กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 กรกฏาคม 2553
 
 
ละคร ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 5

ตอนที่ 5


ผ่านไปไม่นานนัก นัทธมนกลับถึงบ้าน เห็นแม่ กำลังรีดเสื้อให้พ่อ มนทิราแปลกใจว่าทำไมวันนี้ลูกกลับบ้านเร็ว นัทธมนไม่อยากไปไหนต่ออยากกลับมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ แล้วนั่งมองหน้าแม่

"หนู ดีใจนะคะที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่กับพ่อ"

ทันใดนั้นมีเสียงโทรศัพท์ดัง ขึ้น มนทิราวางเตารีด กระเซ้าลูกว่าปากหวานดีนัก ช่วยรีดเสื้อพ่อแทนเธอหน่อย แล้วเดินไปรับสาย นันธมนดึงปลั๊กเตารีดออก หยิบเสื้อของพ่อขึ้นมากอดด้วยความเศร้า

"ฮัลโหล...ค่ะ...ที่ไหนคะ... ค่ะ...ค่ะ" มนทิราวางสาย น้ำตาคลอ กำลังจะบอกนัทธมนว่าไม่ต้องรีดเสื้อแล้ว เหลือบเห็นปลั๊กเตารีดถูกถอดออกจากเต้าเสียบเรียบร้อย มนทิราเดาออกทันทีว่าลูกรู้เรื่องพ่อแล้ว

"หนูแค่วูบขึ้นมาว่าจะไม่ ได้เจอพ่ออีก...เราต้องอยู่กันให้ได้ค่ะแม่...เราต้องอยู่กันให้ได้" สองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด...

ในห้องฉุกเฉินของ โรงพยาบาล มนทิราถึงกับปล่อยโฮทันทีที่เห็นศพนิกร ร้องไห้คร่ำครวญว่าทำไมเขาถึงทิ้งเธอไปเร็วอย่างนี้ นัทธมนเข้ามาประคองแม่ไว้ด้วยน้ำตานองหน้า พาออก มานั่งนอกห้อง หมอสรุปให้สองแม่ลูกฟังว่าผู้ตายเส้นโลหิตในสมองแตก ก่อนจะตกลงมาจากตึก แรงกระแทกทำให้เสียชีวิตทันที

"แล้วก่อนหน้านี้มีใครมาดูพ่อบ้างไหม คะ"

"ทราบว่ามีคนรถนำผู้ตายมาส่งครับ แต่นอกนั้นยังไม่มีใครมา"

นัท ธมนแค้นใจมากที่ไม่มีใครดูดำดูดีพ่อของเธอ พึมพำต่อว่าพวกนั้นว่าใจดำ...หลังจากนัทธมนเซ็นเอกสารทุกอย่างแทนแม่ซึ่งแทบ จะทำอะไรไม่ได้ บอกหมอว่าขอตัวกลับก่อน พรุ่งนี้เธอถึงจะมารับศพพ่อไปทำพิธี แล้วประคองแม่มายืนรอลิฟต์ มนทิราชวนลูกลงบันไดเพราะรู้ว่าลูกกลัวที่แคบ

"ไม่ ต้องค่ะแม่ ต่อไปนี้หนูจะเข้มแข็งเพื่อแม่"

มนทิราซึ้งใจ จับมือลูกไว้ จังหวะที่นัทธมนกับมนทิราก้าวเข้าลิฟต์ตัวหนึ่ง กฤตย์ซึ่งตามมาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆของนิกร ก้าวออกจากลิฟต์อีกตัวหนึ่งที่อยู่ติดกัน นัทธมนกับกฤตย์คลาดกันนิดเดียว...

มนทิร ากลับถึงบ้านด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ทำใจไม่ได้กับการจากไปอย่างกะทันหันของนิกร ยืนมองโต๊ะทำงานของเขา น้ำตาคลอ เห็นข้าวของทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิม มนทิราเดินมานั่งที่เก้าอี้ประจำของนิกรแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น นัทธมนแอบเห็นแม่ร้องไห้ พลอยร้องไห้ตามไปด้วย

ooooooo

รุ่ง ขึ้น กฤตย์ชวนปณิตาไปร่วมงานศพนิกรด้วยกัน คืนนี้บริษัทของเขาจะเป็นเจ้าภาพ ปณิตาทำอิดออดไม่อยากไป กฤตย์ติงว่าในฐานะที่เธอเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของโครงการนี้เธอควรจะไปร่วม งาน

"ตาส่งพวงหรีดไปก็แล้วกัน...พอใจไหม"

กฤตย์ส่ายหน้าเอือม ระอาที่ปณิตาไม่ให้เกียรติคนตายทั้งที่ใช้งานเขาหามรุ่งหามค่ำ พอกฤตย์รู้ว่านิกรทิ้งเมียกับลูกสาววัยสิบแปดปีไว้ข้างหลัง ตำหนิตัวเองที่มีส่วนทำให้ลูกของนิกรต้องกำพร้าพ่อ...

หลังจากปณิ ตากลับไปแล้ว กฤตย์โทรศัพท์ทางไกลไปเพชรบูรณ์เพื่อปรับทุกข์กับพี่สาว ขณะเกตุมณีกำลังปลอบกฤตย์ไม่ให้คิดมากเรื่องการตายของนิกร ปิติโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้ามาในบ้าน เกตุมณีบอกน้องชายว่าแค่นี้ก่อนแล้ววางสาย หันมาถามปิติว่ามีเรื่องอะไรกัน

"คน งานตั้งวงกันอีกแล้ว คราวนี้ไม่ใช่เหล้าอย่างเดียว มันเล่นถั่วเล่นโปกันด้วย ไอ้มีเป็นหัวโจก ผมจะไม่ใจดีอีกแล้ว ไล่มันออกยกชุดเลย"

เกตุมณีท้วงว่าถ้าไล่คนงานออกแล้วใครจะคุมงาน ปิติจะคุมเอง เกตุมณีเหน็บว่าตั้งแต่เขากลับจากบ้านกฤตย์ดูจะอารมณ์เสียง่ายเกินเหตุ ปิติไม่พอใจ ย้อนว่าเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา คอยหาเรื่องเขาตลอดแถมชอบเอาเรื่องอดีตมาพูด ถอดแบบมาจากแกมแก้วทุกอย่าง เกตุมณีงอน เดินน้ำตาคลอขึ้นบ้าน...

ก่อนไปเรียนหนังสือ ถุงแป้งแวะมาหากฤตย์ที่บริษัท บอกว่าหลังเลิกเรียน เธออาจจะเลยไปงานศพพ่อของเพื่อน กฤตย์เองก็ต้องไปงานศพเหมือนกัน ถุงแป้งเห็นหน้าตาเคร่ง เครียดของน้าชาย อดถามไม่ได้ว่าสนิทกับคนตายมากหรือ

"ก็ พอควร แต่เขาตายเพราะน้าเร่งงานเขาหนักไป น้าทำให้ลูกสาวเขาเป็นกำพร้า บาปนี้คงติดอยู่ในใจจนตาย" กฤตย์ หน้าหมองลงไปอีก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้...

ที่ ศาลาสวดศพ มนทิรายกถาดใส่อาหารไปวางข้างโลงศพนิกร เคาะโลงเบาๆก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่าง แล้วเดินออกมา นัทธมนเข้ามาเตือนแม่ให้กินอะไรบ้าง เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป

"แม่ ยังไม่หิวหรอกลูก ให้พ่อเขากินก่อน...ต่อไปก็เหลือเราแค่สองคนแล้วนะลูก"

"พวก คนใจร้าย มันใช้งานคุณพ่อจนตาย" นัทธมนมอง แม่แล้วร้องไห้

"อย่าพูด อย่างนั้นสิลูก พ่อของเราถึงคราวเองต่างหาก... วันนี้ เขาจะมาเป็นเจ้าภาพ ลูกต้องต้อนรับเขาให้ดีรู้ไหม" มนทิราเห็นสายตาชิงชังของลูก รีบปราม "นัท...ไม่เอาสิลูก หนูคงไม่อยากให้พ่อนอนตายตาไม่หลับใช่ไหม"

นัท ธมนไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ รับปากว่าจะต้อนรับพวกนั้นอย่างดี แต่เธอกลับทำไม่ได้อย่างที่รับปาก พอเธอได้ยินพนักงานบริษัทของกฤตย์คนหนึ่งพูดถึงพ่อของเธอในแง่ลบ นัทธมนโกรธจนลืมตัวใช้พลังพิเศษเล่นงานเขา ลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายหายใจติดขัด หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ดีที่มนทิราเข้ามาคว้าแขนนัทธมนลากออกไปจากศาลาได้ทัน ชายคนนั้นกลับมาหายใจ
สะดวก ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มนทิราพานัทธมนมาที่มุมลับตาคน ส่งกระดาษทิชชูให้ลูกซับเลือดกำเดา ตำหนิลูกที่ทำร้ายคนอื่น นัทธมนอ้างว่าผู้ชายคนนั้นว่าพ่อโง่ โดนด่าที่ไซต์งานจนเครียด เส้นเลือดในสมองแตกเลยตกตึกตาย

"ปากคนจะพูดอะไรก็ช่างเขาสิ เรารู้อยู่ว่าพ่อเราเป็นยังไงก็พอแล้ว"

"ก็ที่พ่อตาย ไม่ใช่เพราะทำงานเพื่อพวกลูกน้องแบบนี้เหรอคะ"

"นัทจะให้แม่บอกกี่หน ว่าพ่อลูกตายเพราะอะไร แม่รู้ว่าลูกเสียใจ แต่ก็ไม่ควรไปทำกับคนอื่นแบบนี้"

"หนู เกลียดมัน ไอ้พวกที่ทำให้คุณพ่อตาย"

"นัททำไมดื้อแบบนี้...ถ้าไม่ อยากให้พ่อต้องเสียใจ อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะลูก"

นัทธมนพยักหน้า มนทิราบอกให้ลูกไปดูในครัว ส่วนเธอจะไปรับแขกหน้าศาลาเอง สองแม่ลูกแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน มนทิรายืนต้อนรับแขกเหรื่อได้สักพัก กฤตย์กับเลขาฯหน้าห้องของเขา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของโครงการมาถึง เลขาฯแนะนำมนทิรากับกฤตย์ให้รู้จักกัน

"นี่คุณกฤตย์เจ้าของบริษัทที่ คุณนิกรร่วมงานด้วย

น่ะค่ะ...นี่คุณมนทิราค่ะเจ้านาย"

ทั้ง สองคนทักทายกันตามมารยาท จากนั้นกฤตย์ยื่นซองใส่เช็คให้มนทิรา ขอให้เธอถือว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินตอบแทนเล็กๆน้อยๆจากบริษัทของเขา จากนั้นกฤตย์ขอตัวขึ้นไปจุดธูปไหว้ศพแล้วเดินนำคณะผู้บริหารขึ้นไปบนศาลาคลา ดกับนัทธมนที่เดินเข้ามาถามแม่ว่าเพื่อนของเธอมาหรือยัง พูดยังไม่ทันขาดคำ

ถุง แป้งโผล่เข้ามา นัทธมนแนะนำเพื่อนให้รู้จักกับแม่ของเธอ แล้วพากันเข้าครัวเพื่อจัดของว่างไว้รับแขก ขณะกฤตย์ ยกมือไหว้ศพนิกรพร้อมกับธูปในมือ นัทธมนซึ่งกำลังจัดของว่างใส่จานหยุดกึก เหมือนมีลางบอกว่าคนที่ทำให้พ่อตายมาถึงแล้ว เธอวางของในมือออกจากครัว ขึ้นไปบนศาลาสวดศพ

แล้วหยุดยืนข้างหลังกฤตย์ น้ำตาแห่งความแค้นเอ่อล้นท้นขึ้นมา พลันธูปในมือกฤตย์ติดไฟ เปลวพุ่งขึ้นมาเกือบโดนหน้า กฤตย์ตกใจทิ้งธูปลงพื้น ธูปในกระถางปักธูปเกิดเปลวไฟลุกพรึบขึ้น เจ้าหน้าที่ของวัดรีบวิ่งมาดับไฟกันโกลาหล แขกเหรื่อมองด้วยความแปลกใจ กฤตย์ก้าวถอยหลังไปหยุดยืนใกล้ๆนัทธมน

"คุณคงเป็นเจ้านายของพ่อสินะ"

กฤตย์หันมองตามเสียง ถึงกับตะลึงงัน หญิงสาวตรงหน้าเหมือนวรดาราวกับแกะ กฤตย์พึมพำว่าเป็นไปไม่ได้ นัทธมนนิ่งอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเจ้านายพ่อคือน้าของถุงแป้ง ถุงแป้งหันมาเห็นกฤตย์ เข้ามาทัก

"อ้าวน้ากฤตย์ ที่แท้ก็มางานเดียวกันนี่เอง...นัท...นี่น้ากฤตย์"

นัทธมนยกมือไหว้ สายตามีแต่แววชิงชัง กฤตย์ถึงกับเสียวสันหลังวาบ มนทิราปราดเข้ามายืนข้างนัทธมนเมื่อเห็นลูกจ้องหน้ากฤตย์เขม็ง กฤตย์ชมพ่อของนัทธมนว่าเป็นคนดี

"คนเราก็มักจะพูดถึงคนตายกันแบบนี้บ่อยๆแหละค่ะ ทำไมคะ...เราจะทำดีให้ต่อกันตอนเป็นๆไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมาคิดถึงความดีเอาเมื่อตอนเขาจากไป"

"นัท...แม่บอกว่าไง" มนทิราปรามลูก ก่อนหันไปทาง กฤตย์ "ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะคะ แกยังเด็กน่ะค่ะ" มนทิรารีบพานัทธมนออกจากศาลา ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นอีก

ooooooo

กลับถึงบ้านแล้ว นัทธมนยังหาเรื่องกฤตย์ไม่เลิก หาว่าเขาคอยตามจองล้างจองผลาญเธอมานานแล้ว

มนทิราถามว่า มีหลักฐานอะไรถึงไปกล่าวหาเขาอย่างนั้น

"อย่างน้อยเขาก็ทำให้คุณพ่อหนูต้องตาย หนูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ถึงยอมอโหสิกรรมให้กับเขาง่ายๆแบบนี้...คุณพ่อตาย เพราะเขานะคะ"

"นัทคิดเองสรุปเองแบบนี้ มันเป็นการเกลียดคนโดยไร้เหตุผลรู้ไหมลูก"

"มีซิคะ มันต้องมี เขาต้องทำอะไรนัทไว้ ไม่ชาตินี้ก็ชาติที่แล้ว...เขาไม่ใช่คนดีแน่"

มนทิราส่ายหน้า เหนื่อยใจในความดื้อรั้น ไม่ฟังเหตุผลของลูก...

เกตุมณีงอนปิติข้ามวันข้ามคืนไม่ยอมพูดไม่ยอมจาด้วย ปิติคิดจะง้อภรรยาด้วยการทำส้มลอยแก้วของโปรดของเธอให้กิน แต่ทำไม่เป็นเลยโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากถุงแป้ง นอกจากได้สูตรทำขนมแล้ว เขายังได้รับรู้เรื่องราวที่กฤตย์เข้าไปมีส่วนทำให้พ่อของเพื่อนถุงแป้งตาย เป็นของแถม

ปิติรีบเข้าครัวลงมือทำส้มลอยแก้วทันที ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือแล้วยกชามส้มลอยแก้วมาวางที่โต๊ะตรงหน้าเกตุมณี

คะยั้นคะยอให้ลองชิม เกตุมณีว่าดึกแล้ว เธอกินไม่ลง ปิติคุยว่าส้มลอยแก้วชามนี้เขาทำเองกับมือโดยได้รับความช่วยเหลือจากถุงแป้ง ที่บอกว่าดูแม่ทำหลายรอบแล้วเลยจำสูตรได้

ปิติลองตักชิมดู รสชาติประหลาด บ้วนทิ้งแทบไม่ทัน เกตุมณีหัวเราะชอบใจ ในที่สุดสองสามีภรรยาก็คืนดีกัน ปิติเล่าให้เกตุมณีฟังเรื่องพ่อเพื่อนของถุงแป้งเส้นโลหิตในสมองแตกตาย และบังเอิญเหลือเกินที่คนตายทำงานให้กฤตย์ เพื่อนของถุงแป้งโกรธมาก โทษว่าพ่อของเธอถูกใช้ให้ทำงานหนักจนเครียดตาย พลอยทำให้ถุงแป้งเป็นกังวลว่าเพื่อนจะพานโกรธตัวเองไปด้วย...

ดึกแล้ว นัทธมนยังนอนไม่หลับ นั่งคิดถึงตอนที่เจอหน้ากฤตย์จังๆในงานศพพ่อ รู้สึกแปลกๆจนต้องเอามือทาบที่อกด้านซ้ายตัวเอง

"ทำไมใจเราถึงเต้นแบบนี้...ไม่...กับคนคนนั้น...นอกจากความเกลียดแล้วต้อง ไม่มีอะไรอีก" นัทธมนล้มตัวลงนอนหลับ แล้วฝันไป...ความฝันกลับกลายเป็นการย้อนเรื่องราวในอดีต

วันนั้น เป็นงานวันเกิดของผาณิตที่จัดขึ้นบริเวณบ้านโบราณ บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้น กฤตย์เอาของขวัญมาให้ผาณิตแล้วเดินเลี่ยงออกมา เนื่องจากมีเพื่อนๆของเจ้าภาพรอเข้าคิวแสดงความยินดีมากมาย กฤตย์เดินตามหาวรดาทั่วงานแต่ไม่เห็น

ด้านวรดากำลังง่วนอยู่ในครัว โดยมีปิติยืนดูอยู่ไม่ห่าง เธอเปิดฝาลังถึงออกเพื่อเอาขนมตาลซึ่งสุกได้ที่จัดใส่ถาด ปิติแย่งจะทำให้ แต่ต้องชักมือกลับเพราะโดนไอน้ำร้อนลวก วรดาดึงมือเขามาดู ขอโทษที่เตือนไม่ทัน ปิติจับมือวรดาไว้ มองอย่างซาบซึ้ง กฤตย์ยืนดูอยู่ที่ห้องครัวโดยไม่มีใครเห็น ทั้งเสียใจทั้งน้อยใจเดินหน้าหงิกออกไป ไม่ทันเห็นวรดาชักมือกลับ...

กฤตย์เดินอารมณ์บูดออกมา เจอเกตุมณีซึ่งเดินถือตะกร้าใส่ขนมหวานสวนมา เกตุมณีถามว่าเห็นวรดาหรือน้าวารีบ้างไหม

"ผมเห็นแต่วรดาที่ครัว พี่ลองไปดูเอาก็แล้วกัน" กฤตย์ หงุดหงิดเดินจากไป

เกตุมณีงงว่าน้องชายเป็นอะไรแต่ไม่ได้ใส่ใจ รีบตรงไปยังห้องครัว เข้าไปข้างในเห็นแต่วารีกำลังจัดของว่างอยู่ จึงถามหาวรดา ได้ความว่าวรดายกถาดใส่ขนมตาลออกไปกับปิติ นายทหารคนสนิทของประพจน์ เกตุมณีจำได้ว่าปิติคนนี้ตามจีบวรดาแข่งกับน้องชายเธอ

ooooooo

วรดาจัดของหวานอยู่กับปิติ กฤตย์ยืนมองอยู่ อีกมุมหนึ่งด้วยความหึงหวง ทนดูไม่ได้หลบออกไปแกมแก้วกับผาณิตเห็นเหตุการณ์ตลอด ต่อมริษยาแตก ที่มีแต่คนรุมรักวรดา สองสาวสุมหัวกันวางแผนบางอย่าง จากนั้นแกมแก้วเดินไปทางสวน ส่วนผาณิตเข้าไปยืนคั่นกลางระหว่างปิติกับวรดา

"คุณพ่อให้ไปหาน่ะค่ะผู้กอง...ทางโน้น" ผาณิตชี้ไปทางสวนที่ลับตาผู้คน

ปิติบอกวรดาว่าเดี๋ยวเขากลับมา แล้วเดินไปในทิศทางที่ผาณิตชี้ ผาณิตเดินตามแผนขั้นที่สองสั่งวรดาจัดขนมไปวางที่โต๊ะของเธอที วรดาไม่อยากมีเรื่อง ก้มหน้าก้มตาจัดของหวานใส่จาน แล้วเดินไปวางที่โต๊ะ ผาณิตแกล้งยื่นขามาขัด วรดาสะดุดล้ม ขนมตกเกลื่อนพื้น กฤตย์มองเห็นแต่ไกล ปรี่เข้ามาหา

"ตายแล้ว พี่สาว เจ็บมากไหม...คงมัวเหม่อมองหาผู้กองละซิ"

กฤตย์ได้ยินคำพูดของผาณิต ชะงักไม่เข้าไปช่วยวรดา แต่หันไปทำหวานใส่ผาณิตเพื่อประชดวรดาแทน ผาณิตหัวร่อต่อกระซิกกับกฤตย์อย่างมีความสุข ส่วนวรดามองอย่างน้อยใจ...

ฝ่ายปิติเดินตามหาเจ้านายมาถึงสวน ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย เขาหันมองตามเสียง เห็นแกมแก้วนั่งอยู่กับพื้น ทำเป็นขาเจ็บ ปิติหลงกลเข้ามาช่วยประคอง แกมแก้มทำตัวอ่อนปวกเปียกจนเขาต้องโอบเอวไว้แน่น จังหวะนั้นเกตุมณีผ่านมาเห็นพอดี คิดว่าน้องถูกลวนลาม กระชากแกมแก้วออก แล้วผลักปิติจนเซ

"เป็นทหารเสียเปล่า แต่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย"

ปิติพยายามอธิบายว่าเกตุมณีเข้าใจผิด แต่เธอไม่ฟัง จะลากน้องสาวกลับบ้านให้ได้ แกมแก้วขัดขืนไม่ยอมไป โวยวายลั่นว่าเธอไม่ผิด สองพี่น้องยื้อยุดฉุดกันจนเข้ามาถึงงานเลี้ยง ทุกคนหันไปมองทั้งคู่เป็นตาเดียวกัน กฤตย์ปราดเข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไรกัน

"ไม่มีอะไรหรอก พี่กฤตย์ ก็แค่คนหัวโบราณ ก็เท่านั้น"

"ใช่...พี่มันคนหัวโบราณ ถึงได้ทนเห็นน้องสาวถูกคนลวนลามไม่ได้"

"ใครลวนลามแก้ว" กฤตย์ถามอย่างเอาเรื่อง เกตุมณีหันไปมองปิติที่ตามเข้ามาแทนคำตอบ กฤตย์โมโหสุดขีด ไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆของปิติ ปรี่เข้าไปชกหน้าเต็มๆ ปิติเซถลา

"คุณต่อยผมเพราะอะไร...หา เพราะน้องคุณหรือเพราะวรดากันแน่"

"แล้วถ้าผมบอกว่าทั้งสองอย่าง...คุณจะทำไม" กฤตย์ กวนใส่

สองหนุ่มตรงเข้าชกต่อยกันอุตลุด ข้าวของกระจัดกระจาย ขนมเค้กเละไม่มีชิ้นดี วรดารีบเข้าไปขวางขอร้องให้หยุดทะเลาะกัน ทั้งคู่ชะงัก ผาณิตได้ทีปรี่เข้ามาตบหน้าวรดาอย่างแรง

"เพราะแก...งานเลี้ยงของฉันพังเพราะแก...นังวรดา"

กฤตย์ ปิติ เกตุมณี รวมทั้งแขกคนอื่นๆ ตะลึง ยกเว้นแกมแก้วกับผาณิตที่ยิ้มสะใจ พลันมีเสียงดังขึ้น

"นี่มันเรื่องอะไรกัน"

ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นประพจน์กับคุณหญิงผกายืนมองอยู่...ประพจน์เรียกกฤตย์ ปิติ เกตุมณี แกมแก้ว และผาณิตเข้าไปคุยในบ้าน หลังจากซักไซ้ไล่เลียงแล้ว ได้ความว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ปิติไม่ได้ลวนลามแกมแก้ว ประพจน์ขอรับรองด้วยเกียรติว่าปิติไม่ใช่คนเลวอย่างนั้น

"ถ้างั้นเกตุก็คงเข้าใจผิด ต้องกราบขอโทษท่านด้วยค่ะ"

"ผมก็ต้องกราบขอโทษเหมือนกันครับที่ใจร้อน"

"ถ้าอย่างนั้น วันนี้เกตุกับน้องขอตัวกลับก่อนนะคะ" เกตุมณีดึงแกมแก้วออกไป กฤตย์รีบตาม
ปิติขอตัวกลับ ประพจน์ชวนปิติให้ออกไปพร้อมกัน อ้างว่ามีธุระต้องไปข้างนอกพอดี ผาณิตรอจนพ่อกับปิติขับรถออกไปแล้ว หันมาโวยวายกับแม่ว่างานวันเกิดของเธอต้องพินาศเพราะมันคนเดียว

"เดี๋ยวลูก...มันไหน...หนูแกมแก้วน่ะเหรอ"

"นังวรดาต่างหาก มันเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด" ผาณิตโยนความผิดให้วรดาหน้าตาเฉย

ooooooo

ที่เรือนหลังเล็ก ระหว่างที่วรดากำลังนั่งคุยกับแม่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณหญิงผกากับผาณิตตามเข้ามาหาเรื่องวรดาอีก หาว่าเป็นความผิดของวรดาที่ทำให้ งานเลี้ยงล่ม วารีกลับไม่เห็นว่าวรดาผิดตรงไหน

"เพราะลูกหล่อนฉลาดไง ให้ท่าผู้ชายแบบไม่ให้ใครจับได้ คงอบรมมาอย่างดีล่ะซิ"

"เรื่องแบบนั้น ฉันไม่เคยสั่งสอนลูก แล้วก็ไม่ทราบว่าเขาทำกันยังไงด้วย คนที่เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะดูกันออก" วารีย้อนคุณหญิงผกาอย่างเจ็บแสบ

คุณหญิงผกาโกรธจัดตรงเข้าตบหน้าวารีฉาดใหญ่ ฐานเป็นแค่ขี้ข้ากล้าพูดจาสามหาวกับเมียหลวงของเจ้าของบ้าน วรดาขอร้องคุณหญิงผกาอย่าทำร้ายแม่ของเธอ ถ้าจะลงโทษ เธอขอรับเอง ผาณิตยินดีจัดให้ ตรงเข้ามากระชากวรดาขึ้นมาตบ วารีเหลืออดตะโกนไล่สองแม่ลูกออกไป คุณหญิงผกาถึงกับตะลึง

"เรือนเล็กนี่เป็นบ้านของฉัน ถ้าคุณอยากเป็นใหญ่ ก็ไปวางอำนาจที่บ้านโน้น...ฉันให้คุณหญิงตบได้ครั้งเดียว แต่คราวนี้ฉันคงต้องป้องกันตัว คุณหญิงน่าจะรู้เรื่องใช้กำลัง พวกไพร่อย่างฉันถนัดกว่า"

คุณหญิงผกาเห็นท่าทางแข็งกร้าวเอาเรื่องของวารี จำต้องถอยกลับไปตั้งหลัก แต่ความแค้นครั้งนี้จะต้องได้รับการชำระอย่างแน่นอน...

ขณะเดียวกัน ที่บ้านของกฤตย์ แกมแก้วโวยวายลั่นว่าเลิกโทษเธอได้แล้ว เรื่องราวบานปลายใหญ่โตเพราะกฤตย์หลงวรดาจนหน้ามืดต่างหาก เกตุมณีปรามน้องสาวให้พูดจาดีๆหน่อย

"ทำไม แก้วพูดผิดตรงไหน ผู้กองปิติเขาก็รู้ เขาถึงได้ พูดออกมา พี่เกตุก็ได้ยิน"

เกตุมณีติงว่าถ้าแกมแก้วไม่ทำตัวแบบนั้น เธอกับกฤตย์ ก็คงไม่เข้าใจปิติผิดๆ แกมแก้วทำไก๋อ้างว่าตัวเองขาเจ็บ เกตุมณีไม่เชื่อ ตอนกลับบ้านเธอยังเห็นแกมแก้วเดินปร๋อ

"เออๆ รุมกันเข้าไป ใครมันจะดีเด่นเท่านังวรดาขวัญใจพี่กฤตย์ล่ะ คอยดูนะสักวัน ถ้าธาตุแท้มันเปิดเผยออกมา แก้วจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย" แกมแก้วกระแทกเท้าปังๆออกไป เกตุมณีหันมาถามกฤตย์ว่าที่แกมแก้วพูดถึงปิติเป็นเรื่องจริงใช่ไหม กฤตย์พยักหน้า

"แต่ยังไงพี่ก็ยังไม่ชอบหน้าตาผู้กองนั่นอยู่ดี กฤตย์ต้องอย่ายอมแพ้เขานะ"

ooooooo

ปิติขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะตามคำสั่งของประพจน์ สงสัยว่าเจ้านายนัดพบใครที่นี่ ประพจน์ไม่ได้ นัดใคร แค่จะหาที่เงียบๆพักตา พักหู ปิติโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้เจ้านายไม่สบายใจ

"เพราะเรื่องที่ฉันก่อไว้นานแล้วต่างหาก มันถึงทำให้เกิดปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน"

ประพจน์นิ่งคิดอยู่อึดใจ แล้วถามเขาว่าชอบวรดาหรือ ปิติอึกอัก ก่อนจะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่ารักวรดา ประพจน์

ซักอีกว่า ที่ปิติรักวรดาเป็นเพราะฝ่ายนั้นเผยท่าทีกับเขาก่อนหรือเปล่า

"ไม่ครับ คุณวรดาวางตัวกับผมเป็นแค่เพื่อนของเธอ ไม่เคยทำอะไรที่ไม่เหมาะสมเลย"

"ถ้าเธอรักลูกสาวฉันอย่างจริงใจ ฉันจะสนับสนุนเธอ แต่ตอนนี้ฉันอยากจัดการเรื่องสำคัญบางอย่างก่อน ช่วยนัดทนายสมคิดให้ฉันที" ประพจน์เอนหลังพิงพนัก สีหน้าครุ่นคิด...

วรดาขับรถโฟล์กเต่าไปโรงเรียนแต่เช้า ยังไม่ทันถึงครึ่งทาง รถเจ้ากรรมกระตุกสองทีแล้วดับ สตาร์ตเท่าไหร่ก็ไม่ติด วรดาจนปัญญาออกมายืนเก้ๆกังๆข้างรถ กฤตย์ซึ่งขับรถตามเธอมาห่างๆ แล่นมาจอดเทียบไขกระจกถามว่ารถเสียหรือ วรดาพยักหน้า กฤตย์ลงมาดูเครื่องยนต์ให้ หยิบโน่นดูนี่ สักพักหันมาบอกว่า

"แบตเตอรี่หมด ถ้าชาร์จตอนนี้คุณคงไปเรียนไม่ทัน...ถ้าไม่รังเกียจผมจะไปส่งที่โรงเรียน แล้วย้อนกลับมาจัดการรถให้"

"จะรบกวนมากไปมั้งคะ" วรดายังเคืองกฤตย์เรื่องเมื่อวาน

กฤตย์หน้าหงิกทันที ด่าตัวเองว่าแส่ไม่เข้าเรื่อง เธอคงมีคนอื่นให้รบกวนอยู่แล้ว แล้วปิดฝากระโปรงท้ายรถกระแทกโครม เดินกลับไปที่รถตัวเอง วรดาน้อยใจน้ำตาคลอ หยิบกระเป๋านักเรียนเดินไปรอรถแท็กซี่ กฤตย์มองกระจกข้างรถเห็นวรดาโบกเรียกแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่จอด เธอเลยเดินไปป้ายรถเมล์

กฤตย์รู้ตัวว่าทำเกินไป รีบตามมาง้อ พาวรดาไปส่งโรงเรียน พอถึงหน้าโรงเรียน กฤตย์บอกว่าเย็นนี้จะมารับ วรดางอน บอกปัดว่าไม่ต้อง เธอกลับเองได้ กฤตย์ถามเสียงอ่อยว่ายังไม่ยกโทษให้เขาอีกหรือ

"คุณไม่ได้ทำผิดอะไร ตรงกันข้าม คุณบังเอิญผ่านมาเจอรดา แล้วก็กรุณาสละเวลามาช่วย"

"ใครว่าบังเอิญ ผมเป็นห่วงลูกศิษย์ต่างหากว่าออกถนนจริงจะเป็นยังไง" กฤตย์เห็นสายตานิ่งเฉยของหญิงสาว รู้สึกตัว "เอาละๆ...ผมโกรธคุณ โกรธผู้กองปิติ โกรธโลกนี้ทั้งโลก พอใจรึยัง...แค่คุณบอกผมมาคำเดียวว่าคุณชอบผู้กอง...ผมก็จะไม่มายุ่ง"

"ฉันชอบผู้กอง...เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน และก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปค่ะ"

วรดาลงจากรถ กฤตย์ดีใจ ร้องบอกว่าเย็นนี้เขาจะมารับไปอู่ วรดาไม่หันกลับไปมองแต่แอบยิ้ม...

สายของวันเดียวกัน หลังจากประพจน์อ่านทวนพินัยกรรมที่ทนายสมคิดเอามาให้ เขาเซ็นชื่อกำกับแล้วยื่นให้ปิติลงลายมือชื่อเป็นพยาน ประพจน์สบายใจขึ้น ต่อไปถ้าเขาปุบปับเป็นอะไรไปจะได้ไม่มีปัญหา ไม่อยากให้คนในบ้านต้องมาตีกันแย่งมรดกให้อายชาวบ้าน

ผาณิตแอบเห็นเหตุการณ์โดยตลอด รีบไปรายงานแม่ของเธอ คุณหญิงผการู้เรื่องนี้แล้ว ทนายสมคิดโทร.มาบอก ผาณิตท้วงแม่ว่าไม่ตามไปดูหน่อยหรือ เผื่อพ่อทำพินัยกรรมยกสมบัติของเราให้สองแม่ลูกนั่น

"ก็ช่างเขาซิ...ของของเรามันก็ต้องเป็นของเราวันยังค่ำแหละ เชื่อแม่เถอะ"

คุณหญิงผกายิ้มเหี้ยม เพราะรู้แก่ใจดีว่าวันนี้วารีจะถูกกำจัด เธอวางแผนให้รุจน์ขับรถตามวารีไปตลาด รอจังหวะที่วารีข้ามถนน ให้เขาขับรถพุ่งชน ทำเหมือนเป็นอุบัติเหตุ รุจน์ ทำตามแผนที่วางไว้ทุกอย่าง วารีถูกรถชนนอนจมกองเลือด บาดเจ็บสาหัส...

ในเวลาเดียวกัน วรดาก้มมองสายรัดรองเท้านักเรียนที่ขาดด้วยสีหน้าเซ็งจัด บ่นอุบว่าทำไมวันนี้มีแต่เรื่องไม่ดี ทันใดนั้น เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งถือถุงใส่น้ำแดงเดินไม่ดูตาม้าตาเรือชนวรดาโครม น้ำแดงหกรดเสื้อของเธอเปรอะไปหมด สีแดงราวกับเลือด เพื่อนขอโทษพยายามจะหาอะไรมาเช็ดเสื้อให้

"ไม่เป็นไร...วันนี้เราลา ฝากบอกอาจารย์ด้วยละกันนะ" วรดาเดินออกจากโรงเรียน ตรงกลับบ้านทั้งที่สายรัดรองเท้าขาด แถมเนื้อตัวเสื้อผ้าเปื้อนน้ำแดง ลืมนัดของกฤตย์เสียสนิท...

ไม่นานนัก วรดากลับถึงบ้าน ต้องตกใจแทบสิ้นสติ ที่ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายจากประพจน์ว่าแม่ของเธอโดนรถชน อาการน่าเป็นห่วง นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล วรดาวางสายแล้วตรงไปที่นั่นทันที คุณหญิงผกาแอบได้ยินทุกอย่าง ยิ้มสะใจ...

ตกเย็น ผาณิตกลับจากโรงเรียนรู้ข่าวจากคุณหญิงผกา ว่าวารีถูกรถชนนอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาล เธอรีบโทรศัพท์ บอกเรื่องนี้กับเพื่อนซี้ แกมแก้วยิ้มมีความสุขราวกับได้ฟังข่าวดี ขณะแกมแก้วกำลังจะวางสาย เกตุมณีเดินถือแจกันดอกไม้เข้ามาเห็นพอดี ถามว่าใครโทร.มา

"นิดบอกว่า ยัยน้าวารีไปเดินทะเล่อทะล่าอีท่าไหนไม่รู้ โดนรถชนเอาหัวฟาดพื้น"

"ตายจริง...แล้วจับคนชนได้ไหม"

แกมแก้วลอยหน้าลอยตาบอกว่าถ้าจับได้ก็ไม่สนุก เกตุมณีไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะสนุกตรงไหน แกมแก้วยักไหล่ เดินออกไป สวนกับกฤตย์ที่เดินหน้าบูดเข้ามา เกตุมณีถามน้องชายว่ารู้ข่าววรดาแล้วใช่ไหม

"ข่าว...เอ๊ะ...วรดาเป็นอะไรครับ มิน่าผมไปรอเก้อที่โรงเรียน"

กฤตย์ฟังข่าวร้ายจากเกตุมณีจบรีบตรงไปโรงพยาบาลทันที...

ภายในห้องไอซียู วารีนอนใส่เครื่องช่วยหายใจ พร้อมกับมีสายน้ำเกลือกับสายให้เลือดเสียบอยู่ที่แขนโดยมีวรดานั่งน้ำตาคลอเฝ้าอยู่ข้างเตียง วรดาเอื้อมมือไปบีบมือแม่

"แม่คะ...แม่อย่าทิ้งหนูเอาไว้อย่างนี้นะคะแม่ หนูไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ยังไงนะคะ"

วารีนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว วรดาซบหน้ากับเตียง เอามือแม่วางบนหัว มือนั้นหล่นลงบนเตียง วรดาห้องไห้โฮ กฤตย์เดินเข้ามาในห้องนั้นเงียบๆ วรดาเงยหน้ามองด้วยน้ำตานองหน้า กฤตย์นั่งลงข้างๆหญิงสาว

"มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ"

"แม่ไปจ่ายตลาด แล้วข้ามถนน รถก็เลย..." วรดาพูดไม่ออกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ

"แม่คุณเป็นคนดี ท่านต้องไม่เป็นอะไร" กฤตย์โอบกอดวรดาไว้เพื่อปลอบใจ

ooooooo

จบตอนที่ 5
เครดิต ไทยรัฐ


Create Date : 20 กรกฎาคม 2553
Last Update : 20 กรกฎาคม 2553 18:03:33 น. 0 comments
Counter : 228 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com