Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
O โวหารภาพพจน์....? O










เพลง .. พระอาทิตย์ชิงดวง
วงกอไผ่




วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O ความ-คำเพราะคัมภิระประพจน์
ระบุบทะบาทมี
เหมือนคอยจะปล่อยทิฐิวิถี
บทะธีระหนักหนา
O ยั่วแย้งแสดงวุฒิวิภาษ
ผิวะปราศก็แต่ปรา-
รมภ์ตนจะป่นอัตะสถา-
นะสภาวะรูปรอย
O จึงคำเพราะคำระบุระบือ
ก็กระพือซะเลิศลอย
เชื่องเชื่อก็เหลือจะผละจะถอย
จิตะคล้อยบ่อาจขืน
O พากย์ชี้วิถีวัตระประพฤติ
อัตะยึดก็หยัดยืน
นำทางระหว่างนิละทะมื่น
จะลุตื่น ณ ในตน ?
O แว่วเสียงก็เพียง .. อุระระรัว
นิระกลัวจะหลงกล
แห่ห้อมตะล่อมสัทะระคน
นยะล้นพิมลหลาย
O สรรสรรพะศัพท์ธิระประดิษฐ์
ตละคิดก็คมคาย
ว่อนวางพยางคะอภิปราย
จิตะคล้ายจะเคลิ้มฝัน
O หวั่นไหวกระไร .. สุภะประพจน์
มธุรสะโรมรัน
หลักการก็ควานและเสาะกระสัน
อภินันทนาไทย
O การเมือง ณ เบื้องปุระสยาม
ขณะทรามละลามนัย
เสียงสู่ก็รู้มุสะสมัย
สุตะใด-ประดาเดียว
O เมื่อทราม .. ละลามระยะประเทศ
นยะเลศะกรูเกรียว
คมคำกระหน่ำ..ฤจะเฉลียว
ผิวะเขี้ยวจะขบลง
O พรรณนาประดานยะประดุจ-
บริสุทธิแผ่วง
ไหนเลยจะเคยจะพิสวง-
อุปสงคะดั้งเดิม



อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

O ลมตื่นระผืนน้ำ - - - ภพะต่ำก็ตวงเติม-
คำหวานประสารเสริม - - - ฤดิเริ่มก็ปรารมภ์
O โกสุมปทุมา - - - ดละภาวะหอมพรม
ผึ้งภู่ ฤ รู้สม- - - - มุติห่มจะร้างหาย
O ดอกขาวอะคร้าวรูป - - - วตะลูบก็รำบาย-
หอมฟุ้งจรุงหมาย - - - ผิวะตายจะยอมตน
O อำนาจและอาชญา - - - เสาะสภาวะเพื่อพล-
อวยเดชวิเศษผล - - - จะผละพ้น ฤ แผดเผา ?
O เนานันทะสรรเสริญ - - - ขณะเพลิน ฤ ผ่อนเพลา
ยศศักดิ์ฉลักเขลา - - - ก็ระเร้าฤดีรมย์
O ขัดแย้งเพราะแย่งยำ- - - - สัทะธรรมะติดตม
เคลิ้มขำกะคำคม - - - ขณะถ่มเลอะดินแดน
O แบ่งข้างระหว่างข้า - - - คุณะค่าก็คลอนแคลน
จึงอานุภาพแสน- - - - ยะจะแม้นจะมอดลง
O อำนาจและอาชญา - - - ดละทาสะรูปทรง
การเลศะเจตมง- - - - คละคงจะมีหรือ
O ร่มบุญ..สกุลคน - - - ธนะผละร่วมมือ
เล่ห์ฉันทะบันลือ- - - - ก็กระพือกระเพื่อมหาง
O เก่งกาจกระไรคน - - - คติวนและว่อนวาง
เชื่องเชื่อ..ก็เหลือง้าง- - - - จะเสาะอ้างกะเหตุผล



วิชชุมมาลาฉันท์ ๘

O อึ้มแอ้มออกเสียง - - - นั้นเพียงเพื่อชน
เหลียวมองจ้องตน - - - คำรนโวหาร
O ฟังเถิดฟังคำ - - - ลึกล้ำหลักการ
อักโขโอฬาร - - - เพื่อบ้านเพื่อเมือง

O รับใช้อำนวย - - - ย่อมด้วยศรัทธา
หลงรักนักหนา - - - บอดบ้าเปล่าเปลือง
O ตอกลิ่มทิ่มแทง - - - พวกแดงพวกเหลือง
อกกรุ่นขุ่นเคือง - - - เชื่อเชื่องพอกัน

O เป็นไทด้วยชาติ - - - เป็นทาสด้วยใจ
ตื้นเขินเกินไหว- - - - ทันไขรำพัน
O เรื่องนึกตรึกตรอง - - - บกพร่องเกินฝัน
แว่วโจษโทษทัณฑ์ - - - หูหันรอเสียง

O ปรุงแต่งภาพพจน์ - - - งามรสวาที
ออกสื่อช่วยชี้ - - - วาดวีสำเนียง
O นั้นถูกนี้ผิด - - - รอพิศรอเพียง-
ความถ้อยร้อยเรียง - - - อยู่เคียงหน้าตน

O จับโยงเรื่องราว - - - รู้กล่าวรู้คาด
เพื่อชนทั้งชาติ - - - รู้ภาษรู้พล
O ตราบน้อมใจนับ - - - ตอบรับลุกลน
กี่ครั้งกี่หน - - - ทุกหนทุกครั้ง

O คือปราชญ์คอยปราม - - - ป้องทรามเข้าแทรก
จำนรรจ์จำแนก - - - ความแจกให้ฟัง
O จงร่ำจงเรียน - - - ถ้อยเธียรเพียรฝัง
อย่าหยุดอย่ายั้ง - - - ตอบตั้งศรัทธา

O เยี่ยงนี้คือชน - - - พล่ามบ่นรักชาติ
เยี่ยงนั้นคือทาส - - - ปลอดปราศอัตตา
O เยี่ยงนี้คือไท - - - ผู้ไร้บัญชา-
จัดตั้งสั่งหา - - - ด้วยค่าของเงิน

O ภาพนั้นดูดี - - - แต้มสีแต่งตัว
จากเท้าจดหัว - - - ถ้วนทั่วมองเพลิน
O ภาพงามเร้ารุม - - - ให้อุ้มหยอกเอิน
อิ่มร่ำจำเริญ - - - ปานเหินเวหา

O ผ่านหัวผ่านหู - - - รับรู้รับฟัง
ลึกล้ำกำลัง - - - ฝากฝังปัญญา
O ผ่านหูผ่านหัว - - - เร้ารัวศรัทธา
อาทรอ่อนล้า - - - ให้บ้าเข้าเบียน

O ความคำทำว่า - - - คิดข้าควรการ
สามารถสามานย์ - - - ควรอ่านข้าเขียน
O ความจูงฝูงชน - - - หวังผลต้องเพียร
ทอทาบภาพเธียร - - - วกเวียนตราบวาย






Create Date : 19 มกราคม 2552
Last Update : 26 มิถุนายน 2561 7:01:23 น. 6 comments
Counter : 2256 Pageviews.

 
ขอขอบคุนพี่สดายุมากๆครับ ที่ช่วยแต่งให้ผม *-*

และก้อพี่เพลงผ้า ด้วยนะครับ *-*

ถ้าม่ามีพี่ๆ ช่วยผม ผมคงตกแน่ๆเลย *-*

ยังไงก็ขอบคุนมาๆนะครับ

ขอให้พี่ๆเก่งๆกันต่อไปนะครับ *-*

..................ขอบคุนครับ..................


โดย: ขอบคุนครับบ IP: 58.9.229.156 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:21:49:55 น.  

 
พ่อหนุ่มน้อย....
ไม่เป็นไร....เอาของเก่ามาปรับ
เร็วดี....วันหลังต้องหัดเขียนเองบ้าง
เนอะ....

วันนี้...พี่สาวคนสวยมาช่วยไว้
ต้องขอบคุณเขา...ไม่ใช่ผม





ยกมา....

น้องเพลง....
พี่ยินดีค่ะ...กำลังจะเขียนฉันท์
ยาวๆอยู่พอดี....

ต่อไปอาจจะเขียนเรื่องยาวอีก...
แช่หน้าหนึ่งเป็นเดือนๆ....
อยากเขียน..."พรรณนาภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา"..
เป็นฉันท์....

ไม่รู้จะเขียนค้างอีกอีกเปล่า...อิๆๆ






ศารทูล....
ก็ใช้ได้นะ....

วรรคคี่เอา...ลหุคู่..มาแทรกหน้าครุเดี่ยว
วรรคคู่...เพิ่มสะบัดสะบิ้ง...เข้ามาคล้าย..
วังสัฏฏะฉันท์ ๑๒

๏ ขณะนั้นมหรรณพสมุทร
จรรุดประจญประจัญ
คณะมารผลาญนิกรสรร -
พเกลศลาญสลาย

การไม่ใส่สระ..อะ...กำกับคำที่ต้องการให้แยกอ่าน
จะทำให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง...อ่านผิด...
เมื่ออ่านผิด...จังหวะฉันท์ก็จะไม่เสนาะหู
และไม่ไพเราะอย่างที่ต้องการ

ขณะนั้น....อันนี้ทุกคนอ่านได้

มหรรณพ....อันนี้ทุกคนจะอ่านว่า...มะ หัน นบ
ไม่มีใครจะอ่านว่า....มะ หัน นะ พะ

จร...ทุกคนจะอ่านว่า....จอน
ไม่มีใครจะอ่าน....จะ ระ

คณะมารผลาญนิกรสรร -
พเกลศลาญสลาย
V
V
คณะมาร....ทุกคนอ่าน....คะ นะ มาน
แต่จะกี่คนที่รู้ว่า....ต้องลาก ร หลังมารไปด้วยเป็น

คะ นะ มาน ระ ผลาน นิ กะ ระ สัน
พะ กิ เหลด สะ ลาน สะ หลาย

ทำนองเดียวกับ...กิเลศ...จะต้องลากหางเพื่อเพิ่มลหุ
ขึ้นอีกตัวหนึ่ง....จึงต้องอ่านว่า....กิ เหลด สะ

ตัว....เกลศ...เป็นอีกรูปของ..กิเลศ...
เอาไว้เขียนโคลง...แต่ไม่แยกอ่าน...อ่าน เกลด เท่านั้น
ตรงนี้ต้องเขียน กิเลศ...


เพราะคนส่วนมากไม่รู้ว่าตรงตำแหน่งลหุ....
ต้องอ่านแยกคำ
และเกือบทั้งร้อยส่วน...ไม่รู้วิธีอ่านจากฉันทลักษณ์
ที่เขียนไว้ให้....เชื่อสิ....อิๆๆ

เพราะฉะนั้นฉันท์ก็จะไม่มีอะไรโดดเด่น

เพราะฉันท์ไม่ได้เน้นสัมผัส...แบบกลอน
ไม่ได้เน้นเสียง....แบบโคลง
แต่เน้นจังหวะ...อ่านไม่ถูกจังหวะ...
ก็ลงเหว.....อิๆๆ

ไปดู...สามัคคีเภทคำฉันท์...
นายชิต แกใส่สระทุกตำแหน่งที่ต้องการให้คนอ่าน
แยกอ่าน...


โดย: สดายุ IP: 125.27.79.65 วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:7:15:23 น.  

 
"แต่เน้นจังหวะ...อ่านไม่ถูกจังหวะ...
ก็ลงเหว.....อิๆๆ"
เห็นด้วยค่ะ เพราะบางทีต้องอ่านหลายรอบกว่าจะถูกจังหวะค่ะ


โดย: medkhanun วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:11:19:55 น.  

 
ท่านสดายุครับ

ก่อนจะใช้ "เกลศ"
ผมลองหาจากพจนานุกรม ราชบัณฑิตย์ฯ ดูแล้วครับ
เห็นให้คำอ่านไว้ว่า กะเหลด ดังนี้ครับ

เกลศ [กะเหฺลด] (แบบ) น. กิเลส
เช่น ตัดมูลเกลศมาร. (ส.).

ที่เลือกใช้คำนี้ เพราะโดยส่วนตัวมีความเห็นว่า
ครุที่ประสมด้วยสระอะเสียงออกจะพลิ้วกว่าสระอิครับ
นอกจากนี้ ยังได้สัมผัสกับพยางค์ก่อนหน้า คือ พะ ด้วยครับ

แต่ที่ท่านว่า เกลศ เอาไว้ใช้ในโคลงนั้น
ผมยังไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ


โดย: ศารทูล IP: 61.7.173.23 วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:15:29:19 น.  

 
เม็ดขนุน...
ฉันท์..ไม่ใช่ของยากเย็นอะไร
สำคัญว่าอย่าไปกลัวมันเท่านั้นเอง

คนส่วนใหญ่มักจะแหยงกันไปเอง
ซึ่งที่ถูกแล้วต้องพูดว่า...มันอาจจะต้องให้เวลา
กับมันมากกว่าร้อยกรองประเภทอื่น
ในช่วงเริ่มต้น....

อย่าลืมว่าเราก็ใช้คำที่มีอยู่ในพจนานุกรม
เล่มเดิมเดียวเหมือนกัน...เขียนฉันท์
ยิ่งเดี๋ยวนี้มีแบบ...ออนไลน์ให้หาศัพท์...
ยิ่งสะดวกมากมาย...
ทางขวามือในลิงค์ก็มี....

เพียงแต่คนส่วนใหญ่ชอบความง่าย...
กลอนและกาพย์ยานี จึงเห็นกันทั่วไป


มีแปลกเด็กอยู่คน...ศารทูล
ชอบเอาหนักหนาเรื่องฉันท์....ฮิๆๆ
อีกไม่นานคงหาคนทาบยาก
เข้าใจใช้ศัพท์แสงตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมาแบบนี้
ลูกใครฟะ...อิๆๆ






น้องเพลง....
ไม่เป็นไร...ฉันท์มันของชอบพี่...
เขียนมาหนักหนาแล้ว....

แต่คิดถึงแค่ครั้งเดียวต่อวัน...
พี่ดูๆว่าจะไม่พอ
ต้องใช้เยอะน้า...เวลาเขียนนารีปราโมช

งั้นเอาไปบทเดียวก่อน....
คิดถึงครั้งหนึ่งก็บทหนึ่ง...

๐ สัมผัสความชื่นฉ่ำแห่งน้ำค้าง
เมื่อแดดสางอ่อนโยนเริ่มโชนฉาย
พลิ้วแผ่วแห่งลมเช้าก็เร้ากาย
พร้อมภู่ผึ้งเริงร่าย..กลางสายลม...


โดย: พี่กาย IP: 58.137.10.34 วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:15:38:11 น.  

 
ศารทูล...

ใช่...ผมเข้าใจผิด...ใช้ได้
และเมื่ออ่านได้จะใช้ได้เหมาะกว่า...กิเลศ
เพราะได้สัมผัส ลหุ ด้วย....

ในโคลงโบราณจะเจอบ่อยคำนี้...
เป็นคำเก่า เราไม่ค่อยเห็นใช้กันแล้วสมัยนี้

++++++++++++++++++++++
ขอโทษที...ที่ไม่ได้เช็คกับพจนานุกรม
ขออโหสิกรรม...ไว้ตรงนี้....อิๆๆๆ
++++++++++++++++++++++

ที่จริงการสัมผัส..ลหุ นั้นเป็นเพียง..cosmetic
ทำได้ก็ทำ...ทำไม่ได้ก็อย่าฝืน เอาความหมาย
ก่อน...แต่หากทำได้ล่ะก็...เจ๋ง

เพราะเสียงจะเยี่ยมมาก

ท่าทาง..พรรณนาโวหารดี
หากมีเวลา...มาช่วยเขียนหน่อยดีไหม...



โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:15:49:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.