สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย (สิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก มิควรยึดมั่นถือมั่น)

<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 ตุลาคม 2552
 

Wonderful_Stories

...













สวัสดีครับ






เมื่อประมาณเกือบๆสองปีก่อน
สมัยที่ Next best thing to radio
อย่าง เดอะเรดิโอ ยังมีอยู่บนหน้าปัดวิทยุ

ช่วงสายๆของวันนั้นกับการจัดรายการของ น้าซัน-มาโนช พุฒตาล
น้าซัน เล่นเพลงที่ชื่อเพลงมีคำว่า Wonderful สามเพลงติดกัน
สองในนั้นคือ Wonderful Tonight และ Wonderful Life
ส่วนอีกหนึ่งนี่ นัท-คุง จำไม่ได้

พอเล่นครบสามเพลงปุ๊บ น้าซัน ก็ว่า (ไม่ Quote นะครับ)

“ทั้งสามเพลงนี้มีคำว่า Wonderful เหมือนกัน
“Wonderful นี่ถ้าให้แปลความหมายก็คือ มหัศจรรย์ หรืออัศจรรย์
“ยังจำได้สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ชั้นประถมที่โรงเรียนแถวบ้านใน อยุธยา
"คุณครูสอนผมสะกดคำว่า อัศจรรย์ แบบให้จำง่ายว่า
“อัด-สะ-จอ-รอ-หัน-กา-รัน-ยอ!!!

“แล้วผมก็เดินกลับบ้านไปพลาง ท่องจำคำว่า อัศจรรย์ ไปพลาง
“จนถึงบ้าน เจอหน้าแม่-นางอำไพ แม่ก็ตะโกนเรียกเสียงเข้มว่า ‘อั้ยซัน มานี่!!!’


“แล้วผมก็โดนแม่ฟาดก้นอย่างงงๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
“และจนถึงทุกวันนี้ที่แม่ผมเสียชีวิต ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าวันนั้นแม่ตีผมด้วยเหตุใด
“มันก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ และมหัศจรรย์ อยู่เหมือนกันนะครับ”

เป็นเรื่องเล่าที่เรียบง่ายดี และ นัท-คุง จำติดหัวแต่บัดนั้น
ฟังแล้วชวนให้นึกว่าชีวิตตัวเองมีอะไรที่ อัศจรรย์ และ มหัศจรรย์ บ้าง?
กะจะเอาเรื่องนี้มาอัพเป็นบล็อกอยู่ช้านานแล้ว
เวลาช่างผ่านไปเร็วเสียนี่กระไร

เอาล่ะครับ ณ บัดนี้ ขอเชิญ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ พบกับ
เรื่องมหัศจรรย์เวอร์ชั่น นัท-คุง ครับผม











...









แพร่งที่ 1: โจรค่าหัว







เรื่องเกิดขึ้นสมัย นัท-คุง เรียนอยู่ระดับประถมศึกษา
น่าจะสัก ป.3 – ป. 4 อะไรประมาณนี้อ่ะครับ
วันนั้น มาม๊า ของ นัท-คุง มาติดต่ออะไรสักอย่างกับทางโรงเรียน
ซึ่ง นัท-คุง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าธุระอะไร
แล้วได้คุยกับ คุณครูท่านหนึ่ง ที่ชื่อว่า ครูวรรณวิมล

ตอน มาม๊า มาติดต่อธุระ นัท-คุง ก็ไม่รู้หรอกว่ามา
จนกระทั่งเรียนวิชาที่ ครูวรรณวิมล สอนแล้วครูบอก

ครูวรรณวิมล ว่า... วันนี้ชั้นเจอกับแม่เธอด้วย
บอกแม่เธอแล้วว่า ตอนนี้เธอน่ะหาตัวจับยากที่สุดในโรงเรียนแล้ว
แม่เธอบอกว่า ให้ตีเยอะๆเลย

แว่บแรกที่ นัท-คุง ได้ยินก็รู้สึกว่า ...
เฮ้ย! หาตัวจับยากนี่มันใช้กะพวก โจรที่มีค่าหัว ในหนังนี่หว่า!
แล้วข้าพเจ้าไปทำผิดอะไรมาเนี่ย?!!

คือ นัท-คุง ก็ไม่ใช่เด็กเกเรนะครับ
ใน สมุดพก (ที่รายงานผลการเรียน) นั้น
ก็มีคำว่า ความประพฤติเรียบร้อย อยู่ทุกภาคการศึกษา
ไม่เข้าจั๊ย~เข้าใจ เอาเสียเลยว่าจู่ๆจะหาตัวจับยากได้ไง

กลับบ้านไปเย็นนั้นก็ไม่ได้คุยกะ มาม๊า เรื่องนี้เหมือนกัน
จึงกลายเป็นปริศนาคาใจอันน่าอัศจรรย์ และมหัศจรรย์ อยู่จนทุกวันนี้ว่า
เหตุใด ครูวรรณวิมล จึงว่า ... นัท-คุง เป็นคนที่หาตัวจับยากที่สุดในโรงเรียน?!!



เกร็ดเล็กน้อยของ โจรค่าหัว:

นัท-คุง เคยเล่าให้ ซา-หมุด เพื่อนซี้ตอน ม.ปลาย ฟัง
มันฟังจบแล้วก็หัวเราะกลั้วไปกับคำพูดที่ว่า
“วันๆเมิงไปมุดอยู่ในโอ่งเหรอ?”








...








แพร่งที่ 2: ช้าง







เหตุเกิดขณะ นัท-คุง เรียนประถมอยู่เช่นกัน
ไม่แน่ใจว่ากำลังศึกษาอยู่ในชั้นเตรียมประถม หรือ ป.1

ก่อนหน้าจะเกิดเหตุมหัศจรรย์ดังกล่าว
ปาป๊า หรือ มาม๊า สักคนซื้อสมุดโน้ตให้ นัท-คุง กะน้องชาย คนละเล่ม
ของ นัท-คุง ภาพปกสมุดเป็น รูปช้าง
พร้อมกับศัพท์คำว่า ELEPHANT อยู่ใต้ตัวช้าง

คือ ณ ขณะนั้น
นัท-คุง ไม่มีทักษะในการสะกดภาษาอังกฤษแบบเทียบเสียงไทยได้
และไม่สามารถจะท่องศัพท์ยาวๆเกินกว่า 4 ตัวอักษรได้เอาเสียเลย

(มียกเว้นก็แค่คำว่า BANANA
(ที่ท่องได้ก็เพราะเลาๆว่า มี N สองตัว และลงท้ายด้วย A )


หากให้ นัท-คุง เขียนคำว่า ELEPHANT ที่แปลว่า ช้าง นั้น
จึงสามารถทำได้เพียงเขียน 3 อักษรแรก คือ ELE
แล้วก็ไม่รู้จะต่อด้วยอะไรแล้ว

กระทั่งในการสอบ (น่าจะกลางภาค) ของชั้นเรียนนั้น
มีโจทย์ข้อหนึ่งให้เขียนศัพท์ภาษาอังกฤษของคำว่า ช้าง
นัท-คุง ก็อย่างที่ได้บอกไป รู้แค่มันขึ้นต้นด้วย ELE
ที่เหลือเลยมั่วๆไปให้มันดูดีเท่านั้น

แต่เมื่อ ครู แจกกระดาษข้อสอบที่ได้รับการตรวจคืนกลับมา
ข้อสอบข้อที่ให้เขียนศัพท์ภาษาอังกฤษของคำว่า ช้าง นั้น
กลับเป็นข้อที่ นัท-คุง ได้คะแนนครับ!!!

ยังจำความรู้สึกได้ดีเลยว่า อึ้ง!!!
มั่วไปได้ไงอ่า... ว่าต่อจาก อี-แอล-อี แล้ว
จะเป็น พี-เอช-เอ-เอ็น-ที?
กะว่าจะเล่าให้ใครสักคนฟังถึงความน่าอึ้งตั้งแต่เกิดเหตุ
แต่คาดเอาเองว่าอาจจะไม่มีเพื่อนคนไหนเก๊ท

มหัศจรรย์ ยิ่งนัก!!!







...









แพร่งที่ 3: นักชก







เหตุการณ์ในแพร่งนี้เกิดขึ้นสมัยประถม... อีกแล้ว!
คราวนี้จำได้แม่นว่า เกิดขึ้นตอนเรียนอยู่ ป.1

นัท-คุง มีเพื่อนที่ “หนิดหนมๆ” กันขณะนั้นอยู่หลายคน
หนึ่งในนั้นมีชื่อว่า สมศักดิ์
(จำนามสกุลมันได้ด้วย
(แต่การบอกออกไปอาจจะเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลมันเกินงามไปหน่อย )

สมศักดิ์ มี เพื่อนแถวบ้าน ที่เรียนโรงเรียนเดียวกันและระดับชั้นเดียวกัน แต่คนละห้อง
ชื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะ นัท-คุง ไม่รู้จัก
แต่เคยนั่งรถ ปาป๊า ผ่านแถวๆบ้าน สมศักดิ์ แล้วเห็นคนนี้

มีอยู่วันหนึ่งยามเย็นหลังเลิกเรียน
หรือไม่ก็เป็น ช่วงพักบ่าย อันเป็นการพักสุดท้ายอะไรสักอย่าง
นัท-คุง ยืนคุยกะกลุ่มเพื่อนสักเรื่อง
ก่อนที่ เพื่อนของสมศักดิ์ จะเดินเข้ามาหาและพูดว่า

เพื่อนสมศักดิ์: “เราได้ข่าวว่านายต่อยเก่งเหรอ? ต่อยให้เราดูหน่อยสิ”
นัท-คุง: “เอ่อ... ไม่นะ” (คิดในใจว่า อะไรของแกฟระ?!! )
เพื่อนสมศักดิ์: “ถึงเราจะไม่เคยเห็นนายต่อยนะ แต่เราก็ยอมรับว่านายต่อยเก่ง”

เอ้อ... เอากะมันดิครับ
คือ นัท-คุง ก็ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครแต่ประถมนะครับ
เคยมีเฉียดๆเมื่อครั้งอยู่ ป.6
แต่ว่าเพื่อนคนอื่นมาช่วยเกลี่ยไกล่กับ คู่กรณีของ นัท-คุง ไม่ให้ไปยังจุดนัดพบ
เพราะ นัท-คุง ยังไงก็ได้อยู่แล้ว มีปัญหาเจอกันได้!!! (อวดเก่งอีก )
และยิ่งตอนนั้นอยู่ ป.1 ยิ่งไม่ใช่วิสัยเลยที่จะคิดมีเรื่อง

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆคำร่ำลือนั้นบังเกิดได้ไง
และมันก็ไม่น่าเกิดขึ้นมาได้
แต่นี่ เพื่อนของสมศักดิ์ มันดันมีการยอมรับอีกว่าต่อยเก่ง
นัท-คุง ว่าจะมากจะน้อยมันต้องมี สมศักดิ์ มาเอี่ยวแน่ครับ หุหุ
แต่ก็ไม่เคยถาม สมศักดิ์ เหมือนกัน








...







แพร่งที่ 4: แม่พิมพ์ของชาติ






แพร่งนี้เกิดขึ้นตอนเรียนระดับอุดมศึกษา
ขณะนั้นศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 4 ภาคการศึกษาที่ 1
มีรายงานกลุ่มของวิชาอะไรสักวิชาซึ่งเป็น วิชาคณะ
นัท-คุง กะเพื่อนผู้มีนามว่า พีสึเกะ ได้รับมอบหมายไปหาข้อมูล
ก็เลยเฮกันไปที่ หอสมุดปรีดีฯ ม.ธรรมศาสตร์

ยังจำไม่เคยลืมเลือน แม้จะจำไม่ได้ว่าหัวข้อรายงานคืออะไร
ว่า Keyword ที่ นัท-คุง และ พีสึเกะ ใช้ในการค้นหาข้อมูล
โดยการพิมพ์ลงเครื่องคอมพ์ใน หอสมุดฯ คือคำว่า
“กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ”!!!

เป็นคำง่ายๆดายๆในการพิมพ์ให้เสร็จ
แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ...
ทั้ง นัท-คุง และ พีสึเกะ ที่ร่วมมือกันใช้เวลาไปทั้งสิ้น
180 วินาที หรือ 3 นาที โดยประมาณ!!!

พอหาเอกสารที่บรรจุข้อมูลดังกล่าวเรียบร้อย ก็เอาไปถ่ายสำเนา
ระหว่างรอคิวให้ได้เอกสารสำเนามาครอบครองนั้น
นัท-คุง กะ พีสึเกะ ก็นั่งสุมหัวกันพิจารณาตัวเอง ว่า
“ไม่ไหวแล้วอ่ะ! พิมพ์ประโยคนั้นโดยใช้เวลาพอๆกับรอบะหมี่กึ่งฯสุก
“เราสองคนต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!”

อะไรสักอย่างของ พีสึเกะ นั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น
การมี PC ของตัวเองไว้ในบ้าน
ซึ่งต่อยอดมาจากการที่ พีสึเกะ มาถาม นัท-คุง ว่า
“เฮ้ย! รู้ป่าว PC คืออะไร?”
แล้ว นัท-คุง ตอบไปว่า Personal Computer
พีสึเกะ มันทำท่าและหน้าตาตกใจที่มันไม่รู้เรื่องนี้
ก่อนที่มันจะได้ครอบครอง PC เป็นของตัวเอง
หลังจากนั้น คาดว่าทักษะการพิมพ์ของ พีสึเกะ คงดีขึ้น (เข้าใจว่างั้น)

ส่วนของ นัท-คุง อะไรสักอย่างนั้นคือ
ความตั้งใจที่จะ “พิมพ์ดีดให้เป็น” ก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2
ในความหมายของการไม่ต้องก้มหน้าไปดู คีย์บอร์ด
ว่านิ้วกำลังกดแป้นไหนอยู่ เหมือนในการ์ตูนหุ่นยนต์ที่ดูตอนเด็กๆ

แล้ว นัท-คุง ก็เริ่มหัดพิมพ์ดีดครับ
ด้วยการเปิดหนังสือที่อยู่ใกล้มือ เลือกมาสักหนึ่งย่อหน้า
แล้วก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ไปเรื่อย

โดยที่รู้เป็นขั้นปฐมคือการวางนิ้วสี่นิ้วของแต่ละมือไปบนแป้นหลัก
ฟ - ห - ก - ด - (ไม้เอก) - (สระอา) - ส - ว
ที่เหลือจากนั้นก็คอยจำเอาเวลาเจอตัวอักษรซ้ำๆในประโยค
ค่อยจำไปว่าตัวไหนต้องกด Shift หรือต้องเอื้อมนิ้วของมือข้างไหน

เวลาออกข้างนอกนั่งรถไปตามถนนหนทาง
เวลาเห็นป้ายโฆษณาร้านหรือสินค้าใดๆ
ในหัวคิด นัท-คุง ก็จะเหมือนมี คีย์บอร์ด+มือสองข้าง ลอยมา
แล้ว “นิ้ว” ของมือแต่ละข้างก็จะพิมพ์ข้อความที่เห็นบนป้ายไปเรื่อย
ไม่ว่าจะเป็น... เปิดเฟสใหม่ 10 หลังสุดท้าย!
รับจำนำราคาถูก! รับซ่อมรองเท้า! และอื่นๆ

(ต้องออกตัวไว้ก่อนว่า นัท-คุง ไม่ใช่คนฉลาดหรือพอมีปัญญาใดๆนัก
(ติดจะเหลื่อมล้ำกะคำว่าโง่ด้วยซ้ำไป
(ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่มี มหัศจรรย์ หรืออัศจรรย์ เกิดขึ้น )

ด้วยสองวิธีการดังกล่าวที่ นัท-คุง ใช้ในการหัดพิมพ์ดีดให้เป็นนั่นเอง
นัท-คุง พิมพ์ดีดแบบพิมพ์สัมผัสได้ภายในเวลา 3 วันครับ!!!

วัน-เด้อ-ฟูล เจงๆ








...







แพร่งที่ 5: La Via En Rose






แพร่งนี้เกิดขึ้นในปี 2552 นี้เอง
และคิดว่า นัท-คุง จะบรรจุไว้ใน “สิบชอบในรอบปี”
ที่จะเผยแพร่ออกสู่สายตาชาวโลกในสิ้นปีนี้
จึงจะยังไม่ลงรายละเอียดละกันครับ
แม้จะได้เคยเกริ่นๆไปบ้างแล้วในบล็อกก่อน

มหัศจรรย์อยู่มิใช่น้อย!
และต้อง “หมายเหตุ” ตัวเป้งๆไว้ล่วงหน้าว่า
ชื่อแพร่งนี้ นัท-คุง กระแดะตั้งให้มันดูดีไปงั้นเองนะครับ
ไม่มีอะไรใน กอไผ่ อย่างที่อาจจะคาดคิดกัน
... นอกจาก หมีแพนด้า







...







และนั่นก็คือ มหัศจรรย์ และ อัศจรรย์ ของ นัท-คุง ครับ

จริงๆพอมีเรื่องที่เข้าข่ายอยู่บ้างอีกหน่อย
แต่ที่เป็นอยู่ก็ล่อไป 5 แพร่ง แล้ว เดี๋ยวบล็อกมันจะยาวมากไปกว่านี้
เอาเท่านี้ละกันครับ ไว้เก็บสะสมเรื่องมหัศจรรย์ได้มากพอจะมาอัพใหม่


หะแรกพอคิดว่าจะอัพบล็อกนี้สักที
นัท-คุง กะจะทำเป็น Tag อ่าครับ อยากรู้เรื่องมหัศจรรย์ของ มิตรรักแฟนบล็อก บ้าง
แต่ตัวเองเพิ่งส่ง Tag ออกไปหยกๆ เลยเอาไว้ก่อนดีกว่า

เอาเป็นว่า ถ้าใครจะกรุณาหล่นคอมเม้นท์ให้ นัท-คุง ทราบ
ว่าตัวเองเคยมีเรื่องใดที่เข้าข่าย มหัศจรรย์ และ อัศจรรย์ ในชีวิตบ้าง
ก็ยินดีและขอบคุณมากครับ







...






สัปดาห์หน้าทั้งสัปดาห์ นัท-คุง มีปฏิบัติการภารกิจพิเศษนอกสถานที่

จึงอาจจะไม่ได้ตอบคอมเม้นท์หรือเยี่ยมเยียนกันสักระยะนะครับ

(ทำยังกะช่วงหลังๆไปอ่านบล็อกคนอื่นบ่อยนักหนิ?! )








...












-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --












 

Create Date : 15 ตุลาคม 2552
16 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2552 9:27:04 น.
Counter : 1100 Pageviews.

 
 
 
 
โอ... อ่านแล้วช่างลี้ลับทไวไลท์อะไรเช่นนี้

แต่อ่านจนครบ 5 แพร่งแล้ว คิดว่าแพร่งที่สี่นี่ Wonderful ที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นภายในสามวัน พี่เองปัจจุบันนี้ยังพิมพ์แบบสัมผัสไม่ได้เลย ต้องใช้ตาดูแป้นตลอด แต่ก็เร็วนะ เพราะจำได้หมดแล้วว่าตัวอะไรอยู่ตรงไหน นิ้วมันเคลื่อนไปเอง ไม่ต้องหา ข้อเสียก็คือ บางครั้งลืมเปลี่ยนภาษาแล้วไม่ทันดู พิมพ์ไปตั้งเยอะแล้วเพิ่งจะมาเห็นว่ากลายเป็นภาษาต่างดาวไปซะแล้ว ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่อีก ส่วนคำถามว่า แล้วทำไมไม่หัดพิมพ์สัมผัสซะที คำตอบก็คือ" ขี้เกียจ" อย่างเดียวเลย

แพร่งที่ห้านี่จะใช่เรื่องนั้นรึเปล่าน้อ หุๆๆ
 
 

โดย: แฟนผมฯ IP: 222.123.242.74 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:14:14:16 น.  

 
 
 
เอ้อ ลืมบอกไปว่าปีนี้คงไม่ได้ไปงานหนังสือหรอกครับ ไม่มีตังค์น่ะ

อ้อ ชอบรูปนักมวยจัง อิๆๆ
 
 

โดย: แฟนผมฯ IP: 222.123.242.74 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:14:27:03 น.  

 
 
 
สวัสดีครับนัทคุง

นอกจากแพร่งมหัศจรรย์ทั้งห้าข้างต้นแล้ว

แพร่งที่หกที่ผมอยากจะเพิ่มก็คือ

นัทคุงเชื่อไหมว่า















ลูก




โป่ง





ยิงประตูได้





มหัศจรรย์มากครับ

อิ อิ
 
 

โดย: jonykeano วันที่: 18 ตุลาคม 2552 เวลา:10:25:08 น.  

 
 
 
อื้มมมมมม

เคยอ่านหนังสือเล่มไหนหว่าที่เขาบอกว่า แค่มีลมหายใจอยู่ทุกวันก็เป็นความมหัศจรรย์ของชีวิตแล้วหละ..นะ



ง่ะ..อย่าถามจิเรื่องอ่านหมดแล้วเหรอน่ะ มันหยาบคายรู้มะ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:15:50:16 น.  

 
 
 
+ ชีวิตพี่ไม่ค่อยมีเรื่องมหัศจรรย์เท่าไหร่หรอกครับ มันเป็นชีวิตที่เรียบๆ เรื่อยๆ ไปมากกว่า

+ อืม ... หาตัวจับยากสุดในโรงเรียน อาจหมายถึงเก่งเป็นพิเศษแบบหาตัวจับยากในด้านหนึ่งด้านหนึ่งเฉพาะทางหรือเปล่าครับ

+ เรื่องนักชก ก็ตลกดีเนอะครับ พอดีพี่มารู้จักนัท-คุงตอนโตแล้ว เลยไม่อาจจิ้นออกได้ว่านัท-คุงในเวอร์ชันที่ (เพื่อนบางคนเข้าใจว่า) เกกมะเหรกนั้น หน้าตาเป็นเยี่ยงไร เหอๆ

+ เรื่องพิมพ์ดีดสัมผัส อันนี้เจ๋งดีครับ พิมพ์ได้ใน 3 วันเนี่ยนะ ... ของพี่พอดีตอนไปสอบเทียบ เค้าให้นักเรียนไปลงเรียนวิชาชีพสามัญ (เค้าเรียกยังงี้รึเปล่านะ) มาด้วยวิชานึง พี่เหลียวซ้ายแลขวาแล้วก็เลยไปลงเรียนพิมพ์ดีดสัมผัสภาษาไทยอ่ะครับ แล้วก็เลยใช้ประโยชน์ได้จนถึงทุกวันนี้

+ แต่ตลกดีที่ภาษาอังกฤษ พี่ยังต้องดูแป้นพิมพ์เอาอยู่เลย (แต่ก็ค่อนข้างเร็วนะ เพราะตัวอักษรมันไม่เยอะเหมือนของตัวไทย) ... สรุปว่าอะไรสักอย่างที่เราตั้งใจทำมันจริงๆ ในที่สุดมันก็จะเป็นผลสำเร็จได้มังครับ สำหรับนิทานเรื่องนี้

+ ของพี่ถ้าเรื่องที่ทำให้อัศจรรย์ใจเร็วๆ นี้จะมีเรื่องนึงครับ (เคยเล่าลงบล็อกคุณนิกไปแล้ว) ... แบบว่าพี่มีเพื่อนรุ่นน้องคนนึง ที่เป็นพวกบ้าหนังอินดี้มากๆ เหมือนกัน แล้วน้องคนนี้ก็ไปเรียนต่อด็อกฯ ที่เมกา จนเมื่อ 2 ปีก่อนพี่ก็ได้ไปเยี่ยมและเที่ยวหาเค้านั่นแหละครับ

+ ทีนี้เค้าก็บอกว่ามีหนังเรื่องนึงที่อยากเสวนากับพี่มากเลยว่าได้ดูหรือยัง พี่ถามว่าหนังแนวไหน พล็อตเป็นไง ใครกำกับ ใครแสดง พี่แกนึกไม่ออกสักอย่าง (เค้าเป็นคนแบบเนี้ยะแหละ) ... อยู่ไม่อยู่ อะไรบางอย่างก็แว้บขึ้นมาในหัวพี่ แล้วพี่ก็ทายขึ้นมาว่า The painted viel ใช่เปล่า? น้องเค้าก็ตบเข้าฉาด แล้วก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาพร้อมๆ กันว่าทำไมพี่ถึงทายได้ (ปกติพี่กับน้องคนนี้จะหนิดหนมกันมากๆ ประมาณว่าพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่อ่ะครับ)

+ เด๋วจะรออ่านแพร่ง 5 นะครับ / ส่วนแพร่ง 6 ของหมอโจ แสบมากมาย มีการโผล่มาแซว เหอๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 21 ตุลาคม 2552 เวลา:17:22:05 น.  

 
 
 
อ่านความมหัศจรรรย์ของนัท-คุงแล้ว
เป็นได้ฉงนและงงเหมือนกันค่ะว่า เออ จริงนะ
ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหนอ ..

แต่บางเรื่องมันเกิดแล้วก็ได้แต่ขำฮากันไป
แต่ก็ยังเก็บเรื่องงงๆ นั้นเอาไว้ สงสัยว่าอาจจะต้อง
เก็บเอาไว้แบบชนิดที่ว่าไขปริศนากันไม่ออก
ไปนานเลยทีเดียวค่ะ


แต่ว่าไปแล้วชีวิตเราเน๊าะมันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้
เกิดเป็นธรรมดาค่ะ ...ไม่เรื่องเล็กก็เรื่องใหญ่
แล้วแต่จะปล่อยให้มันเป็นไปเน๊าะ
.................................


ขอบคุณมากๆ สำหรับคอมเม้นท์ที่ทิ้งไว้ให้
ที่บล็อกเรื่องการเปลี่ยนแปลงค่ะ ... พี่ว่าคนเรามันก็แบบนี้ล่ะ
อะไรจะเปลี่ยน อะไรจะแปลงจากอะไรเป็นอะไร
มันก็คงเป็นไปตามกฏ ไม่กฏของเราก็ของเค้า เพราะฉะนั้น
เดือดร้อนไปก็ปวดหัว เมื่อเป็นซะอย่างนี้แล้วพี่ว่า
ก็คงต้องยอมรับและให้มันเป็นไปค่ะ ...
 
 

โดย: JewNid วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:8:59:26 น.  

 
 
 
+ วันนี้นัท-คุงไม่ไปเย้ยไยไพแพร่งที่ 7 ที่บล็อกน้องหมอโจหน่อยเหรอครับ? งุงิๆ (น่าน!! ยุให้ชาวบ้านตีกันซะแล้น )

+ ตอนที่แยกกัน พี่ได้มาแค่ 2 เล่มอยู่ แต่พอเดินจนเค้าคลุมผ้าบูธ (เหมือนเคย) สรุปแล้วพี่ได้มา 11 เล่ม เจ๊งไปเกือบๆ 500 บาท ก็ตกเล่มละ 40 กว่าบาทอ่ะครับ (เพราะเป็นหนังสือจากช็อคโซนซะเยอะ)
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:14:15:41 น.  

 
 
 
ฟุตบอลคืออะไรไม่รู้จัก
 
 

โดย: jonykeano วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:23:28:01 น.  

 
 
 
หลับสบายฝันดีตลอดคืน..

เออ วันหลังช่วงเป็ดแพ้ติดๆ กัน ก็แวะไปทักมั่งก็ได้นะ

=)
 
 

โดย: hunjang วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:8:26:01 น.  

 
 
 
หวัดดีอีกรอบ

เล่มนั้นของพระอาจารย์ภาสกรน่าสนใจแฮะ

คิดว่าหลับฝันดีกว่าวันที่หงส์แพ้เพราะลูกโป่งอะนะ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:14:38:03 น.  

 
 
 
อา... ไม่ได้สังเกต Volume ฉบับนี้เลยแฮะ ยังมีอยู่รึเปล่าหว่า? เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะดูให้นะ

ทำไมอยากได้เล่มนี้ล่ะ อยากดูแฟชั่นเซ็ตหนุ่มแท็ค ศรันยูเหรอ 5555++
 
 

โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:15:49:18 น.  

 
 
 
เป็นไงมั่งอ่ะ นัท คุง สบายดีเปล่าจ๊า..ไม่ได้มาทักทายกันนานมาก..มหัศจรรย์เจงๆ..ฮ่าๆ
 
 

โดย: Why England วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:3:45:37 น.  

 
 
 
สวัสดีฮะนัทคุง

วันนี้ตื่นเช้ามาสดชื่นดีรึเปล่าครับ

อิ อิ

 
 

โดย: jonykeano วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:29:14 น.  

 
 
 
อัศจรรย์... ที่คุณนัท-คุงเก็บความสงสัยมาได้จนถึงทุกวันนี้ (กี่สิบปีมาแล้วคะเนี่ย)

ดีใจด้วยที่หงส์ฯ ชนะผี แต่ก็อัศจรรย์ใจจริง ๆ ที่แข่งทีไร ผีแพ้ทางหงส์ฯ ทุกที
 
 

โดย: Kitsunegari วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:11:40 น.  

 
 
 
+ เอ่อ! พี่เพิ่งสังเกตว่าหน้านี้มีอายุย่างเข้าอาทิตย์ที่ 3 แล้ว?!?
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:57:34 น.  

 
 
 
Volume เล่มนั้นหาไม่เจอแล้วนะ ที่เชียงใหม่ก็ไม่มี (อู๊ย... กว่าจะมาตอบ)

คราวนี้นัท-คุงหายไปนานจัง (ช่วยคุณวินตามอีกคน)
 
 

โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 202.134.119.218 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:54:22 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

The Legendary Midfielder
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...
" เพราะเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี, เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด, เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ
" หากปรารถนาผลอันดี พึงสร้างเหตุสร้างปัจจัยอันดี "


...
" ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ "


...
" ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต
กลับใจจะพบฟากฝั่ง "


...
"หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
"ทำกรรมดีย่อมได้รับผลของกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลของกรรมชั่ว"



...
"...กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
"ไม่ว่าเราจะประสบพบกับคราวเคราะห์หนักหนาสาหัสแค่ไหน
"ให้ระลึกไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรและสาสมแก่เราแล้ว
"เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุนั้นๆมาก่อน
"ผลเช่นนี้จึงตามมา..."

[Add The Legendary Midfielder's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com