมือนฉันหรือไม่
ข้อแม้... ใช่มันคือข้อแม้ ที่อยู่ในรูปคำถาม
ที่เราพยายามถามและพยายามตอบมัน
ที่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบจากคำถามที่เราตั้งขึ้น
และท้ายที่สุดความสุขก็ไม่ได้ถูกแบ่งปัน
ฉันจึงเลิกตั้งคำถามจากข้อแม้ทั้งปวง
ฉันนำความสุขที่ฉันมีถ่ายทอดออกมาเท่าที่ตัวเองสามารถทำได้
โดยไม่สนใจว่าฉันจะแบ่งปันอย่างไร
คนอื่นจะมีความสุขเหมือนฉันไหม
ฉันรับรู้เพียง...ฉันได้แบ่งปันมันไปแล้วก็เพียงพอ ^^
ไม่ว่าสูงต่ำ เล็กใหญ่ ดำขาว
ยากดี มีจน หรือการศึกษาสูงต่ำเพียงใด
หรือเหตุผลใดใด ทั้งรูปธรรม และ นามธรรม
ที่แสดงถึงความแตกต่างไม่เท่าเทียม
สำหรับผมแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อย่างไร
คือทุกคนไซ้.... มีเงาสีดำ ^^ผมเดินไปเดินมาถ่ายภาพสักพัก ก็เริ่มรู้สึกได้ว่า
ร่างกายผมตอนนั้น กำลังส่งสัญญาณเตือนให้ได้รับรู้
"คงต้องพักเสียที"
ก่อนที่ผมหันหลังจากเป้าหมายการถ่ายภาพทั้งปวง
"ดอกแพงพวย" คือเป้าหมายสุดท้าย
ที่เบ่งบานงดงามท้าทาย
ให้ผมได้รับรู้และสัมผัสทางสายตา
และส่งผ่านความสุขที่ได้เห็นลงสู่หัวใจที่พองโต
ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี
ขอบคุณทุกการเยี่ยมเยือนแม้จะไม่ได้ทิ้งรอยไว้ในรูปแบบคอมเมนต์
ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่ค่อยได้แวะเวียนไปคอมเมนต์ใคร
เพราะเข้าใจ และคาดว่าหลายท่านก็คงเข้าใจผม
หวังเพียงขอให้ทุกท่านมีความสุข
สุขภาพแข็งแรงกันทุกท่าน นะครับ
ของเฮีย ทำเอาอิ่มเอมใจค่ะ ..
ปวดหลังนี่ทรมานอย่างสุดแสนค่ะตอนนี้
กำลังเจอภาวะนี้อยู่เหมือนกันเพราะว่าช่วยกันยก
ของหนักแบบไม่ระวังตอนนี้สองเฒ่าที่บ้าน
ก็กลายเป็นเปื่อยทั้งคู่กับการปวดหลังนี่ล่ะค่ะ