Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
ผ่าอาณาจักร 'อินทัช' สองแสนล้าน..เพิ่งเริ่มต้น!!!

.



การกลับมาผงาดโดยไม่มีเงา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกรียงไกรยิ่งกว่าเก่า!!! วันนี้อาณาจักร 'ชิน คอร์ปอเรชั่น' มูลค่ากิจการทะลุ 200,000 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว..ก้าวต่อไปน่าติดตาม !!!

การเติบโตของ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มี บุญคลี ปลั่งศิริ เป็นแม่ทัพใหญ่นับว่าเกรียงไกรแล้ว แต่การเติบโตในยุคที่ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และการเมืองหนุนหลัง ในยุค สมประสงค์ บุญยะชัย เป็นแม่ทัพใหญ่นับว่าเกรียงไกรยิ่งกว่า! ทั้งในแง่ "ราคาหุ้น" และ "มูลค่ากิจการ" ที่ทะยานทะลุ 200,000 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อต้นปี 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้น SHIN ให้ "เทมาเส็ก โฮลดิ้ง" ของสิงคโปร์ ไปในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ทำให้มีเงินสด 7.3 หมื่นล้านบาท แทนที่จะดี กลับทำให้ ครอบครัวชินวัตร ต้องพบกับวิบากกรรมนับตั้งแต่วันนั้น ก่อนที่ราคาหุ้นจะดำดิ่งลงมาต่ำสุด 13.80 บาทอย่างไร้อนาคต บริษัทต้องตัดใจสละธุรกิจบางส่วนออกไป อาทิ สายการบินไทยแอร์เอเชีย, ไอทีวี, แคปปิตอล โอเค จนเหลือเพียงแค่สองธุรกิจหลัก วันนี้ราคาหุ้น INTUCH ทะยานขึ้นไป 65 บาท โดยมีแผนขยายอาณาจักรออกไปอย่างกว้างขวาง

อาจกล่าวได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทมาเส็ก โฮลดิ้ง ของสิงคโปร์ แอบ "ถอนทุนคืน" ไปจนหมดสิ้น ทั้งการจ่ายเงินปันผลออกมาอย่างมากมาย และมีการขายหุ้นบางส่วนเพื่อเพิ่ม Free float ในตลาด ทำให้ INTUCH มีคุณสมบัติเข้าไปโลดแล่นอยู่ในกลุ่ม SET50 ขณะที่กิจการในเครือก็กำลังโตวันโตคืน

ทัพหลวง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) ได้แรงฮึดกระแส 3G วันนี้มีมูลค่ากิจการทะลุ 600,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว บมจ.ไทยคม (THCOM) กำลังปรับโครงสร้างธุรกิจภายในมูลค่ากิจการวันนี้ 17,000 ล้านบาท ขณะที่ บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) มูลค่ากิจการ 4,700 ล้านบาท แต่กลุ่มอินทัชไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เส้นทางการเติบโตครั้งใหม่กำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

สิ่งที่ สมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) กำลังต่อจิ๊กซอว์อยู่ก็คือการเชื่อมโยงธุรกิจเทเลคอม ธุรกิจดาวเทียม และดิจิทัลมีเดีย เข้าด้วยกัน โดยไม่มีการแตกแถวลงทุนธุรกิจอื่นที่ต้องอาศัย “การเมือง” ช่วยหนุนหลังเหมือนเช่นอดีต

สมประสงค์ เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า สี่ธุรกิจหลักที่กลุ่มอินทัชจะเข้าไปลงทุนคือ เทเลคอม, มีเดีย, ไอที และ ดิจิทัลคอนเทนท์ อะไรที่นอกจากเส้นทางนี้มากๆ "เรายังไม่ทำ” จังหวะก้าวต่อจากนี้ อินทัชยังคงบทบาท "โฮลดิ้ง คัมปานี" เช่นเดิม รายได้ 90% ยังคงมาจาก "เงินปันผล" จากบริษัทในเครือ ส่วนการลงทุนธุรกิจใหม่หลังจากนี้จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามนี้...

ข้อหนึ่ง..เป็นธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ถูกต้องหรือไม่! หมายถึงอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีโอกาสเจริญเติบโตไปพร้อมกับความต้องการของมนุษย์ในปัจจุบันหรือไม่! ถ้ามองไม่เห็นอนาคต "จะไม่ทำ" ข้อสอง..อยู่ในธุรกิจที่อินทัชมีความสามารถในการระดมบุคลากรมาได้หรือไม่! ข้อสาม..ดูธรรมชาติของธุรกิจที่จะลงทุนให้ผลตอบแทนอย่างไร? ขณะนี้คงมีข้อจำกัดแค่นี้ แต่อนาคตไม่แน่ถ้าหากมองเห็นช่องทางเพิ่ม

“ในแง่ผลตอบแทนเรามีแนวคิดว่าจะต้องสร้างกระแสเงินสดในรูปเงินปันผลประมาณ 10% ต่อปี ถึงจะลงทุน รูปแบบการลงทุนเราจะมีทั้งระยะยาว และระยะสั้นแล้วแต่ธรรมชาติของธุรกิจ ถ้าเป็นไปได้เรามองธุรกิจที่สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจที่เรามีอยู่แล้วได้ด้วย”

สำหรับการตัดสินใจก่อตั้งกองทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ แคปปิตอล) เพื่อสนับสนุนเงินลงทุนให้กับผู้ประกอบการที่มีไอเดียทางธุรกิจโทรคมนาคม, ไอที, ซอฟต์แวร์ รวมถึงดิจิทัลคอนเทนท์ และซอฟต์แวร์ต่างๆ ซีอีโอกลุ่มอินทัช เล่าเหตุผลว่า ได้แนวคิดมาจากต่างประเทศบริษัทใหญ่ๆ อย่าง เฟซบุ๊ค, อินสตาแกรม, ซิงก้า ล้วนประสบความสำเร็จมาจากกองทุนร่วมลงทุน คนไทยเองมีความสามารถสูง และมีผู้ประกอบการฝีมือดีมีความคิดสร้างสรรค์ เราจะเข้าไปสนับสนุนเงินทุนให้พวกเขา เมื่อธุรกิจสำเร็จในฐานะผู้ถือหุ้นก็ได้ประโยชน์ไปด้วย

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนเบื้องต้นปีนี้ 200 ล้านบาท สำหรับร่วมลงทุนแต่ละบริษัทขั้นต่ำ 5 ล้านบาทขึ้นไป ในระยะ 3-5 ปี พร้อมทั้งได้เตรียมความพร้อมด้านทีมงานที่เชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจ, เครื่องมืออำนวยความสะดวกเช่น สถานที่, เว็บไซต์ รวมถึงสร้างกระบวนการทำงานเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้ ภายใต้เครือข่ายและซัพพลายเชนที่กลุ่มอินทัชมีอยู่

"เบื้องต้นเราตั้งเงินกองทุนไว้ปีละ 200 ล้านบาท และต้องอยู่ในสี่ประเภทที่ผมบอกไว้ ผลตอบแทนก็จะมาจาก 2 ส่วน คือ แคปปิตอลเกน กับเงินปันผล"

ส่วนแผนลงทุนธุรกิจ "ดิจิทัล ทีวี" ซึ่งกลุ่มอินทัชสนใจจะทำช่อง "ฟรีทีวี" ราว 2-3 ช่อง คาดว่าจะใช้งบลงทุนช่องละ 2-3 พันล้านบาท สมประสงค์ บอกว่า ดิจิทัล ทีวีจะเปลี่ยนภาพของการทำธุรกิจทีวีไปโดยสิ้นเชิง ปัจจุบันเรามีช่องโทรทัศน์อะนาล็อก 6 ช่อง (3,5,7,9,11,ไทยพีบีเอส) แต่อนาคตจะมีดิจิทัล ทีวี 50 ช่อง ทำให้มีโอกาสเสนอรายการได้หลากหลายยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถนำธุรกิจที่เราลงทุนผ่านเวนเจอร์ แคปปิตอล เชื่อมโยงกันได้ด้วย

เขาบอกว่า รูปแบบการลงทุนคงจะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาบริหาร เงินลงทุนใช้ไม่สูงมากนักเพราะเป็นเพียงการลงทุนสตูดิโอเท่านั้น หากเทียบกับการส่งดาวเทียมและวางโครงข่ายโทรคมนาคมถือได้ว่าเงินเล็กน้อยมาก ความเป็นไปได้ 90% เราจะขยายธุรกิจในประเทศเป็นหลัก การซื้อกิจการถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่สำหรับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ยังไม่อยู่ในความสนใจ

นอกจากนี้ ซีอีโออินทัช ยังฉายภาพอุตสาหกรรมโทรคมนาคมให้ฟังด้วยว่า ธุรกิจการสื่อสารไร้สายจะเป็น “อนาคต” ของประเทศไทยอย่างแน่นอน สิ้นปี 2555 เราจะมี 3G จากนั้นจะมี 4G เรามี WiFi ต่อไปจะมี WiMAX ดาวเทียมก็จะมีความสำคัญทำให้ผู้คนเข้าถึงช่องทางสื่อสารได้มากขึ้น สิ่งที่พูดถึงจะเคลื่อนมาเร็วมากไม่ต้องรอนานอีกต่อไป

ถามว่าหลังจากนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะมีการเติบโตมากใช่หรือไม่!! เขาตอบทันทีว่า…"ใช่ครับ!!" อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตสอดคล้องกับชีวิตของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป จากเดิมเราเคยใช้ "ฟิล์ม" ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็น "ดิจิทัล" หมดแล้ว แม้ไม่เคยมีสิ่งใหม่ๆ อย่าง 3G ธุรกิจนี้ก็สามารถเติบโตได้เพราะผู้ประกอบการมีการเสนอบริการใหม่ๆ ตลอดเวลา

“การมี กสทช.อย่างเต็มตัวน่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมนี้ วงจรธุรกิจน่าจะเป็นการเปลี่ยนยุค แม้โอกาสแห่งอนาคตจะไม่มาในทันทีแต่มาแน่นอน!!! เป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการได้เสนอสิ่งใหม่ให้ลูกค้าและสร้างรายได้ใหม่ๆ ขึ้น อย่างกลุ่มอินทัชต่อไปจะทำหน้าที่ทั้ง "ผู้สื่อสาร" โดยเป็นเจ้าของสถานีและมี "คอนเทนท์" เป็นของตัวเองทั้งผลิตเองและรับจากคนอื่น”

ถามถึงอนาคตของ AIS สมประสงค์ มั่นใจว่า จะยังคงรักษาตำแหน่ง "ผู้นำ" ในธุรกิจได้แน่นอน เพราะธุรกิจมีความพร้อมด้านประสบการณ์ คอนเทนท์ ที่สำคัญคือ "เรามีเงิน" (ตั้งงบลงทุน 3G ราว 5 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปีจากนี้) แม้คู่แข่งจะอ้างว่าเขามีคอนเทนท์ในมือเป็นตัวนำ แต่ AIS ก็หาคอนเทนท์พวกนั้นมาเสนอให้ลูกค้าได้เช่นกัน

เขากล่าวอีกว่า แม้การเข้าร่วมประมูลไลเซ่น 3G ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ทุกคนจะเริ่มสตาร์ทพร้อมกัน แต่ AIS ก็ยังคงเป็นผู้นำได้ต่ออยู่ดี ตอนนี้ AIS มีรายได้จาก "นอนวอยซ์" หรือการใช้งานอินเทอร์เน็ตสัดส่วน 20% จากเมื่อสิบปีก่อนมีไม่ถึง 1% เชื่อว่าหลังได้ 3G มาตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าดูตามสถิติบริษัทมือถือญี่ปุ่นมีสัดส่วนรายได้นอนวอยซ์ 40% เชื่อว่าไม่นานไทยก็จะสามารถไปถึงตรงนั้นได้โอกาสเติบโต (ของกำไร) จึง "สูงมาก" แต่ "วอยซ์" อัตราการเติบโตจะน้อยลง นี่คือ ทิศทางอนาคตของธุรกิจ

ผู้บริหารรายนี้ ประเมินว่า หลังประมูล 3G เสร็จ เชื่อว่าลูกค้า AIS จำนวนมากพร้อมเปลี่ยนมาใช้ 3G ทันที เพราะขณะนี้คนไทยใช้โทรศัพท์มือถือที่รองรับ 3G แล้วเป็นล้านๆ เครื่อง และภายใน 4-6 เดือน ลูกค้า AIS จะสามารถใช้ 3G ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ได้ทั่วประเทศ เมื่ออนาคตอยู่ที่ "นอนวอยซ์" มาร์จิ้นธุรกิจจะเพิ่มขึ้นได้มากแค่ไหนจะขึ้นกับลักษณะของคอนเทนท์ ซึ่งเราได้เปรียบที่รู้ว่าลูกค้าชอบอะไร ส่วนภาพรวมเชื่อว่าธุรกิจมือถือยังคงเติบโตแม้ประชากรจะไม่เพิ่มขึ้นแต่คนจะใช้งานมากขึ้น เช่น เดิมมีหนึ่งเครื่องก็ใช้เพิ่มเป็นสองเครื่อง เป็นต้น

ถามถึงการลงทุนในต่างประเทศรองรับ AEC สมประสงค์ กล่าวว่า ชิน คอร์ปอเรชั่นไปลงทุนในลาว และกัมพูชามา 20 ปี เมื่อก่อนเคยไปลงทุนที่อินเดีย และฟิลิปปินส์ แต่ขายไปแล้ว คิดว่าการมี AEC ไม่ใช่ประเด็นที่บริษัทต้องไปลงทุน เราคิดมาก่อนนานแล้ว ตอนนี้พม่ากำลังอยู่ในความสนใจของเรา ซึ่งเคยติดต่อไปแล้วรอเพียงความชัดเจนทางรัฐบาลพม่าเท่านั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไทยมีศักยภาพพอที่จะให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาคนี้ได้

สำหรับเป้าหมายการเติบโตของ AIS ปีนี้ คงเหมือนเดิมตั้งไว้ที่ 4-5% เพราะเรามีฐานที่สูง ส่วนปี 2556 ยังไม่ได้ทำแผนแต่การมี 3G น่าจะทำให้มีโอกาสสร้างรายได้มากกว่านี้ได้ ส่วน บมจ.ไทยคม ถือเป็นเรือธงสำคัญใน "ธุรกิจบอร์ดแคสต์" ของกลุ่ม

สมประสงค์ เล่าว่า แผนระยะยาวของไทยคม คือการส่งดาวเทียมใหม่อีก 4 ดวง ได้แก่ ไทยคม 6,7,8,9 ภายใน 3 ปีจากนี้ เร็วที่สุดไทยคม 6 น่าจะขึ้นสู่วงโคจรได้ในปี 2556 ส่วนไทยคม 7 ได้ใบอนุญาตมาแล้ว ธุรกิจนี้ยังคงมีความต้องการสูงมาก ดาวเทียมจะยังคงอยู่กับชีวิตมนุษย์อีกนาน เพราะผู้คนต้องการบริโภคข่าวสาร ชมความบันเทิง ส่วนของไทยคม 6 ตอนนี้สามารถเซ็นสัญญากับลูกค้าได้ 30% แล้ว คาดว่าภายใน 1-2 ปี จะเซ็นสัญญาได้ครบ 100% ขอบเขตการให้บริการของไทยคม 6 ถือว่า "ไกลมาก" ไปถึงทวีปแอฟริกา ยิ่งการที่เราจะประมูลดิจิทัล ทีวี ไทยคมจะมีบทบาทมากขึ้นด้วย

“ผมเชื่อว่าผลประกอบการของไทยคมจะดีแน่นอน ตามความต้องการของทีวีดาวเทียมที่เติบโตสูงมาก และปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ เพราะมีรายได้จากไทยคม 6 เข้ามา ส่วนเรื่องการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจากตอนนี้ประมาณ 41% ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

สำหรับ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น มีการลงทุนในธุรกิจใหม่ในเร็วๆ นี้ จะให้บริการ Cloud Computing ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ไม่ต้องมีการเมืองคอยหนุนบริษัทก็ยังคงเดินหน้าไปได้ ภาพที่คนภายนอกมองเข้ามาก็ดีขึ้นมากหลังผ่านมาแล้ว 5 ปีเต็ม ส่วนประเด็นการขายหุ้น INTUCH ของผู้ถือหุ้นใหญ่ "เทมาเส็ก โฮลดิ้ง" หลังจากที่ได้ขายหุ้นไปจำนวนหนึ่งแล้ว ส่วนเขาจะขายอีกหรือไม่!…"ไม่รู้..เขายังไม่บอกผม"

“เรื่องการขายหุ้นเป็นเรื่องของผู้ถือหุ้นไม่ใช่เรื่องการบริหาร ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับเราแค่ส่งบอร์ดมานั่งหนึ่งคน เวลาจะทำอะไรเราก็ตัดสินใจเอง เทมาเส็กเป็นนักลงทุนระยะยาวเขาคงไม่คิดขายหุ้นเราหมดในเร็วๆ นี้ ไม่แน่ในอนาคตเราอาจได้ร่วมงานกับเขาก็เป็นได้” สมประสงค์ กล่าวทิ้งท้าย



โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




Create Date : 19 กรกฎาคม 2555
Last Update : 19 กรกฎาคม 2555 6:27:29 น. 0 comments
Counter : 1854 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.