แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
El Greco : เอล เกรกโก The greatest Mannerist of them all is the Spanish painter



The Redemptor,
"The Lord bless you and keep you. The Lord make his face to shine upon you, and be gracious to you" EL GRECO



El Greco ("The Greek"[a][b], 1541 – April 7, 1614) was a painter, sculptor, and architect of the Spanish Renaissance. He usually signed his paintings in Greek letters with his full name, Doménicos Theotokópoulos (Greek: Δομήνικος Θεοτοκόπουλος), underscoring his Greek descent.



. Because of the lack of Orthodox archival baptismal records on Crete and of a relaxed interchange between Greek Orthodox and Roman Catholic rites during his youth, El Greco's birth rite remains a matter of controversy.[7] Based on the assessment that his art reflects the religious spirit of Roman Catholic Spain, and on a reference in his last will and testament, where he described himself as a "devout Catholic",


คำว่า “แมนเนอริสม์” ( Mannerism ) มาจากคำว่ามานิเอรา ( Mainera ) ( ภาษาอิตาเลี่ยน)

มีความหมาย วิถีทางหรือวิธีการกระทำที่มีลักษณะ ท่วงที หรือแบบอย่างในศิลปกรรมที่มีความนิยมคล้ายคลึงกัน เหตุที่ต้องแยกเป็นสมัยหนึ่งต่างหาก เพราะว่าศิลปกรรมมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวออกไป ดังเช่นเกิดปัญหาของพวกชอบยึดรูปแบบเก่าๆ กับพวกที่พยายามมีอิสระในการสร้างงานมากขึ้น โดยไม่ยึดหลักสุนทรีภาพตามอย่างกรีกและโรมัน โดยพยายามหันมาแสดงภาพความรู้สึกภายในจิตใจอันปั่นป่วนของศิลปินเอง อีกทั้งมีพื้นฐานทางความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อหลักเกณฑ์การสร้างศิลปกรรมของศิลปินสมัยเรอนาซอง



อะคาเดมิค แมนเนอริสม์ ( Academic Mannerism ) หรือพวกแมนเรอริสม์ที่ยึดถือหลักเกณฑ์วิธีการแบบเก่า เป็นพวกเคร่งครัดในหลักทฤษฎีและวิธีการของศิลปินสมัยเรอนาซอง


ฟรี แมนเนอริสม์ ( Free Mannerism ) หรือพวกแมนเนอริสม์ที่ไม่นิยมยึดหลักแบบเก่าที่มีความคิดค่อนข้างอิสระพยายามค้นหาแนวทางสร้างงานที่เป็นของตนเอง




The Assumption of the Virgin (1577–1579, oil on canvas, 401 × 228 cm, Art Institute of Chicago) was one of the nine paintings El Greco completed for the church of Santo Domingo el Antiguo at El Escorial


เอล เกรกโก ( El Greco, 1541 – 1614 )

จิตรกร, ประติมากร และสถาปนิก ผู้ยิ่งใหญ่ของแมนเนอริสม์ เกิดที่โฟเดลใกล้กับเมืองแคนเดียใน เกาะครีต แต่มาดำเนินชีวิตการทำงานอยู่ในเมืองโทเลโด ประเทศสเปน ในดินแดนแห่งนี้ เขาเป็นที่รู้จักกันในนามของ เอล เกรกโก ซึ่งแปลว่าชาวกรีก ชื่อจริงของเขาคือ โดเมนนิคอส และชื่อจริงนี้จะเขียนลงไปในผลงานเสมอ นานๆ จึงจะใช้คำว่า เครส ( Kres – ชาวครีต ) แม้ว่าจะถือกำเนิดและเป็นชาวเกาะครีตก็ตาม ในวงการศิลปะต่างถือกันว่าเขาคือศิลปินชาวสเปน เช่นเดียวกับศิลปินส่วนมากที่ม่ค่อยมีผู้รู้จักอดีตตอนวัยเยาว์ สันนิษฐานว่าเขาอาจศึกษาศิลปะเบื้องต้นจากโรงเรียนในเกาะครีต ซึ่งคงเป็นศิลปะแบบประเพณีนิยมตามลักษณะบิแซนทีน นี่ก็เป็นเพียงข้อสมมุติเท่านั้น เพราะไม่มีหลักฐานผลงานของเขาเหลือพอที่จะนำมาประกอบเป็นข้อยืนยันดังกล่าว ส่วนหลักฐานที่แน่นอนพอเชื่อถือได้ก็เมื่อเขาเดินทางไปศึกษาศิลปะที่กรุงเวนีส จิตรกรกีลีโอ โกลวิโอ บันทึกไว้ว่า ประมาณปี 1570 เอล เกรกโกเดินทางไปยังกรุงโรม เป็นศิษย์ของทิเชี่ยน ถึงอย่างไรก็ตามในบรรดาจิตรกรชาวเวนีสด้วยกันแล้ว ทินโตเร็ตโต ดูจะมีอิทธิพลต่อเขามากกว่าคนอื่นส่วนไมเคิลแอนเจโลนั้นก็เป็นผู้หนึ่งที่สามารถให้ความรู้ต่างๆ แก่เขาไม่น้อยเช่นกัน




The Burial of Count Orgaz (1586–1588, oil on canvas, 480 × 360 cm, Santo Tomé, Toledo), now El Greco's best known work, illustrates a popular local legend. An exceptionally large painting, it is very clearly divided into two zones: the heavenly above and the terrestrial below. However, there is little feeling of duality, and the upper and lower zones are brought together compositionally.

จากภาพเราจะเห็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้นในโบสถ์ Santo Tome ขณะที่มีพิธิฝังศพของ Don Gonzalo Ruiz เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๕๕ ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่า ได้มีนักบุญ St. Stephan และ St. Augustine เสด็จลงมาช่วยฝังด้วย ทั้งนี้เพราะ Ruiz เป็นคนใจบุญ ร่ำรวย มีอิทธิพล และเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป โดยเขาได้เขียนพินัยกรรมแสดงเจตจำนงว่า เมื่อเขาสิ้นชีวิตไปแล้ว เขาจะมอบเงิน แกะสองตัว ไก่ ๑๖ ตัว เหล้าองุ่น ๒ ขวด และเหรียญ ๘๐๐ ชิ้น ให้เป็นการกุศลทุกปี
El Greco ได้วาดภาพของนักบุญทั้งสอง ในชุดเสื้อคลุมสีเหลือง โดยไม่มีวงแหวนแสงปรากฏเหนือศีรษะ คนที่มีเคราสีขาวคือ นักบวช Augustine ส่วนคนที่อยู่ข้างซ้ายของศพคือ นักบวช Stephan ซึ่งหนุ่มกว่า และถึงแม้จะมีนักบวชมาปรากฏตัว ผู้คนที่เข้าร่วมพิธีก็ไม่ได้แสดงอาการตกอกตกใจเลย คือแสดงอาการสำรวมกาย วาจา และใจที่ไม่มีการยกแขน ขา หรือทรุดเข่าลง ชายคนที่อยู่ขวาสุดของภาพเป็นพระนักบวชผู้ทำพิธีทางศาสนา ส่วนคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังของนักบวช ต่างก็มีเค้าหน้าของบุคคลในสมัยนั้นทุกคน ภาพของเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ทางซ้ายของภาพคือ บุตรชายของ El Greco ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ ๘ ขวบ

จุดเด่นอีกจุดหนึ่งของภาพคือ ส่วนที่เป็นสวรรค์ ซึ่ง El Greco ได้ใช้พื้นที่ครึ่งบนแสดง นาง Mary ในชุดสีแดงสดใส และเป็นผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสวรรค์ ชายหนุ่มคนที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของนางคือ John the Baptist และบุคคลที่นั่งเหนือบุคคลทั้งสองคือ พระเยซูเจ้า ข้างหลัง Mary คือ St. Peter ที่ถือพวงกุญแจไขประตูสวรรค์ ต่ำลงมาจาก St. Peter คือ Moses ผู้ถือศิลาจารึกบัญญัติสิบประการ บุคคลใต้ภาพของ Mary กับ John the Baptist คือทูตสวรรค์ที่มีปีก โดย El Greco ได้วาดให้อุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน และทารกนั้นคือ วิญญาณของ Ruiz ผู้ที่ได้ไปจุติใหม่บนสวรรค์ในรูปของทารกเล็ก ๆ ที่ลอยขึ้นไประหว่างก้อนเมฆสองก้อน

ภาพของ El Greco ภาพนี้จึงเป็นภาพวาดของเหตุการณ์หลังจากที่ Ruiz ได้ตายไปแล้ว ซึ่งแสดงชีวิตของ Ruiz หลังความตาย เพราะ El Greco เชื่อว่า ชีวิตบนสวรรค์ของทุกคนสำคัญกว่าชีวิตของเขาคนนั้นบนโลกนั่นเอง




ผลงานซึ่งหลงเหลืออยู่ในยุคนี้ยังพอเห็นได้ เช่น
ภาพ



“ความบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า” ( Purification of the Temple ) ( อยู่ในมิเนอาโพลิส สหรัฐอเมริกา )



ภาพ “การรักษาพยายบาลคนตาบอด” ( Healing of the Blind ) ( อยู่ในปาร์มา อิตาลี ) เป็นต้น

ในปี ค.ศ. 1577 เอล เกรกโก เดินทางไปตั้งหลักแหล่งที่เมืองโทเลโด ณ เมืองนี้เขาพำนักอยู่จนตลอดชั่วชีวิต และไดพัฒนารูปแบบลักษณะผลงานของเขาได้ดียิ่งขึ้น ช่วงระยะ 10 ปีแรกเมื่อเข้ามาทำมาหากินในประเทศสเปน ภาพ “แม่พระ” ( Assumption of the Virgin , อยู่ในชิคาโก ) คงจะเป็นภาพแรกที่เขาได้รับการว่าจ้าง แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการนำอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมในสเปนผสมผสานเข้ากับลักษณะของจิตรกรรมอิตาเลี่ยนเข้าด้วยกัน ในปี 1586 วัดเซนต์ โทเมของเมืองโทเลโดว่าจ้างให้เขาวาดภาพ “พิธีฝังศพท่านเคานท์ ออร์แกซ” ( burial of Count Orgaz ) ถือกันว่าเป็นผลงานชิ้นยอกเยี่ยมชิ้นหนึ่งของเขา มีการแสดงออกเต็มไปด้วยความดื่มด่ำอย่างล้ำลึกในอารมณ์ทางศาสนา

เอล เกรกโก เป็นจิตรกรผู้อุทิศกายและวิญญาณทำเพื่อศาสนาอย่างแท้จริง ดังนั้น ผลงานส่วนมากจะมุ่งไปตามเป้าหมายนี้แทบทั้งสิ้น มีเรื่องราวอื่นๆ อยู่บ้างเหมือนกันที่เขานำมาวาด


เช่นการนำเทพนิยายของกรีกเรื่อง “เลาคูน” ( Laocoon, 1610 )



หรือบางคราวก็วาดภาพพวกทิวทัศน์ เช่น ภาพ “ทิวทัศน์เมืองโทเลโด” ( 1611 ) ซึ่งเขาวาดเป็นภาพทิวทัศน์แท้ๆ โดยไม่มีภาพคนหรือชีวิตแทรกลงไป เอล เกรกโก เป็นผู้ชำนาญการวาดภาพคนเหมือนด้วย ดังจะเห็นว่าในปัจจุบันมีผู้สำรวจผลงานของเขาด้านนี้พบว่ามีภาพใบหน้าคนหลงเหลืออยู่ประมาณ 40 ภาพ และภาพ


A Cardinal (probably Cardinal Niño de Guevara), 1600–1601
“พระคาดินาลกีวารา” ( 1601 ) ดูจะเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีทั่วไปมากกว่าภาพอื่น

นอกจากจะเป็นจิตรกรผู้มีความสามารถเป็นเลิศแล้ว เขายังออกแบบตกแต่งประดับแท่นบูชาตามโบสถ์รวมทั้งเป็นสถาปนิกและเป็นประติมากรอีกด้วย ดังปรากฏให้เห็นหลักฐานหลายอย่างเมื่อมีการสำรวจภายในห้องสมุดส่วนตัว ภายหลังการอนิจกรรมของเขา มีการค้นพบแบบร่างต่างๆ ทำด้วยปูนพลาสเตอร์ ดินเหนียว และขี้ผึ้ง ประมาณ 50 ชิ้น แบบร่างเหล่านั้นเป็นแบบร่างของการก่อสร้างและประติมากรรม นอกจากนี้ยังมีการบันทึกเป็นหนังสือประเภทวิทยาการทางสถาปัตยกรรมอยู่ส่วนหนึ่งอีกด้วยอย่างไรก็ตาม ฐานะของความเป็นจิตรกรดูจะเป็นสิ่งเด่นที่สุด และในความเด่นนี้คือ บุคลิกลักษณะพิเศษที่เอล เกรกโก บรจุลงในผลงานเสมอ คือ ความเยือกเย็น สงบ เศร้า ซึม เร้นลับ และแรงเรียกร้องจากอารมณ์ภายในของวิญญาณเขาชอบใช้โครงร่างของสีเป็นสีน้ำเงิน สีเทา และสีเงินเหลือบเป็นเลื่อมพราย การใช้วรรณสีเช่นนี้ทำให้มีส่วนแตกต่างไปจากจิตรกรร่วมสมัยซึ่งนิยมใช้วรรณสีอุ่นและร้อนดังเช่นพวกสีแดงและน้ำตาลเป็นส่วนมาก เอล เกรกโก นิยมให้แสงส่องต้องกระทบทางวัสดุให้เกิดการตัดกันระหว่างความมืดและความสว่างอย่างรุนแรงจัดจ้า ให้แสงและเงาสร้างรูปทรงมากกว่การใช้เส้น วิธีการใช้พู่กันระบาย เขานิยมป้ายอย่างอิสระไม่เกลี่ยให้เรียบร้อย ยิ่งกว่านั้น ยังไม่เคร่งคัดต่อกฏเกณฑ์การวาดภาพตามประเพณีนิยม ภาพคนจะแสดงวิญญาณอันปวดร้าวทนทุกข์ทรมานอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เขาจะวาดภาพคนให้มีสัดส่วนค่อนข้างยาว สูงโปร่ง เพื่อให้ได้อารมณ์ตามต้องการดังกล่าว เขาได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1614 รวมอายุได้ 73 ปี ที่เมืองโทเลโด



ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เอล เกรกโก ก็ได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงโด่งดัง ผลงานได้รับความนิยมอย่างสูง ผู้มาว่าจ้างส่วนใหญ่นิยมภาพเกี่ยวกับเซนต์ ฟรานซิส ( เขาวาดนักบุญองค์นี้มากกว่าหนึ่งร้อยภาพ )



ภายหลังการมรณกรรม รูปแบบของเอล เกรกโก มีผู้ทำงานลอกเลียนตามเพียงเล็กน้อย เวลาสเกซ จิตรกรคนสำคัญของสเปนเคยพยายามทำบ้างแต่ไม่มากนัก มีเพียงสองคนที่กระทำตามคือบุตรชายของเขาเองชื่อมานูเอล ธีโอโตโคปูลี ( 1578 – 1631 ) และหลุยส์ทรีสตาน แต่ก็ไม่ได้รับผลสำเร็จเท่าเทียมกับ เอล เกรกโก อย่างจริงจังราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีการค้นคว้าวิเคราะห์และวิจัยผลงานอย่างกว้างขวาง นักวิจารย์บางคนให้ความเห็นแปลกๆ เกี่ยวกับตัวเขาว่า การที่เขาเปลี่ยนรูปแบบจากจิตรกรรมอิตาเลี่ยนมาเป็นลักษณะที่รู้จักกันทั่วไปนั้น เพราะต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้ซ้ำกับรูปแบบของทิเชี่ยน หรือบางคนกลับทึกทักเอาเลยว่า เอล เกรกโก มีศรัทธาจริตในศาสนาอย่างรุนแรงถึงขั้นศรัทธาจริต เพราะผลงานของเขามีการแสดงทางจิตขั้นผิดปกติ มีการแสดงอารมณ์ศรัทธาทางศาสนาอย่างรุนแรง เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการพิสูจน์กันอีกว่า เหตุที่ เอล เกรกโก วาดภาพบิดเบี้ยว เพราะว่าสายตาของเขาไม่ดีเป็นโรคเกี่ยวกับสายตาซึ่งมองเห็นอะไรบิดเบี้ยวไปหมด ถึงผลงานของเขาการวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นอย่างรก็ตาม เอล เกรกโก ได้นำความมีศิลปะประสานเข้ากับความศรัทธาในศาสนาและความเข้าใจในสุนทรียภาพส่วนตัว จากนั้นนำมาแสดงออกอย่างได้ผลสูงสุดถึงความต้องการของวิญญาณของชาวคริสเตียนผู้มีความเชื่อมั่นต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างสัมฤทธิ์ผล






The Disrobing of Christ (El Espolio) (1577–1579, oil on canvas, 285 × 173 cm, Sacristy of the Cathedral, Toledo) is one of the most famous altarpieces of El Greco. El Greco's altarpieces are renowned for their dynamic compositions and startling innovations.



The Holy Trinity (1577–1579, 300 × 178 cm, oil on canvas, Museo del Prado, Madrid, Spain) was part of a group of works created for the church "Santo Domingo el Antiguo".







Source : //en.wikipedia.org/wiki/El_Greco



Create Date : 03 สิงหาคม 2550
Last Update : 3 สิงหาคม 2550 15:08:41 น. 0 comments
Counter : 6136 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.