Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ชลวาห์กาล ๒๐ (ธัญรัตน์)




วันวิวาห์เดินมายังไม่ทันจะถึงบ้านพักดีนัก ก็เป็นหน้ามืดเพราะความเหนื่อยอ่อน จนชนะชลต้องรีบเข้าไปประคองไว้ “วันวิวาห์ ๆ คุณเป็นอะไร” เขาตกใจและรีบช้อนร่างของเธอ ขึ้นไปบ้านและวางร่างเธอไว้ที่เบาะตรงมุมอ่านหนังสือทันที.....สีหน้าที่ขาวซีด บ่งบอกให้เขารู้ว่า เธอนั้นอ่อนแรงมากแค่ไหน

เขามองเธอแล้วให้รู้สึกสงสารยิ่งนัก ถ้าเขาทำได้ เขาก็อยากจะอุ้มพาร่างที่ไร้สติของเธอ กลับไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังงาม แล้วไม่ยอมให้เธอทำอะไรที่เป็นการทำลายสุขภาพของตัวเองอีกเป็นแน่ แต่เขาก็ทำได้แค่หาผ้าชุบน้ำเย็น มาเช็ดหน้าและแขนให้เธอเท่านั้นเอง ไม่นานดวงตาที่ปิดสนิทของเธอค่อย ๆ ลืมขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันเป็นอะไรไปคะ” เธอถามเขา
“คุณหมอก็เป็นลมไปหนะสิครับ คงจะเหนื่อยมากแล้วก็ไม่ยอมกินอะไรมาทั้งวัน” เขายังพอมีอารมณ์ขันด้วยการเรียกสรรพนามเธอเสียเต็มยศ ทำให้เธอพอจะยิ้มได้
“ผมดีใจจัง ที่เห็นคุณยิ้มออก แล้วว่าแต่คุณพอจะลุกไหวมั้ย ผมว่าไปอาบน้ำก่อนเถอะนะ จะได้สดชื่น แล้วผมจะหาอะไรให้กิน แล้วคุณค่อยนอนพัก” เขาบอกเธอด้วยความอาทร

“ขอบคุณค่ะ คุณเองก็ควรจะพักนะคะ เราต่างก็เหน็ดเหนื่อยมาเหมือนกัน” เธอบอกกับเขา พร้อมทั้งพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น โดยมีเขาคอยช่วย “ผมได้พักบ้างแล้วตอนที่คุณอยู่ในห้องผ่าตัด แต่ส่วนคุณยังไม่ได้พักเลย...งั้นผมเข้าครัวก่อนนะ” เขาบอก เพราะเธอจะได้มีเวลาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่นานนัก เขาก็มาเคาะประตูเรียกให้เธอไปกินข้าว
“ข้าวต้ม ไข่เจียว และผักกาดกระป๋อง ผมมีฝีมืออวดคุณแค่นี้หล่ะ เพราะมันเป็นอาหารที่ผมใช้ยังชีพบ่อย ๆ เวลาที่เข้าป่า” เขาบอกเธอ และเธอก็ยิ้มให้เขาด้วยความปลื้มใจที่เขามีน้ำใจกับเธอ

“แต่คุณจะเชื่อไหมคะ ว่าอาหารพวกนี้ เป็นอาหารโปรดของฉัน กับรวิทย์ตอนที่เราเรียนอยู่เมืองนอกเหมือนกันค่ะ” เธอตอบเขาไป แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน และลงมือจัดการกับอาหารมื้อแรกในรอบหนึ่งวันกับสองคืน ที่ทั้งสองไปผจญภัยด้วยกันมา เสร็จแล้วเขาก็ให้เธอเข้าไปพักผ่อนในห้อง ไม่นานเธอก็หลับสนิท และตัวเขาเองพอจัดการล้างชามเสร็จ ก็รีบตรงไปหามารดาตามที่รวิทย์ให้ที่อยู่เอาไว้


วันวิวาห์ก้มกราบแทบเท้าดวงแข ที่บัดนี้เธอได้รับรู้ว่าบุตรสาวที่เธอรัก และอยากจะอยู่ใกล้ที่สุด ได้ล่วงรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
“คุณวา...” เธอพูดได้แค่นั้น น้ำตาแห่งความดีใจก็หลั่งไหลออกมา เธออยากจะลุกขึ้นมาโอบกอดลูกเอาไว้ ให้หายคิดถึง แต่ด้วยความที่ เธอยังคงนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงคนไข้นั่นเอง จึงทำได้แค่อ้าแขนรับ การโผตัวเข้าไปโอบกอดของวันวิวาห์แทน

“แม่คะ วาขอโทษค่ะ ยกโทษให้วาด้วยนะคะ วาทำไม่ดีกับแม่แท้ ๆ ของตัวเอง” เธอเรียกดวงแขผู้เป็นแม่อย่างเต็มปาก ยังผลให้ดวงแขนั้นปลาบปลื้มใจเหลือเกินที่ได้ยินคำ ๆ นี้ ออกมาจากปากของเธอ
“คุณวา...คุณวาของแม่” เธอพูดได้แค่นั้น ก็สวมกอดลูกเอาไว้ และทั้งสองก็ร้องไห้ให้กันด้วยความตื้นตันใจ ที่ได้พบกันอีกครั้ง ในฐานะที่ต่างจากเดิม ถึงแม้ว่าทั้งสองจะคุ้นเคยกันมาก่อน แต่ก็ต่างกันที่สถานะนั่นเอง ทั้งรวิทย์ ชนะชล และเอมอร เห็นทั้งสองสวมกอดกันแล้ว ก็พลอยดีใจไปด้วย และคิดว่าเรื่องทั้งหลายคงจะลงเอยในไม่ช้านี้

“ป้าดีใจด้วยนะคะคุณหมอที่ได้พบคุณแม่แล้ว” กิติยากล่าวเมื่อวันวิวาห์และทุกคนออกมาจากห้องพักของดวงแขแล้ว แต่กิติยาก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่รู้มาจากเอมอรเรื่องดวงแขกลายมาเป็นแม่ของวันวิวาห์ เพราะกิติยารับรู้จากการมาเยี่ยมชนะชลเมื่อครั้งที่วันวิวาห์ยังไม่ได้กลับมาจากเมืองนอกนั้น ดวงแขยังเป็นแค่คนรับใช้เก่าแก่ในบ้านแค่นั้น แต่ทำไมตอนนี้จู่ ๆ กลับเปลี่ยนฐานะขึ้นมากระทันหัน

“คุณแพรวก็ขอแสดงความดีใจด้วยนะคะคุณหมอ” กิติกรรีบบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงใจเป็นที่สุด แต่ในความคิดของเธอนั้น ไม่ได้ต่างจากมารดาเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ต่างไปจากเพื่อน ๆ ของเธอทันทีที่รู้จากปากเธอ ทุกคนต่างแปลกใจไม่แพ้กัน
และจากเรื่องราวที่ได้รู้มานี้ ทำให้กิติกรรู้ว่าตัวเองมีชาติตระกูลที่เหนือกว่าวันวิวาห์อย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อย ๆ เธอก็เป็นลูกคุณผู้หญิงของบ้าน ไม่ใช่เป็นแค่ลูกคนใช้อย่างวันวิวาห์

“พวกเราด้วยนะคะคุณหมอ” นุติพรกล่าวตาม
“ขอบคุณค่ะ วาต้องขอโทษทุก ๆ คนนะคะ ที่วันนี้ไม่ได้ไปดูแล ต้องไปทำงานค่ะ” เธอบอกเพราะรู้สึกผิดที่ไม่มีเวลาได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี “ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะหนูวา ไปทำงานให้สบายเถอะนะคะ ป้ามีตั้งสองหนุ่มคอยช่วยอยู่แล้ว” เอมอรบอกด้วยรอยยิ้ม

“จริงค่ะคุณหมอ ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณแพรวจะไม่ยอมให้คุณหมอวิทย์มองสาวไหนเลยค่ะ งั้นเราไปกันเถอะนะคะ คุณแพรวหิวข้าวแล้วค่ะ” กิติกรบอกและยิ้มให้เธอ วันวิวาห์ได้แต่มองวงแขนของเขา ที่ตั้งแต่มาก็ถูกกิติกรจับจองเอาไว้แทบจะตลอด ความดีใจที่ได้พบแม่อยู่เมื่อสักครู่นั้น แทบจะหมดไปกับภาพที่อยู่ตรงหน้า แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยเช่นเคย

และมันก็ไม่ได้ต่างไปจากอีกคนเลยแม้แต่น้อย เพราะความสุขที่เขาได้อยู่ใกล้ ๆ เธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น ก็ถูกกั้นด้วยหลาย ๆ คนที่ต่างก็ห่วงเธอแทบจะทั้งนั้น โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้ชื่อว่ากำลังจะเข้ามาเป็นเจ้าของ ๆ เธอในอีกไม่ช้านี้ แล้วความคิดของเขาแต่แรกที่อยากจะมาอยู่ใกล้ ๆ เธอสักพัก ก่อนที่จะไปปากช่องลก็ถูกทำลายลงไปแล้ว จากเจ้าของมือที่ข้องแขนเอาไว้ไม่ยอมห่าง


“ได้เรื่องอะไรมั้ยยายแพรว” นุติพรถามเพื่อนรักทันทีที่ร่างกิติกรพ้นประตูห้องพักเข้ามา
“ไม่ได้อะไรเลย คุณป้าบอกแต่ว่าไม่รู้เรื่องอะไร ส่วนคุณแม่ก็ไม่รู้จริง ๆ ฉันเลยอดรู้เรื่องของคุณสุเมธเลย” กิติกรบอกเพื่อน ๆ ขณะที่ตัวเองทรุดลงนั่งที่เตียงนอน หลังจากที่พยายามจะหลอกถามมารดาและเอมอรเรื่องความสัมพันธ์ของดวงแขและวันวิวาห์ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างกับเธอเลย
“ไม่รู้ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่แพรว เพราะตอนนี้เธอก็เหนือกว่าหมอแทบทุกอย่างอยู่แล้ว จะไปกลัวอะไรกับแค่คนที่เป็นลูกคนใช้ในบ้าน” อรวรรณปลอบใจเพื่อนสาว

“ฉันว่าก็ถูกของยายวรรณนะ ทางที่ดีเธอควรจะรีบ ๆ ดึงตัวพี่ชลให้ไปจากที่นี่เร็ว ๆ เถอะ จะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้หมอวาไง นี่ไม่รู้ว่าแอบมาหากันกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง พี่ชลนะพี่ชล เสียแรงจริง ๆ เลย” กรกนกรีบสมทบเพื่อน
“นั่นสิยายแพรว แล้วเมื่อไหร่คุณป้าเอมอรกับแม่เธอจะพาพี่ชลกลับบ้านซักที ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งจะทำให้พี่ชลอยู่ใกล้หมอไปเรื่อย ๆ นะ” นุตพรเห็นด้วยอย่างยิ่ง

“ก็คุณป้าสิ บอกว่าจะรอให้ป้าดวงแขหายดีก่อนค่อยกลับ บอกว่ามันดูจะน่าเกลียดถ้าเราทิ้งไปตอนนี้ ใจจริง ๆ ของฉันหน่ะเหรอ อยากจะพาพี่ชลกลับตั้งแต่วันแรกที่ฉันรู้ว่าพี่ชลบอกว่าบังเอิญมาพบยายหมอหน้าซื่อบื่อแล้ว จ้างให้ก็ไม่เชื่อ เรื่องอะไรจะบังเอิญมาพบกันแบบนี้ มันบังเอิญเกินไป” กิติกรบอกด้วยแววตาที่โกรธจัด เมื่อจินตนาการเห็นคนทั้งสองที่แอบมาพบกัน

“อันที่จริงแล้ว เรากลับช้าหน่อยก็ดีนะยายแพรว ระหว่างนี้เธอก็คอยควงพี่ชลไปอวดหมอบ่อย ๆ สิ แล้วก็ให้หมอรวิทย์ไปหาแฟนเขาบ่อย ๆ อวดพี่ชลคืนบ้าง หรือไม่ก็ดึงพี่ชลเอาไว้ ไม่ให้ไปมาหาสู่หมอบ่อย ๆ ก็ยังได้เลย หรือถ้าเธอกลัวนักก็งัดไพ่ใบสุดท้ายออกมาใช้เลยสิ ให้มันรู้ไปว่าคนหน้าบางอย่างหมอวาจะไม่รู้สึกอาย ที่พวกเรารู้ทันแผนที่จะเอาตัวไปใช้หนี้แทนหน่ะ” นุติพรออกความคิดเห็น

“เอ่อ...จริงของเธอนะ ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย” กิติกรเหมือนจะได้คิดตามที่เพื่อนบอก แล้วแววตาที่เปล่งประกายของความอยากเอาชนะก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง


บ้านพักของวันวิวาห์ ได้มีโอกาสต้อนรับดวงแข ผู้เป็นมารดามาอยู่ด้วยได้หลายวันแล้ว หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล วันวิวาห์ก็ไม่ยอมให้ดวงแข ไปอยู่ที่ไหนอีกเลย เธอได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากดวงแข ว่าตั้งแต่ที่หนีออกจากบ้านแล้ว ชีวิตเธอนั้นร่อนเร่ไปอยู่ที่ไหนบ้าง จนได้มาเป็นแม่ครัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในอำเภอนี้ได้สักสองเดือนแล้ว

จนเจ็บป่วย และนายจ้างก็พาเธอมาส่งโรงพยาบาล แล้วก็ได้พบกับลูกสาวนั่นเอง ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะยังไม่สนิทใจในฐานะใหม่ก็ตาม แต่ก็ได้ปรับตัวเข้าหากันได้อย่างดี วันวิวาห์จัดหาข้าวของเครื่องใช้ให้มารดาใหม่ โดยมีรวิทย์คอยช่วยอีกแรง แล้วเขาก็มีดวงแขคอยเป็นเพื่อนคุย ในช่วงกลางวันที่วันวิวาห์ไปทำงาน แล้วตอนเย็นทุกคนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกันอย่างสนิทสนม และคนทั้งสองก็สร้างรอยยิ้มให้กับวันวิวาห์ได้บ่อยครั้ง กว่าเมื่อก่อนมาก

แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้น ครั้นพอหัวใจนึกเจ้าของร่างอันแข็งแรง ที่เธอใช้เป็นที่ซุกหาไออุ่นในวันที่หลบพายุ ก็ทำให้รอยยิ้มของเธอแทบจะเหือดแห้งไป เพราะเขาไม่ได้มาหาเธอหลายวันแล้ว นับตั้งแต่วันที่ดวงแขออกจากโรงพยาบาล และยิ่งเมื่อเธอคิดไปถึงผู้ที่มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในตัวของเขาแล้ว ก็ยิ่งทำให้วันวิวาห์ไม่อยากจะอยู่เสวนาพาทีกับใครเลย


“วา....เมื่อไหร่วาจะย้ายกลับไปบ้านเราซักที วิทย์อยากให้ป้าแขได้ไปอยู่ที่บ้านเรา จะได้อยู่กับป้าสุขไง” รวิทย์เลียบเคียงถามเธอ หลังจากที่เขาเดินไปหาเธอตอนเข้าเวร เพราะวันนั้นปลอดคนและก็ดึกมากแล้ว พร้อมกับทั้งสองได้มีโอกาสอยู่ห่างสายตาดวงแข เขาจึงสบโอกาส พูดกับเธอในเรื่องที่เขาตั้งใจจะพูด เพราะนั่นคือจุดประสงค์อันแท้จริง ที่เขาตั้งใจนั่งเครื่องมาหาเธอ ถึงที่นี่นั่นเอง
“ขอเราอยู่ที่นี่สักพักก่อนนะวิทย์ เรายังไม่อยากจะไปไหน” นั่นคือคำตอบของเธอ

“งั้น....เราแต่งงานกัน แล้ววิทย์ย้ายมาอยู่กับวานะ” เขาถามออกไป ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะจริงจัง ซึ่งแตกต่างจาก เมื่อก่อนที่เขาพูดเป็นทีเล่นทีจริง
“วิทย์อยู่ไม่ได้หรอก มันกันดารเกินไปสำหรับวิทย์ แล้วอีกอย่าง วาสงสารคุณลุงกับคุณป้า ถ้าวิทย์มาแล้วใครจะดูแลท่าน เอาไว้รออีกสักพักนะ ให้วาสบายใจก่อน แล้ววาก็จะขอย้ายกลับ ที่นี่ไม่ได้ทำให้วามีรายได้พิเศษ เพื่อเอามาใช้หนี้คุณชนะชลนะ วิทย์ก็รู้” เธอบอกกับเขาไปอย่างนั้น
แต่ในความคิดก็คำนึงถึงใครคนหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนจากรวิทย์เป็นเขา เธอก็คงจะไม่ลังเลที่จะให้คำตอบออกไป แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขานั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว

“วา...วิทย์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว เราสองคนรักกันมานานแล้วนะ มันถึงเวลาที่เราจะต้องแต่งงานกันแล้ว วาสัญญากับวิทย์ไว้แล้วนะ วิทย์ขอสัญญาของวิทย์คืน เราไม่อยากจะเห็นวามาทนลำบากเพียงลำพังอีกแล้ว ให้เราได้มีโอกาสทำอะไรเพื่อวาบ้างเถอะนะ” เขาใช้ไม้ตายกับเธอ
“วิทย์....วิทย์แน่ใจแล้วเหรอ ที่จะมาแต่งงานกับเรา ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ วามีภาระที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่วาจะทำสำเร็จ แล้ววิทย์ยังจะ....เอ่อ....” เธอบอกกับเขาได้แค่นั้น ก็ถูกเขาดึงเอามือมากุมเอาไว้

“วา...วิทย์รักวา...และไม่สนใจอะไรทั้งนั้นอีกแล้ว ให้วิทย์ได้เป็นคนดูแลวาเถอะนะ วิทย์รอวามานานแล้ว อย่าให้วิทย์รออีกเลยนะวา...วิทย์ขอร้อง” เขาพูดแล้วก็รั้งร่างของเธอเอาไปกอดเอาไว้
“วิทย์....วา....เอ่อ....” ไม่มีคำพูดใด ๆ จากเธออีกแล้ว เพราะเธอรู้ดีว่า ไม่สามารถจะผลัดรวิทย์ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะนานแค่ไหน เธอก็จะต้องแต่งงานกับรวิทย์อยู่ดี เพราะเขาคือคนที่รัก และห่วงใยเธอมานาน หรือแทบจะตลอดชีวิตของเขาก็ว่าได้
“ถ้าวายังไม่อยากย้ายกลับ เราก็หมั้นกันก่อนก็ได้นะ....” เขาเอาจริง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธ

“ถ้าวาไม่ขัดข้อง วิทย์จะกลับไปบ้าน และเตรียมทุกอย่างรอ ส่วนวาก็เดินเรื่องย้ายกลับไปบ้านเรา ปัญหาทุกอย่าง ย่อมมีทางแก้ไขนะวา” เขาบอกก่อนที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เพราะเกรงว่าจะมีคนมาเห็นเข้า จะไม่เป็นเรื่องสมควรสักเท่าไหร่ แล้วไม่นานเขาก็กลับไปที่พัก เพราะคืนนี้เธอเป็นแพทย์เวรออนคอล จะต้องเขาห้องผ่าตัดด่วนให้คนไข้นั่นเอง

บรรยากาศที่โรงพยาบาลคืนนี้ค่อนข้างจะเงียบไปถนัด.....ผิดกับคืนอื่น ๆ ที่เธอเป็นแพทย์เวรออนคอล ที่มีคนไข้เยอะจนแทบจะไม่มีเวลาได้พักเลย แต่กับคืนนี้ เป็นคืนที่เธอไม่อยากจะอยู่ว่าง กลับไม่มีคนไข้เข้ามามากเลย แล้วมันก็ทำให้วันวิวาห์นั้น ต้องคิดไปถึงเขาอีกจนได้

“นี่กี่วันแล้ว ที่เขาหายหน้าไป ตั้งแต่วันที่แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็ไม่เคยมาหาเราอีกเลย แม้แต่จะโทรศัพท์เข้ามา ก็ไม่มีวี่แวว เขาคงจะมัวแต่พาคู่หมั้นไปตระเวณเที่ยวจนทั่วแล้วหละมั้ง”

นั่นคือความคิดของเธอ เพียงแค่เธอเผลอใจ แบ่งปันความรู้สึกนึกคิดไปถึงเขาเท่านั้น มันก็ทำให้เธอรู้สึก เจ็บปวดเหลือเกิน กับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต และที่เธอไม่เข้าใจก็คือการที่กิติกรมาปรากฏตัวที่นี่ เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อว่ากิติกรจะรู้สึกห่วงเธอมาก ถึงขั้นต้องดั้นด้นตามรวิทย์มาในที่ ๆ ธุรกันดารขนาดนี้ได้

“คุณชนะชลนี่สงสัยแต่งงานแล้วจะไปไหนมาไหนไม่ง่ายเหมือนตอนนี้นะคะคุณวา” สุขพูดขณะที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกับเธอ เมื่อครั้งที่เธอกลับบ้านคราวที่แล้ว
“ทำไมคะ” เธอถามแค่นั้น “ก็จะอะไรซะอีกคะนั่นไงคะ นังแจงมันคอยมารับโทรศัพท์ที่คุณแพรวโทรมาแทบจะทุกวัน ๆ เลยค่ะ แล้วเวลาโทรมาก็จะถามว่าคุณชนะชลอยู่ที่ไหน ๆ จนป้าเบื่อจะตอบแล้วค่ะ ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนานะคะ ทำยังกับว่าบ้านนี้จะมีใครมาคอยดึงคุณชนะชลเอาไว้อย่างนั้นหล่ะค่ะ” สุขบอก

หญิงสาวไม่อยากจะคิดว่ากิติกรกำลังระแวงเธอ แต่มันก็แทบจะไม่มีเหตุผลอะไรที่กิติกรจะทำถึงขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยวบ้านเธอบ่อยครั้งกว่าที่เป็น หรือการโทรเช็คชนะชลทุกฝีก้าว หรือแม้แต่ตามเธอมาที่นี่
วันวิวาห์ค่อย ๆ หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยอ่อนกับสถานะการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ สิ่งที่กิติกรทำมันไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย แต่เธอเองต่างหากที่ผิด ๆ ต่อรวิทย์ ผิดต่อกิติกร

“นี่ความรักของเธอ กำลังจะเจริญรอยตามเรื่องของพ่อและแม่ แล้วหรืออย่างไร แล้วเธอจะทนความเจ็บ ได้อย่างแม่หรือไม่ ที่ยอมให้พ่อไปแต่งงานใหม่ แล้วตัวเองก็จมอยู่กับความทุกข์ และก็เป็นทุกข์ที่ไม่มีโอกาสได้สมหวังอีกเลย จนกระทั่งพ่อจบชีวิตลง”

แต่ในความรู้สึกของเธอแล้ว หากชะตาชีวิตจะลิขิตให้เธอและเขา จะต้องพลัดพราก หรือคลาดแคล้วจากกันไปแล้วหล่ะก็ เธอก็ปรารถนาที่จะเลือกให้เขามีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ครองคู่กับเธอก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็ยังจะมีโอกาสได้ล่วงรู้ว่า ชีวิตเขาจะดำเนินไปเป็นเช่นไรในภายภาคหน้า
วันวิวาห์ต้องสลัดความรู้สึกเจ็บปวดนี้ออกไปจากใจ...เมื่อยกข้อมือดูนาฬิกก็พบว่าเป็นเวลาใกล้จะตีห้าแล้ว เธอต้องกลับไปพักแล้ว เพราะคนไข้ที่เพิ่งจะผ่าตัดไปนั้นปลอดภัยแล้ว

“มารับคุณหมอเหรอคะ....อยู่ในห้องค่ะ คงกำลังจะเก็บของพอดี” เสียงพยาบาลทักใครบางคนจากด้านนอก....จนดังเข้ามาในห้อง
“คงจะเป็นวิทย์กระมัง”....ในความคิดของเธอ แต่แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจ ที่เป็นคนที่เธอเพิ่งจะสลัดออกจากความคิดเมื่อไม่นานมานี้ แทนที่จะเป็นรวิทย์
“พอดีผมมาทำธุระแถวนี้ รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ก็เลยแวะมาหา เผื่อจะได้รับคุณไปส่งบ้าน คุณจะกลับหรือยัง”

“กำลังจะเก็บของค่ะ...ขอบคุณนะคะที่มารับ” เธอบอกเขา แต่ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากเขา นอกจากที่เขารีบช่วยเธอถือข้าวของ และก็เดินนำหน้าเธอออกไป และคนทั้งคู่ก็ทำให้พยาบาลที่อยู่ด้านหน้าห้อง ต่างก็พากันยิ้มให้กัน เพราะหมอสาวของพวกเธอนั้น ช่างเสน่ห์แรงเหลือเกิน เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีหมอหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามาเฝ้าจนดึกดื่น แต่พอถึงเวลาจะกลับก็มีอีกหนึ่งหนุ่ม ที่หน้าตานั้นไม่ต้องพูดถึง เขาช่างดูดีและมีความมั่นใจในตัวเองสูงเหลือเกินในสายตาของพวกเขา

“วันมะรืนผมจะไปส่งคุณแม่กลับบ้านแล้วนะ เสร็จแล้วก็จะลงไปปากช่องเลย คุณกับป้าแขจะฝากอะไรไปให้ป้าสุขมั้ย” เขาบอกเธอหลังจากที่เดินมาเกือบจะถึงบ้านพักแล้ว “ยังไม่รู้ค่ะ ต้องถามแม่ก่อน” เธอตอบแค่นั้น
“ผมกลับคราวนี้ อาจจะไม่ได้มาหาคุณอีกหลายเดือน เพราะตั้งใจว่าจะสะสางงานที่โน่นให้เป็นระบบระเบียบดี ๆ เผื่อว่าคุณเข้าไปดูแลเอง จะได้ตรวจสอบได้ง่าย ๆ” เขาบอกเธอ แต่ก็ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรอีก ก็พบว่าดวงแขกำลังถือตะกร้าหวายลงมาจากบ้านพัก
“แม่จะไปไหนคะ” เธอถาม
“คุณวา...แม่จะไปตลาดค่ะ” เธอตอบบุตรสาว แต่ก็ไม่วายที่จะเรียกเธอว่า
“คุณ”
ด้วยความเคยชิน ทั้ง ๆ ที่วันวิวาห์ ก็บอกให้เธอเรียกแค่ชื่อเธอเฉย ๆ แต่ดวงแขก็ไม่ยอม บอกว่าอยากจะเรียกเธออย่างเดิม วันวิวาห์จึงปล่อยให้เลยตามเลย

“แม่ยังไม่หายดีเลย จะไปซื้ออะไรคะ เอาไว้วาจะไปซื้อให้ก็ได้” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เอาค่ะ คุณวามาเหนื่อย ๆ แม่ไปเองได้ รถสองแถวก็ผ่านหน้าโรงพยาบาล ตอนแม่ทำงานที่ร้านอาหาร ก็ไปจ่ายตลาดตอนเช้ามืดแบบนี้ค่ะ” เธอตอบออกไป
“แต่แม่คะ....” เธอบอกได้แค่นั้น
“เอาอย่างนี้นะ ผมจะพาวาไปให้ ป้าแขจะได้ไม่เหนื่อย ส่วนคุณก็จะได้ไม่ต้องขึ้นรถสองแถว ตกลงตามนี้นะ” เขาออกความเห็น และทั้งหมดก็ยุติเรื่องไว้ที่ทางออกของเขานั่นเอง
รถของชนะชลแล่นออกมาจากเขตโรงพยาบาลไปได้ไม่นาน เขาก็ต้องค่อย ๆ ชะลอรถ และหลบเข้าข้างทาง เพราะเขาได้รับรู้ว่าคนที่นั่งมาข้าง ๆ นั้น หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยากที่จะเดา
เขารีบคว้าเอาเสื้อนอก ที่มีประจำไว้ที่รถมาคลุมให้เธอ เพื่อให้ได้รับความอบอุ่น เขาจ้องมองใบหน้าที่หลับสนิท เพราะความเพลียกับงานมาเกือบทั้งคืน

“อีกไม่นาน เธอก็คงจะต้องตกไปอยู่ในกรรมสิทธิ์ของคนที่ร่ำร้องขอเธอแต่งงานเมื่อคืนนี้”
เขาอดคิดไม่ได้ เพราะบทสนทนาระหว่างเธอกับรวิทย์นั้น ไม่ได้คลาดแคล้วจากสายตาเขาเลย เพราะด้วยความที่เขาทนคิดถึงเธอไม่ได้ เพราะไม่ได้เจอหลายวันแล้ว เลยแวะไปหาด้วยรู้ว่าคืนนี้เธอจะต้องถูกโทรตามให้มารักษาคนไข้เป็นแน่
แต่เขาก็ให้โกรธตัวเองเหลือเกินที่ไปหาเธอเมื่อคืนนี้ เพราะมันทำให้เขาต้องได้ยินกับเรื่องที่เขาไม่อยากจะได้ยินเอาเสียเลย จนเขาต้องหนีกลับออกมา และตั้งใจจะขับรถหนีทุกคนไปตั้งแต่เมื่อคืน

แต่เขาก็ทำไม่ได้..จึงต้องกลับไปขลุกอยู่ที่พัก และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนจะหมดคืน ในที่สุดเขาก็ต้องพ่ายแพ้กับความต้องการของตัวเอง และก็หวนกลับมาหาเธออีกครั้ง และก็ดูเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเขาอยู่บ้าง ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังอีกครั้ง
หลังจากที่หลาย ๆ วันผ่านมา กิติกร และหลาย ๆ คน เป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาพบเธอได้ลำบาก หรือถ้าจะมาก็คงไม่มีทางที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ เธอตามลำพังไม่ได้ เพราะกิติกรไม่เคยปล่อยให้เขาได้อยู่คนเดียวเลยแม้แต่น้อย และเหนือสิ่งอื่นใด เธอก็มีรวิทย์คอยอยู่ใกล้ ๆ แทนเขาแล้วนั่นเอง

เขาอยากจะให้ตลาดอยู่ไกลกว่านี้ไปอีกสักร้อย สักพันกิโล เพื่อที่จะได้มีเธอ คอยอยู่กับเขาอย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน แต่เขาก็ได้แค่คิด แล้วก็ต้องค่อย ๆ ออกรถตรงไปยังตลาด ทั้ง ๆ ที่คนข้าง ๆ นั้นหลับสนิทนั่นเอง
ไม่นานเขาก็มาถึงตลาด แล้วก็จัดแจงจ้างให้ลูกแม่ค้าที่ตั้งแผงขายของอยู่แถว ๆ ที่จอดรถ จัดหาข้าวของตามที่รายการที่ดวงแขจดไว้ให้ โดยที่เขาไม่ยอมทิ้งเธอไว้ในรถเพียงลำพัง ไม่นานข้าวของก็เต็มตะกร้า ตามรายการที่อยากได้ แล้วเขาก็ไม่ลืมที่จะให้สินน้ำใจกับลูกแม่ค้า ที่เอื้ออาทรในการจัดซื้อข้าวของให้เขาในครั้งนี้ แล้วก็ขับรถออกมาช้า ๆ

ชนะชลเลือกที่จะเลี้ยวรถเข้ามาจอด ที่ลานจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่ของรีสอร์ทเล็ก ๆ ที่เขาและทุกคนพักอยู่ และที่แห่งนี้เขาก็จะใช้เป็นที่พัก ในทุก ๆ ครั้งที่มาหาเธอ นาฬิกาที่หน้าปัดรถ บอกเวลาตีห้าแล้ว และมันก็เป็นเวลาที่ผู้คนกำลังหลับใหลอย่างสบาย และมันก็คงจะพอ ๆ กับคนข้าง ๆ ของเขาด้วยกระมัง เพราะเธอนั้นเอาศีรษะมาซบกับไหล่ของเขา ตั้งแต่ขยับตัวตอนที่เขาขับรถออกจากตลาดแล้ว เขาอยากจะดึงร่างของเธอเข้ามากอดไว้แนบอกเอาไว้ ให้คลายความคิดถึงลงไปบ้าง แต่ก็ทำได้แค่ในความคิด
ไม่นานหญิงสาวก็รู้สึกตัว และเธอก็พบว่าตัวเองนั้น กำลังเอาหัวพิงไหล่เขาเอาไว้ เธอรีบพยุงตัวเองให้ออกจากไหล่เขาทันที ในใจนั้นก็นึกอายตัวเองเหลือเกิน ที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ถึงตลาดแล้วเหรอคะ” คือคำถามแรกของเธอ
“ผมซื้อของให้ครบแล้ว พอดีเห็นคุณหลับ ผมไม่อยากจะปลุกคุณ และก็ยังไม่อยากจะพาคุณกลับตอนนี้ ก็เลยแวะจอดที่นี่ก่อน คุณจะได้หลับอีกสักหน่อย อากาศตอนเช้ามืดค่อนข้างจะหนาว ห่มเอาไว้นะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” เขาบอกเธอ พร้อมกับมือก็เอื้อมไปหยิบเอาเสื้อตัวเก่าของเขา ที่ห่มไว้ให้เธอ แล้วมันก็ล่วงลงไปที่เอว แล้วก็ห่มให้เธออีกครั้ง

ดวงตาที่คมเข้มมองไปยังใบหน้าและดวงตาของเธออย่างห่วงใย และมันก็ไม่แพ้กับดวงตาคู่นั้นของเธอเลย ที่มองมาที่เขา ทั้งสองคู่ต่างประสานสายตากันและกัน ประหนึ่งจะถ่ายทอดความในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แล้วเขาก็เผลอเอามือไปเชยคางมน เพื่อที่จะได้มองหน้าเธอชัด ๆ หัวใจของเขามันช่างเรียกร้องหาสัมผัสอันหอมหวาน ที่เขาเคยได้รับมาเหลือเกิน

ไม่นานเขาก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเอง ใบหน้าคมเข้มก้มลงจุมพิต ที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มของเธออย่างจงใจ และก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้น จะล่วงรู้ถึงความต้องการของเขา หญิงสาวหลับตาพริ้มเพื่อพร้อมรับกับรสสัมผัสของเขา ที่เธอเองก็ปรารถนามานาน
จูบอันหอมหวาน นุ่มนวล แล้วก็อบอุ่น ที่เขามอบให้เธอนั้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน จนเธอเผลอเอามือไปโอบกอดเขาไว้ด้วยความถวิลหา จนยากที่จะปฏิเสธได้

ร่างของเธอถูกเขาโอบกอดไว้แนบแน่น ราวกับกลัวจะหลุดหายไป พร้อมกับมือสองข้างลูบไล้ตามแผ่นหลังที่นุ่มละมุน และนวลเนียน ถึงแม้จะเป็นเพียงนอกร่มผ้า แต่เขาก็รับรู้ได้ไม่ยาก
ทั้งสองได้ถ่ายทอดสัมผัสรักที่เนิ่นนาน และหนักหน่วงให้กันและกัน ยังความวาบหวาม ซาบซ่านมาจรรโลงหัวใจ ให้พอประทังความคิดถึง ความโหยหาจากกันและกันไปได้บ้าง แต่แล้วทั้งสองก็ต้องยุติลง เมื่อต่างฝ่ายต่างเรียกสติกลับคืนมาได้

“ผมรักคุณ”
นั่นคือคำบอกรักของเขา ที่บอกเธอออกไปในที่สุด หลังจากที่เขาต้องฝืนใจ ผละจากร่างที่นุ่มนวลของเธอ.....แทนคำบอกรักกลับของเขา ดวงตาของวันวิวาห์ ได้แต่มองหน้าเขาแค่นั้น แล้วก็มีหยดน้ำไหลรินออกมาอาบแก้ม ด้วยความเจ็บปวดยิ่งนัก
แล้วเธอก็โผร่างเข้าไปกอดเขาไว้อีกครั้ง ประหนึ่งจะเป็นการปลอบใจเขาและตัวเอง ว่าสิ่งที่เขาบอกมาเมื่อสักครู่นี้ เธอไม่อาจจะสนองตอบความต้องการของทั้งเขาและเธอได้

“เราต่างก็มีภาระหน้าที่ ๆ จะต้องรับผิดชอบค่ะ คุณเองก็รู้อยู่แล้ว" และก็ดูเหมือนว่าเขาจะรับรู้ถึงความหมายของคนบอกได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ เปล่งออกมาจากปากของเขา นอกเสียจากวงแขนที่กอดรัดเธอเอาไว้ให้แน่นขึ้น แล้วเขาก็ปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลรินออกมา เผยความอ่อนแอให้เธอได้เห็น
“เรากลับกันเถอะค่ะ แม่จะรอ” ในที่สุดเธอก็เรียกหัวใจตัวเอง ให้กลับมาพบกับความเป็นจริง แล้วเขาก็เห็นด้วยกับความคิดนั้น โดยการปล่อยร่างเธอ แล้วก็ขับรถออกจากที่นั่น เมื่อมีแสงของรุ่งอรุณเผยเข้ามาเยี่ยมเยือนไม่นานเขาก็จอดรถที่หน้าบ้านพักของเธอ

“บางทีผมจะพาคุณแม่มาหาคุณอีกตอนเย็น เผื่อว่าคุณกับป้าแขจะฝากอะไรไปให้ป้าสุข แล้วพบกันตอนเย็นนะ”
เขาบอกแค่นั้น และก็มีสายตาของเธอเป็นสัญญาณตอบรับแทนคำพูด แล้วก็ลงรถไป โดยมีเขาลงมาถือตะกร้าไปส่งให้ที่บันได แล้วทั้งสองก็หันหลังให้กันด้วยความเจ็บปวด







 

Create Date : 07 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:21:25 น.
Counter : 505 Pageviews.

 

เศร้าใจจัง เจ็บปวดกับความรักของคนทั้งคู่ ต่างก็รักกัน แล้วจะมีทางออกให้กับทั้งคู่ได้สมหวังกันไหมน้า

 

โดย: จิงโกะ IP: 122.154.5.102 7 ตุลาคม 2551 11:08:02 น.  

 

ตอนนี้คนเขียนเอง ก็พลอยเศร้าไปด้วยค่ะ

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะคุณจิงโกะ

 

โดย: ธัญญะ 8 ตุลาคม 2551 9:55:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.