Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
17 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 

ดร.นิเวศน์ ต้นตำรับ VI เปิดสูตรปั้นพอร์ตพันล้าน

.




สไตล์การลงทุนแบบ "นักลงทุนหุ้นคุณค่า" หรือ "Value Investor" ที่เรียก VI พร่หลายวันนี้ หนึ่งในกูรูต้นแบบ VI คือ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" ซึ่งรู้กันว่าเข้ามาเล่นหุ้นเต็มตัวตั้งแต่หลังวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และสร้างผลตอบแทนได้กว่า 10% ต่อปี ว่ากันว่าวันนี้มีพอร์ตใหญ่หลักพันล้าน "ประชาชาติธุรกิจ" ได้มีโอกาสพูดคุยมานำเสนอดังนี้

"ดร.นิเวศน์" เล่าว่า เดิมในช่วงปี 2538-2539 ใช้กลยุทธ์ซื้อขายเก็งกำไร เน้นหุ้นธุรกิจการเงินที่สภาพคล่องสูง และลงทุนตามกระแสข่าวที่เป็นข้อมูลวงใน ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ และไฟแนนซ์ที่เฟื่องฟู บรรยากาศเอื้อต่อการเก็งกำไร

"ในช่วงแรก ๆ ผมเคยซื้อขายเก็งกำไรเทรดทุกเดือนเล่นหุ้นไฟแนนซ์ สภาพคล่องสูง และบางครั้งก็ลงทุนตามข้อมูลที่เรารู้มา คิดว่าเป็นข้อมูลแบบที่ไม่มีใครรู้ แต่เอาเข้าจริง ๆ เขาก็รู้กันหมดแล้ว ดังนั้นการลงทุนแบบนี้ก็ไม่ทำให้รวย ได้แค่เสมอตัวหรือขาดทุนนิดหน่อยเท่านั้น"

หลังเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ดร.นิเวศน์ออกจากงาน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันให้เดินเข้าสู่ถนนสายการลงทุนอย่างเต็มตัว และเปลี่ยนแนวคิดจากการลงทุนแบบ "เล่นหุ้น" โดยใช้เงินสะสมทั้งชีวิตกว่า 10 ล้านบาท ซื้อหุ้นในตลาดเพื่อหาผลตอบแทนเลี้ยงครอบครัว

พอร์ตลงทุนของเขาคือ จะเป็นหุ้นราคาถูก มีแนวโน้มการเติบโตของกิจการอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ ถือเป็นแนวคิดที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะแม้จะถือหุ้นอยู่เฉย ๆ แต่ก็ยังได้เงินปันผลเข้าพอร์ตต่อเนื่อง จนทำให้ผลตอบแทนทบเงินต้นปีแล้วปีเล่า สะสมเป็นพอร์ตขนาดใหญ่ขึ้น

"ตอนนั้นการลงทุนของผมเป็นการลงทุนที่พนันด้วยชีวิต ถ้าผิดพลาดก็จะลำบาก ผมจึงมีแนวคิดว่า ต้องเน้นหุ้นราคาถูกที่พื้นฐานดี จ่ายปันผลต่อเนื่องปีละ 10% ซื้อโดยไม่หวังจะขายต่อ เพราะถึงขายก็ไม่มีคนซื้อเนื่องจากตลาดตอนนั้นไม่ดี ผลลัพธ์ของแนวทางนี้คือผมเจอขุมทรัพย์ เลยต้องซื้อหุ้นต่อไปตัวแล้วตัวเล่า"

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ เศรษฐกิจไทยในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯก็ได้รับปัจจัยบวก ซึ่งสะท้อนมาที่ผลประกอบการ สร้างความมั่นใจการซื้อขาย ทำให้ราคาหุ้นไทยในภาพรวมปรับตัวสูงขึ้น

"แต่เดิมความถูกของราคาหุ้นเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนวิธีคิด หันมาเน้นหุ้นที่มีคุณภาพสูงแทน เพราะต้องยอมรับว่าราคาหุ้นบ้านเราไม่ได้ถูกมากแล้ว ดังนั้น VI ก็ต้องปรับ เหมือนว่าถ้าเจอเพชร ถึงแพงก็ต้องซื้อ"

แม้จะต้องซื้อหุ้นแพงขึ้น แต่นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่น ได้แก่ 1.ธุรกิจนั้นเป็นกิจการที่มีอนาคตจะโตต่อไปหรือไม่ 2.บริษัทมีฐานะทางการตลาดอย่างไร และแม้จะเป็นผู้นำครองอันดับ 1 แต่ก็ต้องดูด้วยว่าใหญ่กว่าอันดับ 2 แค่ไหน 3.ฐานะของกิจการ เช่น มีหนี้สินหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน และมีความสามารถสร้างกำไรปีละเท่าไหร่ เป็นต้น

กลุ่มหุ้นที่ "ดร.นิเวศน์" ชื่นชอบ ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวกับโมเดิร์นเทรด (ห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต)

โรงพยาบาล เป็นต้น ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ เช่น พลังงาน วัสดุก่อสร้าง แม้จะเป็นธุรกิจที่ดีแต่ก็มีความซับซ้อนมาก เพราะมีบริษัทลูกในเครือมาก ประกอบกับส่วนมากมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้อัตราการเติบโตของรายได้ช้าลง จึงไม่นิยมลงทุนนัก

ดร.นิเวศน์มองว่า การลงทุน "VI" ถึงจะต้องเปลี่ยนไปบ้าง แต่ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยเชื่อว่ายังแข็งแกร่งตามทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ เพราะนับตั้งแต่ปี 2540

ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเป็นต้นมา ประเทศไทยมีศักยภาพและเสถียรภาพด้านการคลังดีมาก ประกอบกับการส่งออกมีลักษณะกระจายตัว ไม่ได้พึ่งพิงประเทศใดมากนัก แม้ขณะนี้จะเกิดปัญหาทางการเงินกับกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ ก็คงทำให้ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง อย่างมากก็เพียงชะลอตัวเท่านั้น

"เรื่องปัญหาเศรษฐกิจโลกหรือพวกฟันด์โฟลว บางครั้งคนก็พูดกันไปว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรกันแน่ เมื่อเราไม่รู้ ก็อย่าเอามาเป็นประเด็นตัดสินในการลงทุน"

ดร.นิเวศน์กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ตำราการลงทุนแบบ "VI" ของเขาอาจมีการปรับปรุงอีกเล็กน้อย โดยจะเริ่มหันไปหาตลาดหุ้นในแถบอาเซียน และเน้นไปยังบริษัทที่เป็น "Super stock-Super company" หรือที่เรียกได้ว่าเป็นหุ้นขนาดใหญ่โดดเด่นเป็นลำดับแรกของแต่ละประเทศ เพราะพบว่าราคาหุ้นหลายบริษัทในต่างประเทศยังมีราคาไม่แพงนัก ดังนั้นจึงน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดี


ประชาชาติธุรกิจออนไลน์




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2555
0 comments
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 15:49:08 น.
Counter : 3009 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.