ละคร กุหลาบเหนือเมฆ ตอนที่ 9
ตอนที่ 9ไอริณกับเลอลักษณ์ชะงัก เมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขกเห็นอรนิชกับอรนุชกำลังทักทายอาทรและบุปผา สองศรีพี่น้องก็ชะงักเช่นกัน แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่เห็นว่าแขกพิเศษของบุปผาคือไอริณ"สวัสดีค่ะ...คุณพี่ขา" ไอริณยกมือไหวบุปผา เลอลักษณ์ ทำตาม ทุกคนในที่นั้นต่างสะดุ้งกับสรรพนามที่สองสาวเรียกบุปผา"สวัสดีค่ะคุณน้อง...หนูริณ...หนูเด่น นี่หนูลูกน้ำ...หนูลูกนก รู้จักกันไว้สิจ๊ะเราเป็นพวกคอซีรีส์เกาหลีด้วยกัน"ไอริณกับอรนุชเดินเข้ามาหากันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โอบกอดเอาแก้มแตะกัน เลอลักษณ์กับอรนิชก็ทำแบบเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายดูเผินๆเหมือนถูกใจถูกคอกันมาก แต่ปากคอยกระซิบด่ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร บุปผาพาซื่อถึงกับยิ้มปลื้ม ที่สองฝ่ายทักทายกันอย่างน่าเอ็นดู...ผ่านไปพักใหญ่ วินชักเอะใจ ค่อยๆแง้มประตูห้องน้ำออกมา เห็นวิทวัสนอนก่ายหน้าผากเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่บนเตียง วินเดินเข้าไปหาอย่างฉุนๆ ต่อว่าที่พวกนั้นไปกันหมดแล้วทำไมไม่เรียก วิทวัสรีบลุกขึ้นนั่ง"ผมนึกว่าคุณวินทราบแล้วครับ""จะไปรู้ได้ยังไงในเมื่อฉันอยู่ในห้องน้ำ"วิทวัสรีบยกมือไหว้ขอโทษ วินทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างสุดเซ็ง...อรนุชได้จังหวะขออนุญาตบุปผาขึ้นไปเยี่ยมวินที่ห้อง บุปผาหันมาชวนไอริณไปด้วย ไอริณอ้าปากจะตอบ แต่เรวัติชิงพูดก่อนว่า ไอริณขึ้นไปเยี่ยมแล้ว ไอริณเคืองหันมาถลึงตาใส่เรวัติ บุปผาท้วงว่าขึ้นแล้วขึ้นอีกก็ได้"ได้น่ะได้ค่ะ คุณแม่ขา...แต่มันไม่ยุติธรรม คุณแม่น้ำท่านสั่งสอนอบรมน้ำหนักหนาเรื่องความยุติธรรม...พอคุณแม่เสีย คุณพ่อก็สอนต่อค่ะ" อรนุชลอยหน้าลอยตาน่าตบ"มิน่า...เพื่อนน้ำถึงได้เป็นคนดี...เสีย...ขนาดนี้ ช่างสมกับคำพังเพยที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเหลือเกิน...เห็นลูกก็รู้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นยังไง" ไอริณแดกดันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สองศรีพี่น้องจ้องไอริณเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ บุปผาไม่ได้รับรู้ว่าไอริณประชดประชันใส่ เลยพลอยยิ้มไปด้วย"แหม...คุณแม่ดีใจเหลือเกินที่ได้พบ แล้วก็คบกับคนดีๆทั้งนั้น...ใช่ไหมคะ...คุณ" บุปผาหันไปทางอาทร"ถ้าคุณไม่มีบุญจริงๆไม่มีวันได้พบแล้วได้คบกับคนแบบนี้หรอก" อาทรแดกดันสีหน้าเรียบเฉย"คุณอาทรพูดถูกใจยังงี้ บุปขอตั้งชื่อให้ใหม่เป็นวอน จู จุ๊บ...ไปจ๊ะ หนูลูกน้ำ หนูลูกนก ขึ้นไปเยี่ยมพี่เขากัน"สองสาวเดินตามบุปผาขึ้นไป อรนุชไม่วายหันมาทำหน้าเยาะเย้ยใส่ไอริณ เรวัตินึกขึ้นได้รีบกระโจนตามจนเกือบสะดุดหกล้ม ทั้งหมดมาถึงหน้าห้องวิน บุปผายกมือขึ้นจะเคาะประตู เรวัติชิงตะโกนขึ้นก่อน"วิน...คุณแม่พาลูกน้ำขึ้นมาเยี่ยม"ทุกคนหันมองเรวัติเป็นตาเดียวกัน วินกับวิทวัสได้ยินเสียงเรวัติรีบลุกขึ้น อารามรีบร้อน วินวิ่งเข้าห้องน้ำ ขณะที่วิทวัสโดดขึ้นนอนบนเตียง ทั้งสองหนุ่มนึกได้ วินพุ่งออกจากห้องน้ำมาที่เตียง วิทวัสดีดตัวไปที่ห้องน้ำ ทั้งสองคนชนกันโครม กระเด็นไปคนละทาง ต่างฝ่ายต่างรีบลุกขึ้น วินถีบวิทวัสเซถลาเข้าห้องน้ำ แล้วตัวเองรีบขึ้นเตียงด้านบุปผาเอ็ดว่าทีหน้าทีหลังไม่ต้องตะโกนบอก เธอกำลังจะเคาะประตูอยู่แล้ว ที่สำคัญเป็นการเสียมารยาทมาก บุปผาว่าแล้วเคาะประตูห้องวิน อรนุชเพิ่งสังเกตเห็นว่าเรวัติท่าทางสนิทกับวินมาก"ถ้าหากเป็นไปได้ ผมอยากจะย้อนเวลากลับไปเหมือนกันครับ"วินลุกมาเปิดประตูห้อง แล้วทำตัวงอเดินกระย่องกระแย่ง ไปล้มตัวลงบนเตียง บุปผาถลาเข้าไปประคองลูกด้วยความเป็นห่วง อรนุชดูท่าทางวินจะป่วยหนัก เลยแนะให้พาไปหาหมอ วินอ้างว่าค่อยยังชั่วแล้ว"แต่พี่วินยังเดินตัวงออยู่เลยนะคะ""มันก็งอบ้างยืดบ้างน่ะครับ"ทันใดนั้นมีเสียงเหมือนคนล้มโครม ดังมาจากห้องน้ำ ทุกคนหันขวับไปมองอย่างประหลาดใจ เรวัติกับวินหน้าเสีย อรนุชทักขึ้นทันทีว่าเสียงอะไร บุปผารีบเดินไปดู แต่ไม่ทันวินซึ่งพุ่งพรวดขวางหน้าไว้ ท่ามกลางความประหลาดใจของบุปผา และสองพี่น้อง เรวัติถึงกับปวดหัวจี๊ด บุปผางงว่าลูกเป็นอะไรไป"ผมปวดท้องครับ...สงสัยยาจะออกฤทธิ์แล้ว" วินพยายาม บิดลูกบิดประตูห้องน้ำ แต่มันไม่หมุนเพราะติดล็อกด้านใน อรนุชตามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วหันมาอธิบาย"คือ...ประตูห้องน้ำของผมแปลกครับ...ต้องเคาะประตูถึงเปิด" สิ้นเสียงพูดของวิน ประตูห้องน้ำก็เปิดออก วินยิ้มแฉ่ง "เห็นไหมครับ เปิดแล้ว...ผมขอตัวก่อนนะครับ" วินผลุบเข้าไปแล้วรีบกดล็อกบุปผากับคู่พี่น้องหันมามองเรวัติพร้อมกัน เรวัติทำแบมือ ยักไหล่ ไม่รู้จะพูดอะไรดี วินเห็นวิทวัสกำลังยันตัวจะลุกขึ้น พอทิ้งน้ำหนักลงที่ขา วิทวัสเจ็บปวดมาก ทำท่าจะอ้าปากร้อง วินถลาไปปิดปากไว้ทัน วิทวัสเลยเซเสียหลักไปปัดของบนชั้นกระจกตกใส่หัวตัวเองก่อนตกพื้น วิทวัสเจ็บซ้ำแต่ร้องไม่ได้เพราะวินปิดปากไว้แน่น ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ วินเอานิ้วแตะปากตัวเองเป็นทำนองให้เงียบ ก่อนจะปล่อยมือจากปากวิทวัสทางด้านเรวัติเห็นท่าไม่ดี ชวนทุกคนลงไปข้างล่าง แต่ อรนุชกับบุปผาเป็นห่วงวินมาก ยืนรีๆรอๆอยู่หน้าห้องน้ำ บุปผาเคาะประตูถามวินทำไมเงียบไป"ผมกำลังจะทำธุระส่วนตัวครับ เชิญคุณแม่พาน้องๆลงไปปาร์ตี้กันเถอะครับ"อรนุชอาสาจะตักอาหารขึ้นมาให้ วินรีบปฏิเสธว่าไม่ต้อง อาหารเป็นพิษขนาดนี้คงกินอะไรไม่ได้ วิทวัสนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด กระซิบบอกว่าสงสัยขาจะหัก วินกำลังหงุดหงิดที่ต้องตอบทางโน้นทีทางนี้ที"เออ...ให้มันหักไป...สมน้ำหน้า"เรวัติหลอกล่อจนบุปผา อรนุชและอรนิชยอมกลับลงไปข้างล่าง แล้วรีบล็อกประตูห้องถอนลมหายใจพรืด เดินมาเคาะประตูห้องน้ำเรียกทั้งคู่ออกมาไว้ วินหิ้วปีกวิทวัสออกมา บอกว่าวิทวัสซุ่มซ่ามจนหกล้ม สงสัยอาจจะขาหัก เรวัติช่วยพยุงวิทวัสอีกข้างหนึ่ง พามานั่งที่โซฟา ลุกขึ้นไปหาอุปกรณ์มาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้oooooooในเวลาต่อมา อรอุมากับสาวใช้อีกคนหนึ่งกำลังช่วยกันยกจานเนื้อย่างเกาหลี รวมทั้งของทะเลสดๆและ ผักสดทยอยออกมาตั้งบนโต๊ะอาหาร ไอริณ อาทร เลอลักษณ์กับเรวัติต่างคีบเนื้อย่างบนเตา อรนุชหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับน้ำตา สะอึกสะอื้น อาทรทักว่าเป็นอะไรไป"น้ำทนเห็นใครกินเนื้อไม่ได้ค่ะ...ต้องร้องไห้สงสารทุกที...เนื้อเป็นสัตว์ใหญ่ กินเข้าไปบาปหนักเชียวล่ะค่ะ แล้วน้ำก็ยังเคยเห็นเขาขนวัวขึ้นรถไปฆ่า...เจ้าประคุณเอ๊ย...น้ำตามันไหลเผาะๆหน้ามันเศร้าเหลือเกิน...เศร้าจนน้ำใจหาย และตั้งปณิธานในทันทีทันใดว่า จะไม่รับประทานเนื้ออีกเลย...เวรี่แซด"ทุกคนที่กำลังย่างเนื้ออยู่ หยุดกึก ค่อยๆคีบกลับมาวางในจานอย่างเดิม บุปผาซึ้งใจมากที่อรนุชช่างเป็นคนมีจิตใจเมตตากรุณาเหลือเกิน อรนุชคุยว่าคุณแม่ของเธอสอนมาดี พอคุณแม่ตายคุณพ่อก็สอนเธอต่อ ไอริณสวนทันที"แล้วถ้าคุณพ่อตายล่ะคะ...ริณสมเพช...เอ๊ย...สงสารคุณลูกน้ำน่ะค่ะ ชีวิตของเธอดูจะผูกพันมั่นคงกับคุณพ่อคุณแม่มาก ริณหลับตานึกภาพว่าถ้าเธอต้องกำพร้าคุณพ่ออีกคน...เธอจะเป็นอย่างไร" ไอริณทำเป็นน้ำตาคลอ"อ๋อ...น้ำเป็นคนรอบคอบค่ะ...ในกรณีที่คุณพ่อของน้ำต้องเสียไป...ซึ่งขออย่าให้เกิดขึ้นเลย...น้ำได้ขอฝากตัวเป็นลูกสาวของคุณพ่ออาทรกับคุณแม่บุปผาแล้ว...หวังว่า คุณริณคงไม่ถามต่อนะคะ"บุปผาหันมาอธิบายกับไอริณว่า ถ้าตัวเธอเป็นอะไรไป ก็จะฝากให้วินคอยดูแลต่อ อรนุชยักคิ้วกับไอริณเป็นเชิงเยาะเย้ย ชวนทุกคนกินอาหารกันต่อ แล้วคีบกุ้งมาย่าง คนอื่นๆคีบตาม ไอริณหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำตาบ้าง"อ้าว...หนูริณ..." อาทรมองไอริณด้วยความแปลกใจ"ริณ...ริณสงสารกุ้งน่ะค่ะ...ดูสิคะ พอถูกความร้อน เขาจะตัวงอด้วยความหวาดกลัวทุกคนมองกุ้งที่ตะเกียบของตัวเอง อรนุชยิ้มเยาะว่าปกติกุ้งก็ตัวงออยู่แล้ว ไอริณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เลอลักษณ์ พูดขัดขึ้นเพื่อช่วยเพื่อน ไม่ว่าเป็นชีวิตเล็กๆหรือชีวิตใหญ่ มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน ผิดศีลข้อแรกเหมือนกัน อาทรหิวมากเลยชวนทุกคนกินผักแทน บุปผาอ้าปากจะพูด"หยุด...กรุณาอย่าบอกว่าผักก็มีชีวิต เพราะผมกำลังหิวมากและอาจจะกินคนพูดให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย"อาทรคีบผักกินอย่างเหลืออด อรนุชกับไอริณลอบสบตากันอย่างท้าทาย สุดท้ายผักสดถูกกินเรียบ เหลือเพียงเนื้อสัตว์ ต่างๆวางอยู่ในจานอย่างสวยงามเหมือนเดิม อรนุชกับสาวใช้ยกจานใส่เนื้อสัตว์ออกไป ทุกคนมองตามตาละห้อยด้วยความเสียดาย แต่พอหันมาสบตากัน ต่างคนต่างฉีกยิ้ม ราวกับไม่เสียดาย"ดีจังนะคะ อาหารมื้อนี้พวกเราไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เลย... ถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน""จะกรวดน้ำด้วยเลยมั้ยคะ" ไอริณสบตาอรนุช"อ๋อ...ต่างคนต่างกลับไปกรวดดีกว่าคะ...ชาติหน้าจะได้ ไม่ต้องมาเจอกันอีก" อรนุชยิ้มหวานจังหวะนั้น อรอุมายกถาดของหวานและผลไม้มาเสิร์ฟ แล้วถามบุปผาว่าเนื้อสัตว์ต่างๆจะให้พวกเธอกินหรือว่าจะเก็บเอาไว้ อาทรกับบุปผาตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายว่าเก็บเอาไว้ก่อน ทุกคนหันขวับไปมองสองสามีภรรยา อาทรทำไก๋ อ้างว่าจะเก็บไว้ให้วินกินเพราะเขาไม่ถือสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ กินได้หมด"ตายจริง...พูดถึงพี่วินแล้วนึกได้ พี่วินยังไม่ได้ รับประทานอาหารกลางวันเลยค่ะ น้ำขอตัวยกอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้พี่วินก่อนนะคะ""คุณน้ำคงจะยกคนเดียวไม่ไหว ริณช่วยอีกคนดีไหมคะ"สองสาวเริ่มแย่งกันจะยกอาหารไปให้วินที่ห้อง อาทรเห็นท่าไม่ดี เลยตัดปัญหาให้บุปผาเป็นคนเอาไปให้โดยเขาอาสาจะยกถาดอาหารเอง เรวัติขอตามไปช่วยอีกแรง...ครู่ต่อมา อาทร บุปผา และเรวัติช่วยกันยกถาดอาหารขึ้นมาถึงหน้าห้องวิน เรวัติรีบแซงหน้าอาทรกับบุปผามาเคาะประตู"วิน...คุณพ่อ...คุณแม่กับฉัน รวมสามคนยกอาหารขึ้นมาให้"บุปผาสงสัยว่าทำไมเรวัติถึงต้องจาระไนขนาดนี้ด้วย อาทรแก้แทนว่าละเอียดอย่างนี้ดีแล้ว เผื่อมีขโมยเข้ามาเราจะได้รู้ตัวก่อน บุปผาค้านว่าขโมยที่ไหนจะมาบอกชื่อบอกเสียงให้เรารู้"ถ้าไม่บอก เราก็ไม่ต้องเปิดไง"บุปผาพยักหน้างงๆ...ฝ่ายวินได้ยินเสียงเรวัติ รีบประคองวิทวัสมาที่ห้องน้ำ สั่งให้เข้าไปนั่งรอดีๆอย่าส่งเสียงโครมครามทำของตกลงมาอีก รีบกดล็อกประตูห้องน้ำให้ แล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอนoooooooในเวลาเดียวกันที่ห้องกินข้าว ไอริณขอร้องเลอลักษณ์ให้ออกไปรอข้างนอก เธอจะขอเคลียร์ปัญหาคาใจกับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดก่อน"ลูกนก...ออกไปคุมเชิงข้างนอกเช่นกันค่ะ พี่ก็อยากจะเคลียร์กับเพื่อนรักสุดสวาทขาดใจของพี่เหมือนกัน"เลอลักษณ์เสนอตัว ถ้าไอริณต้องการกำลังเสริมตะโกนเรียกได้ทุกเวลา ไอริณพยักหน้ารับรู้ พอเลอลักษณ์กับอรนิชเดินออกไปพ้นสายตา ไอริณกับอรนุชก็หันมามองหน้ากัน พร้อมกับหักนิ้วมือเป็นเชิงขู่...ทางด้านวินได้แต่นั่งมองอาหารตรงหน้าอย่างเซ็งๆ ก่อนเงยหน้ามองพ่อกับแม่ โดยมีเรวัติยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูห้อง บุปผาเห็นลูกยังไม่ยอมแตะต้องอาหารก็เป็นห่วงอยากให้กินอะไรรองท้องไว้บ้าง วินกินอะไรไม่ลง ขอร้องพ่อกับแม่ลงไปดูแขกดีกว่า ทิ้งมานานๆ เดี๋ยวสองฝ่ายไม่รู้จะคุยอะไรกัน...ฝ่ายไอริณกับอรนุชไม่มีเรื่องจะคุยกัน ได้แต่เถียงกันไปด่ากันมาจนอารมณ์เริ่มเดือด ทั้งคู่ท้าตบกันเหยงๆ ต่างฝ่าย ต่างยกมือ ลุกขึ้นเดินเข้าหากัน เป็นจังหวะเดียวกับบุปผา อาทรและเรวัติเข้ามาพอดี เรวัติชะงัก รู้ดีว่าสองคนกำลังจะตบกัน เสียงเรียกของบุปผาทำเอาสองสาวหยุดกึก รีบปรับท่าทีเปลี่ยนเป็นโผเข้ากอดกันมือไอริณแอบดึงผมอรนุชจนหน้าหงาย เช่นเดียวกับมืออรนุชก็แอบกระชากผมไอริณ สองสาวรีบขืนหัวตัวเอง เอาแก้มมาแนบแก้มกันอย่างรักใคร่ ต่างน้ำตาคลอด้วยความเจ็บ...ไอริณกลับถึงบ้านยังบ่นเจ็บหัวจากที่โดนอรนุชกระชากผม เลอลักษณ์อยากรู้ว่าใครดึงผมใครก่อน"ก็ใกล้ๆกันนั่นแหละ...เฮ้อ...มานึกๆดูแล้วก็สังเวชตัวเอง ทำไมฉันจะต้องไปเปิดศึกแย่งผู้ชายแหยๆ อย่างนายอนาจารนั่นด้วย...นังลูกน้ำยุงลายนั่นก็เหมือนกัน รสนิยมหล่อนเคยดีกว่านี้เยอะ จะว่าเพราะเงินเรอะ""มีส่วน...ถึงจะรวยอยู่แล้วก็เถอะ...อีกอย่างก็ครอบครัว...แกคงไม่เถียงว่าครอบครัวเขาน่ารัก"oooooooขณะเดียวกัน อรนุชและอรนิชกลับถึงบ้านต้องแปลกใจที่เห็นพ่อกำลังคุยอยู่กับอนิรุทธิ์หรือรุทธิ์พี่ชายคนโตของพวกเธอ รุทธิ์หันมาเห็นน้องสาวทั้งสอง ลุกขึ้นยืนอ้าแขนหมายจะโอบกอด แต่สองสาวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ตื่นเต้นดีอกดีใจ รุทธิ์ถึงกับเซ็ง ตัดพ้อที่กลับจากเมืองนอกทั้งทีแต่ไม่มีใครดีใจสักคน"ถ้าพี่รุทธิ์ไปเรียนหนังสือให้เป็นเรื่องเป็นราวมันก็น่าดีใจหรอก แต่นี่ไปเล่นการพนันกลับมา แล้วท่าทางจะเสียซะด้วย...คุณพ่อไม่ตีหัวแตกก็บุญแล้ว" อรนุชเบ้ปากเจ้าสัวเจริญด่าซ้ำว่าให้ดูน้องสาวเป็นตัวอย่าง ตัวเองเป็นผู้ชายแท้ๆกลับทำตัวไม่ได้เรื่อง จังหวะนั้น สาวใช้ถือถาดน้ำเข้ามาเสิร์ฟ รุทธิ์มองเธออย่างขัดใจ ต่อว่าพ่อว่าสาวใช้หน้าตาดีๆกว่านี้ไม่มีแล้วหรือ"มี...แต่ไม่จ้างว่ะ กลัวเดือดร้อนแบบคนที่แล้ว ที่ฉันต้องเสียเงินเป็นแสนทำขวัญเพราะแกไปข่มขืนเขา...ไม่งั้นติดคุกไปแล้ว""ลูกเพิ่งมาถึง แทนที่จะพูดเรื่องเป็นมงคลกลับพูดเรื่องคุกเรื่องตะราง ไปนอนดีกว่า"รุทธิ์เดินหนีขึ้นข้างบน เจ้าสัวเจริญไม่พอใจมาก อรนุชอาสาจะไปจัดการพี่ชายให้ รุทธิ์หันมาเห็นอรนุช คิดว่าจะตามมาสั่งสอนอีก แต่เธอกลับต้องการให้เขาทำงานให้ เป็นงานจีบผู้หญิงที่เขาถนัด ส่วนผู้หญิงที่เขาต้องตามจีบคือไอริณ แต่รุทธิ์ต้องปรับเปลี่ยนลุคใหม่ให้ดูเป็นงานเป็นการกว่านี้ ถ้าทำสำเร็จเธอจะตกรางวัลให้อย่างงามรุทธิ์ทำหน้าเบ้ คิดว่ารางวัลที่น้องสาวว่าคือตัวไอริณ อรนุชบอกว่าไอริณเป็นแค่ของแถม เธอจะจ่ายเงินให้เขา รุทธิ์แบมือขอเงินมัดจำล่วงหน้า อรนุชหยิบเงินให้หนึ่งหมื่นบาท รุทธิ์โวยว่าน้อยเกินไป"นี่แค่เริ่มต้น...อ้อ...ถ้าได้มันแล้วก็เขี่ยทิ้งไปเลย ห้ามหลงเสน่ห์เอามาเลี้ยงเป็นลูกเป็นเมียเด็ดขาด""โธ่...นั่นไม่ใช่วิสัยพี่อยู่แล้ว...ไว้ใจได้...ไปละนะ" รุทธิ์เดินยิ้มกริ่มกลับห้องตัวเองพร้อมกับเงิน อรนุชยืนมองก่อนยกมือพนมท่วมหัว อธิษฐานขอให้แผนนี้สำเร็จ...เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว เรวัติรีบวิ่งขึ้นมาบอกวิน วินเคาะประตูเรียกวิทวัสให้ออกจากห้องน้ำได้แล้ว วิทวัสขอร้องทั้งคู่ช่วยพยุงเขาด้วย เพราะเดินไม่ไหว วินกับเรวัติช่วยกันหิ้วปีกวิทวัสลงมา ผ่านห้องรับแขกจะออกไปข้างนอก อรอุมาเดินเข้ามาเก็บของพอดี มองเจ้านายหนุ่มอย่างแปลกใจ"อย่าบอกคุณแม่เด็ดขาด เข้าใจไหม" วินขู่เสียงเข้มอรอุมาถามว่าห้ามบอกเรื่องอะไร วินกำชับว่าทุกอย่างที่เห็นวันนี้ อรอุมารับคำ เรวัติกับวินช่วยกันประคองวิทวัสออกไป พอพ้นสายตา อรอุมารีบแจ้นขึ้นไปที่ห้องดูทีวี เคาะประตูห้องแล้วเข้ามาคุกเข่าข้างๆบุปผา"คุณผู้หญิงคะ...คุณวินสั่งไม่ให้หนูมาเรียนคุณผู้หญิงถึงทุกเรื่องที่หนูเห็นในวันนี้ค่ะ""แล้วแกเห็นอะไรหึ...อรอุมา"อรอุมารายงานสิ่งที่เห็นเมื่อกี้ให้บุปผาทราบ บุปผาชวนอาทรลงมายืนรอวินซึ่งเพิ่งกลับจากเดินไปส่งเรวัติกับวิทวัสที่รถ ถามลูกว่าอนาวินสองลอบเข้ามาในบ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ วินปรายมองอรอุมาอย่างฉุนๆ บุปผาออกตัวปกป้องลูกน้องคนสนิทว่า อรอุมาทำตามคำสั่งของเธอ"ก็หลังจากที่แขกของคุณแม่กลับไปได้สักครู่ใหญ่ๆนั่นแหละครับ...พอดีเขาหกล้มขาหัก"บุปผาตกใจหันมาดุอรอุมา ทำไมไม่เล่าให้ละเอียด แล้วถามวินว่าอนาวินสองเป็นอะไรมากไหม วินเองก็ไม่แน่ใจ แต่เรวัติพาไปโรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวคงโทร.มาบอก"โธ่เอ๊ย...เวรกรรมจริงๆ...แม่ไปดูหนังต่อนะลูก""เชิญเลยครับ" วินมองตามแม่กับพ่อกลับขึ้นไปข้างบน พลางถอนใจโล่งอก...เย็นวันเดียวกัน นิคสบโอกาสที่วาริรินทร์ไม่อยู่ โทร. ชวนอรนุชไปดูหนัง อรนุชแหย่ว่าขออนุญาตวาริรินทร์หรือยัง นิคไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพราะวาริรินทร์ไม่อยู่ไปฮ่องกง อรนุชทำเป็นนิ่งคิด นิคพยายามตื๊อสุดฤทธิ์"น้ำต้องรอบคอบค่ะ...พี่วาเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของน้ำ... แล้วก็...ของคุณเหมือนกัน""ผมยังไม่กลัวเลย...ท้าทายดีออก""...โอเคค่ะ...เอารอบดึกดีกว่านะคะ...จะได้พรางตัวง่ายหน่อย แล้วก็ไม่ค่อยเจอคนรู้จักด้วย"ถึงคราวโชคไม่ดีของอรนุช อุตส่าห์แอบไปดูหนังรอบดึก ทั้งใส่แว่นดำและสวมหมวกพรางแล้ว แต่ไม่อาจพ้นสายตาเหยี่ยวคุณหญิงป้า ซึ่งบังเอิญไปดูหนังกับเพื่อนๆที่โรงหนังเดียวกัน กับทั้งคู่oooooooคุณหญิงป้ารีบไปหาไอริณที่ออฟฟิศแต่เช้าด้วยสีหน้าสะใจ ไอริณเองก็พลอยตื่นเต้นตั้งตารอตั้งแต่ตอนที่ท่านโทร.ไปแจ้งว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก"ยัยหลานเอ๊ย...คุณหญิงป้าก็ตื่นเต้นสะใจนอนไม่หลับทั้งคืน...ไอ้ครั้นจะโทรศัพท์มาบอกมันก็ไม่มันเท่ามาเม้าท์ กันต่อหน้าต่อตา"คุณหญิงป้าเสียดายที่เลอลักษณ์ไปทำธุระให้คุณป๋า เลยไม่ได้ฟังเรื่องนี้พร้อมๆกัน ไอริณรับปากว่าจะถ่ายทอดทุกคำพูดให้เหมือนที่ท่านเล่าทุกอย่าง คุณหญิงป้าลีลาเยอะขอเข้าห้องน้ำก่อน อ้างว่าจะได้เล่ายาวๆไม่ต้องเสียเวลาลุกไปไหนอีก ไอริณยิ้มเจื่อนได้แต่มองตามคุณหญิงป้าด้วยความอยากรู้เต็มทีด้านเลอลักษณ์กลับจากทำธุระ พอรู้ว่าคุณหญิงป้าอยู่ที่ห้องทำงานไอริณ จึงรีบเข้ามาหา ไอริณเห็นหน้าเพื่อน สั่งห้ามซักถามสารทุกข์สุขดิบอะไรกับคุณหญิงป้ามากนัก ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ฟังท่านเล่าเรื่องเสียที คุณหญิงป้ากลับเข้ามาเห็นเลอลักษณ์นั่งรออยู่ก็ทักทายกันเล็กน้อย แล้วอยู่ๆท่านก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย"เมื่อคืนป้าไปดูหนังรอบดึก...ป้าเจอยัยลูกน้ำกับเด็กของยัยวานร""ใครนะคะ" สองสาวพูดพร้อมกันด้วยความตกใจ แปลกใจ"แน่ะ...ตื่นเต้นละซี...พูดซ้ำอีกครั้งก็ได้...ป้าเจอลูกน้ำกับนายแบบหุ่นล่ำบึกของยัยวานรควงกันไปดูหนังรอบดึก... นี่...สวมแว่นดำ สวมหมวกเสียด้วยนะ คงนึกว่าไม่มีใครจำได้... สมน้ำหน้ายัยวานร...ถูกเด็กมันสวมเขาให้"ไอริณกับเลอลักษณ์สบตากัน ด้วยสีหน้าดีใจสุดๆ ทั้งสามคนต่างพากันหัวเราะด้วยความสะใจ...ครู่ต่อมา ไอริณวางแผนให้เลอลักษณ์โทร.ไปแจ้งข่าวนี้ให้เรวัติหรือซ้อสี่รู้ ขอร้องให้ตีข่าวนี้ให้หน่อย เรวัติถามว่าข่าวที่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือนั่งเทียน"ข่าวจริงแท้แน่นอน...มีผู้ใหญ่ที่น่านับถือไปเห็นมากับตา""และผู้ใหญ่คนนั้นคือ...""คุณหญิงดาริกา" เลอลักษณ์เน้นทีละคำเพื่อความขลัง เรวัติสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที...หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับต่างลงข่าวฉาวชิ้นนี้กันอย่างครึกโครม แอ๊วเลขาฯหน้าห้องของอรนุช หยิบหนังสือพิมพ์ของพ่อเลอลักษณ์ขึ้นมาเปิดคอลัมน์ซ้อสี่ส่งให้อรนุชอ่าน"แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง...ถือโอกาสที่หวานใจไฮโซไปฮ่องกง...นายแบบรูปหล่อควงไฮโซสาวชื่อเหมือนตัวอ่อนของยุง" อรนุชอ่านข้อความด้วยความตกใจ"คุณลูกน้ำจะให้ไปกว้านซื้อหนังสือพิมพ์พวกนี้มาให้หมดมั้ยคะ""ไม่ต้อง...ยังไงก็ต้องมีคนบอกพี่วาอยู่ดี...ไประดมสมองกันว่าฉันควรจะแก้ตัวยังไง"แอ๊วรับคำรีบออกไปทันที อรนุชถึงกับนั่งกุมขมับ พลางบ่นว่าซวยจริงๆ อุตส่าห์ไปดูหนังรอบดึกยังมีคนบ้าที่ไหนมาเห็นเข้าจนได้oooooooขณะเดียวกัน วาริรินทร์อาละวาดขว้างหนังสือ-พิมพ์ใส่นิคด้วยความโกรธจัด นิคก้มมองอย่างงงๆ เพราะอ่านภาษาไทยไม่ออก ถามว่าเกิดอะไรขึ้น"หนังสือพิมพ์พวกนี้ลงว่าระหว่างที่พี่ไม่อยู่ นิคแอบไปดูหนังรอบดึกกับยัยลูกน้ำ""ผมไม่ได้ไปไหน อยู่ที่คอนโดฯตลอด...นอกจากมีเดินแบบ แล้วก็ออกไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆบ้าง""แล้วเขาจะเอาที่ไหนมาลง แถมไม่ใช่ฉบับเดียวด้วย""ผมไม่รู้...บางทีอาจมีคนแกล้งคุณ" นิคตีหน้าตาย"ใครที่ไหนจะแกล้งฉัน"จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ของวาริรินทร์ดังขึ้น เธอหยิบมาดู เห็นเป็นเบอร์ของอรนุชโทร.มา เลยปิดเครื่อง นิคสงสัยว่าทำไมถึงไม่รับสาย"เพราะฉันเกลียดมัน ไม่อยากได้ยินเสียงมัน คอยดูนะ แม่จะถอนโฆษณาให้หมดเลย" วาริรินทร์ขบกรามแน่นอรนุชถึงกับหน้าเสียที่วาริรินทร์ไม่ยอมรับสาย แถมปิดโทรศัพท์อีกด้วย อรนิชเองก็ใจไม่ได้ ถามว่าเราจะทำอย่างไร อรนุชชักหงุดหงิด เพราะเธอเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ระหว่างนั้น แอ๊วเข้ามารายงานความคืบหน้า หลังจากเรียกระดมสมองที่ปรึกษาของบริษัท"คืออย่างนี้ค่ะ...ข้อแรก...ยืนกรานปฏิเสธอย่างเดียว พร้อมกับท้าให้เอารูปมาให้ดู""จะบ้าเรอะ...เดี๋ยวเขาก็เอามาให้ดูจริงๆ ฉันก็ตายน่ะสิ""ไม่มีหรอกค่ะ...เพราะถ้ามีก็ต้องเอามาลงไปแล้ว""จริงด้วยค่ะ พี่น้ำ...ถ้ามีก็ต้องลงรูปไปแล้วละ...นิคเขาเป็นนายแบบดังอยู่ด้วย"อรนุชพยักหน้าเห็นคล้อยตาม ถามแอ๊วว่าข้อที่สองคืออะไร แอ๊วแนะให้ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าสัวเจริญอรนุชรีบทำตามทันที ตรงไปหาพ่อที่ออฟฟิศ ขอร้องให้ ท่านช่วย"จะเอาอย่างนั้นหรือลูก""ค่ะ...คุณพ่อช่วยน้ำหน่อยนะคะ...ไม่อย่างนั้นพี่วา ถอนสปอนเซอร์ออกหมด น้ำเจ๊งแน่ๆเลย"เจ้าสัวเจริญรับปากจะจัดการให้ อรนุชเลื่อนตัวลงจากเก้าอี้ กอดเอวพ่ออย่างประจบประแจง เจ้าสัวเจริญลูบผมลูกสาวด้วยความรัก แล้วขอให้เธอเล่ารายละเอียดให้ฟัง เจ้าสัวเจริญฟังเรื่องทั้งหมดแล้วโทร.นัดวาริรินทร์ มาพบที่บ้านของเขาเย็นวันนี้เลยตกเย็น วาริรินทร์พร้อมด้วยนิคมาถึงบ้านของเจ้าสัวเจริญ อรนุช อรนิช และรุทธิ์อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา วาริรินทร์มองรุทธิ์แวบหนึ่ง ตามนิสัยของหนุ่มอายุน้อยกว่าแล้วหันไปบอกเจ้าสัวเจริญว่าเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านมีลูกสามคน คิดว่ามีแค่ผู้หญิงสองคนเท่านั้น เจ้าสัวเจริญอ้าปากจะพูด แต่รุทธิ์ชิงพูดก่อน"ผมต้องไปเรียนต่อต่างประเทศครับ...คุณพ่อเลยไม่ค่อยอยากให้กลับมาเท่าไหร่ เพราะท่านกลัวว่าจะทำงานจนไม่กลับ...คือผมเป็นคนบ้างานน่ะครับ"เจ้าสัวเจริญถึงกับกระแอมเหมือนมีอะไรติดคอ ขณะที่อรนุชกับอรนิชลอบมองตากัน เจ้าสัวเจริญได้จังหวะหันมาถามอรนุชว่ามีอะไรจะพูดกับวาริรินทร์ไหม อรนุชเลื่อนตัวลงจากเก้าอี้ คลานมาไหว้วาริรินทร์อย่างนอบน้อม"พี่วาขา...น้ำไม่เคยประพฤติตัวอย่างที่มีคนเอาไปเขียนข่าวใส่ร้ายเลยนะคะ โดยเฉพาะเรื่องผู้ชายพายเรือ คุณแม่ ท่านอบรมน้ำตั้งแต่เล็ก พอคุณแม่เสีย คุณพ่อก็อบรมต่อค่ะ""ลูกน้ำเขามีแฟนของเขาอยู่แล้วด้วยครับ นี่ก็ร้องห่ม ร้องไห้ทุกวัน เพราะกลัวแฟนจะเข้าใจผิด""ผมต้องขอโทษคุณลูกน้ำ...ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน ว่าเข้าไปเกี่ยวตอนไหน" นิคตีหน้าตาย"ไม่เป็นไรค่ะ...คุณนิคไม่ได้ผิดอะไร"รุทธิ์ตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้ต้องมีคนกลั่นแกล้ง อรนิชทำเป็นรู้ขึ้นมาทันทีว่าใครทำ ทุกคนหันมองเธอเป็นตาเดียวกัน อรนิชโยนบาปให้ไอริณ หาว่าเธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ อรนุชเล่นบทแม่พระ ห้ามน้องสาวไม่ให้กล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐาน จะเป็นบาปกับตัวเราเอง วาริรินทร์หลงเชื่ออย่างสนิทใจ"พี่คิดเหมือนลูกนก...ไอริณอาจจะเป็นคนให้ข่าวเพื่อหวังผลหลายๆอย่าง"อรนุชก้มหน้า ลอบยิ้มสะใจ...หลังจากส่งวาริรินทร์ กลับไป สองศรีพี่น้องก็โผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ อรนิชชมพี่สาวว่าวางแผนได้เฉียบมาก รุทธิ์ตามมาสบทบ แล้วทั้งหมดก็หัวเราะอย่างสะใจoooooooขณะที่ไอริณกำลังตัดแต่งกิ่งไม้ที่เน่าเสียออกอย่างอารมณ์ดี เพราะสมมติว่ากิ่งพวกนี้เป็นยัยลูกน้ำยุงลาย ป้าสร้อยโผล่หน้าออกมาเรียกให้ รับโทรศัพท์ ไอริณล้างมือแล้วเดินไปหยิบมือถือ มองเบอร์แล้วยิ้มเยาะ"สวัสร้ายจ้ะ เพื่อนน้ำ...กิจการคงเจ๊งแล้วสิคะ""โถ...เพื่อนริณ...เพื่อนน้ำมีความสะใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า แผนการของเพื่อนริณที่ชั่วร้ายพอๆกับแผนของเพื่อนน้ำไม่เวิร์กเลยจ้ะ" อรนุชหัวเราะคิกคัก"เพื่อนน้ำหมายความว่ายังไงจ๊ะ...แผนอะไร เพื่อนริณไม่เข้าใจ" ไอริณทำไก๋"แหม...นึกแล้วเชียว ขบวนการสตรอเบอร์รี่ในประเทศนี้ไม่มีใครสามารถเท่าเพื่อนริณไปได้ แต่ไม่เป็นไรจ้ะ...เพื่อนน้ำจะสรุปให้ฟัง...พี่วาน่ะไม่ได้โกรธเพื่อนน้ำสักนิด ตรงกันข้าม... เธอกลับจะเอาเม็ดเงินโฆษณามาลงหนังสือของเพื่อนน้ำมากขึ้น เพราะเธอสงสารเพื่อนน้ำที่ถูกเพื่อนริณใส่ร้าย"ไอริณทำปากขมุบขมิบด่า ก่อนพูดต่ออย่างดี "อุ๊ย... เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ผู้หญิงจิตใจดีอย่างเพื่อนริณไม่เคยใส่ร้ายใคร ยิ่งเป็นเพื่อนน้ำยิ่งไม่ทำใหญ่...อย่าลืมสิจ๊ะว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาลหนึ่งทับหนึ่ง คุณครูท่านสอนให้เราสามัคคีรักใคร่ปรองดองกัน""แหม...สตรอได้อีกนะจ๊ะเพื่อนริณ...สตรอได้อีกเยอะเลย...แล้วก็เตรียมรับความปรารถนาดีจากเพื่อนน้ำด้วย บาย" อรนุชวางสายด้วยสีหน้ามาดร้ายoooooooรุ่งเช้า อรนุชวางแผนทำลายไอริณโดยโทร.หาโสภิตาซึ่งเป็นพนักงานคนหนึ่งของไอริณ กะจะใช้เธอเป็นไส้ศึก โสภิตาอึกๆอักๆ เพราะกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ เกรงว่าจะมีใครได้ยิน"คุณลูกน้ำจะรออยู่ที่ออฟฟิศนะ สุดแล้วแต่โสจะว่างมาหาคุณลูกน้ำตอนไหน...คุณลูกน้ำมีเรื่องสุดแสนสำคัญจะคุยด้วย...แค่นี้ละจ้ะ" อรนุชวางสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โสภิตางงๆ ลอบมองเพื่อนร่วมงานแวบหนึ่ง...ในที่สุดโสภิตาก็หาโอกาสโทร.นัดอรนุชออกมาพบที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง อ้างว่าไม่อยากเข้าไปที่ออฟฟิศของอรนุช เพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาใคร อรนุชทำสีหน้าเมตตาสุดๆ ยื่นมือไปแตะมือโสภิตาเบาๆ"ไม่เป็นไรจ้ะ...คุณลูกน้ำเข้าใจจ้ะ""คุณลูกน้ำมีธุระอะไรกับโสหรือคะ"อรนุชถามว่าปีนี้ได้โบนัสหรือเปล่า โสภิตานิ่งอึ้ง อรนุชทำทีเห็นใจ หยิบซองสีขาวยาวจากกระเป๋าถือยื่นให้"โสอย่าคิดมากเลยนะจ๊ะ...คุณลูกน้ำขออนุญาตให้โบนัสแทนคุณริณ ในฐานะที่โสก็เคยทำงานกับคุณลูกน้ำเหมือนกัน" อรนุชเห็นโสภิตาลังเล เลยจับมือเธอแบออก แล้วยัดซองใส่เงินให้"คุณลูกน้ำคะ...""ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...เงินแค่ 4-5 หมื่นเท่านั้น ทำไมจะให้คนที่เคยร่วมงานกันไม่ได้...คุณลูกน้ำต้องไปทำงานต่อแล้ว" อรนุชขยับตัวลุกขึ้น"คุณลูกน้ำค่ะ...ขอบพระคุณค่ะ...คุณลูกน้ำจะให้โสกลับมาทำงานกับคุณลูกน้ำเมื่อไหร่คะ...โสพร้อม""ไม่ต้องจ้ะ...ไม่ต้อง โสทำอยู่กับไอริณนั่นแหละดีแล้ว จะได้รับเงินเดือนสองที่เลยไง คุณลูกน้ำน่ะคงไม่ใช้โสพร่ำเพรื่อหรอก แค่จะขอความช่วยเหลือเป็นครั้งคราวเท่านั้น""ได้เลยค่ะ" โสภิตายิ้มรับด้วยความเต็มใจ...ขณะไอริณกำลังเก็บของเตรียมตัวจะออกไปสตูดิโอถ่ายภาพกับเลอลักษณ์ คุณหญิงป้าโทร.มาว่าจะมาหาที่ออฟฟิศ ไอริณเลยนัดไปเจอกันที่สตูดิโอแทน ครู่ต่อมา ไอริณกับเลอลักษณ์มาถึงสตูดิโอ เห็นคุณหญิงป้ากำลังนั่งมองดูการถ่ายแบบแฟชั่นอยู่ สองสาวเดินเข้ามาสวัสดีทักทายแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างท่าน"ป้ามีเรื่องจะต้องรบกวนหนูริณ...คืองี้...บ้านป้าน่ะถูกปลวกมันบุก""แล้ว...ตอนสร้างไม่ได้ฉีดยากันปลวกหรือคะ""ป้าก็ให้เขาฉีด แต่เขาจะฉีดหรือเปล่าก็ไม่รู้...ป้าไม่ได้ติดตาม พอดีตอนนั้นไปเที่ยวมัลดีฟส์...กับพรรคพวกเขา...ตอนนี้เลยต้องสังคายนากันใหญ่""คุณหญิงป้ามาพักอยู่กับริณได้เลยค่ะ...แล้ว...คุณหญิงป้าหาคนซ่อมบ้านให้ได้หรือยังคะ"พอไอริณรู้ว่าคุณหญิงป้ายังหาคนซ่อมบ้านไม่ได้ จึงปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที อาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้ รีบโทร.นัดวินออกมาพบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขอร้องให้ช่วยนัดคุณอนาวินมาพบเธอหน่อย วินต่อรองว่าต้องบอกเหตุผลมาก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่นัดให้ ไอริณจำใจบอกว่าต้องการให้บริษัทของคุณอนาวินมาซ่อมแซมบ้านคุณหญิงป้า"นี่...แผนของฉันเป็นอย่างนี้นะ...คุณชวนเจ้านายคุณมากินข้าวบ้านฉัน""เนื่องในโอกาสอะไร""เนื่องในโอกาสอะไรดี...โอกาส...นึกได้แล้ว โอกาสที่คุณหญิงป้ามาพักอยู่ที่บ้านฉันไง...ตกลงตามนี้นะ""เดี๋ยว ผมยังไม่ได้ตกลงกับคุณ""ไม่เป็นไร ฉันตกลงคนเดียวได้...ตกลงเป็นวันเสาร์นี้นะ""โอ๊ย...คุณนี่...คุณวินเขาขาหัก""อ้าว...เป็นอะไรไปล่ะ...แต่ไม่เป็นไร...คุณเป็นเบ๊เขา คุณก็เข็นรถเขามาสิไม่เห็นจะยากเลย...ขอบใจล่วงหน้านะจ๊ะ... คุณกาแฟ" ไอริณลุกขึ้น เดินออกไปอย่างกระตือรือร้น...จากนั้นวินแวะไปหาเรวัติก่อนกลับออฟฟิศ เล่าเรื่องไอริณให้ฟัง เรวัติถึงกับกุมขมับปวดหัวตึบๆ ถามวินว่าไม่ปวดหัวบ้างหรือ วินก็ปวดหัวจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เพราะวันๆไม่ต้องทำมาหากินอะไร นอกจากคอยตามแก้ปัญหาให้เจ้าหญิงไอริณ จอมจุ้นวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด เรวัติอยากรู้ว่าจะเอาอย่างไรดี"ก็ต้องแบกไอ้นั่นไปบ้านแม่เจ้าประคุณนะสิ" วินจ้องหน้าเรวัติเขม็ง เรวัติรีบออกตัวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา วินหาว่าเรวัติช่างแนะนำดีนัก เพราะฉะนั้น วันเสาร์นี้ต้องไปด้วยกันoooooooทันทีที่อรนุชได้รับรายงานจากโสภิตาไส้ศึกของเธอว่าไอริณจะแวะไปซื้อดีวีดีซีรี่ส์เกาหลีให้คุณแม่แฟน อรนุชรีบโทร.ตามพี่ชายทันที"พี่รุทธ์...มาพบน้ำด่วนที่ออฟฟิศ...มาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ จะพาไปพบเนื้อคู่" อรนุชยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนวางสาย...ฝ่ายไอริณแวะรับบุปผาจากบ้านมาเลือกซื้อซีรี่ส์เกาหลีด้วยกัน ขณะอยู่ในร้าน ไอริณกุลีกุจอหยิบดีวีดีส่งให้บุปผาเลือก บุปผาพลิกหน้าพลิกหลังดูปกหนัง ตัดสินใจไม่ได้ ไม่รู้จะสนุกหรือเปล่า"คุณพี่ขา...คุณพี่ต้องมองโลกในแง่บวกค่ะ...ผู้คนช่างแสนดี...ละครเกาหลีก็แสนสนุก""อุ๊ยตาย! ใช่เลย...ต่อไปคุณพี่จะต้องคิดแบบที่คุณน้องบอก...ไลฟ์ อีส บิวติฟูล" บุปผาเอาแผ่นดีวีดีใส่ลงในตะกร้า สองคนหัวเราะกันคิกคักสนุกสนาน...ในเวลาต่อมา อรนุชกับรุทธ์ก็มาถึงร้านดีวีดี อรนุชกวาดตามองไปทั่วร้าน แล้วชี้ให้พี่ชายดูไอริณซึ่งกำลังชี้ชวนบุปผาให้ดูดีวีดีเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างเอาอกเอาใจ อรนุชแค้นใจที่ไอริณคิดจะแย่งทั้งแฟนทั้งแม่แฟนของเธอไป จังหวะนั้น ไอริณ หันมาเห็นเธอพอดี อรนุชปรับสีหน้าเป็นตื่นเต้นดีใจ"ต๊าย เพื่อนริณ...คุณแม่ด้วย...คุณแม่ขา...สวัสดีค่ะ" อรนุชถลาเข้ามาไหว้บุปผาที่ต้นแขนแล้วจับไอริณดึงมาชนแก้ม พลางกระซิบข้างหู "สะเออะนะยะ...พาคุณแม่มาซื้อดีวีดีแต่ไม่สำเร็จหรอก...เสียใจด้วย""สองคนนี่เขาต้องกระซิบอะไรกันเรื่อยเลย" บุปผาตั้งข้อสังเกต"น้ำบอกริณว่า ขอให้สวย...ขอให้รวย...ขอให้โชคดีค่ะ""โถ...แม่คุณ""คุณแม่น้ำอบรมมาดีค่ะ...พอคุณแม่เสียคุณพ่อก็อบรมต่อ...อุ๊ย...มัวแต่เม้าท์เพลิน...พี่รุทธ์นี่คุณแม่บุปผาค่ะ... คุณแม่คะนี่พี่อนิรุทธ์...พี่ชายคนโตของน้ำเองค่ะ""แม่นึกว่าหนูลูกน้ำมีกันสองคนพี่น้องกับหนูลูกนกเสียอีก""ใครๆก็คิดอย่างนั้นค่ะ...พี่รุทธ์ต้องไปดูแลกิจการของคุณพ่อในยุโรปและอเมริกา ใครๆก็เลยไม่ค่อยได้เห็นเขา... นี่คุณพ่อเพิ่งเรียกตัวกลับมาช่วยงานที่เมืองไทย"ไอริณสวนขึ้นทันทีว่าสงสัยกิจการทางโน้นคงเจ๊งหมด อรนุชหันมามองตาเขียว ขณะที่บุปผาตกใจ ไอริณยิ้มหวาน บอกบุปผาว่าไม่ต้องตกใจ เราสองคนชอบทักกันแรงๆอย่างนี้ถือว่าเป็นการให้พรกัน บุปผาหัวเราะเปร่งๆ อรนุชหันมาถามไอริณว่าจำพี่ชายของเธอได้หรือเปล่า รุทธ์ซึ่งลอบมองไอริณ อยู่ตลอด ก้มหัวให้อย่างสุภาพ"จำเกือบได้...สวัสดีค่ะ" ไอริณทักอย่างเสียไม่ได้"ก็ยังดีครับ" รุทธ์หันมาทางบุปผา "ลูกน้ำเขาชวนผมมาซื้อดีวีดีให้คุณแม่ เห็นบอกว่าคุณแม่ชอบละครเกาหลีมาก"บุปผาถูกใจที่มีหลายคนมาช่วยเลือกซื้อดีวีดีเลย ออกปากเลี้ยงกาแฟทุกคน อรนุชเหน็บว่าไอริณคงอยู่ดื่มกาแฟกับพวกเราไม่ได้ เพราะต้องรีบกลับออฟฟิศ ไอริณปฏิเสธว่าไม่มีธุระอะไรที่ไหนอีก วันนี้ว่างทั้งวัน"จริงสิ...ได้ข่าวว่าหนังสือจะเจ๊งแล้วนี่...ยอดขายลดลงทุกเดือนใช่มั้ยจ๊ะ...เพื่อนน้ำน่ะเห็นใจ๊ เห็นใจเพื่อนริณ... พยายามเอาใจช่วยตลอด...แถมยังสวดมนต์ให้ทุกคืนเลยนะเนี่ย" อรนุชยิ้มหยัน ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูไอริณ "...ภาวนาให้เจ๊งเร็วๆไง"ครู่ต่อมา ไอริณ บุปผา อรนุช กับรุทธ์มานั่งที่ร้านกาแฟ ขณะบริกรกำลังยกกาแฟกับของว่างมาเสิร์ฟ เสียงโทรศัพท์ของไอริณดังขึ้น ไอริณขอตัวออกไปรับสายข้างนอก อรนุชมองตาม ได้ทีทำตีหน้าเศร้าหันมาต่อว่ารุทธ์"น้ำสงสารเพื่อนจัง...พี่รุทธ์น่ะไม่น่าเลย""พี่เองก็เสียใจ...ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไปได้ยังไง" รุทธ์รับลูกต่อจากอรนุชทันที สองพี่น้องเล่นละครได้อย่างแนบเนียน จนสะกิดต่อมอยากรู้เรื่องชาวบ้านของบุปผาแตกซ่าน ขอร้องอรนุชช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง อรนุชก็ทำทีไม่อยากเล่า แถมขอให้บุปผาเก็บอาการดีๆ อย่าเผลอแสดงให้ไอริณ รู้ว่าเธอเอาความลับของเพื่อนมาแฉ"ว่ามาเลยลูก...คุณแม่จะไม่มีวันเปิดปากเล่าให้ใครฟังแม้แต่กับคนที่คุณแม่สนิทด้วยที่สุด"oooooooจบตอนที่ 9เครดิต ไทยรัฐ