ในชีวิตของนังคนนี้ ก็มีวีรกรรม ตอนจบ
และแล้ววันเสาร์ที่มีการแข่งขันก็มาถึง พวกเรามาเจอกันที่โรงเรียน เพราะความจริงทั้งห้องได้รับมอบหมายให้มาทำม่านห้องการละคร ละครอีกแล้ว ไม่รู้จะเล่นให้มันได้อะไรขึ้นมา (ขอยืมคำของคุณตาหน่อยนะ)
แล้วอาจารย์ก็จัดรถไปส่งพวกเราที่เซนต์จอห์น มีเพื่อนอีกคนที่ไปประกวดเล่านิทาน (คนนี้สิตัวเก็ง เพราะคุณเธอท๊อปเป็นปกติ) และอีก ๒ คนหนีตามมาเชียร์เรา (ก็หนีทำม่านห้องละครน่ะสิ)
หลังจากตื่นตาตื่นใจกับต่างถิ่น (เราเป็นนักเรียนโรงเรียนชานเมืองน่ะ ยุคนั้นเตรียมพัฒน์ยังบ้านน้อก บั้นน่อก) ไปลงทะเบียนเสร็จก็เตร็ดเตร่ดูโน่นดูนี่ไปพลางๆ ก่อนจะถึงเวลาเรียกให้ไปรวมตัวกัน ท่ามกลางบรรยากาศค่อนข้างโกลาหล เพราะมีนักเรียนมาร่วมงานจากทั่วสารทิศ มีการประกาศหาตัวกันวุ่นวายพอควร พวกเรานั่งๆ เล่นกันอยู่ก็ เอ้า รอบนึงนะ... สักพักก็ อ่ะ อีกรอบนะ
ถึงเวลาแยกย้ายไปเข้าห้องสอบ เอ๊ย ห้องประกวด ห้องใครห้องมัน เพื่อนที่ประกวดนิทานก็ไปอีกห้อง ความที่เพื่อนต้องประกวดคนเดียวเราเลยไล่กองเชียร์ไปเป็นเพื่อนเขา (ที่จริงอยู่ห้องกระจกใกล้ๆ กันน่ะแหละ) ระหว่างที่โรงเรียนอื่นเล่นๆ กันไป เราก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะพูดกันแคล่วคล่องทั้งนั้น อย่างศึกษานารี พูดกันไฟแล่บ (พระเจ้าจอร์จ..ขอสารภาพว่าฟังไม่ออกเลย) หรือบดินทร์เดชา ที่ผู้แสดงมาในชุดสูทจนกรรมการสัพยอกว่า “คิดว่ามีแขกมาเยี่ยมเราซะอีก” เพราะส่วนมากจะมากันในชุดนักเรียนตามปกติ และเนื้อเรื่องจะเป็นแนวต่อปากต่อคำกัน (ทะเลาะน่ะแหละ แต่ก็อย่างว่านะ ถ้ามันไม่ได้มีเรื่องมาต่อปากต่อคำกัน แล้วมันจะขุดเรื่องอะไรมาพูดกันเป็นวรรคเป็นเวรได้ล่ะ หรือจะให้ชมนกชมไม้) จนกรรมการยังมาสรุปเลยว่า ธรรมดาคนฝรั่งเศสเขาไม่ค่อยโกรธหรือทะเลาะกันหรอกนะหนูๆ
อ้าวขอโทษ ลืมเล่าเรื่องตอนฝูงหมูขึ้นเวที นังเพื่อนจอมว๊ากก็ทำหน้าที่เป็นพิธีกรเปิดเรื่องด้วย พอเข้าเรื่องเธอก็ว๊ากไปตามบท เสียงคุณเธอดังจนอาจารย์ป๊ะที่นั่งเชียร์อยู่ด้วยแอบหัวเราะ แล้วมาบอกทีหลังว่า “โห แปร๋นมากเลยเธอ” จากนั้นพวกเราก็เล่นกันตามที่ซ้อม เล่นกันจนจบ คนดูจะมีอากัปกิริยาอย่างไรบ้างก็ไม่ได้คิดไปเหลือบดู ให้หวั่นใจ ตอนนั้นขอแค่ให้ได้ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้จบๆไป ดูเหมือนจะได้เล่นเป็นกลุ่มแรกๆ ประมาณกลุ่มที่ ๓ ได้ จากนั้นเรารอกันจนผู้เข้าแข่งขันขึ้นแสดงกันจนครบ หลังคณะกรรมการออกมาสรุป แล้วก็แจ้งชื่อโรงเรียนที่เข้ารอบให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ อ้าว ๑ ใน ๓ ที่เรียกชื่อมีพวกเราด้วย พวกเราก็ไปรายงานตัว อาจารย์ที่เป็นคณะกรรมการก็แจ้งให้มาพรุ่งนี้ด้วย ฮ่วย! ต้องมาอีกแล้วเหรอ ตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าไอ้ที่เรียกน่ะได้อันดับที่เท่าไหร่กัน แล้วก็ไม่ได้บอกว่าให้มาทำไมอีก เพราะไม่มีใครบอกอะไร บอกแต่ว่าพรุ่งนี้พระพี่นางจะเสด็จ เอ้า ให้มาใหม่ก็มา แล้วเราก็ไปเดินเล่นเซ็นทรัลลาดพร้าวก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ไปรวมตัวกันบ้านเพื่อนคนนึงก่อนแล้วค่อยยกพวกกันไป ไอ้ความที่เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรในวันนี้ พวกเราก็เลยมากันแค่ ๕ คน (๔ ฝูงหมูบทสนทนา + ๑ เพื่อนที่เล่านิทาน) ไม่มีญาติโยมเพื่อนพ้องอื่นติดตามมาเลย ส่วนอาจารย์ก็จะมีอาจารย์ป๊ะจะตามมากับอาจารย์ภาษาฝรั่งเศสอีกท่าน คือพวกเราเรียนกับอาจารย์ป๊ะมาตลอด ๓ ปี จะมีอาจารย์หัวหน้าแผนกมาสอนฝรั่งเศสเสริมทักษะฟัง-พูด ตอนอยู่ ม.๖ นี่แหละ เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าอาจารย์ที่มาด้วยเป็นท่านไหนกันแน่ ชักจะลืม)
พวกเราก็ไปรายงานตัวกับคณะกรรมการ แล้วก็อึ้งๆๆ ไปเพราะไม่นึกว่าวันนี้ต้องขึ้นเวทีอีก ยังคิดกันด้วยซ้ำว่านี่เป็นการขึ้นเวทีเพื่อแข่งรอบ ๒ หรืออย่างไร แถมเป็นเวทีใหญ่หน้างานเลย แถมตอนที่ไปถามกับเจ้าหน้าที่สาวสวย(แต่ไม่น่ารัก)ก็โดนย้อนกลับมาแบบชวนก่อวิวาทว่า “ทำไมคะ อ๋อ หรือว่าไม่พร้อม” พวกเราสวนกลับเป็นเสียงเดียวกันทันทีว่า “อ๋อ พร้อมมมมค่ะ” แล้วเราก็ได้เล่นบทสนทนาของเราอีกรอบบนเวทีใหญ่ แม้ว่าจะตื่นเต้นมากจนเสียงเกือบสั่น แต่เสียงอันก้องกังวานรอบทิศของไมโครโฟนบนเวทีใหญ่กลับเป็นตัวช่วยให้เสียงของฉันเป็นนังโอโตมัตหุ่นกระป๋องมากขึ้น จนเพื่อนฝูงและอาจารย์ยังบ่นว่า น่าจะได้เล่นเวทีนี้ตั้งแต่เมื่อวาน (ไม่กลัวฉันพูดไม่ออกกันบ้างเหรอเนี่ย หา)
แต่ก็มีนาทีที่ตื่นเต้นยิ่งกว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา (พระยศในขณะนั้น ยังไม่ทรงกรม) องค์ประธานสมาคมครูสอนภาษาฝรั่งเศส เสด็จมาถึงเพื่อทอดพระเนตรกิจกรรมของนักเรียน และพระราชทานรางวัล งานนี้กว่าพวกเราจะทราบว่าเราได้ที่ ๒ ในการประกวดบทสนทนาภาษาฝรั่งเศส ก็เมื่อเขาประกาศเรียกขึ้นไปรับพระราชทานรางวัลน่ะแหละ ก่อนหน้านี้ยังงงๆ คิดว่าพวกเราคงได้ที่ ๓ แต่เพื่อนๆ มีมติให้ฉันเป็นตัวแทนขึ้นไปรับรางวัลเนื่องจากเป็นตัวเด่น (เป็นหุ่นอยู่ตัวเดียว แถมตายตอนจบอีกตะหาก) ความจริงคณะกรรมการควรมีการซักซ้อมกับผู้ได้รางวัลก่อน ว่าการไปรับพระราชทานของมีขั้นตอนอะไรที่ควรทำ อาศัยว่ามีคนขึ้นไปก่อนก็จำไว้ว่าเขาทำอะไรบ้าง จำได้ว่าตอนเดินไปหน้าพระที่ฯ ก้าวขาแทบไม่ออกตื่นเต้นมาก..ครั้งหนึ่ง และครั้งแรกในชีวิต
จะด้วยเรื่องนี้เกิดขึ้นราว ๒๐ ปีก่อน (บอกว่าแก่แล้วก็ไม่ค่อยจะเชื่อกันบ้าง) กล้องถ่ายรูปยังเป็นของที่ไม่ได้มีติดมือกันทุกคน (กล้องดิจิตัลยิ่งไม่ต้องพูด มันยังไม่เกิด) พวกเรานอกจากไม่มีผู้ติดตามแล้ว ยังไม่มีใครหยิบกล้องติดมือกันมาเลยสักคน อาจารย์ป๊ะได้ฝากลูกศิษย์ของเพื่อนอาจารย์ต่างโรงเรียนช่วยถ่ายรูปให้พวกเรา แต่ความที่ไม่ได้รู้จักกัน ก็เลยมีข้อผิดพลาด หลังจากงานเราก็ได้รับรูป ๑ ใบ เป็นรูปของเพื่อนที่ประกวดเล่านิทาน แต่ไม่มีรูปของฉัน – เสียใจ เสียใจ
ขอบคุณเจ้าของเล้าหมู คุณtuktikmatt ที่มาทันให้ฉกหมูมาประกอบฉาก
อันที่จริงมีเรื่องอื่นอยากจะเขียนถึง แต่เนื่องจากได้รับข่าวสมเด็จพระพี่นางฯทรงพระประชวร ทำให้ระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ขั้นมา ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการการศึกษาในประเทศไทย อีกทั้งทรงเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ฉันได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเพื่อรับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ จึงขอถือโอกาสนี้ร่วมถวายพระพรให้พระองค์ท่านหายจากพระอาการประชวร
Create Date : 31 ตุลาคม 2550 |
|
53 comments |
Last Update : 31 ตุลาคม 2550 21:10:59 น. |
Counter : 741 Pageviews. |
|
|
|
เรื่องอะไรจะปล่อยให้ใครเจิม
5555