sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
10 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ 20 หน้ากาก




เวลาเจ็ดนาฬิกาเศษๆ รพิชาเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสดใสซักเท่าไหร่นัก หญิงสาวกราดตามองไปรอบๆ บริเวณห้องโถงเหมือนกำลังมองหาใครซักคน คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อมองไม่เห็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่ในห้องโถงเหมือนดังเช่นทุกวัน

ร่างบางสมส่วนในชุดกระโปรงแขนกุดสีน้ำตาลอ่อนก้าวฉับๆ ตรงไปหน้าบ้านเมื่อคิดว่าวีณาอาจจะกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่ด้านนอกหรืออาจจะมีใครนั่งรับลมอยู่ที่สวนด้านหน้า

เสียงกุกกักจากห้องอาหารที่อยู่อีกด้านหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวฉับๆ ให้ชะงักอยู่กับที่ ด้วยความเคยชินกับแม่บ้านที่มักจะเข้ามาจัดเตรียมโต๊ะอาหารเช้ารพิชาจึงเลือกที่จะหมุนตัวเดินไปยังต้นเสียง จิตแพทย์สาวชะโงกหน้าผ่านประตูเข้าไปหวังจะทักทายแม่บ้านตามความคุ้นเคย

“สวัสดีค่ะป้าอัง...อุ้ย...ขอโทษค่ะ”

เสียงเรียกแม่บ้านวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นคำขอโทษในทันใดเมื่อคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดโต๊ะไม่ใช่หญิงกลางคนที่เธอคุ้นเคย รพิชายิ้มเก้อๆ ก่อนจะทักทายหญิงสาวแปลกหน้าน้ำเสียงแสดงความเป็นมิตร

“สวัสดีค่ะเป็นแม่บ้านคนใหม่เหรอคะ”

หญิงสาวที่กำลังจัดจานอยู่เงียบๆ วางช้อนไว้ข้างจานหมุนตัวเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่สีหน้าเรียบเฉยเพียงชั่วแวบแล้วปรับสีหน้าให้ดูเป็นมิตรจนคู่สนทนาไม่มีโอกาสรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง

“เปล่าค่ะ...ฉันเป็นพี่สาวภรรยาของรัชญ์”

วีรตาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อยู่ในระดับปกติในหัวข้อปฏิเสธ แต่เน้นย้ำระดับเสียงตรงฐานะของตนชัดถ้อยชัดคำและกดเสียงต่ำจนคล้ายกระแทกเสียงเมื่อเอ่ยถึงจีรัชญ์

“อ้อ...สวัสดีค่ะต้องขอโทษด้วยนะคะ”

รพิชายิ้มเก้อๆ เมื่อเห็นประกายขุ่นเคืองจากดวงตาคมดุประดุจราชสีห์ในยามจ้องมองผู้บุกรุกที่หลงเข้ามาในอาณาจักรของตน

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณคงไม่คุ้นหน้าฉันเลยทักผิดทักถูกมันเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ปกติฉันจะอยู่ที่บ้านวันนี้ว่างเลยแวะมาดูแลเรื่องอาหารให้รัชญ์เสียหน่อย”
หญิงสาวแปลกหน้าพูดเหมือนไม่ได้ติดใจอะไร ก่อนจะหันกลับไปจัดของบนโต๊ะต่อ

“อ๋อค่ะ”

“คุณหมอชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวฉันจะได้ให้ชบาจัดมาให้”

“อย่าลำบากจัดเตรียมให้ยุ่งยากเลยค่ะดิฉันทานอะไรก็ได้”

รพิชาตอบกลับน้ำเสียงแสดงความเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด

“รัชญ์ออกไปไร่ตั้งแต่ตีสี่คงแวะไปดูคนงานที่โรงเพาะเห็ด บางทีอาจจะไม่กลับมาทานข้าวคุณหมอจะรับอาหารเช้าเลยมั้ย”

“คงยังค่ะจะรอทานพร้อมเพื่อน”

“เพื่อนคุณใช่คนที่เป็นนางแบบหรือเปล่า”

วีรตาหมุนตัวเผชิญหน้ากับจิตแพทย์สาวแววตาแข็งกร้าวชั่วแวบแล้วปรับเปลี่ยนเป็นร่าเริงทันควัน หญิงสาวเพิ่มรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากเหมือนกำลังขบขันกับเรื่องราวอะไรซักอย่าง

“ใช่ค่ะทำไมเหรอคะ”

รพิชาเลิกคิ้วน้อยๆ สีหน้าสงสัย

“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะคือฉันเห็นเธอออกไปกับพี่จีสท่าทางรีบๆ ไม่รู้เข้าเมืองหรือเปล่า”

“อ้อ...เหรอคะ”

พอได้ฟังคำบอกเล่าจากหญิงสาวตรงหน้ารพิชาที่รู้สึกไม่ค่อยสดชื่นมาตลอดเช้าถึงกับเหี่ยวเฉาเข้าไปอีก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวีณาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ กับจีรัณ ใบหน้าสวยใสผุดผ่องเจื่อนลงเมื่อรับรู้กลายๆ ว่าเธอจะต้องอยู่บ้านหลังนี้กับจีรัชญ์ตามลำพังถึงห้าวันเต็มๆ

“ถ้าเบื่อๆ แวะไปที่บ้านฉันก็ได้อยู่ไม่ห่างจากที่นี่หรอก”

วีรตาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าคล้ายกำลังกังวลของอีกคน

“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณมากนะคะที่กรุณา”

“ฉันพักอยู่คนเดียวถ้าคุณไม่รังเกียจว่าฉันเป็นแค่คนอาศัยก็เชิญแวะไปได้ทุกเมื่อ คนที่บ้านนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครซักเท่าไหร่โดยเฉพาะกับฉัน แต่ถ้าคุณเหงาหรืออยากมีเพื่อนคุยฉันคงยินดีมากถ้าคุณจะแวะไป”

รพิชาถึงกับปฏิเสธไม่ออกเมื่อได้ฟังคำชวนของหญิงสาวตรงหน้า จากน้ำเสียงถึงแม้จะเหมือนชวนไปอย่างนั้นแต่กระแสของอารมณ์ที่ปะปนออกมากับคำพูดกลับฉายชัดว่าคนพูดกำลังเหงาและต้องการเพื่อนหรือใครซักคน เมื่อความเห็นใจมีมากกว่าความหวาดระแวงรพิชาจึงตอบรับคำเชิญของหญิงสาวแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นขึ้นเล็กน้อย

“ถ้าไม่เป็นการรบกวนช่วงบ่ายดิฉันจะแวะไปนะคะ”

“ไปจริงๆ นะถ้าคุณไปฉันจะเตรียมของว่างรอ”

หญิงสาวคว้าข้อมือเรียวเขย่าเบาๆ แล้วยิ้มกว้างออกมาเหมือนกำลังยินดีนักหนากับคำตอบที่ได้ฟัง

“จริงซีคะ”

พอเห็นท่าทางกระตือรือร้นของหญิงสาวแปลกหน้ารพิชาก็ได้แต่อมยิ้มแล้วบีบมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อยืนยันคำพูดของตน

วีรตาทำท่าเหมือนกำลังตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็กๆ ยามได้พบเพื่อนหรือได้สิ่งของที่ตนถูกใจ หญิงสาวหมุนตัวเดินเข้าครัวไปไม่ถึงห้านาทีก็กลับออกมาพร้อมกับชามเข้าต้มในมือ

ตลอดช่วงเวลาที่รพิชาทานข้าว เสียงใสๆ ของวีรตาที่กำลังบอกเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ยังคงดังเจื้อยแจ้ว จนทำให้หญิงสาวลืมความกังวลที่จะต้องอยู่กับจีรัชญ์ตามลำพังเสียสนิท เมื่อเพื่อนใหม่กำลังแสดงความเป็นมิตรจนเธอวางใจ

************
“นังชบาแกเห็นเหมือนฉันไหมฮึ”

หญิงสาวร่างอวบสะกิดเอวเพื่อนร่วมอาชีพแล้วกระซิบถาม

“ตาฉันไม่ได้บอดนะนังกาหลง แต่มันเป็นไปได้ยังไงที่คุณรตาจะญาติดีกับผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ในบ้านนี้”

คนที่กำลังยืดคอชะเง้อชะแง้หดคอแล้วถอยหลังหันไปเผชิญหน้ากับอีกคนแววตากึ่งประหลาดใจกึ่งไม่แน่ใจ

“นั่นซีแกอีกอย่างคุณหมอไม่ใช่แค่ผู้หญิงในบ้านนะ เท่าที่เห็นคุณท่านเธอก็แสดงออกชัดๆ ว่าชอบคุณหมอมากเสียด้วย ฉันว่าบางทีคุณหมออาจก้าวขึ้นมาเป็นนายผู้หญิงของบ้านนี้ด้วยซ้ำ”

“นังกาหลงแกเอาอะไรมาพูด”

“นังชบาแกไปอยู่โลกไหนมาฮึถึงไม่รู้ว่าคุณท่านกำลังผลิตขนมจีบแล้วเอาไปขายให้คุณหมอขนาดลงมากำชับเรื่องอาหารที่จัดให้คุณหมอทุกๆ เช้าแล้วไหนจะอาการรักบ้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกล่ะ แกก็เห็นว่าเมื่อก่อนคุณท่านแทบไม่อยากกลับบ้านแต่เดี๋ยวนี้แทบไม่อยากออกจากบ้าน สถานการณ์แค่นี้แกยังตีไม่ออกอีกรึไงนังโง่!”

แม่บ้านสาวร่างอวบจิ้มมือลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของเพื่อนแรงๆ จนอีกคนถึงกับหน้าหงาย

“หนอยแน่ะนังกาหลงเดี๋ยวนี้แกรึอ่านกำแหงถึงขนาดเอามือจิ้มหน้าฉันเลยเรอะ แต่กาหลงแกแน่ใจเหรอว่าคุณท่านชอบคุณหมอเธอจริงๆ”

“ก็จริงนะซีไม่เชื่อขอให้ฟ้าผ่าหัวหมาตายเลยเอ้า”

“โธ่!...ไม่น่าเลยถ้าคุณท่านชอบคุณหมอเธอจริงๆ เห็นทีคุณรตาคงไม่อยู่เฉยแน่”

แม่บ้านร่างเล็กยืดคอแล้วชะโงกมองไปยังห้องอาหาร พอเห็นวีรตากำลังหัวเราะร่วนอยู่กับคุณหมอคนสวยชบาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความห่วงใย

“แกจะกังวลไปทำไมนังชบาแกไม่เห็นเรอะว่าคุณรตาเค้าออกจะเป็นมิตรกับคุณหมอ”

กาหลงชะเง้อมองตามเพื่อนร่วมอาชีพ พอเห็นภาพหญิงสาวสองคนที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่บนโต๊ะอาหารเธอจึงยิ้มน้อยๆ ถึงแม้จะรู้สึกฉงนใจที่ดูวีรตาจะยอมรับและเป็นมิตรกับคุณหมอคนงาม แต่ภาพความร่าเริงและน้ำเสียงยามทั้งสองสนทนากันกลับดูไม่มีพิษมีภัยจนทำให้ครุ่นคิดเป็นอย่างอื่น

“แกเชื่อฉันเถอะกาหลงว่าที่คุณรตากำลังเป็นอยู่ตอนนี้มันคือหน้ากากทั้งนั้น ผู้หญิงคนนี้หน้าเนื้อใจเสือฉันไม่วางใจหรอก”

ชบาถอยออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“ดูแกจะอคติกับคุณรตาจังเลยนะ”

พอเห็นสีหน้าของเพื่อนแม่บ้านร่างอวบที่มองโลกในแง่ดีถึงกับชายตามองเพื่อนแล้วฟันธง

“แกยังไม่รู้จักคุณรตาดีล่ะซีถึงได้มองเธอในแง่ดีขนาดนั้น”

“ถึงคุณรตาเธอจะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าแกจะไปทำร้ายใครเขานี่บางทีคุณรตาเธออาจจะรู้สึกถูกชะตากับคุณหมอก็เลยแวะมาทักทายทำความรู้จักก็ได้ แกน่ะคิดมากให้เค้าสามัคคีกันไว้ไม่ดีรึไงดีกว่าออกมาท้าตีท้าต่อยกันนะนังชบา”

“แกคอยดูไปก็แล้วกันงานนี้นังชบาเอาเงินเดือนทั้งปีเป็นประกันก็ยังไหว ฉันว่าเราไปบอกป้าอังกันดีกว่าให้ป้าอังไปเตือนคุณหมอให้รู้ตัวไว้บ้างก็ยังดี อย่างน้อยเธอจะได้ระวังตัว เพราะอสรพิษยังไงก็เป็นอสรพิษอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ เหมือนงูเห่าต่อให้นอนนิ่งๆ เหมือนไม่มีพิษมีภัยแต่ถ้าลองได้ฉกใครพิษร้ายก็สามารถทำให้คนที่โดนฉกตายได้เหมือนกัน”

ชบาหันไปชวนเพื่อนสีหน้าเชื่อมั่นกับความคิดของตัวเอง กาหลงส่ายหน้าน้อยๆ กับความคิดอันดื้อดึงของเพื่อนร่วมอาชีพ แม่บ้านร่างอวบหันกลับไปมองสองสาวที่กำลังคุยกันอย่างออกรสแล้วนิ่วหน้า

วีรตาดูร่าเริงจนแทบเป็นคนละคน ถึงแม้เธอจะไม่เป็นมิตรกับคนในตึกใหญ่ซักเท่าไหร่นัก แต่เท่าที่เห็นจากสีหน้าและท่าทางของเธอในตอนนี้มันดูไม่ออกจริงๆ ว่าภายใต้ใบหน้าที่กำลังแย้มยิ้มนั้นจะมีบางอย่างแอบแฝงจนรอยยิ้มที่ฉายชัดจะกลายเป็นหน้ากากที่เธอสร้างขึ้น


*********
เกือบสิบโมงจีรัชญ์เดินเร่งรีบเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มกราดตามองไปรอบๆ บริเวณห้องโถงเลยไปทางห้องรับแขก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววร้อนรนเหมือนกำลังมองหาใครซักคนด้วยแรงอารมณ์ที่มากล้นไปด้วยความคิดถึง
ไปไหน!

คำถามเดียวที่ผุดขึ้นดังก้องอยู่ในใจ ร่างสูงใหญ่กำยำก้าวพรวดขึ้นบันไดตรงดิ่งไปที่ห้องนอนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องของเขาด้วยฝีเท้าที่เร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ชายหนุ่มเคาะประตูแล้วถอยออกมาอีกสองก้าวอย่างกระวนกระวาย มือหนาหมุนหมวกสานในมือเพื่อระงับความพลุ่งพล่านของความรู้สึกคนึงหาที่กำลังเบ่งบานอยู่ในใจให้อยู่ในความสงบ ใบหน้าคมเข้มเครียดขรึมแล้วเปลี่ยนเป็นร้อนรนเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนที่อยู่อีกฟาก

เวลาที่เฝ้ารอนับได้ยังไม่ถึงนาทีแต่ความรู้สึกของคนที่กำลังรอกลับรู้สึกเหมือนนานนับชั่วโมง จีรัชญ์ยกมือขึ้นเตรียมเคาะลงบนบานประตูอีกครั้งแต่ก่อนที่มือจะกระทบกับแผ่นไม้เนื้อดีเสียง แกรก! ก็ดังมาจากอีกฝาก

“เอ่อ...ผมกวนคุณหรือเปล่า”

ชายหนุ่มลดมือที่ยกค้างในท่าเคาะลงแทบไม่ทันเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานและดวงตากระจ่างใสจ้องมองมา

“เปล่าค่ะพอดีนาโทรมาให้หาของ ต้องขอโทษด้วยที่เปิดประตูช้าคุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะสีหน้าดูเหมือนรีบๆ”

“ผมเป็นห่วงคุณ เมื่อเช้าผมรีบเข้าไร่เลยไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วยคุณทานอะไรหรือยัง”

จีรัชญ์ถามขณะหมุนหมวกสานในมือแก้เขิน

“ทานแล้วค่ะขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”

“ผมเข้าไปข้างในได้ไหม”

พอเห็นทีท่าของหญิงสาวเหมือนกำลังจะออกปากขอตัว จีรัชญ์ที่หัวใจกำลังกรุ่นไปด้วยแรงคิดถึงจึงรีบขุดโพรงให้ตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาชี้โพรงให้

“ไม่เหมาะมังคะ”

ประสบการณ์จากบทจู่โจมที่ชายหนุ่มสำแดงมาเมื่อคืนเป็นเหมือนคำเตือนที่บอกเธอกรายๆ ว่าไม่ควรเปิดโอกาสให้จีรัชญ์อยู่กับเธอตามลำพัง

“แต่ผมอยากเข้านี่ครับ”

จีรัชญ์แทรกกายเข้าไปด้านในรวดเร็วจนเจ้าของห้องไม่มีแม้แต่โอกาสจะขัดขวาง พอร่างกายกำยำก้าวผ่านประตูเข้าไปมือหนาก็ถือวิสาสะปิดงับประตูแล้วคว้าเอวคอดบางเข้าสู่วงแขน

“ผมคิดถึงคุณ..”

ใบหน้าคมเข้มแย้มยิ้มหวานละไมเมื่อตระกองกอดร่างบางสมส่วนไว้ในอ้อมแขน

“ปล่อย! นะคะคุณจีรัชญ์”

รพิชาถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเจอบทจู่โจมที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเร็วจนตั้งตัวแทบไม่ติด

“ขอผมกอดให้หายคิดถึงไม่ได้เหรอ”

ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงกระซิบเสียงพร่าจนคนฟังแข้งขาสั่นพั่บๆ

“ไม่ได้! คุณอย่ารุ่มร่ามได้มั้ยปล่อย....”

“อย่าดิ้นซียิ่งดิ้นผมก็ยิ่งอยากรัดคุณให้อยู่แต่ในนี้คุณพิณผมคิดถึงคุณจริงๆ นะ”

“ฉันเชื่อค่ะเชื่อที่สุดด้วย ฉันเชื่อคุณขนาดนี้แล้วจะปล่อยได้หรือยัง”

หญิงสาวพยายามแกะมือหนาออกจากเอวแล้วดิ้นรนออกจากอ้อมกอดที่กำลังรัดเธอจนแทบกระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้

“ว๊าย! คุณจีรัชญ์คุณจะทำอะไร”

เสียงหวานแหวดังจนลั่นห้องเมื่ออยู่ๆ จีรัชญ์ก็ช้อนร่างของเธอขึ้นมาโอบอุ้มไว้แนบอกแล้วเดินดุ่มๆ ตรงไปยังเตียงที่ตระหง่านอยู่กลางห้อง

“ไม่นะ! ....”

ริมฝีปากบางกระชับที่อ้าประท้วงถูกปิดทับด้วยริมฝีปากร้อนระอุของชายหนุ่ม ดวงตาคู่งามเบิกกว้างชั่วครู่ก่อนจะหลับพริ้มเมื่อปลายลิ้นอุ่นจัดกำลังตวัดโลมไล้ปลายลิ้นของเธอจนร่างกายแข็งเกร็งไปกับกระแสบางอย่างที่กำลังวูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย

.....อืม....

เสียงครางที่ดังงึมงำผ่านลำคอระหงออกมาเบาๆ กำลังเพิ่มความรุกร้อนจากริมฝีปากหนาในยามเบียดบดจนเสียงสะท้อนจากแรงอารมณ์ที่เธอไม่เคยสัมผัสเปิดรับกับความร้อนแรงที่ร่างกายกำลังระอุจนแทบระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

....เธอกำลังจะตาย....สัมปชัญญะจากภายในบอกเธอซ้ำไปซ้ำมาเมื่อลมหายใจเข้าออกกำลังกำลังถูกบีบอัดจนตีบตันไปหมด...ดวงตาคู่งามเปิดปรือรพิชาจ้องเปลือกตาที่หลับพริ้มของชายหนุ่มด้วยดวงตาที่พร่าเลือนเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน

หากนี่คือแรงคิดถึงที่ท่วมท้นอยู่ในหัวใจของจีรัชญ์เธอคงหลอมละลายกลายเป็นของเหลว แรงคิดถึงที่ชายหนุ่มกำลังถ่ายทอดออกมาเป็นเหมือนเปลวไฟอันร้อนแรงที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่งให้หลอมละลายด้วยอานุภาพของเปลวเพลิงอันน่าหวาดเกรง....





 

Create Date : 10 เมษายน 2553
1 comments
Last Update : 10 เมษายน 2553 13:18:56 น.
Counter : 500 Pageviews.

 

มาเป็นกำลังใจให้ หายไปนานเลยนะค่ะ

 

โดย: ต่าย IP: 125.231.0.163 10 เมษายน 2553 19:33:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.