Dividend Discount Model (DDM)
คำนวณมูลค่าหุ้นด้วย Dividend Discount Model (DDM) Stock Valuation DDM ผมขอเริ่มที่ Absolute Valuation ครับ ซึ่งจะใช้หลักการคิดลดกระแสเงินสด โดย absolute valuation แต่ละประเภทก็จะใช้กระแสเงินสดและdiscount rate ที่ต่างกันไป เรามาเริ่มกันที่ตัวเเรก Dividend Discount Model (DDM) DDM เป็นการหามูลค่าปัจจุบันของหุ้นโดยวิธีการคิดลดเงินปันผล ดังนั้นวิธีการนี้ต้องเริ่มจากการคาดการณ์เงินปันผลในอนาคตจากนั้นเราก็จะคิดลด(Discount)ด้วยต้นทุนส่วนของเจ้าของ(require of return on equity) โดยเริ่มจากสูตรอย่างง่ายคือ สูตรของ Gordon P0=D0(1+g)/(Re-g) โดย .. P0 คือราคาหุ้นที่เหมาะ D0 คือเงินปันผลงวดล่าสุดที่เพิ่งจ่ายออกไปแล้ว g คืออัตราการเติบโตของเงินปันผล Re คือต้นทุนส่วนของเจ้าของ การหา g g นั้นคืออัตราการเติบโตในอนาคต ซึ่งมีสูตรในการหาคือ g = b*ROE โดยที่ b คือ อัตราการนำกำไรไปลงทุนต่อ(Retention Ratio) ตัวอย่างเช่น บริษัทมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 10 บาท ปันผลไป 4 บาท ดังนั้น บริษัทจะมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้น 6 บาท ทั้งนี้เราจะได้ b = 6/10 หรือ 60% นั่นเอง ซึ่งหากเราคาดการณ์ว่าในอนาคต ROE จะคงที่ที่ 20% ดังนั้นเราจะได้ g = 0.60*0.20=0.12 ซึ่งจะได้ g เท่ากับ 12% นั่นเอง อย่างไรก็ตามในเชิงปฎิบัติ นั้นผมคิดว่าในการหา b และ ROE นั้นเราควรดูย้อนหลังหลายๆปีแล้วใช้ค่าเฉลี่ยของ b และ ROE มากกว่าที่จะใช้ของปีล่าสุด ส่วนจะใช้ย้อนหลังกี่ปีนั้นอาจขึ้นอยู่กับบริษัทที่ลงทุนและมุมมองของแต่ละบุคคล สำหรับผมคิดว่าช่วงที่เหมาะคือ 3-5 ปี ต้นทุนส่วนของเจ้าของ(Cost of Equity มักย่อด้วยKe) กับ อัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่ต้องการจากการลงทุนในส่วนของเจ้าของ(Required rate of return equity ย่อด้วยRe) การหา Re แท้จริงแล้วKe และReนั้นเท่ากัน เพียงแต่ Ke นั้นมองในมุนของเจ้าของ(ผู้ออกEquity) สังเกตได้ว่ามันใช้คำว่าCost แต่Re มองในมุมผู้ลงทุนในส่วนของเจ้าของ นั่นคือผลตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้ลงทุนต้องการนั่นเอง การคำนวณ Re การ หา Re นั้นค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับการหาต้นทุนของตราสารหนี้เพราะตราสารหนี้มีกำหนดไว้แล้วว่ามีต้นทุนเท่าไหร่ แต่สำหรับRe นั้นไม่มีกำหนดไว้ โดยวิธีส่วนใหญ่ในการหา Re นั้นจะมองในรูปของต้นทุนค่าเสียโอกาส เช่น หากบริษัท A ให้ผลตอบแทน10% แต่บริษัทส่วนใหญ่ที่มีความเสี่ยงเท่ากับบริษัท A ให้ผลตอบแทน 15% ดังนั้นหากนักลงทุนจะลงทุนในบริษัทA นั้นก็น่าที่จะต้องการผลตอบแทนขั้นต่ำที่15% (ถ้าAให้แค่10%ก็ไปลงทุนบริษัทอื่นที่มีความเสี่ยงเท่ากันแต่ให้15%ดีกว่า) วิธีการคำนวณหา Re ซึ่งแบ่งได้หลัก 4 วิธี 1.CAPM (ขอข้ามเรื่องทฤษฎีของ CAPM เพราะยาวมากๆและคุณ nut776 ก็เข้ามาช่วยโพสไว้แล้ว) สูตรคือ Re=Rf+(Rm-Rf)beta โดย Rf = Risk Free Rate (มีการถกเถียงกันว่าควรใช้ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาลแต่หนังสือส่วนใหญ่แนะนำว่าให้ใช้ พันธบัตรอายุ 10 ปี) Rm = ในที่นี้คือ Expected Return of Market (ต้องเป็นผลตอบแทนที่คาดในอนาคต) Rm-Rf = Maket Risk Premium (หนังสือบางเล่มแทน Rm-Rf ด้วย MRP) Beta = ในที่นี้คือ beta ของหุ้นที่เราต้องการจะหา Re ซึ่ง Beta ที่เราใช้นั้นต้องเป็น beta ในอนาคตเช่นกัน การหา beta การหา beta นั้นหลักๆผมคิดว่ามีสองวิธี แต่ในที่นี้จะพูดถึงวิธีเดียวคือ การใช้สมการเส้นตรงโดยข้อมูล Rm ในอดีต เป็นตัวแปรอิสระ และให้ผลตอบแทนของหุ้นเป็นตัวแปรตาม จากนั้น เราจะได้ว่า beta ของหุ้นเท่ากับ Slop ของเส้นตรง (พอดีรู้สึกจะพิมพ์สูตรทางคณิตศาสตร์ค่อนข้างยากผมจะลองหาวิธีเขียนสูตรอีกวิธีที่ไม่ได้อธิบาย) จากวิธีการหา beta ข้างต้นจะเห็นได้ว่า bate ที่เราหานั้นให้ข้อมูลในอดีตในการคำนวณ ทำให้ beta ที่เราได้เป็น beta ในอดีต โดยวิธีการ ปรับให้เป็น beta ในปัจจุบันคือ การปรับเข้าหา 1 (โดยการถ่วงน้ำหนัก เช่น beta ที่ได้จากสมการเส้นตรง เท่ากับ 2 อาจถ่วงน้ำหนักโดย 0.6*2+0.4*1) การปรับเข้าหา 1 นั้นมีพื้นฐานมากจากการมองว่า beta ควรจะมีแนวโน้มวิ่งเข้าสู่ beta เฉลี่ย ซึ่ง beta เฉลี่ยนั่นก็คือ beta ของตลาด ซึ่งเท่ากับหนึ่งนั่นเอง อย่างไรก็ตามสำหรับหุ้นบางตัวที่เรานำมาหาสมการเส้นตรงแล้วพบว่า Rm กับ Re นั้นไม่ค่อยที่จะ มีความสัมพันธ์กัน (R Square ต่ำ) ก็จะทำให้เราได้ beta ที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้ Re ที่ได้ไม่เหมาะสมเช่นกัน ในการหา Re เชิงปฎิบัติแบบอย่างง่ายนั้นผมเคยเขียนไว้ที่นี่ครับ viewtopic.php?f=1&t=47161&hilit=CAPM 2.ใช้สูตร Gordon P=D0*(1+g)/(Re-g) โดยเรากลับสมการจะได้ Re=(D0*(1+g)/P)+g แต่เนื่องจาก D0*(1+g) = D1 ดังนั้นหนังสือบางเล่มจึงใช้สูตร Re=(D1/P)+g (D0 คือปันผลปีล่าสุดที่พึ่งจ่ายไป D1 คือปันผลที่คาดในอนาคต) โดยสูตรนี้จะสมมติว่า ราคาปัจจุบันของหุ้นเป็นราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้สูตรจะเหมาะกับหุ้นที่มีการเติบโตคงที่ไปตลอดในอนาคต กล่าวคือเหมาะกับหุ้นที่เข้าสู่ช่วงโตเต็มที่ (Matuarity) 3.ใช้สูตร Bond Yield + Risk Premium โดย Bond Yield ในที่นี้คือ ผลตอบแทนของหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท Risk Premium โดยปกติในอเมริกาจะอยู่ที่ประมาณ 3%-5% 4.ถ้าไม่อยากคำนวณให้ยุ่งยาก Re ก็คือผลตอบแทนที่คาดหวังของผู้ลงทุน เมื่อได้ตัวแปรครบทุกตัวแล้วนำมาเข้าสูตร P0=D0(1+g)/(Re-g) ได้เลย ตัวอย่างเช่น ข้อมูลบริษัท : บริษัทมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 10 บาท ปันผลไป 4 บาท ROEเฉลี่ย 5ปีย้อนหลังประมาณ20% โดยผู้ลงทุนต้องการผลตอบแทน15% ต่อปี การคำนวณ g = b*ROE = 0.6*0.2 = 12% จาก P0 = D0(1+g)/(Re-g) P0 = 4(1+0.12)/(0.15-0.12) = 149 บาท หมายควาามว่า ถ้าต้องการผลตอบแทน 15% จะต้องซื้อที่ราคา149บาท ที่มา .. //stock2morrow.blogspot.com/2013/11/dividend-discount-model-ddm.html
Create Date : 27 มิถุนายน 2558
0 comments
Last Update : 27 มิถุนายน 2558 10:50:49 น.
Counter : 2208 Pageviews.
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [? ]
O ใช่แน่หรือ ? .. O O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ? ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว- แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์ เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์ ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?