Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2560
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 สิงหาคม 2560
 
All Blogs
 
O กรรตุวาจก .. O








O ปัง ! -ค้อนขจร, รหัสะเลศ-
ก็ลุ-เจตะแจ้งใจ
โดยกฏและบท, ฉละสมัย-
อุปไมยจะเปรียบเหมือน
O กล่อมเห่และเล่หะก็สยาย
เพาะอุบายะบิดเบือน
พร้องคุณ-อดุลยะเสมือน-
รวิเลื่อนประภาพล้อม
O ไพศาลประการคุณะประดา
บ ระอาจะอด-ออม
เสียงแว่ว บ แล้วดุจะจะหลอม-
คุณะย้อมกะวิญญาณ
O เลอเลิศประเสริฐะบริบท
ฤ ประพจน์จะเปรียบปาน
ล้ำแถน ฤ แมน, สิริพิศาล-
ก็ตระการะเกริกไกร
O ปานเทพ, วิเลปนะประทิ่น
รสะกลิ่นระโรยไกล
พลิ้วผ่าน, สุมาลยะไฉน-
มธุ-ใคร่จะเทียมเขา ?
O โหมเห่ประเล่หะทิพะคีต-
ะประณีตะกล่อมเกลา
ภาพซึ่งคะนึงฉลุเฉลา
ก็คละเคล้าประโลมขวัญ
O ภาพซึ้งระรึงยุคะสมัย-
ะประไพก็รำพัน
พร้อมเสียงระเรียง, ภวะสวรรค์-
ก็ถวัลยะวับวาม
O เพ่งปากและพากยะประเมิน
สรเสริญ สิ เกินงาม
พลิกยุคะปลุกบุรพะยาม
ฤ จะห้าม กะ ตามหา ?
O โอ-โสตอุโฆษปะเหลาะเพราะคัม-
ภิระคำ ผิ อ้อคา
เอนลู่จะบูรณะสถา-
นะสภาวะทาสตน
O ฉาบฉวย .. เพราะด้วยตรรกะประมวล
นยะจวนจะอับจน
ภาพสร้าง .. ระหว่างพฤติวิกล
ดุจะล้นเพราะแรงไหล
O เอาทารประสาระมธุรส
บริบทะเพี้ยงใบ-
ไม้หล่นระคนคติพิสัย-
ะจะไว้ประคองหวัง
O เพียบแพงเพราะแปลงธิระจริต-
ะกระบิดกระบวน, บัง-
ร่มเยาวะเมาหะคละประดัง
ฤดิคลั่ง ก็ ช่วยขาน
O เสียงค้อนขย้อนขยะแขยง
เพราะตะแบงนะเบ่งบาน
เสียงคลั่งประนังนยะผสาน
ก็สะท้านสะเทือนไท
O พลุกพล่านบุราณคตินิยม-
ะระดม, จะครื้นใด-
เทียบเทียม-เพราะเปี่ยมมุหะ ณ นัย-
ะนะใคร่จะอวดเขา
O โยงยึดประพฤติปทัสถาน
ก็ตระหง่าน สิ รูปเงา
ล้อมวงประจงฉลุเฉลา
คติเมาหะครอบเมือง
O ใช่ผู้จะชูทิฐิวิภาษ
บทะปราชญ์ นะ เปล่าเปลือง
ใช่ผู้จะรู้นยะยะเยื้อง
ฉละเปลื้อง มุ ปรักปรำ
O โหมเห่ ก็ เล่หะทุพพล
อนุสนธิด้วยธรรม
ปรุงบทเหมาะรส .. เฉพาะจะสัม-
ผัสะค้ำ กะ เคลือบแคลง
O ขรมโข สิ โมฆะกรรมะบท
อติพจนะเพียบแพง
พร้อมเพ็ญก็เป็นยุวะแขนง-
เหมาะตะแบง – จะแทงใบ
O ตั้งกองสนองคุรุมุหัน-
ตะผจัญก็ปวดใจ
หมอบคู้ บ รู้ฤตุ, อุทัย
ชละไหล ฤ หม่นหลัว
O โอ-เยาวะเคล้าพิษะขนบ
ดุจะกบ นะ หมอบกลัว
พู้นฟ้าวลาหกะ ฤ ถัว-
นิละทั่วกะลาตน ?
O เสียงค้อนสะท้อนพฤติวิกฤต
ตรรกะ, คิด, วิถีคน
ตอกย้ำกลัมพ-ระและฉล-
ะกระวน นะ ไป่เว้น
O เพียงค้อนขจรกฏะประหลาด
บริภาษ ก็ เพียบเพ็ญ
ฝุ่นฝนละหล่นนภะกระเซ็น
รณะเข่น จะ เร้นคอย !






Create Date : 03 สิงหาคม 2560
Last Update : 30 ธันวาคม 2563 8:00:42 น. 4 comments
Counter : 1527 Pageviews.

 
สดายุ..

"O เสียงค้อนขย้อนขยะแขยง
เพราะตะแบงนะเบ่งบาน
เสียงคลั่งประนังนยะผสาน
ก็สะท้านสะเทือนไท"

มินตราเรียนมาว่า ฉันท์ เป็นของ"ชนชั้นสูง" ในรั้วในวัง(เพราะมีโอกาสเรียนหนังสือ)
และใช้ภาษาสันสกฤต อันเป็นภาษาพวก"พราหมณ์" ( ผู้ท่องคัมภีร์พระเวท = นักวิชาการ)

ทึ่งมากที่เห็นสดายุใช้ภาษาไทยพื้นพื้น ประกอบเป็นฉันท์ได้ตามกฎเกณฑ์ในการสร้างฉันท์ แสดงว่า "แตกภาษา"ไทยมาก เก่ง...



โดย: บุษบามินตรา IP: 178.2.77.22 วันที่: 7 สิงหาคม 2560 เวลา:15:08:45 น.  

 


มินตรา ...

ตัวอักษรและสระ มีไว้ผสมเป็นคำ ..
คำ-มีไว้ประกอบเป็นความ ..
ความ มีไว้ สื่อสารระหว่างคน ..
มันไม่มีสูงต่ำ
มันมาสมมุติกันเองภายหลัง

เขมร .. ชาติที่ปัจจุบันดูจะด้อยกว่าไทย
แต่ในยุคที่เจ้าสามพระยาไปตีนครวัด แล้วกวาดต้อน
อำมาตย์ ปุโรหิตมานั้น เชื่อว่าเจริญทางศิลปะวิทยาการ
มาก่อนแล้วตั้งแต่ สุริยะวรมันสร้างนครวัด

อาณาจักรขอมนั้นกินแดนมาถึงกาญจนบุรี

แม้จะรบชนะ แต่ยังยอมรับภาษาของผู้แพ้เป็น
ภาษาชั้นสูงใช้ในรั้ววัง .. น่าแปลกอยู่

ส่วน บาลี สันสกฤต มาทางพุทธศาสนา
ซึ่งไม่มีเรื่องชนชั้นวรรณะ .. เพราะเราไม่ถือพราหมณ์
ที่มาก็ไม่มีสูงมีต่ำแล้ว

พราหมณ์เพียงเป็นชื่อเอ่ยอ้างถึงบ้างในพุทธศาสนา
การใช้พิธีกรรมพราหมณ์ในราชสำนักอยุธยา
มันมาจากทางเขมร เช่นเดียวกับภาษาราชาศัพท์

ฉันท์ที่ใช้บาลี สันสกฤต จึงเขียนแต่งได้แต่ผู้เคย
บวชเรียนมาก่อนในสมัยนั้น .. และแม้จนสมัยนี้
ถึงขนาดสมาส สนธิคำได้เอง

พวกในรั้ววังที่มิใช่ชาย ก็เรียนได้ไม่ต่างกัน ..

และที่ใช้บาลี สันสกฤตกันมากในฉันท์ เพราะมัน
แยกอักษรอ่านได้ จึงลงกันได้กับฉันทลักษณ์
ที่กำหนดไว้ ซึ่งคำไทยแยกอ่านไม่ได้

การศึกษามีสำหรับคนจำนวนน้อยนิดในยุคอยุธยา
จึงเหมือนว่า ฉันทลักษณ์นี้มีไว้สำหรับชนชั้นสูง ..
และจึงดูเป็นฉันทลักษณ์ที่สูงส่งอะไรแบบนั้นไป

ผมมองว่ามันแค่มีเหตุปัจจัยอันลงกันได้กับความคิดแบบนั้นโดยบังเอิญเท่านั้น ไม่ใช่เจตนารมย์ในการ
แยกชั้นของคำศัพท์ ไทย .. เขมร .. บาลี สันกฤต .. อะไรหรอก

มันก็แค่พยัญชนะใน 44 ตัวเท่ากัน
ไม่มีสูงต่ำ

ษ ศ .. มันไม่ได้สูงกว่า .. ก ข หรอก

555


โดย: สดายุ... วันที่: 7 สิงหาคม 2560 เวลา:19:51:35 น.  

 
สดายุ..
ผู้ที่มีความรู้ จะตอบว่า คัมภีร์ฤคเวท (Rigveda : ฤค แปลว่า คำฉันท์ ) เป็น ฉันท์ ที่เขียนโดยใช้..ภาษาสันสกฤต..เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวดสรรเสริญคุณผู้ก่อกำเนิดโลก ด้วยทำนองสรภัญญะ โดย ฤๅษีวยาส ผู้แต่งมหากาพย์ มหาภารตะ เมื่อ 12.000 ปีก่อนคริสตกาล
ภาษาบาลี เป็น ภาษาสันสกฤตที่ใช้ในแคว้นมคธ( dialect) ซึ่งใช้บันทึก พระไตรปิฎกเริ่มใช้ ภาษาบาลี สมัยพุทธกาลเมื่อ 2560 ปีที่แล้ว
อักษรไทย นอกจาก จะมีพยัญชนะ 44 รูป สระ 21 รูป ยังมีวรรณยุกต์ 4 รูป
วรรณยุกต์ (tone) เป็นตัวกำหนดเสียง สูง เสียง ต่ำ

ในการสอบข้อเขียน จะมีการสอบปากเปล่าทบทวนเพื่อตรวจสอบว่า ผู้เขียนไปลอกงานชองใครมา หรือเขียนด้วยตนเอง ฉันใด
ผู้ที่ไม่ผ่านการสอบปากเปล่าก็ฉันนั้น
ภาษาไทยเรียกว่า "ท่าดีทีเหลว" นึกว่าจะมีความรู้ !



โดย: บุษบามินตรา IP: 178.2.77.22 วันที่: 8 สิงหาคม 2560 เวลา:1:38:29 น.  

 



มินตรา ..

copy & paste นี่ผมไม่นิยมนะ .. แบบที่อ่านไม่รู้เรื่อง
กระโดดไปกระโดดมา
นี่ผมไม่นิยมนะ

12000 ปีก่อนคริสตกาลนี่นะ - ?

ขอยุติการสนทนา

555


โดย: สดายุ... วันที่: 8 สิงหาคม 2560 เวลา:6:17:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.