<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 สิงหาคม 2553
 
 
ละคร ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 10

ตอนที่ 10


คืนวันพระจันทร์เต็มดวง คนทรงนั่งบริกรรมคาถาอยู่หน้าพานวางเสื้อของวรดาพร้อมด้วยเล็บและเส้นผมของ นัทธมน ป้าสร้อย ปณิตากับแกมแก้วนั่งลุ้นอยู่ใกล้ๆ คนทรงท่องคาถาได้สักพัก ตัวเริ่มสั่น ลมพัดอื้ออึง เปลวเทียนไหวตามแรงลม เขาลืมตาขึ้น เอาน้ำมนต์ราดเสื้อวรดา แล้วเอาเทียนหยดตาม

ไฟลุกพรึบท่วมหัว คนทรงเอามีดหมอปาดมือตัวเอง ปล่อยให้เลือดหยดลงในไฟ หยิบผมกับเล็บของนัทธมนมาถือไว้ ท่องคาถาพร้อมกับโยนของสองสิ่งนั้นใส่เปลวไฟ แล้วนั่งนิ่งหลับตา...

ใน เวลาเดียวกัน นัทธมนนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ไฟหัวนอนติดๆดับๆ ก่อนจะแตกเปรี้ยง ดวงจิตของเธอออกจากร่าง เป็นแสงเรืองรอง เธอลืมตาขึ้นอีกทีในที่ที่ทั้งมืดและอับชื้น งุนงงไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน พลันได้ยินเสียงร้องครวญครางขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา นัทธมนกลัวมาก พยายามทุบประตูจะออกไป ร้องเสียงหลง เรียกแม่ให้ช่วยเธอด้วย

"ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก"

นัทธมนหันไปมองตามเสียง เห็นคนทรงในกายทิพย์ เช่นเดียวกัน เธอละล่ำละลักถามว่าเขาเป็นใครและที่นี่คือที่ไหน คนทรงแสยะยิ้ม

"ที่ที่วิญญาณของแกหวาดกลัวไงล่ะ...ได้ยินไหม...เสียงร้องคร่ำครวญขอความ ช่วยเหลือน่ะ...วิญญาณตายโหงที่แตกดับ จะไร้อิทธิฤทธิ์ในที่ที่เคยตาย"

นัทธมนเพิ่งตระหนักว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นเป็นเสียงของตัวเอง ความกลัวถาโถมเข้าใส่ คนทรงไม่รอช้าปล่อยพลังกระแทกนัทธมนปลิวไป เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น ยังไม่ทันได้ยืน เขาฟาดพลังใส่เธออีกครั้งจนล้มกลิ้ง นัทธมนคลานหนี เขาปราดเข้ามาบีบคอเธอดันไปติดกำแพง เธอเริ่มหายใจไม่ออก

"ตายซะ...ตายซะอีกครั้งเถอะ ตายที่นี่...ที่เดิมของเจ้าน่ะแหละ"

นัทธมนขาลอยขึ้นจากพื้น แสงเรืองรองจากตัวเธอเริ่มหรี่ลง ทันใดนั้น พระธุดงค์ปรากฏกายขึ้น แสงสว่างแห่งธรรมสาดเป็นสีทองไปทั่วห้อง คนทรงแสบตาจนต้องปล่อยมือจากนัทธมน แล้วตวาดลั่นว่าพระอยู่ส่วนพระอย่ามายุ่งกับทางโลก

"สิ่งที่โยมทำอยู่มันเป็นบาป ลด ละ เลิกซะเถอะโยม...อาตมาขอบิณฑบาตเถอะนะ"

คนทรงไม่ฟังเสียง ปราดเข้าหานัทธมนอีก พระธุดงค์เข้ามาขวาง คนทรงเปล่งแสงแล้วหันมาเล่นงานพระธุดงค์แทน พระธุดงค์หน้าสลด หลับตาลง เปล่งพลังออกมาจากกายทิพย์เช่นกัน เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เกิดแสงสว่างจ้า จนนัทธมนที่อยู่ในห้องนั้นต้องก้มหน้าหลบ ไม่อาจมองได้...

นัทธมนสะดุ้งพรวดลุกขึ้นจากที่นอน หายใจเฮือกใหญ่ เหมือนโผล่พ้นน้ำ เหงื่อท่วมตัว...ส่วนคนทรงลืมตาขึ้นมาอย่างคนเสียสติ กวาดเครื่องบูชา ของขลังทั้งหลายออกจากโต๊ะหมู่ แล้วขึ้นไปนั่งกอดเข่ายิ้มอยู่คนเดียว เพ้อเจ้อถึงพระจันทร์ บนฟ้า ป้าสร้อย ปณิตากับแกมแก้วมองหน้ากันรู้ว่าคนทรงเอ๋อไปแล้ว

ooooooo

นัทธมนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้แม่ฟังระหว่างนั่งกินอาหารเช้าด้วย กัน มนทิราสรุปว่าที่ลูกเห็นเป็นแค่ ความฝันเท่านั้น นัทธมนไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้แต่ว่ามันน่ากลัวมาก เธอเกือบขาดใจตายเพราะโดนบีบคอ มนทิรายังยืนยันว่าเป็นเพียงความฝัน ไม่อย่างนั้นนัทธมน จะรู้ได้อย่างไรว่าวรดาตายที่ไหน

"บางสิ่งเรียกให้หนูไปยังที่ที่หนูเคยตาย จะได้กำจัดหนูง่ายๆ"

"แล้วที่นั่นมันที่ไหน"

นัทธมนส่ายหน้า ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเป็นห้องอับๆชื้นๆแล้วก็มืดมาก มนทิราขอร้องลูกปล่อยมันให้เป็นแค่ความฝัน นัทธมนไม่สามารถปล่อยวางได้ ตัดสินใจชวนแม่ไปถามพระธุดงค์จะได้รู้ชัดๆไปเลยว่ามันเป็นความฝันหรือเรื่อง จริง มนทิราไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้ลูกหมกมุ่น แต่ขัดไม่ได้...

หลังจากเตรียมข้าวปลาอาหารสำหรับถวายเพลใส่ ปิ่นโตเรียบร้อย มนทิราพานัทธมนไปพบพระธุดงค์ซึ่งปักกลดอยู่แถววัดร้างใกล้บ้าน สองแม่ลูกนั่งลงหน้ากลด พระธุดงค์นั่งหลับตานิ่ง

มนทิรายกมือพนม "นิมนต์รับเพลด้วยนะคะ"

พระธุดงค์ยังคงหลับตานิ่ง นัทธมนสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ถึงกับนิ่งอึ้ง เสียใจเหมือนขาดที่พึ่ง ก้มกราบตรงหน้าพระธุดงค์ หันไปบอกแม่ว่าเรามาสายเกินไปแล้ว

ooooooo

ในเวลาต่อมา ที่ห้องทำงานของกฤตย์ นัทธมนอยากรู้เรื่องห้องอับชื้นนั้นมาก ตัดสินใจโทร.ถามถุงแป้งว่าพอจะรู้ว่ามีห้องมืดๆอับๆที่บ้านโบราณบ้างไหม กฤตย์เดินเข้ามาด้านหลังได้ยินนัทธมนพูด หยุดฟัง

"ห้องอะไรของเธอ ห้องบ่มไวน์ เก็บไวน์อะไรแบบเนี้ยเหรอ"

"ไม่ใช่ๆ เป็นห้องแบบ...เหมือนคล้ายๆจะเป็นห้องขังด้วยซ้ำไป แต่ไม่น่าใช่...เออๆ...ช่างมันเหอะ เมื่อไหร่เธอจะกลับล่ะ...คิดถึง" นัทธมนเปลี่ยนเรื่องพูดไม่อยากซักมากเดี๋ยวเพื่อนจะสงสัย

"ยังไม่แน่เลย...เอ๊ะ...แต่เดี๋ยวนะ หรือจะเป็นที่น้ากฤตย์เคยเล่าให้ฟัง เรื่องหลุมหลบภัยอะไรนั่น..."

ถุงแป้งยังพูดไม่ทันจบ แบตเตอรี่มือถือของเธอหมดเสียก่อน นัทธมนได้ยินไม่ถนัด ถามว่าหลุมหลบภัยอะไรหรือ ยังไม่ได้คำตอบสายหลุดไปเสียก่อน หันกลับมาต้องตกใจที่เห็นกฤตย์ยืนอยู่ด้านหลัง...

ในเมื่อนัทธมนอยากรู้เรื่องหลุมหลบภัย กฤตย์เลยพาเธอมายังสระว่ายน้ำ นัทธมนมองลงไปในนั้นด้วยความหวาดหวั่น กฤตย์เล่าว่าแต่ก่อนห้องที่ว่านั้นอยู่ตรงนี้ มันเป็นห้องที่อยู่ในหลุมหลบภัยอีกที

"ที่นี่เอง ที่คุณเคยบอก...แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น คุณก็เลยรื้อมันทิ้ง แล้วทำสระนี่แทน...ง่ายดีเหมือนกันนะคะ... กลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองทำเอาไว้ง่ายๆ"

"เธอเข้าใจผิด ฉันรื้อมันทิ้งปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เพราะฉันต้องการจะลืม"

"ลืมบาปที่เคยก่อไว้หรือคะ"

"ฉันต้องการลืมความรู้สึกที่เราเคยมีต่อกันต่างหากล่ะ... วรดา"

นัทธมนว่าถ้าเธอเป็นวรดาจริงๆ คงจับเขากดน้ำตายตามเธอไปแล้ว กฤตย์อดถามไม่ได้ว่านัทธมนรู้หรือว่าเขาเคยทำอะไรวรดา นัทธมนไม่รู้ แต่มุ่งมั่นจะต้องรู้ให้ได้ว่าวรดาตายอย่างไร

"ฉันเลือกที่จะจำว่าวรดามีชีวิตอยู่ยังไงมากกว่า" กฤตย์ถอนใจ สีหน้าเศร้าหมอง

นัทธมนพลอยเศร้าไปกับเขาด้วย แต่เธอเลือกที่จะโกรธกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้น ครู่ต่อมา กฤตย์พานัทธมนไปที่เรือนหลังเล็กของวรดา นัทธมนพยายามระงับความตื่นเต้น เดินตามเขาเข้าไปข้างใน กฤตย์มองข้าวของเครื่องใช้ของวรดา ด้วยความอาลัยอาวรณ์ นัทธมนเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของวรดา ลอบมองบนฝ้าเพดานซึ่งวรดาซ่อนสมุดบันทึกเอาไว้ อยากจะปีนขึ้นไปเอาเหลือเกิน แต่เกรงว่ากฤตย์จะเห็น

"วรดาเป็นคนชอบเขียนหนังสือนะ เขาบันทึกทุกอย่างเอาไว้ในสมุดเล่มหนึ่ง ทั้งความรัก ความชัง ความโกรธเกลียด มีรายละเอียดชีวิตอยู่ในนั้น น่าเสียดายที่ตั้งแต่วรดาตายก็ยังไม่มีใครได้เห็นสมุดเล่มนั้นอีก เลย...ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน...ฉันเคยมีโอกาสได้เห็นมันตามลำพังแค่ ครั้งเดียวเท่านั้นเอง"

"แล้วก็แอบอ่านมันโดยเจ้าของเขาไม่อนุญาตด้วย" นัทธมนเผลอต่อว่า

กฤตย์ชะงัก รู้ได้อย่างไรว่าเขาอ่านมันแล้ว นัทธมนอึกอัก หาว่าเขาพูดเองเมื่อกี้ กฤตย์จับพิรุธได้ว่านัทธมนต้องรู้เห็นอะไรมาแน่ๆ แต่ไม่ได้ซักอะไรต่อ เหลือบดูนาฬิกาข้อมือแล้วชวนเธอออกจากบ้าน เราสองคนมีนัดไว้กับลูกค้า นัทธมนนึกเสียดายโอกาสที่อยู่ตรงหน้า...

นัทธมนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังเช่นเคย เธอหมายมั่นว่าตราบใดที่ยังทำงานอยู่ในบ้านโบราณ เธอจะเข้าไปเอาสมุดบันทึกเล่มนั้นมาให้ได้ และยังเล่าอีกว่าเธอรู้ที่ตายของวรดาแล้ว กฤตย์พาไปดู ห้องนั้นอยู่ภายในบริเวณบ้านของเขาเอง แต่ตอนนี้กลายเป็นสระว่ายน้ำไปแล้ว

"ก็ดี...หนูจะได้ไม่ต้องไปพบไปเห็นมันได้อีก"

"หนูเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง...หนูจะไปอีก" นัทธมนสีหน้ามุ่งมั่น เดินเข้าไปในห้องพระ จุดธูปเทียนไหว้พระแล้วนั่งสมาธิ หลับตา มนทิราท้วงว่าอย่าทำอย่างนี้เลย ลูกไม่มีหลวงพ่อคอยนำทางให้แล้ว นัทธมนดื้อดึงจะทำให้ได้ มนทิราจำต้องถอยออกมานอกห้อง ด้วยความเป็นห่วงจึงแง้มประตูไว้ คอยเฝ้าระวังอยู่ไม่ห่าง

นัทธมนถอดจิตออกจากร่างได้ แต่ไม่อาจฝ่าพวกภูตผี และสิ่งชั่วร้ายต่างๆไปได้ พลังที่ใช้ในการต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายทำให้เลือดกำเดาเริ่มไหล มนทิราเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปเขย่าตัวลูกให้ได้สติ แต่นัทธมนนั่งนิ่งเลือดกำเดาไหลมากขึ้นเรื่อยๆ นัทธมนลอยเคว้งคว้างไปถึงขุมนรกอเวจี ไฟนรกโหมกระหน่ำเข้าใส่

เธอพยายามลืมตา แต่ทำไม่ได้ ร้องเรียกแม่ให้ช่วย แม่ก็ไม่ได้ยิน ด้านมนทิราอธิษฐานขอให้พระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วย ทันใดนั้น ตะกรุดที่พระธุดงค์ให้ไว้ เรืองแสงขึ้น มนทิรารีบคว้าขึ้นมาสวมคอลูก นัทธมนกระตุกเฮือก ลืมตาขึ้นโผกอดแม่ ร้องไห้อย่างหวาดกลัว

"หนูทำไม่ได้ค่ะ หนูกลับไปที่นั่นไม่ได้อีกแล้ว"

มนทิรากอดลูกไว้แน่น เอามือลูบตะกรุดที่คอลูก ขอบคุณที่คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง...

ค่ำวันเดียวกัน กฤตย์เอาตะกรุดซึ่งเหมือนกับของนัทธมนขึ้นสวมคอ กราบหมอนไหว้พระ ล้มตัวลงนอนก่ายหน้าผาก คิดถึงวรดาเหลือเกิน อธิษฐานว่าอยากฝันเห็นเธอ กฤตย์หลับตาแล้วหลับไป

ooooooo

กฤตย์ฝันเห็นตัวเองกำลังพาวรดาเข้ามานั่งในห้องหนังสือ แล้วตัวเขาออกไปหยิบชุดของวรดาซึ่งซักรีดเรียบร้อยมาคืน วรดาฝากไว้ที่นี่ก่อนเผื่อฉุกเฉิน คราวหน้าจะได้ไม่ต้องรบกวนชุดของเกตุมณี จากนั้นกฤตย์ชวนวรดาไปดูห้องลับซึ่งอยู่ภายในหลุมหลบภัย ที่ทั้งเก่าทั้งอับชื้น วรดายังไม่เคยเดินเข้ามาถึงห้องนี้

"ใช่...ห้องนี้อยู่ลึกสุดครับ"

ขณะวรดากำลังเดินสำรวจในห้อง หนูวิ่งผ่านหน้า เธอตกใจร้องลั่น หันมาซุกหน้ากับอกกฤตย์ เขาโอบกอดเธอไว้แน่น วรดาได้สติรีบถอย กฤตย์รั้งตัวเธอไว้ สารภาพว่ารักเธอมาก

วรดาเขินอาย ใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบชวนเขากลับ กฤตย์ขอคำตอบว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา วรดากำลังจะเผยความในใจ

แต่มีเสียงเอี๊ยดดังขัดจังหวะ ทั้งคู่หันไปมอง เห็นเก้าอี้ซึ่งขัดไว้ตรงประตูห้องบิดตามแรงกดของประตูเหล็กบานหนัก กฤตย์กับวรดารีบปราดไปดึงประตูเอาไว้ วรดาเบี่ยงตัวออกไปก่อน กฤตย์รีบตาม ประตูปิดกระแทกอย่างแรงเสียงดังปัง สองหนุ่มสาววิ่งแข่งกันออกจากหลุมหลบภัย

กฤตย์วิ่งแซง โดยวรดาก้มเก็บดอกหญ้าแล้ววิ่งไล่กันมาจนถึงริมรั้วบ้าน ทั้งสองยืนหัวเราะกันอย่างมีความสุข กฤตย์เย้าว่าขืนเราสองคนออกมาไม่ทัน คงต้องรอให้ถึงสงครามโลกครั้งที่สามกว่าจะมีใครมาเจอ แล้วทวงคำตอบจากหญิงสาวที่ค้างเขาไว้เมื่อกี้ วรดาทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร

"คุณก็รู้ว่าผมอยากได้ยินอะไร"

"...รดา...ต้องการอ้อมแขน ไม่ใช่กรงขัง คุณพิสูจน์ให้รดา เห็นก่อนได้ไหมคะ"

กฤตย์มองอย่างเข้าใจ หยิบดอกหญ้าในมือวรดามา

ทัดหูให้ วรดายิ้มเขิน ทั้งคู่ไม่ทันเห็นว่าปิติแอบมองอยู่อย่างผู้พ่ายแพ้...

ความสุขของวรดาหมดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อประพจน์ บังคับให้เธอหมั้นกับปิติ ปิติงงเป็นไก่ตาแตก ประพจน์ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขามาก่อน อยู่ๆก็บอกให้พาผู้ใหญ่มาสู่ขอวรดา วรดาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งก้มหน้ารับสภาพ สร้อยเอา

เครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟเจ้านายพอดีถึงกับหูผึ่งรีบเอาเรื่องนี้ไปรายงานนายหญิง ผาณิตซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยริษยาแทบอกแตกตายที่วรดาจะได้ปิติ ผู้กองหนุ่มอนาคตไกลมาเป็นว่าที่สามี

"แกได้ยินมาอย่างนั้นแน่เหรอ...นังสร้อย"

"แน่สิคะ นัดหมายดูฤกษ์ดูยามกันแล้ว อีกหน่อยมันคงชูคอ เชิดใส่คุณหญิงแน่ๆเชียวล่ะค่ะ"

"เรื่องเก่าที่มันซัดพวกเราจนน่วมแล้วไม่ยอมรับ ยังไม่ทันได้สะสาง...นี่ยังจะคิดมาเชิดหน้าชูคอเทียบเท่าพวกเราอีก...คุณแม่ต้องจัดการมันนะ"

"แม่น่ะ ยังไงต้องจัดการมันแน่ จะให้มันมาทำร้ายลูกทำร้ายแม่แล้วลอยนวลอยู่ได้ไง...คนอย่างแม่ต้องล้างแค้น...นังแม่มันโดนยังไง ลูกมันต้องโดนอย่างนั้นเหมือนกัน" คุณหญิงผกาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ooooooo

คุณหญิงผกานัดรุจน์ให้มาเจอที่ร้านอาหารเงียบสงบแห่งหนึ่ง ผาณิตกับคุณหญิงผกาสวมแว่นดำมีผ้าโพกผมพรางตัว คุณหญิงผกาสั่งรุจน์ให้จัดการวรดาเหมือนที่จัดการวารี รุจน์ขอเบิกเงินล่วงหน้าครึ่งหนึ่งก่อน ผาณิตพูดแทรกทันทีว่า งานเสร็จแล้วค่อยเก็บเงินงวดเดียว รุจน์ขอต่อรองเบิกแค่ส่วนเดียว

จังหวะที่รุจน์รับเงินจากคุณหญิงผกา ปณิตาเดินเข้ามาทักสองแม่ลูก คุณหญิงผการีบดึงมือกลับแทบไม่ทัน ทำหน้างงๆว่าใคร ปณิตาแนะนำตัวเองว่าเป็นเพื่อนของแกมแก้วซึ่งเป็นเพื่อนของผาณิตอีกที ผาณิตนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง หันไปบอกแม่ว่าเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ ปณิตายื่นนามบัตรให้ คุณหญิงผกา

"ทำธุรกิจพัฒนาที่ดินอยู่ค่ะ เพิ่งเริ่มต้น ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ เผื่อว่ามีอะไรจะได้ค้าขายกันมั่ง"

คุณหญิงผการับนามบัตรมาอย่างเสียไม่ได้ ปณิตามองหน้ารุจน์แล้วหันมองคุณหญิงผกา ก่อนขอตัวกลับ คุณหญิงผกาไม่ค่อยสบายใจนักที่เจอคนรู้จัก เอานามบัตรใบนั้นยัดใส่กระเป๋าเสื้อรุจน์ฝากไปทิ้งให้ด้วย แล้วบอกว่าเมื่อถึงเวลา เธอจะติดต่อไปเอง...

ในเวลาเดียวกัน กฤตย์กับวรดามานั่งปรึกษากันในสวนสาธารณะร่มรื่น วรดาน้ำตาซึมที่ถูกบังคับให้หมั้นกับปิติกฤตย์ถามเธอว่ารักปิติหรือเปล่า วรดาน้อยใจ ตัดพ้อว่าทำไมถามแบบนี้

"คุณบอกผมมาคำเดียวว่าคุณรักผมไหม ผมจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ...ผมพอจะรู้นะครับว่ารดาคิดยังไงกับผม แต่รดาช่วยบอกให้ผมแน่ใจหน่อยได้ไหม...ว่าคุณรักผม"

วรดาเงยหน้ามองเขา แล้วพยักหน้า กฤตย์ดีใจมาก ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น สัญญาว่าจะไม่ยอมให้ใครพรากเธอไปจากเขา "คุณเคยถามผมใช่ไหมว่านี่เป็นอ้อมแขนหรือกรงขัง... ผมตอบคุณไม่ได้หรอกนะ...แต่บอกได้ว่ามันจะไม่ยอมให้คุณไปจากผมแน่ๆ" สองหนุ่มสาวโอบกอดกันอย่างแสนรักแสนห่วงใย...

ด้านปิติรู้อยู่เต็มอกว่าวรดารักกฤตย์และไม่เคยมีใจให้ตนเอง จึงยอมเสียสละด้วยการขอลาออกจากราชการ อ้างกับประพจน์ว่าอยากไปอยู่ต่างจังหวัด จะไปทำรีสอร์ตที่เพชรบูรณ์ แต่ความจริงแล้วปิติลาออกเพื่อจะได้ไม่ต้องทำตามคำสั่งของประพจน์ที่บังคับให้เขาแต่งงานกับวรดา...

เสร็จจากคุยธุระกับประพจน์ ปิติเดินไปลานจอดรถ กฤตย์ เข้ามาขอเคลียร์ปัญหาที่วรดาถูกบังคับให้แต่งงานกับปิติพูดอย่างเปิดอกว่าเขารักวรดา และขอร้องปิติว่าอย่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำร้ายจิตใจอันบอบช้ำของวรดา ปิติยื่นคำขาดว่าถ้ากฤตย์อยากได้วรดา ต้องคว่ำเขาให้ได้ก่อน กฤตย์รับคำท้า

สองหนุ่มตรงเข้าต่อสู้กันอุตลุด ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ชกต่อยจนหน้าตาบอบช้ำด้วยกันทั้งสองฝ่าย เกตุมณีออกมาจากบ้าน เห็นทั้งคู่วางมวยกันกลางสนามหน้าบ้านโบราณ รีบวิ่งเข้าไปห้าม

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ...บอกให้หยุด" เกตุมณีหอบเหนื่อย กว่าจะแยกสองคนนั่นออกจากกัน...

ขณะเดียวกัน ประพจน์เดินมาหาวรดาที่เรือนหลังเล็ก บอกเธอว่าปิติมาขอลาออกจากราชการ วรดางงว่ามันเรื่องอะไรกัน ปิติกำลังก้าวหน้าในอาชีพการงานแท้ๆ

"เขาไม่อยากเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาที่ต้องขัดคำสั่งเจ้านาย...แต่พ่อไม่ได้ให้เขาออกหรอกนะ...พ่อจะไม่บังคับฝืนใจใครอีก...ชีวิตเราเป็นของเรา จะทำอะไรก็ตัดสินใจให้มันดีล่ะ"

วรดาขอบพระคุณท่านมากที่เข้าใจ มองตามพ่อเดินกลับไปด้วยความรู้สึกดีขึ้น

ooooooo

เกตุมณีพากฤตย์มาใส่ยาและทำแผลที่บ้าน โดยมีปิติเอาน้ำแข็งประคบหน้าตัวเองอยู่ข้างๆ เกตุมณีตำหนิทั้งสองคนที่ชกต่อยกันเหมือนเด็กๆไม่รู้จักมีความคิด ปิติบอกกฤตย์ว่าเขาคืนวรดาให้ เกตุมณีฉุนขาด

"ตัวเองเป็นเจ้าชีวิตวรดาหรือไง ถึงจะได้เที่ยวมีสิทธิ์ยกให้ใคร"

ปิติไม่โต้ตอบ ยิ้มให้เกตุมณีแล้วขอตัวกลับ เกตุมณีเคืองจัด ปราดเข้าไปตบหน้าเขาอย่างแรงหนึ่งฉาดโทษฐานทำร้ายน้องชายของเธอ ก่อนจะมีใครทันพูดอะไร เกตุมณีฟาดเปรี้ยงใส่หน้าปิติซ้ำอีก

"และนี่โทษฐานที่เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักเสียสละหรือว่าทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง"

ปิติยิ้มให้เกตุมณีอีกครั้ง ทั้งๆมีเลือดไหลออกจากมุมปาก แล้วหันไปบอกกฤตย์ว่า รักกันให้มากๆ ก่อนเดินจากไป กฤตย์ต่อว่าพี่สาวว่าไปตบหน้าเขาทำไม เกตุมณีเกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้มาก...

ด้านวรดาหน้าตายิ้มแย้ม มุดรั้วออกมาจากบ้านโบราณ เจอปิติซึ่งหน้าตาบวมปูดเดินสวนออกมา วรดาทักว่าไปโดนอะไรมา ปิติโกหกว่าโดนต่อต่อย

"รดาคุยกับคุณพ่อแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"

"ผมไม่ได้ทำเพื่อใครนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมทำเพื่อตัวเอง"

วรดาขอบคุณเขาอีกครั้งอย่างตื้นตันใจ แล้วเดินเรื่อยมาถึงห้องนั่งเล่นบ้านกฤตย์ พอเห็นหน้าตาบอบช้ำของกฤตย์ซึ่งไม่ต่างจากปิติ เธอรู้ทันทีว่าทั้งคู่ชกต่อยกัน ตำหนิกฤตย์ที่ไปมีเรื่องกับปิติยิ่งได้รู้ว่าเกตุมณีพาลตบหน้าปิติไปอีกสองฉาดใหญ่ วรดาถึงกับร้องเอะอะ ทรุดตัวนั่งลงอย่างอ่อนแรง

"ก่อนที่ปิติจะมาที่นี่ เขาไปบอกคุณพ่อขอลาออกจากราชการ เพราะไม่อยากฝืนใจให้รดาไปแต่งงานกับเขา...เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจคนอื่น ก็เลยเลือกที่จะทำร้ายตัวเอง"

เกตุมณีนิ่งอึ้ง เสียใจที่เข้าใจปิติผิด แถมยังตบหน้าเขาทั้งๆที่เขามีน้ำใจ เธอรู้สึกผิดต่อเขามากมาย

ooooooo

พอคุณหญิงผการู้ว่าตอนสายของวันนี้ วรดาจะออกไปซื้อของใช้เข้าบ้าน เธอรีบโทรศัพท์ติดต่อรุจน์ทันที สั่งให้จัดการวรดาอย่างเดียวกับแม่ของมัน ทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุชนแล้วหนี รุจน์รับคำ มองรูปถ่ายของวรดาที่คุณหญิงผกาให้มาเขม็ง...

ทางฝ่ายเกตุมณีมาดักรอปิติหน้าบ้านโบราณ เห็นเขาเดินไปยังรถที่จอดอยู่ เธอรีบเข้ามาขอโทษเรื่องเมื่อวาน

วรดาเล่าให้เธอฟังหมดแล้วว่าเขาไปพูดอะไรกับประพจน์มาบ้าง ปิติยอมให้อภัยแต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องทำอาหารเลี้ยงเขาหนึ่งมื้อในวันที่เขาต้องการ เกตุมณีทำท่าจะไม่รับข้อเสนอ

"ศักดิ์ศรีผมนะ...มันเจ็บทั้งกาย ทั้งใจเลยนะ"

เกตุมณีรับคำ ถ้าเธอทำตามนั้นให้ถือว่าเราสองคนหายกัน ปิติพยักหน้ายิ้มๆ...

ฝ่ายรุจน์ขับรถกระบะมาจอดรถรอหน้ารั้วบ้านโบราณไม่นานนัก กฤตย์ขับรถออกมาโดยมีวรดานั่งมาด้วย รุจน์ทิ้งระยะห่างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น ก่อนขับตามรถของกฤตย์มาจนถึงตลาด กฤตย์จอดรถไว้ริมถนนฝั่งตรงข้ามตลาด วรดาลงจากรถกำลังจะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง

ทันใดนั้น รุจน์ขับรถกระบะพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว วรดาเห็นเมื่อสายเสียแล้ว ได้แต่เอี้ยวตัวหลบแต่ไม่พ้นโดนรถกระบะชนกระเด็นหัวแตกเลือดอาบ หมดสติ กฤตย์ร้องเรียกวรดาลั่นด้วยความตกใจ สะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นจากฝันร้าย ภาพวรดาโดนรถชนยังติดตาเขา ทั้งๆที่ผ่านมาเกือบยี่สิบปี

ooooooo

นัทธมนมาทำงานตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า เห็นปลอดคนรีบเข้าห้องทำงานของกฤตย์ ปิดประตูตามหลัง เดินไปรื้อค้นข้าวของบนโต๊ะเจ้านายและในลิ้นชัก ไม่เจอกุญแจบ้านวรดา ขณะกำลังเก็บของกลับเข้าที่ ต้องสะดุ้งโหยง ได้ยินเสียงกฤตย์ร้องทักทายว่า วันนี้ มาทำงานแต่เช้า

"คะ...เอ่อ...คือ...ค่ะ ช่วงนี้ปิดเทอมค่ะ" ข้าวของของ

กฤตย์อยู่เต็มมือนัทธมน เธอไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร

"เห็นเอกสารมันรกก็เลยทนไม่ได้ใช่ไหม"

"ค่ะๆ...ใช่ค่ะ...หนูเห็นมันรก ก็เลยอยากช่วยเรียงให้มันเป็นระเบียบ" นัทธมนรีบเออออไปด้วย

กฤตย์ รู้ว่าหญิงสาวกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ สั่งว่าเศษกระดาษบนโต๊ะอย่าทิ้ง บางทีเขาจดอะไรสำคัญไว้ นัทธมนพยักหน้า ถอนใจโล่งอกมองตามเขาเดินออกไป แต่ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อเขาโผล่หน้าเข้ามาขอแรงให้ช่วยยกลังไปไว้ห้องเก็บของ

ครู่ต่อมา ทั้งสองคนยกลังใส่ของคนละใบเดินไปยังห้องเก็บของ กฤตย์เปิดประตูห้องเสียงลั่นเอี๊ยดๆ นัทธมนผวา ยืนนิ่งไม่กล้าเข้า กฤตย์ยกลังเข้าไปเก็บ หันมาเรียก นัทธมนส่ายหน้าขอวางลังหน้าห้องแทน กฤตย์ถามว่ากลัวอะไร เธอเคยติดอยู่ในลิฟต์ เลยไม่อยากเข้าไปในที่แคบๆกับคนแปลกหน้า

"เธอกลัวติดลิฟต์หรือว่าเธอเคยติดอยู่ที่ไหนสักแห่งที่บรรยากาศคล้ายๆแบบนี้"

"หนู ไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร" นัทธมนสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด ทนอยู่ต่อไปไม่ไหว ขอตัวกลับไปทำงาน กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป นึกเจ็บใจที่กฤตย์จงใจแกล้งตนเอง...

ตกเย็น ด้วยความต้องการจะเอาชนะความกลัวที่มืดและแคบ นัทธมนวานติสรณ์ช่วยขังเธอไว้ในลังกระดาษใบใหญ่ ติสรณ์ไม่เข้าใจเพื่อนเท่าใดนัก แต่ก็ยอมทำตามที่ขอร้อง นัทธมนคลานเข้าไปในลังด้วยสีหน้าหวาดหวั่น สั่งติสรณ์เสียงเข้มว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด พอติสรณ์ปิดฝาลัง ความมืดเข้าปกคลุม

นัทธมนกลัวมากดิ้นขลุกขลักอยู่ในลัง ร้องเรียกติสรณ์ ให้ช่วย ติสรณ์บอกให้ดันฝาออกมา เธอกลัวมากจนไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ทุบลังกระดาษเพื่อหาทางออกแต่ฝาไม่ยอมเปิด แถมเสียงทุบกระดาษกลับเหมือนกำลังทุบประตูเหล็ก ติสรณ์ เปิดฝาลังออกโดยง่าย นัทธมนพุ่งพรวดออกมายืนอกสั่นขวัญหาย...

มนทิราเอ็ดนัทธมนเสียง เขียว เมื่อรู้ว่าลูกเล่นพิเรนทร์ แบบนั้น สอนว่าถ้าต้องการชนะความกลัว ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่มาหักเอาที่ปลายเหตุ นัทธมนอยากรู้ว่าตัวเองกลัวที่มืด กลัวที่แคบจะแก้อย่างไร

"กลัวที่แคบก็ทำใจให้มันกว้างสิลูก กลัวมืดก็ทำใจให้มันสว่าง ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ใจ"

นัทธมนบ่นอุบว่า ทำใจเป็นเรื่องยากที่สุด...

ooooooo

จบตอนที่ 10
เครดิต ไทยรัฐ


Create Date : 01 สิงหาคม 2553
Last Update : 1 สิงหาคม 2553 21:24:46 น. 0 comments
Counter : 404 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com