แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Lust for Life (1956) - Vincent Van Gogh - The Starry Night :เขียนโดยสาวหวานMichruจ้า

Credit สาวหวาน Michiru จ้า

Source : //www.bloggang.com/mainblog.php?id=michiru&month=18-10-2007&group=36&gblog=19
เอาเก็บไว้อ่านเองอ่า

ตอนที่ 1
Lust for Life







Lust for Life (1956) หนังเกี่ยวกับชีวิตของ Vincent Van Gogh จิตรกรชาวดัชท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้ว่าชื่อเสียง ของเขาเพิ่งจะมาโด่งดังเอาในช่วง 2 ปีสุดท้ายของชีวิตการเป็นจิตรกรมาตลอดสิบปีก็ตาม แต่เขาก็ได้สร้างอิทธิพลต่อ ศิลปะImpressionist และแบบ Modern Art เอาไว้มากมาย สร้างผลงานไว้กว่า 2000 ชิ้น รวมถึงภาพเขียนกว่า 900 ภาพ และ ภาพวาดและงานสเก็ตช์กว่า 1100 ชิ้น เศรษฐีพากันแย่งซื้อภาพของเขาด้วยราคาสูงลิบ แต่ช่างน่าขันที่ในขณะเขามีชีวิตอยู่ เขาขายภาพได้เพียงภาพเดียว ความล้มเหลวของชีวิต ความเจ็บป่วยทางสมองและจิตใจของเขานั้นแสดงออกมาทางภาพที่เขาเขียน ด้วยการใช้สีอันร้อนแรง การปัดพู่กันแบบหยาบๆ และรูปแบบของลายเส้นที่ใช้ จนในที่สุดเขาจบชีวิตลงด้วยการปลิดชีวิตตัวเองด้วยปืนสั้น ในวัยเพียง 37 ปี


หนังกำกับโดย Vincente Minnelli และเอาเนื้อเรื่องมาจากหนังสือเรื่อง Lust for Life ของ Irving Stone และเขียนบทภาพยนต์โดย Norman Corwin

บทเด่นๆในเรื่องมีอยู่สองบท คือบทของ Vincent Van Gogh ที่เล่นโดย Kirk Douglas และบท Paul Gauguin ที่เล่นโดย Anthony Quinn







ตอนที่ 2
ประวัติแห่งจิตรกรผู้อาภัพ Vincent Van Gogh



Vincent Van Gogh ที่ประเทศฮอลแลนด์ ในปี 1853 ในครอบครัวชนชั้นกลางที่มีชีวิตแบบแคบๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเงอะงะไม่คล่องแคล่วเหมือนคนมีปมด้อย ค่อนข้างใจน้อย จึงชอบอยู่คนเดียว และมีอารมณ์ที่อ่อนไหว อ่อนโยน มีเมตตาต่อคนทุกข์ยาก ทำให้ทุกคนมองเขาว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ น่ารำคาญ เมื่อเขาอายุ 16 ปี เขาทำงานขายภาพ และก็ตระหนักว่าไม่ชอบงานที่ทำอยู่เลย ประกอบที่ทางห้องภาพเอารูปเลวๆมาหลอกขายกับคนที่ไม่รู้จักศิลปะ เขาถึงกับบอกให้ลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้น จนกระทั่งทางร้านไม่พอใจไล่เขาออกจากงานในที่สุด บวกกับถูกปฏิเสธความสัมพันธ์จากหญิงที่ตนรัก ทำให้เขาเริ่มทำตัวห่างจากผู้คนและตัดสินใจที่จะออกบวช แต่เขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเขาไม่ผ่านสอบเป็นนักบวช ในที่สุดเขาก็กลายเป็นนักเทศน์ และได้เดินทางไปเบลเยี่ยมเพื่อทำการเผยแพร่ศาสนา แต่เขาไปมีปากเสียงกับนักเทศน์ผู้อาวุโส ทำให้ถูกขับออกจากกลุ่ม จนกลายสภาพเป็นคนสิ้นไร้ และสูญเสียความเชื่อของตนไป เขาจมอยู่กับ ความผิดหวัง และได้เริ่มเขียนรูป แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่า เขาไม่สามารถที่จะเรียนรู้การเขียนภาพด้วยตนเองได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปบรัสเซลเพื่อเรียนการเขียนภาพ

ปี 1880 เขาได้เขียนจดหมายบอกกับ Theo น้องของเขาว่า เขาค้นพบแล้วว่า "ศิลปะคือ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และเข้ามาแทนที่สิ่งอื่นๆจนหมด เขาใช้เวลาเพื่อศึกษามันด้วยตนเองอย่างจริงจัง ก่อนหน้านั้นเขาเคยเขียนรูปมามั่งแต่ไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่หลังจากนี้ต่อไปมันคือ ชีวิตจิตใจของเขา" (จดหมายที่ ฟาน ก็อกฮ์ เขียนถึงน้องชายของเขา ต่อมาในปัจจุบันก็เป็นที่ต้องการและมีความสำคัญมากต่อการชมงานศิลปะของเขา)

ในปี 1882 Van Gogh เริ่มเขียนภาพด้วยสีน้ำมัน และได้เดินทางไปยังหมู่บ้านของชาวดัชท์ เพื่อเริ่มการเขียนภาพทิวทัศน์ที่งดงามตามท้องที่ต่างๆ เขาใช้ชีวิตในแต่ละวันไปกับการเขียนถึงสิ่งที่อยู่รอบๆตัว จนปี 1883 เขาได้สร้างงานเขียนภาพชิ้นแรกขึ้นมา โดยให้ชื่อภาพว่า "The Potato Eaters"

เมื่อความอ้างว้างเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจ เขาจึงเข้าศึกษาต่อในเบลเยี่ยม และได้รับแรงบันดาลใจจาก Peter Paul Rubens และได้เริ่มสนใจภาพพิมพ์ของญี่ปุ่นด้วย ในที่สุดเขาก็ได้เลิกเรียน เพื่อไปยังปารีส และที่นั่นเขาได้พบกับศิลปิน Impressionist หลายคน และได้พบกับ ศิลปินที่ยิ่งใหญ่อีกคนคือ Paul Gauguin การใช้ชีวิต 2 ปีเต็มที่ปารีสนั้น ได้ขัดเกลาฝีมือในการเขียนภาพของเขาให้เฉียบคมยิ่งขึ้น เขาเริ่มใช้สีสันที่มีชีวิตชีวา และไม่ยึดติดอยู่กับการเขียนภาพแบบเก่าๆ
Van Gogh ใช้ชีวิตในปารีส ได้สักพักก็เบื่อ จึงออกจากปารีสในปี 1888 เพื่อไปยังเมือง Arles ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่นั่น เขาเช่าบ้านหลังหนึ่งแล้วตกแต่งบ้านด้วยสีเหลืองทั้งหมด เขาหวังที่จะตั้ง กลุ่มศิลปิน Impressionist ขึ้น และที่นี่เอง ที่เขาเจอมรสุมชีวิต แล้วเกิดบ้าเลือดขึ้นมาแล้วตัดใบหูของ การแสดงอาการต่างๆ ของเขาทำให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่ผิดปกติ ในที่สุดเขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าเป็นเวลา 1 ปีเต็ม

เมื่อออกจากโรงพยาบาล เขาใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสายศิลปะอย่างลำบากยากแค้น เขายิงตัวเองเข้าทางสีข้างด้านซ้าย ในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 1890 หลังจากการเขียนรูป Wheat Field with Crows (งานชิ้นนี้อาจจะสื่อถึงการหาทางออกให้กับของชีวิตของเขาเอง ที่เปรียบเสมือนทาง 3 สายที่มาบรรจบกันทำให้เลือกไม่ถูกว่าจะไปทางใดต่อ) ซึ่งเป็นงานชิ้นสุดท้ายของเขาที่ทุ่งนา แต่เขาไม่เสียชีวิตทันที โดยเขาได้เอามือกดปากแผลไว้และเดินกลับมาที่ร้านกาแฟที่เขาพัก

Van Gogh สิ้นใจในวันอังคารที่ 29 กรกฏา ปี 1890 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของเพื่อนๆ ศพของเขาถูกฝังไว้ในสุสานเล็กๆทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

หลังจากนั้นอีก 1 ปีต่อมา Theo น้องชายก็สิ้นใจตายตามพี่ชายของเขาเนื่องจากโรคไต และในอีก 23 ปีต่อมาภรยาของ Theo จึงย้ายศพของเขาบางส่วนมาฝังไว้ใกล้ๆศพของ Van Gogh

ในที่สุดพี่น้องที่รักกันมาก ก็ได้มาอยู่ด้วยกันในสุสานเล็กๆ อย่างสงบสุขตลอดกาล

***********************************************************************************


ตอนที่ 3
Vincent บทเพลงแด่ The Starry Night












"Vincent" งานเพลงของ Don McLean และในความคิดของ จขบ. ถือเป็นผลงานเพลงที่ดีที่สุดของเขาด้วย เนื้อเพลงเป็นการแต่งจากแรงบันดาลใจจากภาพวาด The Starry Night ของจิตรกรที่มีเรื่องราวชีวิตที่มีสีสันที่สุดคนหนึ่งในบรรดาจิตรกรทั้งหลาย

แนะนำให้ฟังเพลงนี้ และดูภาพประกอบไปด้วย จะได้อารมณ์มากค่ะ....The Starry Night .....คืนฟ้าพราวดาวกระจ่าง



Starry, starry night, คืนฟ้าพราวดาวกระจ่าง
paint your pallet blue and gray. แต้มแต่งจานสีเธอด้วยสีฟ้าสีเทา
Look out on a summer's day เฝ้ามองผ่านวันแห่งคิมหันต์ฤดู
With eyes that know the darkness in my soul. ด้วยดวงตาหยั่งรู้ความมืดมัวแห่งใจฉัน…





Shadows on the hills เงาหม่นทับทาบทิวเขา
sketch the trees and the daffodils. วาดภาพทิวไม้และมวลดอกแดฟโฟดิล
Catch the breeze and the winter chills สัมผัสสายลมระรินและความเย็นเยียบแห่งฤดูกาล
in colors on the snowy linen land. จากเหล่าสีสัน...บนพื้นลินินขาวราวหิมะ...



Now I understand what you tried to say to me ฉับพลันฉันก็เข้าใจ... ในสิ่งซึ่งเธอเพียรบอกฉัน
How you suffered for your sanity... ยากเร้นเพียงไหน...ที่เธอต้องฝ่าฟัน
and how you tried to set them free. และลำบากเพียงใด เพื่อปลดปล่อยเหล่าชน



They would not listen they did not know how. พวกเขาไม่รับรู้ และไม่เคยมีใครเข้าใจ
Perhaps they'll listen now. หรืออาจบางที ตอนนี้อาจจะมีใครรับฟังอยู่



Starry, starry night, flaming flowers that brightly blaze. ราตรีแห่งดาวพร่างพราวฟ้า... ดั่งดอกไม้เพลิงสว่างสุกใส
Swirling clouds in violet haze กลุ่มเมฆหมุนคว้าง กลางเงาหมอกสีม่วงหม่น...
Reflect in Vincent's eyes of China blue. สะท้อนในดวงตาสีครามสดของวินเซนต์
Colors changing hue, morning fields of amber grain.สีสันแปรเข้มจาง ทุ่งหญ้ายามอรุณทอแสงดั่งอำพัน
Weathered faces lined in pain ใบหน้า กร้านกรำ...บ่งบอกทุกข์ทน



Are soothed beneath the artist's loving hand. พลันได้รับการบรรเทาใต้มือเปี่ยมรักแห่งศิลปิน
Now I understand ... what you tried to say to me. ฉับพลันฉันก็เข้าใจ... ในสิ่งซึ่งเธอเพียรบอกฉัน
And how you suffered for your sanity... ยากเร้นเพียงไหน...ที่เธอต้องฝ่าฟัน



and how you tried to set them free. และลำบากเพียงใด เพื่อปลดปล่อยมวลชน
They would not listen they did not know how. พวกเขาไม่รับรู้ และไม่เคยมีใครเข้าใจ
Perhaps they'll listen now. หรืออาจบางที ตอนนี้อาจจะมีใครรับฟังอยู่



For they could not love you, but still your love was true. แม้พวกเขาไม่อาจจะรักเธอ แต่รักเธอยังคงจริงแท้
And when no hope was left inside on that และเมื่อยามไร้สิ้นซึ่งความหวัง...



... Starry, starry night รัตติกาลแห่งดาราพร่าพราว.....
You took your life as lovers often do. เธอได้พลีชีวา เช่นเหล่าผู้มีรักมักจะกระทำ...
But I could have told you, Vincent แต่วินเซนต์เอ๋ย... ฉันบอกเธอได้เพียงแต่ว่า…
This world was never meant for one as beautiful as you. โลกนี้ไม่เคยคู่ควรกับผู้ที่แสนงดงามเช่นเธอ...



Starry, starry night ... คืนดวงดาวกระจ่างฟ้า...
portraits hung in empty halls. ภาพเหมือนแขวนไว้ในโถงอันว่างเปล่า



Frameless heads on nameless walls ภาพใบหน้าที่ไร้กรอบ... แขวนผนังไว้บนผนังไร้นาม
with eyes that watch the world and can't forget. กับดวงตาที่ยังเฝ้ามองสรรพสิ่งและไม่เคยลืม
Like the strangers that you've met, เหมือนเหล่าคนแปลกหน้าที่เธอเคยพบพาน...
the ragged men in ragged clothes. คนจนยากไร้ในอาภรณ์เก่าคร่ำคร่า...



The silver thorn of bloody rose ... หนามเงินแห่งกุหลาบสีเลือดแดงฉาน
lie crushed and broken on the virgin snow. ถูกขยี้ทิ้งกลางผืนหิมะขาวสะอาด



Now I think I know what you tried to say to me. บัดนี้ฉันจึงเข้าใจ... ในสิ่งซึ่งเธอเพียรบอกฉัน
And how you suffered for your sanity...ยากเร้นเพียงไหน...ที่เธอต้องฝ่าฟัน



And how you tried to set them free. และลำบากเพียงใด เพื่อปลดปล่อยมวลชน
They would not listen they're not listening still. พวกเขาไม่เคยได้รับรู้ และยังคงไม่มีใครรับฟัง...
Perhaps they never will… หรือบางที... พวกเขาไม่มีวันจะเข้าใจ...



Vincent Willem van Gogh......I could have told you,
This world was never meant for one as beautiful as you


************************************************************************************


ตอนที่ 4
ภาพของศิลปินผู้นี้ Vincent Van Gogh







Starry Night Over The Rhone


Van Gogh ใช้เวลาเกือบหนึ่งปีเต็มในการเขียนรูปนี้ขึ้นมา ภาพแสดงถึงภาพของดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสท่ามกลางความมืดมิดในยามรัตติกาล เพื่ออวดรัศมีแข่งกับแสงสว่างอันจอมปลอมที่ส่องจากตึกรามบนริมฝั่งของแม่น้ำ ภาพของหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กันในด้านหน้าของภาพนั้น คล้ายกับภาพของคู่หนุ่มสาวในภาพ " Landscape with Couple Walking and Crescent Moon " ภาพทั้งสองภาพนี้ Van Gogh ได้เขียนรูปชายที่เดินเคียงข้างหญิงสาวผู้นั้น แทนตัวของเขาเอง โดยสามารถสังเกตได้จากผมของชายในภาพซึ่งเป็นสีแดงเหมือนกับผมของตัวเขา แต่ต่างกันที่ในชีวิตจริงของ เขาหาได้มีหญิงสาวใดมาเดินเคียงข้างเขาไม่








The Starry Night


Van Gogh ได้กล่าวถึงภาพนี้ว่า "ฉันกำลังประสบกับปัญหาอย่างมากใน การเขียนภาพของยามค่ำคืน ถ้าพูดให้ถูกแล้วก็คือ การถ่ายถอดภาพลงบนผืนผ้าในเวลากลางคืนก็ได้ " ภาพของแสงสีในยามค่ำคืนนั้น เป็นภาพที่เขาใฝ่ฝันอยากเขียนขึ้นและความฝันของเขาก็ได้กลายมาเป็นความจริง








Vincent’s Bedroom


ตั้งแต่ Van Gogh ได้ทราบข่าวจาก Paul Gauguin ว่าเขาจะเดินทางมาร่วมกับเขาที่บ้านสีเหลือง เขาก็ได้จัดเตรียมทุกอย่างเพื่อคอยการมาของเพื่อนของเขา เขาตกแต่งบ้านเสียใหม่โดยเขียนภาพอีกหลายภาพขึ้นเพื่อใช้ตกแต่งฝาผนังและห้องนอนของ Gauguin ภาพห้องนอนนี้ เมื่อตอนที่เขาอยู่ที่เซนต์เรมี ได้สร้างภาพจำลองขึ้น อีกสองภาพจากภาพต้นฉบับจริงที่เขาเขียนขึ้นเมื่อปี 1888 ในขณะที่เขากำลังรอคอยให้ Gauguin มาพักอยู่ด้วย เขาได้ยกย่องให้ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ดีที่สุดของเขา



ขอบคุณข้อมูลจากน้องวิกิ และรูปภาพจากเว็บไซท์ต่างๆค่ะ เนื้อเพลง Vincent จากเพื่อนสาวที่น่ารัก และแปลเพลงโดย มิจิรุ เองค่ะ



Create Date : 19 ตุลาคม 2550
Last Update : 19 ตุลาคม 2550 17:02:34 น. 6 comments
Counter : 3744 Pageviews.

 
แวะมาปาดคนแรก
ชอบ blog และ จขบ มากมากเลยค้า ภาพสวยถูกใจ โดยเฉพาะ starry night ภาพโปรดของเราเลยทีเดียว
มา update รูปสวย ๆ และบทความดี ๆ อีกนะจ้ะ จะตามมาเยี่ยมบ่อย ๆ จ้า


โดย: katchan (katchan ) วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:22:08:36 น.  

 
แวะมาปาดคนแรก
ชอบ blog และ จขบ มากมากเลยค้า ภาพสวยถูกใจ โดยเฉพาะ starry night ภาพโปรดของเราเลยทีเดียว
มา update รูปสวย ๆ และบทความดี ๆ อีกนะจ้ะ จะตามมาเยี่ยมบ่อย ๆ จ้า



โดย: katchan (katchan ) วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:22:08:36 น.


ตอบ ตะเอง คนเขียนกะสาวหวานMichiruจ้า ปายเยี่ยมจิ๊ คิกคิก

เรากะชอบตะเอง มีรูปสวยๆๆ มีอะไรใหม่ๆๆให้เค้าอ่านเค้าจะได้ไปอ่านม๊ากกขึ้นจ้า


โดย: Bernadette วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:23:36:35 น.  

 
นี่สงสัย อยุ่กะหน้าคอมพ์ ทุกวัน ไม่มีไรทำก็หาไรมาเขียน
ให้มันเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อ่า... ดีจังที่เป็นคนสม่ำเสมอ
มีใหม่ เขียนใหม่ ทุกบล็อกเลยง่ะ



โดย: haro_haro วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:18:12:35 น.  

 
นี่สงสัย อยุ่กะหน้าคอมพ์ ทุกวัน ไม่มีไรทำก็หาไรมาเขียน
ให้มันเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อ่า... ดีจังที่เป็นคนสม่ำเสมอ
มีใหม่ เขียนใหม่ ทุกบล็อกเลยง่ะ





โดย: haro_haro วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:18:12:35 น.


ตอบ จ้าบ้าเหรอ มีจิ๊ เรื่องงานใครเค้าเอามาคุยเล่า เง๊อออ

เปล่า เรื่องของเรื่องอัดอั๊นน หาที่ระบายอะ มันเปอร์ กะล้น มีคนกะบอกว่า ที่ออกมา แค่ 20% เอ๊งงงงงงงงง


อันนี้กะก๊อบ เค้ามามะเห็นเหรอ ก๊อบเพจ ก๊อบเพจ ง่ายจาตายยยย

ฉานอัพบล๊อคง่ายจาตาย เร็วด้วย นายกะมีคอนเซ็บกะตัวนายก่อนจิ๊ นายมะสังเกตเหรอ ฉานจาเขียนเป็นแพล็ทฟอร์มอะ หน้าตาบล๊อคฉานกะ ไม่มีอะไร เน้นเนื้อหา


กะแค่ วิธีคิด อย่างนายดูหนัง นายดูผ่านๆๆหรือ ตั้งใจดู
นายดูเกิดปิ๊งงง ประโยคโดนจายย กะได้แหละ
นายดูหนัง นายมองมุมใหน นายกะจับมาอัพบล๊อคแหละ

มะเห็นมีอะไรเล๊ยยย ..............แค่วิธีคิด แค่นี้เอ๊งงงงงงงงง



โดย: Bernadette วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:21:18:44 น.  

 
ฉานอัพบล๊อคง่ายจาตาย เร็วด้วย นายกะมีคอนเซ็บกะตัวนายก่อนจิ๊ นายมะสังเกตเหรอ ฉานจาเขียนเป็นแพล็ทฟอร์มอะ หน้าตาบล๊อคฉานกะ ไม่มีอะไร เน้นเนื้อหา


กะแค่ วิธีคิด อย่างนายดูหนัง นายดูผ่านๆๆหรือ ตั้งใจดู
นายดูเกิดปิ๊งงง ประโยคโดนจายย กะได้แหละ
นายดูหนัง นายมองมุมใหน นายกะจับมาอัพบล๊อคแหละ

มะเห็นมีอะไรเล๊ยยย ..............แค่วิธีคิด แค่นี้เอ๊งงงงงงงงง





โดย: Bernadette 25 ตุลาคม 2550 21:18:44 น.


ตามมาอ่านคอนเซบการอัพบลอกอ่ะ อิอิ ตามมาสำรวจให้ทุกห้อง


โดย: null (Michiru ) วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:16:08:24 น.  

 
ตามมาอ่านคอนเซบการอัพบลอกอ่ะ อิอิ ตามมาสำรวจให้ทุกห้อง



โดย: null (Michiru ) วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:16:08:24 น.


ตอบ เป็ง เอ๊กซะพอเล่อร์ ตั้งแต่มะไหร่เนี๊ยะ


โดย: Bernadette วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:17:36:49 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.