ดาราตุ๊กตาทองก็เถอะ ไม่มีใครตีบทแตกเท่าเปิ่นเลยสักรายเดียว
คุณทำงานอะไรคะ
นางฟ้าย้อนถาม แต่แววตาซื่อใสคู่นั้นไม่ได้แสดงความหมิ่นแคลนหรือรู้ทันใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้เปิ่นเป็นฝ่ายต้องหลบตาเสียเอง และโกหกไม่ออก ต้องหลุดความจริงออกมา
ก็งานรับจ้าง...ทำไงได้ล่ะ ผมมันพวกหาเช้ากินกลางคืน หาได้วันหนึ่งก็กินวันหนึ่ง วันไหนไม่มีให้หา ก็อดไป ไม่ได้มีเงินเก็บเงินออมเหมือนใครเขา
เธอไม่พูดอะไร ท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก แต่เปิ่นไม่ปล่อยให้นาทีทองของเขาหลุดลอยไปง่าย ๆ จึงรีบกลืนความอายลงคอ แล้วพูดย้ำ...ตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อนอยู่แล้ว
ผมมันคนจนนะคุณ ไม่ใช่จนแบบธรรมดา ๆ ด้วย แต่จนกรอบเป็นข้าวเกรียบเลยด้วย ถ้าคุณไม่ขับรถส่งเดชมาชนผมเข้า ผมก็พอจะทำมาหากินประทังชีวิตของผมไปได้อยู่หรอก แต่เมื่อมาเจ็บเสียอย่างนี้แล้ว มันไม่ใช่แค่ผมหรอกที่เดือดร้อน ยังมีคนในครอบครัวของผมอีก ทั้งหมดก็ต้องลำบากไปตาม ๆ กัน
คิ้วเรียวของสะบันงาขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ครอบครัว เขาดูยังอายุน้อยเกินกว่าจะมีลูกเมีย
คุณมีลูกมีเมียแล้วหรือคะ
เปิ่นนึกอยากจะตอบออกไปว่า เมียหนึ่ง ลูกอีกแปด ให้มันฟังดูรันทด หดหู่ ดราม่า น่าสงสาร เผื่อนางฟ้าจะเห็นใจจนต้องเทกระเป๋าให้เขาอีกสักรอบหนึ่ง แต่เหมือนมีประกายอะไรบางอย่างที่แสดงถึงความเมตตาปรานีจากใบหน้าผุดผาดของนางฟ้าที่แผ่ซ่านออกมา ที่มันทำให้เปิ่นโกหกไม่ลง
ผมอยู่กับพ่อสองคน จน ๆ อย่างผมนี่ ยังไม่มีใครยอมมาเป็นลูกเป็นเมียหรอกคุณ
คุณทำงานเป็นรายวันใช่ไหม...
ใช่...ทำก็ได้เงิน ไม่ทำก็อด ผมไม่มีสวัสดิการ ไม่มีประกันชีวิตอะไรทั้งนั้น เวลาตายก็คงไม่ต่างจากหมาข้างถนนเท่าไรนักหรอก
ตอนท้าย ๆ เปิ่นพูดติดกระแสขมขื่นนิด ๆ ประชดหน่อย ๆ
อืม... ถ้างาจะชวนคุณไปทำงานด้วย คุณจะไปหรือเปล่า มีเงินเดือนประจำให้ มีสวัสดิการให้พอสมควร กินอยู่พร้อม
ได้ยินแค่นั้น เปิ่นก็เกือบจะตอบตกลงไปแล้วด้วยความลิงโลด แต่...จู่ ๆ เขาก็เกิดอยากจะมีฟอร์มขึ้นมาบ้าง
งานอะไร แล้วก็เงินเดือนเท่าไร
เรื่องงานค่อนข้างจะจิปาถะสักหน่อยค่ะ แต่เรื่องเงินเดือน งาจะให้คุณเดือนละหมื่นห้า....
...เดือนละหมื่นห้า...
ผู้ชายที่เคยอ่อนเลขขนาดหนักอย่างเปิ่น กลับคำนวณเรื่องเงินทองได้รวดเร็วอย่างน่าทึ่งเสมอ...เดือนละหมื่นห้า ก็แปลว่า เขาจะมีรายวันละห้าร้อย ทั้ง ๆ ที่เคยได้วันละร้อยกว่าบาทหรือสองร้อยเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำยังมีงานให้ทำทุกวัน มีข้าวให้กินทุกมื้อ มีที่ให้นอน มันสมบูรณ์แบบ จน ไม่มีอะไรน่าจะต้องคิดหนักอีกแล้ว พอนึกถึงตรงนี้ เปิ่นก็ฟอร์มหลุดทันที
ตกลง
สะบันงาพาเปิ่นมาที่อพาร์ทเม้นต์ของเธอ มันชื่อ เอยูเอส อพาร์ทเม้นต์ เป็นอพาร์ทเม้นต์ขนาดร้อยยี่สิบห้อง ใจกลางเมือง มันคงจะดูน่าทึ่งกว่านี้ ถ้าเปิ่นไม่บังเอิญรู้มาก่อนหน้านี้ว่า นางฟ้าของเขาเป็นลูกสาวเจ้าพ่อบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในสายตาและความรู้สึกของเปิ่น เธอน่าจะทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้ เพราะอพาร์ตเม้นต์ขนาดนี้ มันเหมาะกับเศรษฐีอีกระดับหนึ่ง ไม่ใช่นัมเบอร์วันอย่างที่เธอเป็น อย่างสะบันงาน่าจะดูแลโรงแรมห้าดาว หรือเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกใหญ่ ๆ สักแห่งหนึ่งมากกว่า
สิ่งที่สะบันงาให้เขาทำมันไม่ได้หนักหนาอะไรเลย ให้เป็นสารถีคอยขับรถรับส่งเธอบ้าง เพราะตั้งแต่นางฟ้าขับรถชนซาตานอย่างเขาเข้าแล้ว เธอก็หวาด ๆ กับการขับรถ แล้วก็อีกงานเป็นงานกระจุกกระจิกที่เธอเรียกว่า งานพ่อบ้าน
งานอพาร์ทเม้นต์ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ก็คอยดูแลอำนวยความสะดวกเรื่องต่าง ๆ ให้กับคนที่พักในห้องพักของเรา คอยซ่อมไฟฟ้า ซ่อมท่อประปา พวกท่อแตก ท่อรั่ว มันไม่ได้มีงานทุกวัน แต่บทจะมีขึ้นมา ก็อาจจะงานท่วมหัวจนทำไม่ทัน... อีกอย่างหนึ่ง งาก็มีลุงตั้ว พ่อบ้านอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว แค่คุณภาราไดยช่วยแบ่งเบางานของลุงเขาบ้าง เท่านั้นก็พอ
เธอเรียกเขาว่า ภาราไดย ที่เปิ่นเผลอตัวหลุดปากบอกกับเธอไปเอง ตอนที่กำลังเบลอ ๆ อยู่ มันไม่คุ้นเคยเลยจริง ๆ เขาเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า ตัวเองชื่อ ภาราไดย อย่างที่พ่อมักจะบอกเขาเสมอว่า
แม่เขาตั้งชื่อให้เอ็งว่า ภาราไดย เพราะเอ็งเป็นพาราไดซ์ของแม่ของเอ็งไงล่ะ สวรรค์น่ะสวรรค์ รู้จักไหม ไม่ใช่นรกเน่า ๆ อย่างที่เอ็งเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ข้าว่าเอ็งเหมาะกับชื่อเปิ่นมากกว่านะ ชีวิตคนจน ๆ มันต้องอยู่กับความจริงโว้ย ไอ้ความหรูหราลวงโลกนั่นน่ะ เขามีไว้ให้เฉพาะคนรวย ๆ เท่านั้น จำไว้นะ ไอ้เปิ่น
พ่อของเขาไม่ค่อยจะนิยมการสั่งสอนลูก แต่เมื่อใดที่ได้ออกปากออกมา ก็มักจะมีแต่เรื่องรันทด ชวนเศร้าสลดเสียเป็นส่วนใหญ่ เหมือนกับชีวิตของพ่อ ช่างขาดแคลนความสุขเสียนักหนา
สะบันงาพาเขาไปพบกับคุณยายของเธอ และแนะนำให้รู้จักเหมือนกับเปิ่นเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอ คุณยายของสะบันงาชื่อ คุณการะเวก ก็เป็นคนแก่ใจดี และต้อนรับขับสู้เขาเหมือนกับลูกหลาน การแต่งตัวของคุณยายก็เรียบ ๆ ง่าย ๆ ธรรมดา ผ้าป่านสีขาวสะอาด กับผ้านุ่งที่เป็นผ้าไหมสีเขียว ไม่มีเครื่องประดับราคาแพงในตัวเลย นอกจากแหวนทองเกลี้ยง ๆ ที่นิ้วนางขวาเพียงวงเดียวเท่านั้นจริง ๆ ดูท่าทางก็มองออกว่าเป็นคนใจดี ธรรมะธรรมโม
แล้วไปทำอะไรมา ถึงได้มีแผลเต็มตัวไปหมดอย่างนี้ล่ะพ่อคุณ
สายตาของคุณยายมองขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างแขนกับหัวของเปิ่น
นางฟ้ารีบจุปากห้าม และบอกด้วยเสียงรื่นเริง
อย่าเอ็ดไปค่ะคุณยาย ฝีมือของงาเอง
แล้วไปทำอะไรกันมาล่ะ
งาขับรถชนเปิ่นเขา
ตายแล้ว อกอีแป้นแตก แล้วเป็นอะไรมาหรือเปล่าพ่อเปิ่น
เสียงตกใจของคุณการะเวกทำให้สะบันงาหัวเราะ
อกอีแป้นแตกไม่เป็นไร อย่าให้อกคุณยายของงาแตกก็แล้วกัน
แน้ ยังจะมาพูดล้อเล่น นี่มันเรื่องความเป็นความตายเชียวนะแม่งา
คุณยายดุหลาน
ถ้ารถของงาไม่ได้ขับไปชนเปิ่นเข้า เราก็ไม่มีวันจะได้รู้จักกันหรอกค่ะ คุณยาย
จริงสินะ เปิ่นไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้มาก่อนเลย ถ้ารถของสะบันงาขับผ่านเลยเปิ่นไป ไม่ชนหนุ่มที่วิ่งทะเล่อทะล่าออกมาบนถนน ต่างคนก็คงจะมีชีวิตตามหนทางของตนเอง ไม่มีวันที่ดอกฟ้ากับหมาวัดจะเดินทางมาบรรจบกันได้ บางที...สวรรค์มันอาจจะเหงานัก เบื้องบนก็เลยคิดจะลิขิตอะไรสนุก ๆ บางอย่างขึ้นมาก็ได้
เขาสะดุดความคิดของตัวเองดังกึก แล้วก็นึกอยากจะเขกหัวของตัวเองขึ้นมาเป็นกำลัง.... เทพอุ้มสมอย่างนั้นหรือ เทพที่อุ้มให้เขามาเป็นขี้ข้ากินเงินเดือนของนางฟ้าอยู่นี่ไง...สมกันตายชักละ
งาไม่ค่อยได้พาเพื่อนมาหายายเท่าไรนักหรอก
คุณการะเวกบอกเหมือนกับฟ้อง ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งแข็งแรง และความจำดีมาก จนดูแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนแก่อายุจวน ๆ จะเก้าสิบแล้ว
งาไม่อยากจะรบกวนคุณยายนี่คะ
หญิงสาวย่นจมูกแก้ตัวอย่างน่าเอ็นดู
ไม่ใช่หรอก จริง ๆ แล้วงาไม่ค่อยจะมีเพื่อนต่างหาก
หญิงชราบอกแล้วหัวเราะหึ ๆ
สะบันงาพยักหน้ารับเหงา ๆ ....ก็คงจะจริง ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยอย่างตก ๆ หล่น ๆ นั้น เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการกวดวิชามากกว่าการคบหาสมาคมกับเพื่อน อีกทั้งความร่ำรวยของเธอที่มาพร้อมกับความเรียบร้อยเงียบขรึม ทำให้เพื่อน ๆ มองว่า สะบันงา หยิ่งและไว้ตัว จนไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วย ครั้นพอจบปริญญาตรี เธอต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก็ยิ่งทำให้ห่างหายจากสังคมของเพื่อน ๆ ในเมืองไทย และยังเรียนไม่จบดี สะบันงาก็ขอกลับมาเมืองไทยเพราะความเหงาจับใจ สุดท้ายหญิงสาวจึงแทบจะไม่มีทั้งเพื่อนเมืองไทยและเพื่อนต่างชาติ ส่วนเพื่อนสนิทสองสามคนที่พอจะมีอยู่ ก็ทยอยแต่งงานออกเรือนไป ไม่ค่อยได้มาสุงสิงคบหากันมากนัก
เปิ่นมองแล้วก็ได้แต่ปลง รวยเสียเปล่า แต่หาเพื่อนไม่ได้ เขาเสียอีก...ทั้งจน ทั้งเกเร ยังมีเพื่อนมีพวกออกจะเต็มสลัม
ทำไมเนื้อตัวของเพื่อนงาถึงได้มอมแมมนักล่ะ...
แววตาปรานีของหญิงชราคู่นั้น ทำให้เปิ่นรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาพูดไม่ออก ได้แต่ก้มลงมองดูเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเขิน ๆ มันจะไม่สกปรกมอมแมมได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นชุดเดิมที่เขาสวมใส่ตั้งแต่ถูกรถยนต์ของสะบันงาชนนั่นแหละ ยังมีร่องรอยฉีกขาด ถลอกปลอกเปิก และมีกลิ่นหืนของเนื้อตัว ที่ไม่ได้ผ่านการอาบน้ำมาสองวันเข้าไปแล้ว
อุ๊ย งาก็ลืมไป ว่าจะถามทางไปบ้าน จะได้แวะไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านให้กับคุณภาราไดยเขาก่อน แต่เพราะงารีบเกินไป ก็เลยลืมไปเสียสนิท
เขาขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนจะเกาหัวแกรก ๆ และพูดอ้อมแอ้มว่า
คุณงาเรียกผมว่า เปิ่นเถอะครับ ชื่อภาราไดยมันดู...เอ่อ..ฟังดูไม่ใช่ผมยังไงก็ไม่รู้
คุณการะเวกหัวเราะหึ ๆ เหมือนจะเห็นด้วย แต่ไม่ได้ปริปากอะไร ส่วนสะบันงาหัวเราะเบา ๆ ไม่รู้ว่าขำหรือว่าสมเพชเขากันแน่ เปิ่นอ่านเสียงหัวเราะนั้นไม่ออกเหมือนกัน
ค่ะ เปิ่นก็เปิ่น งาเห็นว่าชื่อจริงของคุณเพราะดี ก็เลยอยากจะเรียกเท่านั้นเอง
พาเพื่อนไปหาเสื้อหาผ้าให้เหมาะสมกว่านี้ก่อนดีไหมลูก แล้วค่อยกลับมาหายายอีกครั้ง มากินข้าวด้วยกัน... เปิ่นด้วยนะ วันนี้โต๊ะอาหารของยายจะได้ครึกครื้นสักหน่อย
เปิ่นยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ไม่นึกว่า เศรษฐีมีเงินตัวจริงจะชวนให้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ..รู้สึกเหมือนตัวเบา ๆ แทบจะลอยได้ชอบกล
นางฟ้าของเปิ่นพาเขาไปซื้อเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าหรูหรา เป็นครั้งแรกที่นักเลงโตที่กล้าและกร่างอยู่เป็นนิจอย่างเปิ่น รู้สึกเหมือนตัวลีบเล็กเป็นมดปลวก สายตาหลาย ๆ คู่มองดูเขาอย่างหมิ่น ๆ เพราะเพียงเห็นเครื่องนุ่งห่มก็รู้ว่าเป็น คนละพวก เปิ่นไม่ได้แคร์สายตาพวกนั้นเท่าไร แต่เขาห่วงใยความรู้สึกของสะบันงามากกว่า เธอจะอายมากหรือไม่ก็ไม่รู้ที่ต้องเดินกับผู้ชายที่ดูสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างเขา หน้าตาที่เป็นปกติของสะบันงา ทำให้เปิ่นเดาความคิดของเธอไม่ออก
หญิงสาวจ่ายเงินให้เขาไปมากพอดู จนเขากลัวว่าเงินเดือนของเดือนแรกที่จะได้รับจากเธอจะหมดไป แต่ก็โล่งอกเมื่อสะบันงาบอกว่า
เสื้อผ้า ของใช้พวกนี้ งาจ่ายให้ค่ะ ถือว่าเป็นสวัสดิการไปก็แล้วกัน
นางฟ้าดีกับเขามาก เธออาจจะรู้สึกผิดที่ทำให้เขากลายสภาพเป็น หนุ่มเดี้ยง หรือจะเพราะว่าเธอมีความเมตตาเป็นทุนให้สมกับหน้าตาสะสวยประดุจนางฟ้าอยู่แล้วก็ไม่รู้
พอได้เสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพงมาสวมใส่ ผู้ชายหน้าตาดีอยู่แล้ว ก็เจิดจรัสขึ้นทันที เขารู้สึกได้ถึงความตะลึงงันของนางฟ้า เมื่อได้เห็นเขาตอนที่ก้าวออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และยังทันได้ยินเสียงนางฟ้าพึมพำเบา ๆ กับตัวเองว่า
ถ้าไม่บอกว่าเป็นเปิ่น งาคงจะนึกว่าเป็นนายแบบที่ไหนแล้วละ
เปิ่นยิ้มนิด ๆ เขาไม่อยากจะคุยว่า เพราะได้เชื้อสายที่ดีมาหรอก พ่อเขาก็จัดว่าเป็นคนหล่อเหลา แต่ต้องย้อนไปสมัยยังหนุ่มแน่น ที่ยังไม่ติดเหล้าจัดเหมือนตอนนี้ และแม่ของเขาก็สวยระดับเคยชนะการประกวดความงามระดับเทพีสงกรานต์นั่นเลยทีเดียว
เปิ่นแต่งตัวอย่างนี้ทุกวันดีกว่านะ เสื้อผ้าเก่า ๆ พวกนี้อย่าไปใส่เลย ถ้าเงินไม่พอก็บอกกับงา หรือจะให้งาพามาซื้อก็ได้
คำพูดของเธอ ทำให้เปิ่นรู้สึกได้เลยว่า สวรรค์บนดินปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาแล้ว ตอนนี้เปิ่นมีห่านที่ไข่ออกมาเป็นทองคำให้เขาได้ทุกวัน...วิธีที่ดีที่สุดที่เปิ่นนึกออกในตอนนี้ก็คือ รักษาห่านทองคำเอาไว้ให้ดีที่สุด และกอบโกยจากห่านชื่อ สะบันงา ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ชายหนุ่มร่างสูงนั่งมองหญิงสาวที่เดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบตรงหน้าอย่างชวนเวียนหัว ปาหนันเป็นอย่างนี้เสมอ เวลานึกอะไรไม่ออก คนแรก ๆ ที่เธอนึกถึงก็คือ เขา หลาย ๆ ครั้งชายหนุ่มก็อดจะคิดไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว ปาหนันชอบเขา แต่เสียใจด้วยที่เขาไม่เคยคิดกับเธอเป็นอื่นได้เลย นอกจากคำว่า เพื่อน
ตั้งแต่ยายงากลับมาจากเมืองนอก ก็ทำเรื่องทำราวตั้งมากมาย
ปาหนันเริ่มต้นบ่น
จะทำอะไรได้อีก ได้ข่าวว่าคุณป้าให้ไปอยู่กับคุณยายแล้วไม่ใช่เหรอ
ใช่ คุณแม่รำคาญน่ะ เผ่าก็รู้นี่นา คนอย่างยายงาทำธุรกิจอะไรไม่ได้หรอก นอกจากหายใจทิ้งไปวัน ๆ เสียงของคนเป็นพี่แสดงความดูหมิ่นอย่างไม่คิดจะปิดบัง ให้ไปทำงานที่อพาร์ตเม้นต์ก็ไม่ใช่ให้ไปดูแลอะไรหรอกนะ เพราะคุณยายท่านเซ็ทระบบของท่านไว้โอเคหมดแล้ว แต่คุณแม่ต้องการให้ยายงาไปไกล ๆ จากธุรกิจมากกว่า
นั่นสิ แล้วยังไปทำเรื่องอะไรอีกหรือ
เผ่าทองขยับตัวอย่างสนใจ ที่จริงเขาเคยจีบ ๆ สะบันงามาพักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ความเรียบง่ายของเธอไม่ได้เข้ากับหน้าตาสะสวยจนชวนตะลึงเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช้ไม่นาน เผ่าทองก็เริ่มเบื่อหน่ายความสวยที่เรียบง่ายเกินไปสำหรับคนอย่างเขา และจบลงด้วยการควงผู้หญิงคนอื่น จนกระทั่งสะบันงาจับได้ และบอกลากันไปในที่สุด
เรื่องมันจบลงไปแล้ว แต่คนที่ไม่ยอมให้จบกลับกลายเป็นคนที่สามอย่างปาหนัน ที่ยังพยายามดึงเผ่าทองให้มารักใคร่ชอบพอกับน้องสาวอีกครั้ง เพราะคิดเอาเองว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับสะบันงามากเท่ากับเผ่าทองอีกแล้ว
...ลูกชายเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องประดับใหญ่โต กับลูกสาวเจ้าของบริษัทอุปโภคบริโภค...
ปาหนันไม่ต้องการเห็นน้องสาวคนสวยไปควงคู่กับคนที่ไม่เหมาะสม เพราะรู้ว่า น้องสาวมีพื้นฐานของจิตใจที่ดีงามเกินไป ที่เธอเรียกมันว่า ความใจอ่อน
ตอนนี้หนันได้ข่าวว่า ยายงาพาคนจรหมอนหมิ่นที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ในอพาร์ตเม้นต์... ที่แย่ก็คือ คุณยายก็สนับสนุนด้วยอีกเสียงหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะอายุมากไปหรือเปล่า คุณยายก็เลยหลง ๆ ชอบกล
ผู้หญิงหรือผู้ชาย
เขาซักอย่างสนใจ
ผู้ชายน่ะสิ ถ้าเป็นผู้หญิง หนันจะยอมหลับตาสักข้างหนึ่ง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เรื่องที่ได้ยินทำให้เผ่าทองเลิกคิ้ว เพราะเขารู้จักสะบันงามานาน และไม่เคยคิดว่า เธอเป็นคนเจ้าชู้...การที่พาผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่ด้วย ดูจะเปรี้ยวเกินไปสำหรับสะบันงา
แล้ว...หนันอยากจะให้เผ่าทำอะไร หรือแค่เรียกให้มาฟังเฉย ๆ
เผ่าไม่คิดอยากจะกลับมาคืนดีกับยายงาหรือไง อย่าลืมสิว่า บรรดาแฟน ๆ ของเผ่าแต่ละคน ไม่มีใครสวยสู้ยายงาได้สักคน หนันว่านะ..ไม่มีใครเชิดหน้าชูตาเผ่าได้เท่ากับยายงาอีกแล้ว
เผ่าทองยิ้มมุมปาก เขาไม่อยากจะพูดให้หมองใจกันว่า ผู้หญิงที่เขาคบนั้น แม้จะสวยไม่เท่าน้องสาวยของปาหนัน แต่ความร้อนแรง...เขากล้ารับประกันว่า ต่อให้สะบันงาสิบคนก็เทียบไม่ติด
เคยคิดจะกลับไปง้อเหมือนกัน แต่งาเขาดูเหมือนไม่สนใจ
เขาอาจจะยังไม่ลืมที่เผ่านอกใจเขาละมั้ง
การที่เดินเข้าไปเห็นคนรักของตัวเองกำลังอยู่บนเตียงกับหญิงอื่น มันเป็นเรื่องทำใจได้ยาก ที่ปาหนันเองก็พอเข้าใจ แต่ถ้าสะบันงาฉลาดพอ ก็จะรู้ว่า มันก็แค่เกมเกมหนึ่งของผู้ชายเท่านั้นเอง สุดท้าย เมียที่มีทะเบียนสมรสต่างหาก ที่คือ ตัวจริงเสียงจริง
ตอนนี้...เผ่าเลิกกับพวกนั้นหมดแล้ว
ให้มันจริงสักครั้งเถอะ เสียงของปาหนันไม่เชื่อถือนัก แต่กลับพร้อมจะสนับสนุน หนันน่ะเชียร์เผ่าเต็มที่ อยากจะได้มาเป็นน้องเขย
ก็ไม่เลวหรอก การจะได้เป็นลูกเขยตระกูลดัง เพราะหากเทียบกันจริง ๆ ฐานะที่ว่าร่ำรวยของครอบครัวเขา ก็ยังห่างชั้นจากครอบครัวของสะบันงาไปอีกหลายปีแสง
งั้นก็ได้ ช่วยให้เผ่าได้คืนดีกับงา แล้วเผ่าจะช่วยเขี่ยไอ้หนุ่มคนนั้นออกไปจากชีวิตของงาเอง..
คนสองคนลุกขึ้นจับไม้จับมือกันเหมือนตกลงทำสัญญาธุรกิจ เผ่าทองแกล้งมองไม่เห็นสายตาฉ่ำหวานของปาหนันที่ทำให้เขาขนลุก
ไม่อยากจะพูด แต่เขาได้แต่ย้ำในใจว่า ผู้หญิงขี้เหร่อย่างปาหนัน ไม่ใช่สเป็คของเขาโดยสิ้นเชิง
หลังจากหายไป 3 ปี กลับมาอีกทีคุณก็ยังไม่ไปไหน เหนียวแน่นจริงๆ ค่ะ ต้องชมเลย
แวะเข้ามาทักทายนะคะ ออกหนังสือใหม่ตั้งหลายเล่ม ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เรื่องใหม่เพิ่งเขียนคงไล่ตามทัน เอาไว้เดี๋ยวจะมาเก็บตกตั้งแต่ตอนแรกค่ะ คุณสบายดีนะคะ