Bloggang.com : : Bernadette : CELLINI, Benvenuto. เชลลินี่ Italian sculptor and goldsmith

CELLINI, Benvenuto. เชลลินี่ Italian sculptor and goldsmith

This article is about the sculptor. For the Berlioz opera, see Benvenuto Cellini (opera). For the John Patrick Shanley play, see Cellini (play).

Gold Salt cellar by Cellini.Benvenuto Cellini (November 3, 1500 – February 13, 1571) was an Italian goldsmith, painter, sculptor, soldier and musician of the Renaissance.

Ritratto di Benvenuto Cellini

ประวัติประติมากรคนสำคัญของสมัยแมนเนอริสม์

Perseus with the Head of Medusa in the Loggia dei Lanzi gallery on the edge of the Piazza della Signoria in Florence; picture taken after the statue's cleaning and restoration.

Bust of Benvenuto Cellini on the Ponte Vecchio, Florence.

Gold Salt cellar by Cellini.

Autobiography of Benvenuto Cellini, Penguin Classics edition 1998.

เชลลินี่ ( Benvenuto Cellini, 1500 – 1571 )

ประติมากรคนสำคัญของแมนเนอริสม์ ชีวประวัติของเขาเคยตีพิมพ์เป็นภาษาอิตาเลี่ยนเล่าสืบต่อกันมานาน และได้หายสาบสูญไป ตราบจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1805 จึงค้นพบขึ้นมาใหม่ จากนั้นจึงแปลถ่ายทอดเป็นภาษาอังกฤษในปี 1871 โดยธอมัส นูเจนท์ เชลลินี่เป็นชาวเมืองฟลอเรนซ์ นอกจากมีความสามารถทางประติมากรรมแล้วยังมีความชำนิชำนาญอย่างสูงในการทำทองรูปประพรรณและงานโลหะทุกชนิดอย่างหาช่างยุคเดียวกันเทียบเท่ายาก ยิ่งกว่านั้นนอกจากเป็นศิลปินแล้ว เขายังเป็นนักการเมือง นักการทหาร นักรักตัวฉกาจ และอื่นๆ อีกมาก

ชีวิตของเชลลินี่แบ่งออกได้สามยุค ยุคแรกเป็นระยะที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงโรม ไม่มีผลงานเด่นนอกจากเหรียญกระษาปณ์และเหรียญซึ่งทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึก ยุคที่สอง ( 1540 – 5 ) เป็นยุคที่เขาใช้ชีวิตรับใช้ราชสำนักพระเจ้าฟราสซิสที่ 1 แห่งฝรั่งเศส เชลลินี่ได้สร้างงานเกี่ยวกับทองรูปพรรณชิ้นงามๆ ไว้ ถือกันว่าเป็นเครื่องทองชิ้นสำคัญซึ่งยังสืบทอดคุณค่าต่อจากยุคเรอนาซอง นอกจากนี้ เขายังปั้นรูปองค์พรรดิทำเป็นแบบภาพและภาพหมู่นางไม้แห่งป่าฟองตานโบล ยุคที่สามเป็นยุคที่เขาเดินทางกลับมาใช้ชีวิตปั้นปลายในฟลอเรนซ์ รับใช้ราชสำนักของพระเจ้าคอสสิโมที่ 1 ในระหว่างปี 1545 ถึง 1554 เขาได้ปั้นผลงานมีชื่อเสียงมากที่สุดของเขาชื่อ “เทพเจ้าเปอร์ซุส” หล่อด้วยทองสำริด ช่วงระยะเวลาเดียวกัน เขาสลักหินอ่อนเป็นรูป “เทพเจ้าพอลโลกับไฮอะครินท์และเทพบุตรนาร์ซิสซัส” อีกด้วย

เชลลินี่เป็นประติมากรคนหนึ่งในขำนวนน้อยคน ผู้สามารถสลัดอิทธิพลไม่ลอกเลียนผลงานของไมเคอลแอนเจโลสำเร็จเมื่อจะวิจารณ์กันแล้วรูปเปอร์ซุสของเขากลับมีร่อยรอยอิทธิพลของเวอร์ร็อคคิโอและพอลไลอูโลมากกว่า เนื่องจากเชลลินี่เป็นช่างทองผู้มีฝีมือเยี่ยมยอดนั่นเอง ผลงานชิ้นนี้จคงเต็มไปด้วยความงามประณีต เขานำความนิยมในเรื่องราวของลัทธิวีรบุรุษมาใช้ใหม่ สร้างเป็นเรือนร่างของเทพเจ้าเปอร์ซุสกำลังแวดงท่าทางรับชัยชนะ มือหนึ่งถือดาบ ส่วนอีกมือหนึ่งชูศรีษะของเมดูซาขึ้นไว้เหนือศรีษะ การวางมาดลีลาของรูปสง่างดงามเมื่อมองทางด้านข้าง

ในศตวรรษที่ 16 งานหล่อสำริดเข้ามามีบทบาทสำคัญแทนที่การสลักหิน ซึ่งกำลังเสื่อมความนิยมลง กรรมวิธีการสร้างงานทั้งสองแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าจะก่อเป็นทองสำริด จะต้องปั้นด้วยดินหรือขี้ผึ้งก่อนอีกทั้งยังสามารถเพิ่มเติมดัดแปลงให้บิดผันแปรได้มาก ซึ่งผิดกับงานสลักหิน ประติมากรจะมีอิสระน้อย เพราะต้องคำนึงถึงการวางรูปให้อยู่ในกรอบของแท่งหิน ดังนั้น ประติมากรในทศวรรษนี้จึงมีอิสระในการสร้างงาน บิดผันร่างกายให้ดูเคลื่อนไหวได้มากกว่า สามารถทำให้อ่อนช้อย และอ่อนหวานได้ง่ายกว่าหินอ่อน ซึ่งมีลักษณะเปราะตามธรรมชาติ ทำให้ประติมากรจำต้องสลักรูปลงบนหินให้มีวคามหนาทึบเพื่อความแข็งแรงด้วย จากวัสดุบังคับดังกล่าว ทำให้ประติมากรแมนเนอริสม์ส่วนใหญ่รวมทั้งเชลลินี่ จึงหันมานิยมปั้นและหล่อด้วยทองสำริดแทน เพราะสามารถแสดงออกให้รูปมีความอ่อนหวานสง่างามได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหลีกลักษณะอันทรงพลังของไมเคิลแอนเจโล จึงสร้างให้ภาพคนมีสัดส่วนยืดยาวระหงขึ้น มีการบิดและเคลื่อนไหวของลำตัวบ่ายเบนไปในทิศทางเกือบตรงกันข้ามกับทิศทางของสะโพกพวกเขายึดแนวของการใช้ทฤษฎีการมองซึ่งเรียกว่าไลนีอา เซอร์เพนตินา ( Linea Serpentina ) หมายถึงสามารถมองดูประติมากรลอยตัวได้รอบ และมีความงามในหลายจุดรอบด้านด้วย นอกจากนี้ทัศนะในความงามเกี่ยวกับเรือนร่างของมนุษย์นั้น เชลลินี่มีความเห็นว่า ความงามในร่างกายของมนุษย์ควรสร้างเพื่อมนุษย์ด้วยกัน ร่างหญิงงามเพื่อชายหนุ่มไม่ใช่เพื่อสวรรค์หรือเรื่องเกินความจริง การสร้างภาพ “เปลือย” ซึ่งเคยมีมานานแต่ก็มีคตินิยมที่เปลี่ยนแปลงตลอดมาตั้งแต่สมัยคว็อตโตรเชนโต ( Quattrocento ) ( เป็นภาษาอิตาเลี่ยน หมายถึงศิลปะคริสต์ศตวรรษที่ 15 ) อันเป็นยุคทองของเรอนาซอง อัลเบอร์ตีเคยกล่าวว่า ประติมากรรมอันงดงามควรจะมีสูตรสำเร็จวัดรูปทรง ไมเคิลแอนเจโลได้กล่าวถึงภาพเปลือยต่อไปว่า ศิลปินจะต้องเป็นเข็มทิศในดวงตา มิใช่อยู่ที่มือ การศึกษาธรรมชาติเป็นเพียงการกระตุ้นให้เกิดมโนภาพชักจูงให้ศิลปินสร้างงานให้ความทรงจำและค้นหามโนภาพของตนเอง พร้อมกับการเตรียมจะเกิดมโนภาพของตนเอง พร้อมกัยเตรียมระเบิดมโนภาพให้พวยพุ่งออกมาเป็นผลงาน

ร่างเปลือยของสตรีทั้งหมดในงานของไมเคิลแอนเจโจมีลางส่วนหยิบยืมลอกเลียนมาจากร่างของบุรุษ ส่วนเชลลิลืนี่และประติมากรแมนเนอริสม์กลับนำบางอย่างของสตรีใส่ลงในบุรุษ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งทางสุนทรีภาพซึ่งพวกแมนเนอริสม์สร้างขึ้นให้แตกต่างไปจากเรอนาซองอย่างเห็นได้ชัดเจน
//en.wikipedia.org/wiki/Benvenuto_Cellini

Create Date : 19 สิงหาคม 2550

Last Update : 19 สิงหาคม 2550 21:52:38 น.

0 comments

Counter : 2024 Pageviews.